ความหมายจากวิกิพีเดียคือ"เด็กที่เกิดขึ้นระหว่างที่แม่เป็นทาสของนายทาส
ทาสชนิดนี้ไม่สามารถไถ่ถอนตนเองได้" อ่านแล้วสะท้อนใจนะคะ ไม่น่าเชื่อ
ครั้งหนึ่งในประเทศที่อ้างว่านับถือพุทธศาสนา เรากลับแสดงความเป็นเจ้าเข้า
เจ้าของชีวิตของคนอื่น
พระพุทธเจ้าสอนว่า ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ชีวิตร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา
เราไม่มีทางรักษาเอาไว้ได้ แม้จะพยายามสักเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งเดียวที่จะ
เป็นของเราตลอดไปทุกภพทุกชาติ คือบาป-บุญ ซึ่งก็ไม่มีใครเอาไปได้เหมือนกัน
แม้แต่เอาไปยกให้กันก็ไม่ได้ การเอาบุญไปให้เขา หรือโยนบาปไปให้ ย่อมเป็นไป
ไม่ได้ ทำอะไรไว้ กรรมนั้นย่อมตกถึงตัว
กลับมาเรื่องทาสในเรือนเบี้ย โอ้โฮ เป็นทาสชนิดเดียวที่ไม่สามารถไถ่ถอนได้ หมายความว่า
ต้องตกเป็นทาสไปตลอดชีวิต คงเหมือนคนไทยมั้ง ที่เกิดอยู่ในเรือน เลยกลายเป็น
ทาสในเรือนเบี้ย ตกอยู่ในภาวะลำบาก ต่อให้มีเงินมีทอง ก็ไม่อาจไถ่ถอนตัวเองได้
แต่ที่น่าสนใจคือ เมื่อเราเป็นทาส อยู่ในเรือนของนาย เขาจะใช้จะทุบตีอย่างไร
ก็ทำได้ ตามแบบฉบับของนายทาส ทาสไม่มีสิทธิ์ หือ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า เมื่อ
เป็นทาสมีนาย นายก็ต้องเลี้ยงดู ให้มีที่กิน มีอาหาร(พอประทังชีวิต) เพราะไม่
สามารถออกไปหากินเองได้ นายจึงต้องเลี้ยงดูให้มีพอกินตามอัตภาพ (จะได้มีเรี่ยวแรง
ทำงาน รับใช้ตามที่นายต้องการได้) คงเป็นเหตุนี้กระมังที่ทาสบางคน แม้จะไถ่ถอน
ตัวเองได้ หรือถูกปลดปล่อยไป ก็ยังไม่ยอมไป อาจเป็นเพราะขี้เกียจ อาจเป็นเพราะ
เบาปัญญา คิดว่าชาตินี้คงไม่มีปัญญาอยู่ได้ด้วยตนเอง สู้อยู่กับนายไปเรื่อยๆดีกว่า
สบายดีตามอัตภาพ(สมัยนี้เขาคงเรียกว่าอยู่แบบพอเพียง)
แต่ต้องไม่ลืมว่า ทาสจะอยู่อย่างสงบต้องมีปัจจัยครบสี่อย่าง คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม
ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค ถึงจะน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร(เพราะถือเสียว่ากรรมชาติก่อนมันหนัก
เลยต้องเกิดมาเป็นทาสเขาในชาตินี้) เมื่อใดที่ขาดแคลนปัจจัยหนึ่งใดไป ต่อให้เป็น
ทาสในเรือนเบี้ยก็ต้องไม่พอใจ เมื่อไถ่ถอนตัวเองด้วยน้ำเงินไม่ได้ มันคงต้องใช้
น้ำแรง ปฎิวัติ แย่งชิงอิสรภาพคืนมากระมังคะ
ลองดูเถอะ เมื่ออดอยาก ขาดแคลนมากๆ แล้วยังมองเห็นว่านายช่างกินอยู่สุขสบายเหลือเกิน
วันหนึ่งมันต้องระเบิดขึ้นแน่ ที่สำคัญ ประเทศไทยเป็นเรือนใหญ่ ทาสในเรือนนี้ก็มีไม่น้อย
ลองลุกฮือขึ้นมาพร้อมๆกัน อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ เขียนไว้เตือนเป็นครั้งที่หนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น