วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

น่าคิดค่ะ

ID # 817755 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-14 18:19:42 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


คอลัมน์
โต๊ะกลมระดมความคิด
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2584 ประจำวัน อังคาร ที่ 14 กรกฏาคม 2009
โดย ชมเพลิน อยู่เพลิน

ฝนดาวตก-ผีพุ่งไต้-ดาวหางอุกกาบาตและจราจรอำนาจ


บางทีการมองอะไรให้ร้ายสุดๆ เอามาหักลบกับบวกสุดๆ มันอาจทำให้ได้รับอีกภาพ
หรืออีกคำตอบที่เราไม่เคยได้เห็นหรือไม่เคยได้ยินมาก่อน

มี คำถามหรือข้อน่าสงสัยอย่างหนึ่งว่า สารพัดความโกลาหลที่พล่านอยู่ในสังคมไทย
ทุกวันนี้ มันคือละครฉากใหญ่ฉากหนึ่งที่ตัวแสดงต่างๆถูกล่อให้ออกบทบาทมาจนหมด
ไส้หมด พุง และโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังอยู่บนเวทีกับดักอเวจีที่แปลกพิสดารอย่างคาดหมาย
ไม่ ถึง แล้วถูกจับจ้องด้วยสายตามนุษย์ต่างดาวซึ่งคอยเฝ้าวันเละอย่างถึงที่สุด
เพื่อเตรียมปฏิบัติการใหญ่สักอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นการกวาดตัวแสดงทางการเมือง
ในชีพจรปัจจุบันให้หมดเวทีเล่น ทั้งตัวแสดงที่เป็นนักการเมืองทุกๆพรรค
มิใช่เพียงพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่เป็นทั้งระบบ แล้วยังรวมไปถึงขบวนการ
ทางการเมืองภาคประชาชนที่สวมใส่ทุกสีเสื้อ?

ความ จริงสมมุติฐานหรือแนวคิดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย พอจะเป็นสิ่งที่
คาดหมายได้สำหรับวิธีคิดของขั้วอำนาจที่เชื่อในวิถีของการ ควบคุมแบบเบ็ดเสร็จ
เพราะรากฐานของวัฒนธรรมควบคุมทางอำนาจชุดนี้ก็เคยอธิบายสังคมไทยมาได้โดย
ตลอดกระทั่งจนถึงปัจจุบัน เพียงแต่มีการปรับลีลาและเนื้อหาให้ดูดี เหมาะสม
สอดคล้องกับยุคสมัย

ประชาธิปไตยแบบบงการหรือผ่านระบบจัดการเช่นทุก วันนี้อาจไม่เพียงพอที่จะ
สร้างความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ เป็นหลักค้ำประกันของอำนาจ อภิสิทธิ์
หรือประโยชน์ ความผูกพันในจินตนาการเนื้อหาเมื่อวันวานยังหวานอยู่
...ระบบคิดร้องเพรียกหาอดีต หวังให้ปัจจุบันเป็นอดีต ให้สบายใจแบบอดีต
แต่ได้ประโยชน์จากปัจจุบัน แล้วสร้างหลักค้ำประกันต่อยอดให้อดีตเลยไปเป็นอนาคต
โดยยังมีช่องทางหาประโยชน์ในอนาคตได้ จินตนาการดังนี้มีอยู่ในระบบคิดของ
ฝ่ายที่ยึดติดกับอำนาจนิยม?

ประชาธิปไตย ที่แท้จริงจึงเป็นยาพิษดีนกยูงของระบบคิดเหล่านี้
หรือขนาดประชาธิปไตยฉบับซ่อนหาง ต้องเล่นตามกติกาอยู่บ้าง
ก็อาจกลายเป็นยาขมไปเสียแล้ว มันเชื่องช้าไม่ทันอกทันใจ
รองรับไม่ทันกับอารมณ์หรือจินตนาการ โลกทัศน์ซึ่งวูบไหว
อย่างรวดเร็วไปในแต่ละวัน ...ระบบคิดเยี่ยงนี้จึงโหยหาการรัฐประหาร!

ยอดเสาธงตรงนี้ไม่เคยล้ม เป็นแต่ถูกลมโลกาภิวัตน์และการตื่นตัว
ของฝ่ายประชาธิปไตยทั้งนอก-ในประเทศ คอยตัดกระแสขวาง
เป็นระยะๆอย่างมีผลและมีความหมาย ฝ่ายอำนาจนิยมอดีตคงเฝ้า
รอคอยด้วยใจอดทน จำเป็นต้องเฝ้ารอจุดนัดพบสำคัญ
...ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภาพเละเทะของ ฝ่ายนิยมประชาธิปไตย
เพื่อให้คนไทยและสังคมไทยตระหนักผิดๆว่า ระบอบการปกครอง
แบบประชาธิปไตยนั้นล้มเหลว ...ประเทศไทยรายรอบดาษดื่นด้วย
ปัญหาจนเป็นวิกฤต เพราะคุณภาพทางประชาธิปไตยยังไม่ถึง?

การปล่อยให้เกิดภาพเละๆเทะๆนั้น มันไม่ใช่ของยากเย็นอะไรเลย
เพราะ "การเมือง-อำนาจ" สำหรับประเทศไทยมันถูกยาสั่งมาตั้ง
3 ปีเข้าไปแล้ว? ยาสั่งที่ว่านั้นบล็อกให้การเมืองขยับไปไหนไม่ได้?

ยาสั่งที่วาง ไว้จึงแปรบ้านเมืองให้เป็นโกลาหล รัฐบาลใช้อำนาจรัฐไม่ได้
ทั้งยังกระทำตัวให้เป็นไปดังนั้น อยู่ด้วยการต่อรองในบ่อน้ำเน่าที่มีประโยชน์
แลกเปลี่ยนระหว่างฐานเสียงสนับ สนุนกับการปันแบ่งงบประมาณ
ศรัทธาต่างๆของชาวบ้านก็สิ้นบุญ ไม่ค่อยเชื่อถือกฎหมายหรือกระบวนการยุติธรรม
ตุลาการถูกโจมตีว่าไม่ชอบธรรม เมื่อสภาพของประเทศไม่เป็นนิติรัฐ
การบริหารการปกครองของประเทศก็ต้องมีปัญหา ตัวบุคคลในรัฐบาลคิดเฉพาะหน้า
เฝ้ารักษาอำนาจของพรรคตัวเองมากกว่าที่จะรักษาความอยู่รอดของชาติบ้านเมือง และประชาชน?

เรื่องราวเละเทะยังมีตัวอย่างยกมาให้เห็นมากมาย นี่เป็นประเด็นน่าพิจารณาว่า
มีความจงใจที่เป็นไปได้สำหรับการปล่อยให้พรรค ประชาธิปัตย์บริหารบ้านเมือง
ไปอย่างสิ้นหวัง เป็นแนวทฤษฎีเดิมๆให้เกิดการสิ้นหวังกับรัฐบาลทุกรัฐบาลที่มา
จากพรรคการ เมือง ...นี่เป็นแนวคิดของการสร้างให้สังคมเห็นว่าพวกนักการเมือง
เหล่านี้เป็นอะไร ได้ไม่มากกว่าพวกฝนห่าดาวตก ผีพุ่งไต้ หรืออย่างเก่งก็เป็นอุกกาบาต
กับดาวหางที่ไร้ระเบียบ ไร้วิถีโคจร ชาติบ้านเมืองฝากความหวังอะไรกับคนเหล่านี้ไม่ได้
...นี่อาจถูกผลักเป็นฉากให้เข้าใจว่าระบอบประชาธิปไตยกลายเป็นเรื่องทำร้าย
และทำลายบ้านเมือง ...ทั้งประชาชนและนักการเมืองจำต้องตระหนักให้ได้ว่าใน
สังคมแห่งนี้เรากำลัง เผชิญอยู่กับอะไร? กระทั่งประชาธิปัตย์ก็หนีไม่พ้นสำหรับ
อันตรายจากนักจัดการจราจรทางอำนาจ ...นี่เป็นประสบการณ์ที่หากไม่รู้จักจำก็อาจ
เจ็บใจไปได้ในประเทศพิเศษแห่ง นี้?

ไม่มีความคิดเห็น: