คอลัมน์
โลกไม่หยุดนิ่ง
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2556 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 4 มิถุนายน 2009
โดย ณ สันมหาพล
ความสำเร็จของซีอิ๊วคิคโคแมน
ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อ ซีอิ๊วคิคโคแมนเป็นสินค้าที่มีคนรู้จักทั่วโลกพอๆกับสินค้าญี่ปุ่นอย่างรถ ยนต์โตโยต้าและกล้องถ่ายรูปแคนอน ความสำเร็จเช่นนี้มีจุดเริ่มต้นที่งานแสดงสินค้านานาชาติแห่งชิคาโกปี 2510 ซึ่งคิคโคแมนได้ไปเปิดซุ้มแสดง
และถือโอกาสช่วงนั้นศึกษาพฤติกรรมการ บริโภคซีอิ๊วของคนอเมริกัน ด้วยการให้พนักงานแจกเนื้อย่างที่ปรุงรสด้วยซีอิ๊วบริษัทเพื่อดูปฏิกิริยา ในบรรดาพนักงานเหล่านั้นมีทายาทเจ้าของรวมอยู่ด้วย เขาชื่อยูซาบูโร โมกิ และเขาผู้นี้ต่อมาคือผู้ผลักดันให้คิคโคแมนกลายเป็นสินค้าที่มีคนนิยมใช้ ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในญี่ปุ่น
วิธีการทำให้ซีอิ๊วสอดแทรกตัวเองเข้า ไป อาหารท้องถิ่น ซึ่งสำหรับอเมริกาได้แก่เนื้อย่างที่เป็นอาหารประจำวัน โดยเฉพาะแฮมเบอร์เกอร์ที่ขณะนั้นยังทำกินเองในบ้าน มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนอเมริกันเหยาะซีอิ๊วคิคโคแมนลงบนเนื้อบดก่อนจะ นำไปย่าง จนทุกวันนี้ซีอิ๊วยี่ห้อนี้กลายเป็นเครื่องปรุงแฮมเบอร์เกอร์ที่ขาดไม่ได้
ตาม ด้วยการออกซีอิ๊วสำหรับราดบนเนื้อที่ย่างที่ได้กลายเป็นของติดครัวคน อเมริกันเช่นกัน แต่ไม่ใช่เพียงการหากินกับซีอิ๊วเท่านั้นที่คิคโคแมนสนใจ ระยะนั้นการแพร่หลายของร้านอาหารเอเชียในสหรัฐอเมริกากำลังเริ่ม เพื่อใช้ความรู้ทางการตลาดที่มี เปิดกิจการขายส่งวัตถุดิบปรุงอาหารเอเชียในประเทศนี้ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นกิจการใหญ่ไม่แพ้ซีอิ๊ว หลังมีการขยายไปยังยุโรป จีน และออสเตรเลีย
ส่วนในทวีปเอเชียคิคโคแมนเลือกขยายกิจการด้วยการขาย ผัก และผลไม้กระป๋องภายใต้ยี่ห้อเดลมอนเต้ และการเป็นผู้บรรจุขวดน้ำอัดลมโคคา-โคล่าในญี่ปุ่น ซึ่งการทำเช่นนี้ทำให้ปัจจุบันคิคโคแมนเป็นบริษัทที่มียอดขายปีละ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในวงเงินนี้เพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มาจากซีอิ๊ว
วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังกระหน่ำโลก ส่งผลกระทบมากต่อคิกโคแมน เนื่องจากต้องพึ่งรายได้จากการขายในต่างประเทศถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยรายได้ส่วนนี้ยังเป็นผลกำไรถึง 55 เปอร์เซ็นต์ เพื่อแก้ปัญหา คิคโคแมนกำลังพยายามออกซีอิ๊วชนิดใหม่สำหรับให้คนยุโรปและอเมริกาใต้เหยาะลง บนข้าวก่อนรับประทาน
แต่ที่น่าสนใจกว่าเห็นจะเป็นการผลักดันซีอิ๊ว ของ ตนให้เป็นซีอิ๊วสำหรับคนชั้นสูงในจีน หลังข้อมูลการตลาดระบุว่าซีอิ๊วที่ขายในจีนส่วนมากมีการปลอมปน ยิ่งกว่านั้นยังหมักด้วยการใช้สารเร่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นคิคโคแมนกำลังโปรโมตซีอิ๊วในฐานะอาหารธรรมชาติ เพื่อเกาะกระแสที่คนกำลังตื่นตัวกับการกินอาหารธรรมชาติ
อาจกล่าวได้ ว่าขณะนี้กิจการคิคโคแมนแข็งแกร่งมากจากฝีมือบริหารของทายาทดังกล่าว หลังก้าวขึ้นตำแหน่งสูงสุดในปี 2538 ยูซาบูโร โมกิ ได้ปรับปรุงโครงสร้างพนักงานเพื่อให้บริษัทมีการบริหารโดยคนนอกตระกูล และทำสำเร็จเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ล่าสุดในเดือนมกราคมเขายังดำเนินการ เพื่อให้บริษัทคิคโคแมนทำกิจการเพียงการเป็นผู้ถือหุ้น ไม่เข้าไปบริหารบริษัทในเครือโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้แม้จะมีเหตุผลหลักเพื่อให้บริษัทในเครือมีการบริหารที่เป็น เอกเทศ แต่มีอีกเหตุผลเพื่อเตรียมคิคโคแมนให้พร้อมสำหรับการเข้าไปซื้อบริษัทต่าง ชาติเพื่อขยายกิจการ
เพราะนี่เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ไม่เคยอิดเอื้อน ที่ จะซื้อบริษัทไม่ว่าชาติใด และสถานการณ์ในขณะนี้กำลังเอื้อเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการซื้อบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจอาหาร
โลกไม่หยุดนิ่ง
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2556 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 4 มิถุนายน 2009
โดย ณ สันมหาพล
ความสำเร็จของซีอิ๊วคิคโคแมน
ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อ ซีอิ๊วคิคโคแมนเป็นสินค้าที่มีคนรู้จักทั่วโลกพอๆกับสินค้าญี่ปุ่นอย่างรถ ยนต์โตโยต้าและกล้องถ่ายรูปแคนอน ความสำเร็จเช่นนี้มีจุดเริ่มต้นที่งานแสดงสินค้านานาชาติแห่งชิคาโกปี 2510 ซึ่งคิคโคแมนได้ไปเปิดซุ้มแสดง
และถือโอกาสช่วงนั้นศึกษาพฤติกรรมการ บริโภคซีอิ๊วของคนอเมริกัน ด้วยการให้พนักงานแจกเนื้อย่างที่ปรุงรสด้วยซีอิ๊วบริษัทเพื่อดูปฏิกิริยา ในบรรดาพนักงานเหล่านั้นมีทายาทเจ้าของรวมอยู่ด้วย เขาชื่อยูซาบูโร โมกิ และเขาผู้นี้ต่อมาคือผู้ผลักดันให้คิคโคแมนกลายเป็นสินค้าที่มีคนนิยมใช้ ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในญี่ปุ่น
วิธีการทำให้ซีอิ๊วสอดแทรกตัวเองเข้า ไป อาหารท้องถิ่น ซึ่งสำหรับอเมริกาได้แก่เนื้อย่างที่เป็นอาหารประจำวัน โดยเฉพาะแฮมเบอร์เกอร์ที่ขณะนั้นยังทำกินเองในบ้าน มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนอเมริกันเหยาะซีอิ๊วคิคโคแมนลงบนเนื้อบดก่อนจะ นำไปย่าง จนทุกวันนี้ซีอิ๊วยี่ห้อนี้กลายเป็นเครื่องปรุงแฮมเบอร์เกอร์ที่ขาดไม่ได้
ตาม ด้วยการออกซีอิ๊วสำหรับราดบนเนื้อที่ย่างที่ได้กลายเป็นของติดครัวคน อเมริกันเช่นกัน แต่ไม่ใช่เพียงการหากินกับซีอิ๊วเท่านั้นที่คิคโคแมนสนใจ ระยะนั้นการแพร่หลายของร้านอาหารเอเชียในสหรัฐอเมริกากำลังเริ่ม เพื่อใช้ความรู้ทางการตลาดที่มี เปิดกิจการขายส่งวัตถุดิบปรุงอาหารเอเชียในประเทศนี้ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นกิจการใหญ่ไม่แพ้ซีอิ๊ว หลังมีการขยายไปยังยุโรป จีน และออสเตรเลีย
ส่วนในทวีปเอเชียคิคโคแมนเลือกขยายกิจการด้วยการขาย ผัก และผลไม้กระป๋องภายใต้ยี่ห้อเดลมอนเต้ และการเป็นผู้บรรจุขวดน้ำอัดลมโคคา-โคล่าในญี่ปุ่น ซึ่งการทำเช่นนี้ทำให้ปัจจุบันคิคโคแมนเป็นบริษัทที่มียอดขายปีละ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในวงเงินนี้เพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มาจากซีอิ๊ว
วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังกระหน่ำโลก ส่งผลกระทบมากต่อคิกโคแมน เนื่องจากต้องพึ่งรายได้จากการขายในต่างประเทศถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยรายได้ส่วนนี้ยังเป็นผลกำไรถึง 55 เปอร์เซ็นต์ เพื่อแก้ปัญหา คิคโคแมนกำลังพยายามออกซีอิ๊วชนิดใหม่สำหรับให้คนยุโรปและอเมริกาใต้เหยาะลง บนข้าวก่อนรับประทาน
แต่ที่น่าสนใจกว่าเห็นจะเป็นการผลักดันซีอิ๊ว ของ ตนให้เป็นซีอิ๊วสำหรับคนชั้นสูงในจีน หลังข้อมูลการตลาดระบุว่าซีอิ๊วที่ขายในจีนส่วนมากมีการปลอมปน ยิ่งกว่านั้นยังหมักด้วยการใช้สารเร่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นคิคโคแมนกำลังโปรโมตซีอิ๊วในฐานะอาหารธรรมชาติ เพื่อเกาะกระแสที่คนกำลังตื่นตัวกับการกินอาหารธรรมชาติ
อาจกล่าวได้ ว่าขณะนี้กิจการคิคโคแมนแข็งแกร่งมากจากฝีมือบริหารของทายาทดังกล่าว หลังก้าวขึ้นตำแหน่งสูงสุดในปี 2538 ยูซาบูโร โมกิ ได้ปรับปรุงโครงสร้างพนักงานเพื่อให้บริษัทมีการบริหารโดยคนนอกตระกูล และทำสำเร็จเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ล่าสุดในเดือนมกราคมเขายังดำเนินการ เพื่อให้บริษัทคิคโคแมนทำกิจการเพียงการเป็นผู้ถือหุ้น ไม่เข้าไปบริหารบริษัทในเครือโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้แม้จะมีเหตุผลหลักเพื่อให้บริษัทในเครือมีการบริหารที่เป็น เอกเทศ แต่มีอีกเหตุผลเพื่อเตรียมคิคโคแมนให้พร้อมสำหรับการเข้าไปซื้อบริษัทต่าง ชาติเพื่อขยายกิจการ
เพราะนี่เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ไม่เคยอิดเอื้อน ที่ จะซื้อบริษัทไม่ว่าชาติใด และสถานการณ์ในขณะนี้กำลังเอื้อเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการซื้อบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจอาหาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น