เมื่อไม่นานมานี้ คงจำได้ว่ามีการสั่งศาลทหาร
ว่าเป็นศาลธหารต้องมีความกล้าหาญด้วย
ยังงงอยู่ตั้งนานว่ามีคดีอะไรขึ้นศาลทหารหนอ
จนเพิ่งถึงบางอ้อ เอาวันนี้ เมื่อมีการพิพากษา
คดีคาร์บอมบ์ออกมาดังนี้ค่ะ
ศาลทหารยกฟ้องคดี "คาร์บอมบ์ทักษิณ" ตัดสินโทษคุก 6 ปี
ปรับ 4 พันบาทโทษฐานครอบครอง-เคลื่อนย้ายวัตถุระเบิด เครื่องยุทธภัณฑ์
ขณะที่ลดโทษ "รท.ธวัชชัย" เหตุให้การเป็นประโยชน์...
จำเลย ทั้ง 3 ตกเป็นผู้ต้องหาใน 6 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานของรัฐ 3.ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาต 5.ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารทางราชการ และ 6.ซ่องโจรจากกรณีที่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2549 หน่วยรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ พบรถเก๋งยี่ห้อแดวู สีบรอนซ์เงินทะเบียน ฐฉ-3085 กทม. จอดอยู่บริเวณข้างสะพานข้ามแยกบางพลัด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องผ่านจากบ้านพักไปทำงาน หน่วย รปภ.จึงประสานกับหน่วยอรินทราช 191 และตำรวจท้องที่เฝ้าดู และไม่นานจากนั้น พบชายคนหนึ่งเดินลิ่วๆมาขึ้นรถและขับออกจากจุด ตำรวจได้เข้าจับกุมและตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว พบระเบิดทีเอ็นทีและซีโฟร์ ผูกติดกันไว้ ที่กระโปรงท้ายมีถังแกลลอนน้ำมันเครื่องสีเขียวและสีดำขนาด 5 ลิตรบรรจุน้ำมันเบนซินผสมปุ๋ยยูเรียจำนวน 7 แกลลอน และที่วางเท้าอีก 6 แกลลอน รวมทั้งยังพบแผงวงจรที่เบรกมือด้วย
โดยคณะตุลาการอ่านคำ พิพากษาระบุว่า จากคำให้การของพยานสรุปว่า จำเลยทั้งสามได้บังอาจนำวัตถุระเบิดมาประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องติดในรถ ยนต์ และมีการเชื่อมต่อระบบวงจรครบถ้วน ซึ่งสามารถที่จะระเบิดสังหารบุคคลหรือทำอันตรายให้แก่บุคคลอื่นถึงแก่ความ ตายได้ โดยใช้คลื่นวิทยุส่งสัญญาณเป็นเครื่องจุดวัตถุระเบิด โดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการเงินให้จำเลยที่ 2 จัดหาและประกอบวัตถุระเบิด และให้จำเลยที่ 1 ขับรถออกจาก กอ.รมน. ไปยังบริเวณใต้สะพานแยกบางพลัดในวันที่ 24 ส.ค. 2549 ซึ่งจำเลยทั้งสามได้กระทำการโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะไม่พอใจจากการะทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่มีเหตุขัดข้องที่เครื่องส่งสัญญาณจึงไม่อาจจุดระเบิดได้
ส่วน ข้อหาพยายามฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ จากคำให้การของพยานไม่อาจมีหลักฐานบ่งชี้ได้ จึงไม่สามารถรับการลงโทษได้ จึงให้ยกฟ้องข้อหานี้ และข้อหาอื่น
ปรับ 4 พันบาทโทษฐานครอบครอง-เคลื่อนย้ายวัตถุระเบิด เครื่องยุทธภัณฑ์
ขณะที่ลดโทษ "รท.ธวัชชัย" เหตุให้การเป็นประโยชน์...
จำเลย ทั้ง 3 ตกเป็นผู้ต้องหาใน 6 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานของรัฐ 3.ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาต 5.ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารทางราชการ และ 6.ซ่องโจรจากกรณีที่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2549 หน่วยรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ พบรถเก๋งยี่ห้อแดวู สีบรอนซ์เงินทะเบียน ฐฉ-3085 กทม. จอดอยู่บริเวณข้างสะพานข้ามแยกบางพลัด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องผ่านจากบ้านพักไปทำงาน หน่วย รปภ.จึงประสานกับหน่วยอรินทราช 191 และตำรวจท้องที่เฝ้าดู และไม่นานจากนั้น พบชายคนหนึ่งเดินลิ่วๆมาขึ้นรถและขับออกจากจุด ตำรวจได้เข้าจับกุมและตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว พบระเบิดทีเอ็นทีและซีโฟร์ ผูกติดกันไว้ ที่กระโปรงท้ายมีถังแกลลอนน้ำมันเครื่องสีเขียวและสีดำขนาด 5 ลิตรบรรจุน้ำมันเบนซินผสมปุ๋ยยูเรียจำนวน 7 แกลลอน และที่วางเท้าอีก 6 แกลลอน รวมทั้งยังพบแผงวงจรที่เบรกมือด้วย
โดยคณะตุลาการอ่านคำ พิพากษาระบุว่า จากคำให้การของพยานสรุปว่า จำเลยทั้งสามได้บังอาจนำวัตถุระเบิดมาประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องติดในรถ ยนต์ และมีการเชื่อมต่อระบบวงจรครบถ้วน ซึ่งสามารถที่จะระเบิดสังหารบุคคลหรือทำอันตรายให้แก่บุคคลอื่นถึงแก่ความ ตายได้ โดยใช้คลื่นวิทยุส่งสัญญาณเป็นเครื่องจุดวัตถุระเบิด โดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการเงินให้จำเลยที่ 2 จัดหาและประกอบวัตถุระเบิด และให้จำเลยที่ 1 ขับรถออกจาก กอ.รมน. ไปยังบริเวณใต้สะพานแยกบางพลัดในวันที่ 24 ส.ค. 2549 ซึ่งจำเลยทั้งสามได้กระทำการโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะไม่พอใจจากการะทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่มีเหตุขัดข้องที่เครื่องส่งสัญญาณจึงไม่อาจจุดระเบิดได้
ส่วน ข้อหาพยายามฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ จากคำให้การของพยานไม่อาจมีหลักฐานบ่งชี้ได้ จึงไม่สามารถรับการลงโทษได้ จึงให้ยกฟ้องข้อหานี้ และข้อหาอื่น
คำพิพากษยาวนะคะ เพราะอ่านกันตั้ง 2 ชั่วโมง สรุปได้เท่าที่เห็นนั่นแหละค่ะ
คือผิดจริง มีระเบิดจริง เอามาจอดไว้จริง เพียงแต่มันยังไม่ระเบิดแล้วมาถูกจับ
ได้เสียก่อน จึงยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่า
เอ่อ ประเทศนี้ แปลกนะคะ ทำงานไม่สำเร็จ เกิดเหตุขัดข้อง ยกประโยชน์ให้จำเลย
ไปเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่ ทุกอย่างมีจริงหมด ทำจริงหมด เพียงแต่มันไม่ได้ระเบิด
เท่านั้นเอง คิดดูสิคะ ถ้าไม่คิดจะเอาไประเบิดฆ่านายกฯ จำเลยมันจะแบกไปทำไมไม่ทราบ
เอาไปจอดในรัศมีทำการทำไม
เบื่อประเทศนี้จริงๆ เป็นเสียอย่างนี้มันทุกหน่วย ทุกที่ แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร ไอ้ที่ผิดแน่ๆ
บางทีส่งฟ้องแล้วยังไปดึงเรื่องออกอ้างเพื่อความสมานฉันท์ ไอ้ที่ไม่ผิดหาช่องทางเอาผิดมัน
ให้ได้ เพราะไม่ใช่พวกตัว แล้วอย่างนี้มันจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น