การเดินทางไปบุรีรัมย์ นัยว่าเพื่อแสดงแสนยานุภาพว่าสามารถ
เดินทางไปไหนต่อไหนได้ทั่วประเทศ ได้ผลเกินคาด เพราะภาพ
ที่ปรากฎคือนาโย้กใส่เสื้อเกราะ นั่งรถกันกระสุน มีกองทัพคนอารักขา
4-5พันนาย ไม่นับรวมถึงเสื้อน้ำเงิน(ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนแน่)อีกนับพัน
บนท้องฟ้ามีหน่วยรักษาความปลอดภัยจากอากาศโยธินอีกเป็นฝูง
การแสดงแสนยานุภาพครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง
เพราะตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศนี้ไม่ปลอดภัย ไม่ปลอดภัยไม่ว่า
กับใครทั้งนั้น ก็ดูเถิดแม้แต่นาโย้ก ลงพื้นที่ ยังต้องมีกองกำลัง
ขนาดนี้คุ้มครอง หากคุณเป็นนักท่องเที่ยว ถามจริงๆคุณจะกล้ามา
เที่ยวประเทศนี้ไหม เรื่องการเมือง คนเขาไม่สนใจอยู่แล้ว
นักท่องเที่ยวต่างแดน เขาสนใจแต่ว่าประเทศที่จะไปนั้น มีความ
ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินแค่ไหน ก็ขนาดนาโย้กยังไม่มั่นใจ
ขนาดนี้ ใครเขาจะไปมั่นใจเล่า
ยิ่งการประชุมร.ม.ต. อาเซี่ยนที่จะจัดที่ภูเก็ต และมีการประกาศใช้
พ.ร.บ.ความมั่นคงเข้าไปอีก น่าสนใจไม่น้อย เมืองท่องเที่ยวแต่มี
ทหารเต็มพื้นที่ คงสร้างความอบุ่นให้นักท่องเที่ยวดีพิลึก
คราวที่แล้ว ปิดสนามบิน ทหารไม่ได้ทำหน้าที่เลย เขาคงสงสัยว่า
คราวที่แล้วคงเป็นบทเรียน คงจะมีการปิดสนามบินอีกละมั้งเนี่ยถึง
ได้ใช้มาตรการนี้ ดีจริงๆค่ะ ข่าวยิ่งออกไป การท่องเที่ยวยิ่งทรุด
ยิ่งมาเจอไข้หวัดเข้าไปอีก ดูไม่จืดจริงๆ
การท่องเที่ยวเป็นหนทางเดียวที่จะหาเงินเข้าประเทศได้ง่ายที่สุด
ลงทุนน้อยที่สุดด้วย เพราะไม่ต้องใช้ต้นทุนในการผลิต ไม่ต้องเสีย
ค่าขนส่ง เพียงแต่จัดการให้ดี นักท่องเที่ยวเขาก็เอาเงินมาให้ถึงที่
นี่ก็ออกข่าวว่าจะไปเชียงใหม่อีก หลังจากทำลายทางอิสาน และทางใต้
เรียบร้อยไปแล้ว คราวนี้จึงเดินทางมาทำลายต่อแถวทางเหนือ รู้ทั้งรู้
ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง ลงไปแล้วต้องเดือดร้อนแน่ แต่ก็อยากไป ไปเพื่อจะ
ได้แสดงแสนยานุภาพอีก เยี่ยมจริงๆ เรามีนาโย้กที่ตอนเกิดคงขาด
อ๊อกซิเจนอย่างแรง ประกอบกับมีกุนซือ ซื่อบื้อ นาโย้กไทยเลยเร่ง
ทำลายประเทศไปเรื่อยๆ
การไม่ไปไหนเลย และยอมรับออกมาตรงๆว่ากลัว ก็ยังดีเสียกว่า
นั่งทำผลงานอยู่ที่ทำเนียบนั่นแหละ แต่ทำให้มันจริงจัง มีผลงาน
เป็นรูปธรรมให้คนเขาจับต้องได้ อีกหน่อยเขาอาจจะเอ็นดู ให้การ
ต้อนรับบ้างก็ได้ ดีกว่าการออกไปสร้างภาพ กวนตีนชาวบ้านเป็นไหนๆ
แต่อย่างว่าล่ะนะ สมองไม่มีคิดเองไม่ได้ ไหนเลยจะเฉลียวใจว่า
กำลังถูกเขาหลอกเอามาฆ่าให้สิ้นชื่อทางการเมือง เสียตั้งแต่อายุ
ยังน้อย เชื่อได้เลยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายจริงๆ
ที่จะมีชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย
เพราะดันแท้งเสียตั้งแต่อายุทางการเมืองไม่มาก ความเลวร้าย
ที่ทำไว้กับประเทศก็มีมากมายเสียจนคนเขาต้องจดจำ
อยู่ให้สบายเถิดนะ แกคงมีเวลาเสวยสุขบนความทุกข์ของประเทศ
อีกไม่นานนักหรอก และวันที่ลงจากตำแหน่งไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด
นั่นก็เป็นวันที่แกจะฝังชื่อและตระกูลของแกในประเทศนี้ไปจนชั่วกาลปาวสานต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น