แก้ไขสมควรนำมาให้อ่านกันขำในภาคบ่ายที่เงียบเหงา รับรองอ่านแล้วไม่ขำให้ไปด่ากษิตได้
อุตส่าห์ไปเล่นจำอวดเองถึงต่างประเทศ เชิญอ่านข่าวก่อนค่ะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน
วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 13:11:37 น. มติชนออนไลน์
กษิตถาม"ยูเออี-มาเลย์"เลือก"แม้ว"หรือความสัมพันธ์ปท. แจงมอนเตเนโก"ทักษิณ"บ่อนทำลายคิดให้ดีช่วยเหลือ
"กษิต" ถาม"เอยูอี-มาเลเซีย" จะเลือก"แม้ว"หรือความสัมพันธ์ของประเทศเป็นตัวตั้ง แจงมอนเตเนโกร "อดีตนายกฯ"บ่อนทำลายเสถียรภาพการเมืองไทย ขอให้คิดว่าควรปฏิบัติอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานจากเมืองชาร์ม เอล เชค ประเทศอียิปต์ สถานที่ประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 ก.ค. โดยนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรีของไทย ได้ร่วมพิธีเปิดและเข้าร่วมประชุม
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบกับรัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้พูดถึงประเด็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ที่เมืองดูไบว่า เห็นความสัมพันธ์กับประเทศไทยเปรียบเทียบกับการปกป้องดูแลหรือต้อนรับพ .ต.ท.ทักษิณอย่างไร เนื่องจากมีข่าวหนาหูว่า พ.ต.ท.ทักษิณพักอยู่ที่เมืองดูไบ
นายพณิช กล่าวเสริมว่า ได้ยืนยันว่าขอให้ยูเออีไปตรวจสอบ ยูเออีก็บอกว่ามีข้อมูลเช่นกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยพาสปอร์ตมอนเตเนโกร เขาก็จะเชิญพ.ต.ท.ทักษิณ มาให้เซ็นเอกสาร เพื่อให้ปฏิบัติตัวให้ดี คือ ห้ามขับเคลื่อนทางการเมืองในยูเออี
ด้านนายกษิต กล่าวถึงคำตอบของยูเออีข้างต้นว่าคำตอบนี้ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่เป็นการตอบกลับให้ทราบว่าจะได้กลับไปพิจารณาเพิ่มเติม โดยจะเอาประเทศไทยเป็นตัวตั้ง หรือจะเอาพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวตั้ง ต้องถามทุกประเทศทั่วโลก
เมื่อถามอีกว่า ในช่วงประชุมสุดยอดกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ได้ถามกับผู้นำมาเลเซียหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ได้เจอกันและตนได้ฝากกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียว่าช่วย ตรวจสอบ ก็ได้รับคำตอบว่าจะไปดูให้ รวมทั้งขอทราบมาตรการในอนาคต จะใช้เรื่องความสัมพันธ์ของประเทศนั้นๆ เป็นตัวตั้งหรือไม่
"ส่วน ประเทศนิคารากัว บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและนิคารากัวไม่ใช่ตัวตั้ง เพราะตอบปฏิเสธที่จะพบปะกับเราเอง จึงได้ฝากฝังกับนิคารากัวและมิตรบางประเทศว่าขอให้กรุณาทบทวนกันสักนิดด้วย เหตุด้วยผล" นายกษิต กล่าว
นายกษิต กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีเสร็จสิ้นว่า ประเทศมอนเตเนโกร แจ้งว่า ต้องการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยและอยากกระชับความสัมพันธ์กับไทย และยังสรุปให้ฟังถึงการเข้าเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรปและองค์การนาโต้ และกำลังพัฒนาภายในประเทศ โดยเฉพาะการเป็นประชาธิปไตยและการเคารพกฎหมาย
"จึง ถือโอกาสนี้ ยกประเด็นปัญหากรณีข่าวการออกหนังสือเดินทางให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้แจ้งสถานะของพ.ต.ท.ทักษิณในกระบวนการยุติธรรมของไทย และการดำเนินการของพ.ต.ท.ทักษิณในช่วง 6 เดือน ที่ผ่านมา บ่อนทำลายเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทย ให้ทราบ"
นายกษิต กล่าวว่า อยากขอร้องให้มอนเตเนโกรพิจารณาว่าควรปฏิบัติอย่างไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีคดีอาญาอยู่ และขอให้คำนึงภาพรวมของโอกาสที่จะกระชับความสัมพันธ์ ตนทิ้งไว้ให้พิจารณา ไม่ได้ไปบีบบังคับ แต่ขอความร่วมมือกันในฐานะที่เป็นประเทศที่มีมิตรจิตมิตรใจต่อกัน เราเองก็เป็นประเทศแรกๆ ที่ให้การรับรองการเป็นประเทศเอกราช ซึ่งเขาก็ซาบซึ้งในเรื่องนี้
นายกษิต กล่าวต่อถึงท่าทีของประเทศมอนเตเนโกรว่า ได้พูดในทำนองว่าเป็นประเทศที่รักษากฎเกณฑ์ การที่จะเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ต้องไปตรวจสอบประเด็นพ.ต.ท.ทักษิณหนีหมายจับ โดยตนย้ำว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังมีประเด็นทางสังคมและยังมีพฤติกรรมทางการเมือง ที่ทำให้เกิดความแตกแยกใน สังคม
สมควรนำมาให้อ่านกันขำในภาคบ่ายที่เงียบเหงา รับรองอ่านแล้วไม่ขำให้ไปด่ากษิตได้
อุตส่าห์ไปเล่นจำอวดเองถึงต่างประเทศ เชิญอ่านข่าวก่อนค่ะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน
ว้ายเอาจนได้ คงขำมากไปหน่อยเลยพิมพ์ผิดพิมพ์ถูก ค้นข่าวค่ะ
ไม่ใช่ค้นข้าว (เลยแอบรู้ล่ะสิว่าหิว)
อ่านแล้วขำก็ขำ อายก็อาย แม่งทำหน้าที่เดียวเลย มีอย่างที่ไหน
ตัวเองมีชะนักปักหลัง ยังอย่าไปข่มขู่เขา ถ้าเขาตอบตรงๆแกจะทำ
อย่างไร ประกาศสงครามเลยหรือเปล่า หรือต้องไปฟ้องประเทศอื่นๆ
ให้บอยคอตประเทศที่ช่วยเหลือคุณทักษิณอีก
อยากรู้จังว่ารัฐบาลสมัยไหนหนอที่รับรองการเป็นเอกราชให้มอนเตเนโกร
เกิดเป็นสมัยคุณทักษิณคงดูไม่จืด
กล้าพูดเนอะ ว่าคุณทักษิณทำให้เกิดความแตกแยกทางสังคม แม่งเอ๊ย
เวลาเห่าออกมาไม่ได้ยินเสียงตัวเองเลยสิท่า ตัวเองโดนคดีก่อการร้าย
รับสารภาพเองว่าไปชุมนุม พร้อมทั้งใช้ปากเห่าด่าทอเขา จนเลยเถิด
ไปทำผิดร้ายแรงถึงขั้นก่อการร้าย อย่างนั้นไม่เรียกว่าเป็นการทำให้เกิด
ความแตกแยกทางสังคมสินะ
เดี๋ยวมาด่าต่อค่ะ ไอ้นี่ ด่าแล้วหยุดไม่ได้เอาเสียเลย
เมื่อกี้ก็เพิ่งไปเจอข่าวว่ามันให้ทนายของกระทรวงไปยื่นเรื่องต่อตำรวจ
ให้เปลี่ยนข้อหา เอากะมันสิคะ
แล้วอย่างนี้จะให้ทำหน้าที่ต่อไปอย่างไรได้ สงสัยด่ามันตัวเดียวไม่ได้ผล
ต้องตามไปด่าไอ้คนส่งมาเป็นเจ้ากระทรวงเสียแล้ว
ไปค้นเจออีกแล้วค่ะ"ประเทศที่ชื่อ มอนเตเนโกร ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 3 มิ.ย. 2549 โดยเมื่อ 21 พ.ค. 2549 มอนเตเนโกรได้จัดลงประชามติแยกตัวออกจากเซอร์เบีย โดยมีผู้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนการแยกตัวร้อยละ 55.4 เกินเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 55 ที่สหภาพยุโรปกำหนดที่จะให้การรับรอง ซึ่งทำให้มอนเตเนโกรกลายเป็น ประเทศเกิดใหม่ล่าสุดของโลก และได้รับการรับรองจากนานาประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติลำดับที่ 192"
ถ้าไทยเป็นประเทศแรกๆที่รับรองความเป็นเอกราช ก็แสดงว่าอยู่ในยุคคุณทักษิณ
มิน่าเขาถึงได้ซาบซึ้ง
ไม่ใช่ค้นข้าว (เลยแอบรู้ล่ะสิว่าหิว)
อ่านแล้วขำก็ขำ อายก็อาย แม่งทำหน้าที่เดียวเลย มีอย่างที่ไหน
ตัวเองมีชะนักปักหลัง ยังอย่าไปข่มขู่เขา ถ้าเขาตอบตรงๆแกจะทำ
อย่างไร ประกาศสงครามเลยหรือเปล่า หรือต้องไปฟ้องประเทศอื่นๆ
ให้บอยคอตประเทศที่ช่วยเหลือคุณทักษิณอีก
อยากรู้จังว่ารัฐบาลสมัยไหนหนอที่รับรองการเป็นเอกราชให้มอนเตเนโกร
เกิดเป็นสมัยคุณทักษิณคงดูไม่จืด
กล้าพูดเนอะ ว่าคุณทักษิณทำให้เกิดความแตกแยกทางสังคม แม่งเอ๊ย
เวลาเห่าออกมาไม่ได้ยินเสียงตัวเองเลยสิท่า ตัวเองโดนคดีก่อการร้าย
รับสารภาพเองว่าไปชุมนุม พร้อมทั้งใช้ปากเห่าด่าทอเขา จนเลยเถิด
ไปทำผิดร้ายแรงถึงขั้นก่อการร้าย อย่างนั้นไม่เรียกว่าเป็นการทำให้เกิด
ความแตกแยกทางสังคมสินะ
เดี๋ยวมาด่าต่อค่ะ ไอ้นี่ ด่าแล้วหยุดไม่ได้เอาเสียเลย
เมื่อกี้ก็เพิ่งไปเจอข่าวว่ามันให้ทนายของกระทรวงไปยื่นเรื่องต่อตำรวจ
ให้เปลี่ยนข้อหา เอากะมันสิคะ
แล้วอย่างนี้จะให้ทำหน้าที่ต่อไปอย่างไรได้ สงสัยด่ามันตัวเดียวไม่ได้ผล
ต้องตามไปด่าไอ้คนส่งมาเป็นเจ้ากระทรวงเสียแล้ว
ไปค้นเจออีกแล้วค่ะ"ประเทศที่ชื่อ มอนเตเนโกร ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 3 มิ.ย. 2549 โดยเมื่อ 21 พ.ค. 2549 มอนเตเนโกรได้จัดลงประชามติแยกตัวออกจากเซอร์เบีย โดยมีผู้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนการแยกตัวร้อยละ 55.4 เกินเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ 55 ที่สหภาพยุโรปกำหนดที่จะให้การรับรอง ซึ่งทำให้มอนเตเนโกรกลายเป็น ประเทศเกิดใหม่ล่าสุดของโลก และได้รับการรับรองจากนานาประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติลำดับที่ 192"
ถ้าไทยเป็นประเทศแรกๆที่รับรองความเป็นเอกราช ก็แสดงว่าอยู่ในยุคคุณทักษิณ
มิน่าเขาถึงได้ซาบซึ้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น