เอ้าเร้ว ไอ้รัฐบาลเด็กหัดใหม่ ทำอะไรงุ่มง่าม ไม่ทันการ
ป่านนี้คนติดเชื้อเข้าไปบานตะไท แก้ไม่ตก ฉันมีวิธีแก้มาให้แล้ว
เหมาะกะรัฐบาลเหง้าแตกของแกมา ลองอ่านดู
คอลัมน์
โหราพยากรณ์
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2567 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 19 มิถุนายน 2009
โดย ทวิณัฐ คำพันธ์
ไข้หวัดมรณะ!?
สถานการณ์ การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทยตอนนี้อยู่ในสภาวะที่น่าเป็นห่วงและตื่นตระหนก เพราะนับวันจะมีคนติดเชื้อมากขึ้น ทั้งที่มาตรฐานด้านสาธารณสุขของไทยก็เป็นที่ยอมรับของชาวโลก แต่ทำไมยังตื่นตระหนก
จะว่าไปแล้วมาตรฐานด้านการแพทย์ไทยเป็นที่ยอม รับของต่างชาติมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หู ตา คอ จมูก การศัลยกรรมเพื่อความงาม การบำบัดโรคด้วยวิธีแบบภูมิปัญญาไทย หรือการแพทย์แบบองค์รวมที่ผนวกแพทย์แผนไทย แผนจีน และแผนปัจจุบันเข้าด้วยกัน
อยากถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้องตรงนี้ว่า ท่านลืมวิธีการรักษาโรคแบบไทยๆไปแล้วหรือ ทำไมไม่ลองเอายาสมุนไทยมารักษาดูบ้างล่ะ
บรรดาเชื้อโรคอันนำมาซึ่ง โรคภัยไข้เจ็บในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอหิวาตกโรค เท้าช้าง ชิคุนกุนยา ไข้เลือดออก หรือไข้หวัดใหญ่ที่แพร่ระบาดขณะนี้ ใช่จะเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ในยุคนี้ แต่เมื่อยุคสมัยและสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนไป ทำให้เชื้อโรคเหล่านี้กลับมาเป็นธรรมดา หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักร ซึ่งบรรพบุรุษได้หล่อหลอมภูมิปัญญาความรู้เก็บไว้ตามวัดวาอารามต่างๆ ที่เห็นชัดเจนคือ วัดโพธิ์ท่าเตียน ที่รวบรวมสรรพวิทยาความรู้ต่างๆไว้มากมาย รวมทั้งภูมิปัญญาด้านการแพทย์
ใน มุมมองมิติทางโหราศาสตร์พบที่มาของการระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่าเพราะการทำมุมของดาวสำคัญๆ 3 ดวงคือ ดาวอังคาร (๓) ที่อยู่ในราศีเมษ ซึ่งในกายวิภาคระบบโหราศาสตร์กำหนดให้ราศีเมษเกี่ยวข้องกับอวัยวะที่เกี่ยว กับส่วนของใบหน้า กะโหลกศีรษะ สมอง จมูก ทั้งนี้ ยังได้แบ่งลูกนวางค์ออกเป็น 9 ช่อง ช่องละ 3 องศา 20 ลิปดา แล้วให้ดาวพระเคราะห์ต่างๆเข้าไปครอบครอง ซึ่งเมื่อดาวมาโคจรในลูกนวางค์ใดๆก็ตามย่อมมีผลตามลูกนวางค์ที่ดาว พระเคราะห์นั้นเข้าไปสัมพันธ์
ย้อนกลับไปจะพบว่าการระบาดของโรคไข้ หวัดใหญ่ 2009 เริ่มต้นประมาณวันที่ 15 เมษายน และเริ่มระบาดหนักช่วงวันที่ 20 พฤษภาคม ซึ่งขณะนั้นดาวอังคาร (๓) อยู่ในราศีมีน ใกล้จะย้ายเข้าสู่ราศีเมษ เมื่อนำลัคนาของโลกตั้งไว้ที่ราศีเมษ ดาวอังคาร (๓) ก็จะอยู่ในเรือนวินาศของดวงโลกพอดี ประกอบกับในช่วงที่ดาวอังคาร (๓) ย้ายราศีนั้น เป็นรอยต่อระหว่างฤดูและธาตุสองธาตุคือ ราศีมีนเป็นราศีธาตุน้ำปลายธาตุ และราศีเมษเป็นราศีต้นธาตุไฟ สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าสองธาตุนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
ดังนั้น บุราณจารย์จึงมักจะกล่าวในตำราว่า รอยต่อระหว่างราศีนี้เป็นฤกษ์ขาด ห้ามทำการมงคลใดๆทั้งสิ้น เช่นเดียวกันก็สามารถตอบข้อสงสัยได้อีกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 มาได้อย่างไร
มนุษย์ เป็นสัตว์เลือดอุ่น ร่างกายจึงมีไออุ่น มีความร้อนแผ่ไปตามส่วนต่างๆทั่วร่างกาย สังเกตง่ายๆ เวลาไปนวดตัว หมอนวดจะต้องทำการเปิดประตูลมเสียก่อน ซึ่งประตูลมอยู่ตรงจุดหน้าขาของเรา เมื่อหมอนวดเปิดประตูลมให้แล้วจะรู้สึกว่าเลือดลมมันวิ่งไปที่ปลายเท้า และมีอาการร้อนวูบวาบจากหน้าขาลงไปที่ปลายเท้า นี่คือข้อสังเกตประการหนึ่งที่ว่าในกายมนุษย์มีไออุ่น
หรือเวลาเลือด ไหลออกมาจากบาดแผลใหม่ๆจะรู้สึกเป็นของเหลวก่อน เมื่อเข้ากับอากาศจะจับตัวแข็งเป็นลิ่มเลือด ข้อนี้สันนิษฐานได้ว่าในร่างกายของเรามีไออุ่นเช่นกัน ดังนั้น หนทางการบำบัดและเยียวยาโรคไข้หวัดใหญ่ จะเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือเก่า น่าจะอยู่ในลักษณะเดียวกันคือ ต้องให้ธรรมชาติเป็นตัวบำบัด อย่างแรกคือ การรักษาร่างกายให้อบอุ่น สมุนไพรบางตัวอาจช่วยได้ เช่น เวลาเป็นไข้จะใช้ฟ้าทะลายโจรไปป่นเป็นผงแล้วดื่มลดอาการไข้ หรือหลีกเลี่ยงอาหารรสเย็นจัด หรืออยู่ในอุณหภูมิเย็นจัด ในห้องแอร์ หรือเป่าพัดลมแบบจ่อ ถือเป็นเรื่องที่แสลงต่อโรคเป็นอย่างยิ่ง
ปัจจัย การเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ครั้งนี้จึงเกิดจากอิทธิพลของดาวเสาร์ (๗) ในราศีสิงห์ ทำมุมขนานกับดาวพระเคราะห์น้อยพลูโตในราศีธนู สังเกตได้ว่าดาวสองดวงนี้อยู่ในราศีธาตุไฟทั้งสิ้น คือราศีสิงห์เป็นราศีธาตุไฟกลางธาตุ และราศีธนูเป็นราศีธาตุไฟปลายธาตุ ราศีสิงห์กุมอวัยวะที่เกี่ยวกับระบบภายในช่องท้อง ส่วนราศีธนูกุมอยู่ที่บริเวณขาหนีบเรื่อยไปจนถึงบริเวณเกือบถึงหัวเข่า ดังนั้น สัญญาณที่ชัดเจนเรื่องนี้คือ อาการรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ จุกแน่นที่ชายโครง ท้องอืด และปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว
ในขณะที่ดาว เสาร์ (๗) ดาวพลูโต (พ) ได้ส่งกระแสไปยังดาวเนปจูน (น) ที่อยู่ในราศีกุมภ์ ในมุมที่มีแรงเอื้อมส่งผลถึงกัน ซึ่งราศีกุมภ์นี้เป็นราศีปลายธาตุลม หมายถึงลมที่พัดแบบเอื่อยๆ ช้าๆ ไม่รุนแรง ดังนั้น ถ้าจะให้สันนิษฐานโรคแบบโหราศาสตร์ก็จะได้คำตอบว่า โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เกิดเพราะความผิดปรกติของอุณหภูมิ และอาจแพร่กระจายไปประเทศที่มีภูมิประเทศแบบร้อนชื้น เช่น ในเอเชีย หรือกลุ่มประเทศที่กำลังเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนแปลงฤดูกาล
ลองนำ น้ำ ฝนมาตรวจดูว่ามีปริมาณสารพิษเจือปนอยู่มากน้อยเพียงใด เพราะโรคนี้เกิดขึ้นที่ราศีมีนซึ่งเป็นราศีปลายธาตุน้ำ แนวทางการรักษาอาจไม่ต้องใช้ยาสมัยใหม่ อาจนำเอาภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยเข้ามาจัดการได้ เพราะดาวเสาร์ (๗) หมายถึงของเก่าและคนแก่ๆ ที่ตีความหมายได้ว่า ควรเอาภูมิปัญญาโบราณมาปรับใช้ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และเชื่อว่าหลังจากดาวอังคาร (๓) ย้ายจากราศีเมษสู่ราศีพฤษภในวันที่ 5 กรกฎาคมแล้ว ไข้หวัดใหญ่ 2009 น่าจะหมดไปจากเมืองไทย มิใช่จะระบาดหนักอย่างที่คาดไว้แน่นอน…ทุบโต๊ะ
โหราพยากรณ์
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2567 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 19 มิถุนายน 2009
โดย ทวิณัฐ คำพันธ์
ไข้หวัดมรณะ!?
สถานการณ์ การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทยตอนนี้อยู่ในสภาวะที่น่าเป็นห่วงและตื่นตระหนก เพราะนับวันจะมีคนติดเชื้อมากขึ้น ทั้งที่มาตรฐานด้านสาธารณสุขของไทยก็เป็นที่ยอมรับของชาวโลก แต่ทำไมยังตื่นตระหนก
จะว่าไปแล้วมาตรฐานด้านการแพทย์ไทยเป็นที่ยอม รับของต่างชาติมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หู ตา คอ จมูก การศัลยกรรมเพื่อความงาม การบำบัดโรคด้วยวิธีแบบภูมิปัญญาไทย หรือการแพทย์แบบองค์รวมที่ผนวกแพทย์แผนไทย แผนจีน และแผนปัจจุบันเข้าด้วยกัน
อยากถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้องตรงนี้ว่า ท่านลืมวิธีการรักษาโรคแบบไทยๆไปแล้วหรือ ทำไมไม่ลองเอายาสมุนไทยมารักษาดูบ้างล่ะ
บรรดาเชื้อโรคอันนำมาซึ่ง โรคภัยไข้เจ็บในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอหิวาตกโรค เท้าช้าง ชิคุนกุนยา ไข้เลือดออก หรือไข้หวัดใหญ่ที่แพร่ระบาดขณะนี้ ใช่จะเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ในยุคนี้ แต่เมื่อยุคสมัยและสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนไป ทำให้เชื้อโรคเหล่านี้กลับมาเป็นธรรมดา หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักร ซึ่งบรรพบุรุษได้หล่อหลอมภูมิปัญญาความรู้เก็บไว้ตามวัดวาอารามต่างๆ ที่เห็นชัดเจนคือ วัดโพธิ์ท่าเตียน ที่รวบรวมสรรพวิทยาความรู้ต่างๆไว้มากมาย รวมทั้งภูมิปัญญาด้านการแพทย์
ใน มุมมองมิติทางโหราศาสตร์พบที่มาของการระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่าเพราะการทำมุมของดาวสำคัญๆ 3 ดวงคือ ดาวอังคาร (๓) ที่อยู่ในราศีเมษ ซึ่งในกายวิภาคระบบโหราศาสตร์กำหนดให้ราศีเมษเกี่ยวข้องกับอวัยวะที่เกี่ยว กับส่วนของใบหน้า กะโหลกศีรษะ สมอง จมูก ทั้งนี้ ยังได้แบ่งลูกนวางค์ออกเป็น 9 ช่อง ช่องละ 3 องศา 20 ลิปดา แล้วให้ดาวพระเคราะห์ต่างๆเข้าไปครอบครอง ซึ่งเมื่อดาวมาโคจรในลูกนวางค์ใดๆก็ตามย่อมมีผลตามลูกนวางค์ที่ดาว พระเคราะห์นั้นเข้าไปสัมพันธ์
ย้อนกลับไปจะพบว่าการระบาดของโรคไข้ หวัดใหญ่ 2009 เริ่มต้นประมาณวันที่ 15 เมษายน และเริ่มระบาดหนักช่วงวันที่ 20 พฤษภาคม ซึ่งขณะนั้นดาวอังคาร (๓) อยู่ในราศีมีน ใกล้จะย้ายเข้าสู่ราศีเมษ เมื่อนำลัคนาของโลกตั้งไว้ที่ราศีเมษ ดาวอังคาร (๓) ก็จะอยู่ในเรือนวินาศของดวงโลกพอดี ประกอบกับในช่วงที่ดาวอังคาร (๓) ย้ายราศีนั้น เป็นรอยต่อระหว่างฤดูและธาตุสองธาตุคือ ราศีมีนเป็นราศีธาตุน้ำปลายธาตุ และราศีเมษเป็นราศีต้นธาตุไฟ สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าสองธาตุนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
ดังนั้น บุราณจารย์จึงมักจะกล่าวในตำราว่า รอยต่อระหว่างราศีนี้เป็นฤกษ์ขาด ห้ามทำการมงคลใดๆทั้งสิ้น เช่นเดียวกันก็สามารถตอบข้อสงสัยได้อีกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 มาได้อย่างไร
มนุษย์ เป็นสัตว์เลือดอุ่น ร่างกายจึงมีไออุ่น มีความร้อนแผ่ไปตามส่วนต่างๆทั่วร่างกาย สังเกตง่ายๆ เวลาไปนวดตัว หมอนวดจะต้องทำการเปิดประตูลมเสียก่อน ซึ่งประตูลมอยู่ตรงจุดหน้าขาของเรา เมื่อหมอนวดเปิดประตูลมให้แล้วจะรู้สึกว่าเลือดลมมันวิ่งไปที่ปลายเท้า และมีอาการร้อนวูบวาบจากหน้าขาลงไปที่ปลายเท้า นี่คือข้อสังเกตประการหนึ่งที่ว่าในกายมนุษย์มีไออุ่น
หรือเวลาเลือด ไหลออกมาจากบาดแผลใหม่ๆจะรู้สึกเป็นของเหลวก่อน เมื่อเข้ากับอากาศจะจับตัวแข็งเป็นลิ่มเลือด ข้อนี้สันนิษฐานได้ว่าในร่างกายของเรามีไออุ่นเช่นกัน ดังนั้น หนทางการบำบัดและเยียวยาโรคไข้หวัดใหญ่ จะเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือเก่า น่าจะอยู่ในลักษณะเดียวกันคือ ต้องให้ธรรมชาติเป็นตัวบำบัด อย่างแรกคือ การรักษาร่างกายให้อบอุ่น สมุนไพรบางตัวอาจช่วยได้ เช่น เวลาเป็นไข้จะใช้ฟ้าทะลายโจรไปป่นเป็นผงแล้วดื่มลดอาการไข้ หรือหลีกเลี่ยงอาหารรสเย็นจัด หรืออยู่ในอุณหภูมิเย็นจัด ในห้องแอร์ หรือเป่าพัดลมแบบจ่อ ถือเป็นเรื่องที่แสลงต่อโรคเป็นอย่างยิ่ง
ปัจจัย การเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ครั้งนี้จึงเกิดจากอิทธิพลของดาวเสาร์ (๗) ในราศีสิงห์ ทำมุมขนานกับดาวพระเคราะห์น้อยพลูโตในราศีธนู สังเกตได้ว่าดาวสองดวงนี้อยู่ในราศีธาตุไฟทั้งสิ้น คือราศีสิงห์เป็นราศีธาตุไฟกลางธาตุ และราศีธนูเป็นราศีธาตุไฟปลายธาตุ ราศีสิงห์กุมอวัยวะที่เกี่ยวกับระบบภายในช่องท้อง ส่วนราศีธนูกุมอยู่ที่บริเวณขาหนีบเรื่อยไปจนถึงบริเวณเกือบถึงหัวเข่า ดังนั้น สัญญาณที่ชัดเจนเรื่องนี้คือ อาการรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ จุกแน่นที่ชายโครง ท้องอืด และปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว
ในขณะที่ดาว เสาร์ (๗) ดาวพลูโต (พ) ได้ส่งกระแสไปยังดาวเนปจูน (น) ที่อยู่ในราศีกุมภ์ ในมุมที่มีแรงเอื้อมส่งผลถึงกัน ซึ่งราศีกุมภ์นี้เป็นราศีปลายธาตุลม หมายถึงลมที่พัดแบบเอื่อยๆ ช้าๆ ไม่รุนแรง ดังนั้น ถ้าจะให้สันนิษฐานโรคแบบโหราศาสตร์ก็จะได้คำตอบว่า โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เกิดเพราะความผิดปรกติของอุณหภูมิ และอาจแพร่กระจายไปประเทศที่มีภูมิประเทศแบบร้อนชื้น เช่น ในเอเชีย หรือกลุ่มประเทศที่กำลังเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนแปลงฤดูกาล
ลองนำ น้ำ ฝนมาตรวจดูว่ามีปริมาณสารพิษเจือปนอยู่มากน้อยเพียงใด เพราะโรคนี้เกิดขึ้นที่ราศีมีนซึ่งเป็นราศีปลายธาตุน้ำ แนวทางการรักษาอาจไม่ต้องใช้ยาสมัยใหม่ อาจนำเอาภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยเข้ามาจัดการได้ เพราะดาวเสาร์ (๗) หมายถึงของเก่าและคนแก่ๆ ที่ตีความหมายได้ว่า ควรเอาภูมิปัญญาโบราณมาปรับใช้ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และเชื่อว่าหลังจากดาวอังคาร (๓) ย้ายจากราศีเมษสู่ราศีพฤษภในวันที่ 5 กรกฎาคมแล้ว ไข้หวัดใหญ่ 2009 น่าจะหมดไปจากเมืองไทย มิใช่จะระบาดหนักอย่างที่คาดไว้แน่นอน…ทุบโต๊ะ
เอานะ แกไม่มีปัญญาทำอะไรได้แล้วนี่ ลองตรวจดวงดูก็แล้วกัน แต่เอ เท่าที่อ่านดู
เขาว่าต้องรู้ว่าโรคเกิดในราศีอะไร เง่าๆอย่างแกจะรู้ไหมเนี่ย เกิดเอาเวลาตกฟากผิดมา
คำนวณ แทนที่จะหายกลับทำให้โรคระบาดหนักขึ้นอีกน่ะนา
ทางที่ดี แกลาออกหรือยุบสภา เป็นการแก้เคล็ดก่อนดีกว่านะ
ถือเป็นการเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม หึหึ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น