แต่วันนี้จะไม่พูดเรื่องของช้างเป็นเชือกๆหรอกค่ะ แต่จะพูดถึงชิ้นส่วน
ที่ได้มาจากช้าง เรื่องใหญ่ที่ปล่อยให้ผ่านไปคงไม่ได้ แม้จะทำเป็นเฉยๆ
กันไม่รู้ร้อนรู้หนาว เลยขออาสาคุ้ยอีกที ดูซิว่าจะหน้าด้านหน้าทนไปอีก
นานเท่าใด
เรื่องงาช้าง ที่นายโสภณ ซารัมย์เขามอบให้
นาโย้ก เมื่อวันไปเหยียบบุรีรัมย์ งาช้างหนึ่งคู่ยาวประมาณเมตรเศษ
ที่ไปรับมาแล้วถ่ายรูปโชว์ ยิ้มแป้นแร้น เหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่
เสียดายขี้เกียจคุ้ยรูปมาแสดงให้ดู
เรื่องนี้มีคุณ1111ไปตั้งกระทู้ไว้เมื่อวันที่ 14 กค.ในหัวข้อกระทู้ว่า
"มาร์คคืนงาช้าง"โสภณ"หวั่นขัดกม.ป.ป.ช.มูลค่าเกิน3พัน"
ป้าไปตอบกระทู้ไว้แล้วในวันนั้นว่าคืนไม่ทันแล้วล่ะค่ะ รับไปแล้วก็เท่ากับความผิดสำเร็จ
(ตามภาษากฎหมาย) หากคืนได้ ขโมยก็ไม่ผิดสิคะ
เพราะเกิดเจ้าทุกข์จับได้ แล้วบอกว่าไม่เอาก็ได้ เอาคืนไป
คุณตำรวจเขาไม่เล่นด้วยนะคะ
อ้อ แต่ลืมไป นี่เป็นนาโย้กหน้าด้าน ทำผิดก็แก้ตัวว่าไม่ได้ทำ
นับประสาอะไร เรื่องใหญ่กว่านี้ยังพลิกลิ้นได้ เรื่องแค่นี้ทำได้
สบายมาก
อ้อ ลืมไป งาช้างใหญ่ขนาดนั้น ตีราคาเองไม่ได้หรือคะ
อ้อโง่นี่นา แล้วขอโทษ งาช้างน่ะ เป็นของต้องห้ามนะคะ
ตามกม. ห้ามมีไว้ในครอบครอง ซื้อขาย จำหน่าย จ่ายแจก
เอามาเซ่นนาโย้กก็ไม่ได้นะคะ
เอหรือเป็นแผนให้นาโย้กซวย เขาว่าของอย่างนี้ บุญบารมี
ไม่ถึงรับไว้ อาจถึงคาด แล้วไปรับมาน่ะ ไม่รู้กม.หรือไง
ของอย่างนี้แค่กม.พื้นๆยังไม่รู้(มิน่าไม่รู้ว่ากม.ว่าไว้ว่าชายไทย
ต้องไปผ่านการเกณฑ์ทหาร)
นี่ๆ ไปเปิดเจอ เขาประกาศขาย
ขายงาช้างคู่
งาช้างคู่ยาว 1.2 ม. ขาย 500,000 บาท
อันที่ได้มาเห็นว่ายาวประมาน1เมตร ราคาคงไม่หนีไปจากนี้เท่าไหร่
ถามจริงๆเถอะ มองแล้วไม่รู้หรือว่ามันเกิน 3,000บาทแน่ๆ
ไม่ใช่เขาควายนะ เขาควายสวยๆก็เป็นหมื่นแล้วมั้ง นี่ถ้าคุณจตุพรเขา
ไปโวยขึ้นมาก่อน กะจะคืนไหมเนี่ย
อ้อแล้วพระสมเด็จน่ะ ใครๆเขารู้ว่าราคาขนาดไหน นี่ฉันไปหาดูนะ
ให้เช่าบูชาพระสมเด็จวัดเกศไชโย 7 ชั้นนิยม
พระ สมเดชวัดเกศไชโย 7 ชั้นนิยม 1,700,000บาท รักษ์เดิมๆ
ไม่เคยผ่านการล้างเหมาะสำหรับคนชอบสภาพเดิมๆตำหนิทุกจุดดูง่าย
สบายตาขอดูภาพเพิ่มเติมได้ทางMail
แปลกจังแฮะ รมต.ร่วมรัฐบาล ทำไมชอบให้ของแพงกับนายกฯ
มันน่าสงสัยหยอกเมื่อไหร่ หรือเป็นการติดสินบนหรือซื้อตำแหน่ง
ดูของแต่ละชิ้นที่ให้กัน มันพิลึกแฮะบอกตรงๆ
แล้วอย่างนี้จะปล่อยให้เรื่องเงียบไป แล้วบอกว่าคืนไปแล้วได้หรือคะ
ไปเจอคอลัมน์ในโลกวันนี้ เมื่อวันศุกร์ เขาก็พูด ถึงเรื่องนี้ถึงสองที่
คอลัมน์
เป็นประชารัฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2587 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 17 กรกฏาคม 2009
โดย อัคนี คคนัมพร
ปลาใหญ่ตายน้ำตื้น
ทำไปทำมา ปลาใหญ่กำลังจะตายน้ำตื้น
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่นแหละครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน
นัก เรียนนอก ออกซ์ฟอร์ด หน้าใส ปัญญาดี ฝีปากเด่น ตกหลุมพราง “เนรวิน” ถิ่นบุรีรัมย์เข้าจังเบอร์ คล้ายต้องมนต์ดำเมืองเขมร
หลง ดีใจได้ปลื้มที่เนรวินอุ้มเข้าสะเอวกระเตงไปแถลงพื้นที่อีสานได้ ลบคำสบประมาทของนักการเมืองทั้งปวง แต่แล้วก็พลาดไปติดบ่วง “ความประจบสอพลอ” ของรัฐมนตรีในรัฐบาลตัวเอง บวกกับความเผลอไผลเคลิบเคลิ้มในบุญบารมี ปลื้มปีติรับเอาของกำนัลมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ไปหลายแสน
งาช้างครับ งาช้างแท้ๆ
งาช้างประจำตระกูลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสียด้วย คู่หนึ่งราคาหลายแสนบาท
ผู้ สื่อข่าวไร้สำนักเขารายงานว่า ในการมอบของกำนัลกันครั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีโสภณ ซารัมย์ ได้กล่าวสุนทรพจน์หวานจับใจ (ประมาณว่ารัฐมนตรีต่างประเทศกษิต ภิรมย์ ที่ใช้ลิ้นทูตยกย่องว่าเป็นปูชนียบุคคลของประเทศไทยได้อายไปเลย)
รัฐมนตรี คมนาคมโสภณกล่าวว่า งาช้างนี้เป็นสมบัติประจำตระกูล ตกทอดมาแต่บรรพบุรุษซึ่งเคยเลี้ยงช้าง เป็นของมีค่าที่หวงแหนหนักหนา แต่การที่นายกรัฐมนตรีให้เกียรติเสี่ยงภัย (จากคนเสื้อแดง) มาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน นับเป็นเกียรติและเป็นสิริมงคลอย่างสูง ไม่มีสิ่งใดจะเป็นเครื่องตอบแทน จึงขอมอบงาช้างประจำตระกูลคู่นี้ให้
เรื่อง มันจะไพเราะเพราะพริ้งกว่านี้เพียงใดเกินสติปัญญาที่ผู้เขียนจะบรรยายได้ จึงขอสรุปว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็รับเอาของกำนัลนั้นกลับกรุงเทพฯด้วยความสุขเปี่ยมล้นหัวใจ
สิทธิกา ริยะ ท่านว่าคนเราเมื่อถึงกาลแห่งความวิบัติ พุทธิปัญญาก็ดับไปเสีย นายอภิสิทธิ์ลืมไปว่าคนที่มีตำแหน่งทางการเมืองนั้น ประกาศของ ป.ป.ช. เขาห้ามไว้ว่า จะรับของกำนัลมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาทมิได้
ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดต้องโดนปรับอาบัติขั้นปาราชิก คือหลุดจากตำแหน่งทันที
คราว นี้แหละครับที่ผู้เขียนบอกว่าปลาใหญ่ตายน้ำตื้น เพราะเหตุว่าคนเสื้อแดงจะกล่าวหาด้วยเรื่องราวใดๆ นายอภิสิทธิ์ก็ทำเป็นเฉยเสีย เป็นต้นว่า กล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลนอกครรลองประชาธิปไตยก็เฉยเสีย กล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลแล้วไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามบทบัญญัติแห่งรัฐ ธรรมนูญก็เฉยเสีย กล่าวหาว่าหนีการเกณฑ์ทหารและใช้เอกสารราชการปลอมก็เฉยเสีย ทำท่าเหมือนกับว่าจะอยู่ในตำแหน่งไปได้โดยไม่มีใครสามารถทำอะไรให้ระคายผิว
แต่แล้ววันดีคืนดีก็รับของกำนัลกันง่ายๆกลางหมู่คนที่อ้างว่ามีเกียรติสูง มีความน่าเชื่อถือทางศีลธรรมและจริยธรรม
นั่นเท่ากับเป็นการทำผิดต่อหน้าพยานบุคคลผู้มีเกียรติจำนวนมาก และความผิดก็สำเร็จแล้ว
เรื่องมันง่ายๆอย่างนี้แหละครับท่านผู้อ่าน
ปัญหามันอยู่ที่ว่า ป.ป.ช. ผู้มีหน้าที่ที่จะต้องจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้จะว่าอย่างไร
จะปกป้องกันต่อไปตามระบอบ 2 มาตรฐาน
หรือว่าจะตรงไปตรงมาสักครั้งหนึ่งพอให้คนเห็นว่า ป.ป.ช. ยังมีความใฝ่ดีอยู่บ้างเหมือนกัน อันนี้สุดแท้แต่จะเลือกเดิน
ป.ล. สำหรับนายโสภณ ซารัมย์ นั้นมีปัญหาว่างาช้างอันเป็นทรัพย์สินมีค่านั้นมิได้แจ้งไว้ในบัญชี ทรัพย์สินที่แจ้งไว้ต่อ ป.ป.ช. แต่อย่างใด
จึงมีความผิดฐานซุกทรัพย์สินอันมีค่า ต้องอาบัติปาราชิกเหมือนกัน
อะไรมันจะซวยขนาดนี้ละวุ้ย
เป็นประชารัฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2587 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 17 กรกฏาคม 2009
โดย อัคนี คคนัมพร
ปลาใหญ่ตายน้ำตื้น
ทำไปทำมา ปลาใหญ่กำลังจะตายน้ำตื้น
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่นแหละครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน
นัก เรียนนอก ออกซ์ฟอร์ด หน้าใส ปัญญาดี ฝีปากเด่น ตกหลุมพราง “เนรวิน” ถิ่นบุรีรัมย์เข้าจังเบอร์ คล้ายต้องมนต์ดำเมืองเขมร
หลง ดีใจได้ปลื้มที่เนรวินอุ้มเข้าสะเอวกระเตงไปแถลงพื้นที่อีสานได้ ลบคำสบประมาทของนักการเมืองทั้งปวง แต่แล้วก็พลาดไปติดบ่วง “ความประจบสอพลอ” ของรัฐมนตรีในรัฐบาลตัวเอง บวกกับความเผลอไผลเคลิบเคลิ้มในบุญบารมี ปลื้มปีติรับเอาของกำนัลมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ไปหลายแสน
งาช้างครับ งาช้างแท้ๆ
งาช้างประจำตระกูลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสียด้วย คู่หนึ่งราคาหลายแสนบาท
ผู้ สื่อข่าวไร้สำนักเขารายงานว่า ในการมอบของกำนัลกันครั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีโสภณ ซารัมย์ ได้กล่าวสุนทรพจน์หวานจับใจ (ประมาณว่ารัฐมนตรีต่างประเทศกษิต ภิรมย์ ที่ใช้ลิ้นทูตยกย่องว่าเป็นปูชนียบุคคลของประเทศไทยได้อายไปเลย)
รัฐมนตรี คมนาคมโสภณกล่าวว่า งาช้างนี้เป็นสมบัติประจำตระกูล ตกทอดมาแต่บรรพบุรุษซึ่งเคยเลี้ยงช้าง เป็นของมีค่าที่หวงแหนหนักหนา แต่การที่นายกรัฐมนตรีให้เกียรติเสี่ยงภัย (จากคนเสื้อแดง) มาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน นับเป็นเกียรติและเป็นสิริมงคลอย่างสูง ไม่มีสิ่งใดจะเป็นเครื่องตอบแทน จึงขอมอบงาช้างประจำตระกูลคู่นี้ให้
เรื่อง มันจะไพเราะเพราะพริ้งกว่านี้เพียงใดเกินสติปัญญาที่ผู้เขียนจะบรรยายได้ จึงขอสรุปว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็รับเอาของกำนัลนั้นกลับกรุงเทพฯด้วยความสุขเปี่ยมล้นหัวใจ
สิทธิกา ริยะ ท่านว่าคนเราเมื่อถึงกาลแห่งความวิบัติ พุทธิปัญญาก็ดับไปเสีย นายอภิสิทธิ์ลืมไปว่าคนที่มีตำแหน่งทางการเมืองนั้น ประกาศของ ป.ป.ช. เขาห้ามไว้ว่า จะรับของกำนัลมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาทมิได้
ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดต้องโดนปรับอาบัติขั้นปาราชิก คือหลุดจากตำแหน่งทันที
คราว นี้แหละครับที่ผู้เขียนบอกว่าปลาใหญ่ตายน้ำตื้น เพราะเหตุว่าคนเสื้อแดงจะกล่าวหาด้วยเรื่องราวใดๆ นายอภิสิทธิ์ก็ทำเป็นเฉยเสีย เป็นต้นว่า กล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลนอกครรลองประชาธิปไตยก็เฉยเสีย กล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลแล้วไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามบทบัญญัติแห่งรัฐ ธรรมนูญก็เฉยเสีย กล่าวหาว่าหนีการเกณฑ์ทหารและใช้เอกสารราชการปลอมก็เฉยเสีย ทำท่าเหมือนกับว่าจะอยู่ในตำแหน่งไปได้โดยไม่มีใครสามารถทำอะไรให้ระคายผิว
แต่แล้ววันดีคืนดีก็รับของกำนัลกันง่ายๆกลางหมู่คนที่อ้างว่ามีเกียรติสูง มีความน่าเชื่อถือทางศีลธรรมและจริยธรรม
นั่นเท่ากับเป็นการทำผิดต่อหน้าพยานบุคคลผู้มีเกียรติจำนวนมาก และความผิดก็สำเร็จแล้ว
เรื่องมันง่ายๆอย่างนี้แหละครับท่านผู้อ่าน
ปัญหามันอยู่ที่ว่า ป.ป.ช. ผู้มีหน้าที่ที่จะต้องจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้จะว่าอย่างไร
จะปกป้องกันต่อไปตามระบอบ 2 มาตรฐาน
หรือว่าจะตรงไปตรงมาสักครั้งหนึ่งพอให้คนเห็นว่า ป.ป.ช. ยังมีความใฝ่ดีอยู่บ้างเหมือนกัน อันนี้สุดแท้แต่จะเลือกเดิน
ป.ล. สำหรับนายโสภณ ซารัมย์ นั้นมีปัญหาว่างาช้างอันเป็นทรัพย์สินมีค่านั้นมิได้แจ้งไว้ในบัญชี ทรัพย์สินที่แจ้งไว้ต่อ ป.ป.ช. แต่อย่างใด
จึงมีความผิดฐานซุกทรัพย์สินอันมีค่า ต้องอาบัติปาราชิกเหมือนกัน
อะไรมันจะซวยขนาดนี้ละวุ้ย
และในอีกคอลลัมน์
คอลัมน์
ยิ่งเกายิ่งคัน
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2587 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 17 กรกฏาคม 2009
โดย ด๊อกเตอร์ทอง
หวัดกับช้างอาจคว่ำรัฐบาลอภิสิทธิ์
ส่วน กรณีงาช้าง "ล้ำค่า" ของขวัญแทนใจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่หยิบยื่นให้นายกรัฐมนตรีต้อง ถือเป็น "ความผิดสำเร็จ" อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในสังคมโลกจะไปอธิบายให้ใครฟังก็คงฟังไม่ขึ้น เนื่องด้วยงาช้างเป็นของต้องห้ามต้องกำกับ ใครมีไว้ในครอบครองอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายยังเสี่ยงต่อคุกตะราง แม้ทางรัฐมนตรีผู้เป็นเจ้าของจะอ้างว่าได้มาจากช้างที่เคยเลี้ยงดูอยู่ก็ตาม
เมื่อ นายกรัฐมนตรีเต็มใจรับแต่จะมาอ้างในภายหลังว่าตรวจสอบเสร็จถึงได้รู้ว่าเกิน สามพันบาท ฟังดูก็อดขำไม่ได้ เพราะแค่เศษเสี้ยวเล็กๆของงาช้างแท้ๆ นำมาทำเป็นตะเกียบอย่างที่ผู้มีอันจะกินนิยมใช้สำหรับรับประทานอาหารหรือ ทดสอบพิษต่างๆ คู่หนึ่งยังปาเข้าไปเป็นหมื่นบาท นายกรัฐมนตรีผู้ฉลาดลึกล้ำจะไม่ทราบถึงราคาค่างวดของงาช้างขนาดใหญ่เรียว งามอย่างที่รับมาเชียวหรือ
ยิ่งถ้าไปพิจารณาเอามาตรฐานหรือจารีต วัฒนธรรมทางการเมืองของประเทศศิวิไลซ์อื่นๆ แค่อดีต ส.ส.อังกฤษบางคนรับ “น้ำใจ” ที่มีคนหยิบยื่นมาเล็กๆน้อยๆให้ไปพักผ่อนบนเรือสำราญและบ้านพักตากอากาศ ถึงที่สุดก็อยู่ไม่ได้ หรืออย่างล่าสุดที่คนอย่างประธานสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษต้องลาออกไปก่อนหมด วาระ ซึ่งอาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเขา ก็มีที่มาของปัญหาจากการคิดเอาเองว่าการนำเงินสนับสนุนของรัฐซึ่งเป็นเงิน ภาษีอากรของประชาชนไปใช้จ่ายในเรื่องที่จริงๆก็ถือว่า "มีสิทธิ" แต่เมื่อถามคำว่า "เหมาะสมหรือไม่" คนเหล่านี้ไม่ดื้อดึงและพร้อมใจกันทิ้งเก้าอี้หรือวางมือเดินออกไปอย่างไม่ ต้องให้มีใครมาเรียกร้องขับไล่
เรื่องนี้อาจกลายเป็น "การสะดุดขาตัวเอง" หรือไม่ก็ต้องเรียกว่า "ล้มเพราะคนกันเองผลักให้ล้ม" ก็ว่าได้ ส่วนจะเป็นกรณีไหนคงต้องวัดใจกันหลายฝ่าย เพราะในขณะนี้ทางกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับรัฐบาลได้ยื่น เรื่องให้ทาง ป.ป.ช. ทำการสอบสวนชี้มูลความผิดเป็นที่เรียบร้อย ส่วนผลจะออกมาเช่นไรคงต้องสุดแต่กระบวนการยุติธรรมจะเห็นเป็นการสมควร
ยิ่งเกายิ่งคัน
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 10 ฉบับที่ 2587 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 17 กรกฏาคม 2009
โดย ด๊อกเตอร์ทอง
หวัดกับช้างอาจคว่ำรัฐบาลอภิสิทธิ์
ส่วน กรณีงาช้าง "ล้ำค่า" ของขวัญแทนใจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่หยิบยื่นให้นายกรัฐมนตรีต้อง ถือเป็น "ความผิดสำเร็จ" อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในสังคมโลกจะไปอธิบายให้ใครฟังก็คงฟังไม่ขึ้น เนื่องด้วยงาช้างเป็นของต้องห้ามต้องกำกับ ใครมีไว้ในครอบครองอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายยังเสี่ยงต่อคุกตะราง แม้ทางรัฐมนตรีผู้เป็นเจ้าของจะอ้างว่าได้มาจากช้างที่เคยเลี้ยงดูอยู่ก็ตาม
เมื่อ นายกรัฐมนตรีเต็มใจรับแต่จะมาอ้างในภายหลังว่าตรวจสอบเสร็จถึงได้รู้ว่าเกิน สามพันบาท ฟังดูก็อดขำไม่ได้ เพราะแค่เศษเสี้ยวเล็กๆของงาช้างแท้ๆ นำมาทำเป็นตะเกียบอย่างที่ผู้มีอันจะกินนิยมใช้สำหรับรับประทานอาหารหรือ ทดสอบพิษต่างๆ คู่หนึ่งยังปาเข้าไปเป็นหมื่นบาท นายกรัฐมนตรีผู้ฉลาดลึกล้ำจะไม่ทราบถึงราคาค่างวดของงาช้างขนาดใหญ่เรียว งามอย่างที่รับมาเชียวหรือ
ยิ่งถ้าไปพิจารณาเอามาตรฐานหรือจารีต วัฒนธรรมทางการเมืองของประเทศศิวิไลซ์อื่นๆ แค่อดีต ส.ส.อังกฤษบางคนรับ “น้ำใจ” ที่มีคนหยิบยื่นมาเล็กๆน้อยๆให้ไปพักผ่อนบนเรือสำราญและบ้านพักตากอากาศ ถึงที่สุดก็อยู่ไม่ได้ หรืออย่างล่าสุดที่คนอย่างประธานสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษต้องลาออกไปก่อนหมด วาระ ซึ่งอาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเขา ก็มีที่มาของปัญหาจากการคิดเอาเองว่าการนำเงินสนับสนุนของรัฐซึ่งเป็นเงิน ภาษีอากรของประชาชนไปใช้จ่ายในเรื่องที่จริงๆก็ถือว่า "มีสิทธิ" แต่เมื่อถามคำว่า "เหมาะสมหรือไม่" คนเหล่านี้ไม่ดื้อดึงและพร้อมใจกันทิ้งเก้าอี้หรือวางมือเดินออกไปอย่างไม่ ต้องให้มีใครมาเรียกร้องขับไล่
เรื่องนี้อาจกลายเป็น "การสะดุดขาตัวเอง" หรือไม่ก็ต้องเรียกว่า "ล้มเพราะคนกันเองผลักให้ล้ม" ก็ว่าได้ ส่วนจะเป็นกรณีไหนคงต้องวัดใจกันหลายฝ่าย เพราะในขณะนี้ทางกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับรัฐบาลได้ยื่น เรื่องให้ทาง ป.ป.ช. ทำการสอบสวนชี้มูลความผิดเป็นที่เรียบร้อย ส่วนผลจะออกมาเช่นไรคงต้องสุดแต่กระบวนการยุติธรรมจะเห็นเป็นการสมควร
อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไปนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น