ID # 829268 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-18 10:12:24 _ ปิดข้อความ
แก้ไข เริ่มจาก เริ่มออกจากบ้านไปบ้านเพื่อนนะคะ เอารถไปจอดไว้
แล้วป้าสี่ชีวิตก็เรียกแท็กซี่ แน่นอน เราแดงกันแจ๋เลย(เสื้อน่ะค่ะ)
วันนี้เลือกเสื้อที่เป็นผ้าธรรมดา ไม่ได้ใส่เสื้อยืดเพราะเตรียมพร้อม
กะว่าอากาศน่าจะร้อน การใส่เสื้อยืดนั้นจะยิ่งทำให้ร้อน แล้วเกิด
ฝนตก การที่ใส่เสื้อยืดเปียกคงไม่ดีกับสุขภาพ
ออกมาเรียกแท็กซี่ สองคันผ่านไป เปิดไฟว่าว่างอยู่แท้ๆ ไม่จอด
คันแรกหนีไปเฉยๆ คันที่สองอ้างว่าจะไปเติมแก๊ซ มาได้คันที่สาม
เผอิญมีคนมาลงรถตรงข้างหน้าพอดี เดินไปถามว่าไปสนามหลวงไปไหม
โชเฟอรืบอกว่ารถติด เพื่อนเลยถามว่าแล้วจะไปไหมล่ะ เขาว่าไปก็ไป
เพื่อนบอกว่าติดก็ต้องไป
นั่งรถไปก็คุยกันโขมงโฉงเฉง ดูท่าโชเฟอรืคงไม่ค่อยแดงมั้ง ไม่ค่อย
พูดเท่าไหร่ พอไปถึง ก็เลยบอกแท็กซี่ว่า ขับวนไปรอบๆสนามหลวงนะ
จะตรวจดูสถานการณ์ว่าคนมากหรือไม่ พวกป้าขี้เกียจเดิน บอกโชเฟอร์ไปว่า
เดี๋ยวจ่ายตังค์อยู่แล้ว วนไปเถอะ อิ๊อิ๊ จะได้รู้บ้างว่า เพ่มีเงินนะน้อง (ฮา)
อ้อก่อนลง เห็นแท็กซี่ไม่ค่อยแดง เพื่อนป้าเลยหยิบผ้าพันคอความจริงวันนี้ส่งให้
บอกว่าเอาผูกคอไว้ เขาก็ผูกนะคะ แต่ไม่วายบ่นว่า แล้วถ้าเสื้อเหลืองเอาผมไปเชือดว่าไง
วนดูรอบสนามหลวงแล้วก็ลงที่ฝั่งตรงกันข้ามกับศาลอาญา คนเยอะแยะแล้ว
ไปทันได้ยินเสียงคุณทักษิณนิดหน่อย วิดิโอลิ้งก์ ไม่เห็นหรอกค่ะ ไปถึงก็นั่ง
มันตรงทางเดินรอบสนามหลวงนั่นแหละค่ะ มีเก้าอี้สนามไปคนละตัว ได้นั่งอยู่
ท้ายรถกระบะตำรวจ พอดีมีที่ว่าง อากาศผ่านเย็นพอสมควร
พอนั่งเสร็จ ฟังเสร็จ เขาก็กำลังจะเคลื่อนขบวน เราก็ขยับไปหาที่ที่จะได้ดูขบวน
การหามฎีกา เดินไปทางฝั่งธรรมศาสตร์ แต่เอ ชาวบ้านเขาเดินย้อนกลับไปทาง
ศาลอาญากันหมดเลย งงๆอยู่ ถามเขาว่าจะไปไหนกัน เขาก็ว่าจะไปดูขบวน
เอาก็เอาวะ เดินตามเขาไปแบบงงๆ กลับไปทางเดิม
ข้ามถนนไปฝั่งศาลฎีกา มีคนนั่งกันอยู่เต็มแล้ว เราก็เอาเก้าอี้ไปนั่งเข้าแถวกับเขาบ้าง
แล้วก็คิดกันว่าเอาประตูมันอยู่ทางโน้นแล้วมานั่งทำอะไรกันทางนี้หว่า เห็นทีมงาน
เขาติดปลอกแขนว่า staff ถามเขาเขาก็ไม่รู้เรื่อง เขาว่าถูกส่งให้มายืนทางนี้ คงมาทางนี้มั้ง
เฮ้อ เอาก็เอา มีที่นั่งติดถนนแล้ว ไม่ย้ายล่ะ
ใต้ต้นมะขามร้อนนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร มีพัดรูปคุณทักษิณ โบกให้ความเย็นอยู่ไหวๆ
เลยพูดขึ้นมาว่า "แล้วอย่างนี้จะไม่ให้รักอย่างไรได้ ร้อนๆ ยังมาพัดโบกให้เย็นอีก"
ชาวบ้านแถวนั้นได้ยินเข้าอมยิ้มกันเป็นแถว นั่งสักพัก คนเขาก็กรูกันข้ามถนนกลับไป
แต่พวกป้าไม่ไปล่ะ ขี้เกียจ ที่มานี่ก็มาเพิ่มจำนวนนับเท่านั้นเอง
คนไม่ย้ายไปก็เยอะนะคะ อ้อ ตอนแรก มีพระกะเณรเดินผ่านหน้าไป เราก็นึกว่ามาทางนี้
แน่ๆ (ที่ไหนได้ มารู้ทีหลังว่าที่ท่านเดินมาทางนี้ เพราะท่านถวายเสร็จแล้ว กำลังเดินทางกลับ
ป้าดโธ่ จะบอกบุญลูกช้างหน่อยก็ไม่ได้ ปล่อยให้นั่งยิ้มกันอยู่ได้)
อ้อ ระหว่างนั่งอยู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนจุดพลุนะคะ ดังสนั่น ยังนึกในใจว่าโห ขนาดต้อง
จุดพลุกันเลยหรือ คนที่ฝั่งข้างนี้ก็แตกตื่นพอสมควร แล้วเสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งฝูง
นกพิราบบินกันขึ้นไปทั้งฝูง เลยพึ่งรู้ว่าเป็นเสียงฟ้าร้อง
สักพัก เจอพระเจ้าอาวาดวัดแถวสะพานควาย(วัดไผ่เงินหรืออะไรเนี่ยแหละค่ะ)ท่านนั่งแท็กซี่
ผ่านมา ท่านรู้จักกับเพื่อนดี ท่านเลยลงจากแท็กซี่มาคุยด้วย บอกว่าเขาถวายกันเสร็จแล้ว
เลยชวนกับกลับ อิ๊อิ๊ หมดภาระไปอีกวัน
นั่งตุ๊กตุ๊ก ไปที่ร้านอาหาร ถนนพระอาทิตย์ เป็น เกสต์เฮาส์ เล็กๆมีร้านอาหาร เพื่อนเคย
มาทานบอกว่าอร่อยดี ใกล้ดีด้วย เลยไปกัน อาหารอร่อยใช้ได้ แต่ขากลับสิคะสนุกมาก
เพราะเรียกแท็กซี่ เขาตีรถวนมารับ แล้วบอกว่า พี่ไม่รู้หรือว่าผมเป็นพวกเสื้อเหลือง
เลยบอกไปว่า ไม่เป็นไรหรอก เรามีกันตั้ง 4คน เดี๋ยวเอาไปจัดการเอง
เพื่อนบอกว่าไม่เชื่อหรอก ถ้าเป็นเสื้อเหลืองจะวนรถกลับมารับทำไม เลยได้หัวเราะกัน
โชเฟอร์ถามว่า เมื่อเช้ามากันกี่โมง ตอบไปว่า 10โมง เขาบอกว่าโหเอาเปรียบกันนี่นา
พวกมาจากนครสวรรค์เขามากันตั้งแต่ตีสี่ เป็นเจ้าของบ้านไม่รีบมาต้อนรับ เขาเองก็เพิ่ง
กลับมาจากนครสวรรค์ เขาเล่าว่าเขาและเมียไปมาทุกไซต์ ทั้งพัทยา จันท์บุรี ที่ไหนๆ ก็ไป
ทั้งนั้น ถ้าหาเงินส่งรถไม่ทันก็ให้เมียไปคนเดียว เขายังแซวเลยว่าเก้าอี้พี่ทำไมไม่สีแดง
เก้าอี้เมียผมยังต้องแดงเลย เพื่อนที่นั่งข้างหลังเลยชูให้ดูว่านี่ไง ตัวนี้ก็แดง เลยหัวเราำะกัน
ครึกครื้น คุยกันสนุกสนานกันมาตลอดทาง แต่เรื่องที่คุย ไม่สามารถออกอากาศได้นะคะ
เอาเป็นว่า จบการไปถวายฎีกากันอย่างมีความสุข ยาวหน่อย แต่ต้องบันทึกช่วยจำไว้ว่า
ครั้งหนึ่งในชีวิต เราต้องมาทำอะไรกันแบบนี้ด้วย ถ้ามีการปกครองโดยธรรม เรื่องอย่างนี้
ต้องไม่เกิดแน่นอน

เอาเถอะค่ะ การถวายฎีกา เมื่อตั้งใจแล้วว่าจะถวายก็ได้ถวายแล้ว
ส่วนเรื่องจะไปตกหล่นตรงไหนก็ไม่ใช่หน้าที่ของเราแล้ว หากไม่หู
หนวกตาบอด ก็ต้องได้รับรู้กันบ้างแล้ว
คนในประเทศนี้หากไม่ปิดหูปิดตาจนเกินไปก็ต้องรู้ว่าเนื้อความ
ในฎีกาเป้นอย่างไร มีเจตน์จำนงค์อะไรจึงได้ไปถวาย รัฐบาลจะ
เก็บเอาไว้ดูเล่นก็เป็นเรื่องของรัฐบาล หน้าที่เราได้ทำแล้วก็เป็น
อันว่าแล้วกัน
โดยส่วนตัว ไม่เคยหวังผลอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการทำให้คุณทักษิณ
ชื่นใจว่ายังมีคนรักและศรัทธาอยู่มากมายเพียงใด ใครจะผิดหวัง ใครจะ
หมองใจ ก็ช่างมันเถิดค่ะ คิดเพียงว่า ความต้องการของเราคืออะไร
ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้ ก็เท่านั้นเอง
บอกตรงๆว่าไม่เคยหวัง เพียงแต่อยากให้คุณทักษิณได้เห็นจำนวนคน
ที่ไปก็เท่านั้นเอง แคร์ความรู้สึกของท่านเพียงคนเดียว คิดว่าถ้าไปกัน
โหรงเหรง ท่านคงสะท้อนใจ พาลไม่แน่ใจว่าคนที่ลงชื่อมาเป็นล้านๆนั้น
มีตัวตนจริงหรือเปล่า สิ่งที่คิดจะทำก็ได้ทำแล้ว เป็นการแสดงความรัก
ความห่วงใยที่มีต่อคุณทักษิณเท่านั้นเองค่ะ
นอกจากคุณทักษิณจะสุขใจในยามยากเช่นขณะนี้ ก็หวังเพียงคนที่
คอยกลั่นแกล้งได้สำเหนียกว่า จำนวนนับมีอยู่จริง เผื่อจะหนาวใน
หน้าร้อนขึ้นมาบ้าง
ภาพที่พบเห็นรอบๆสนามหลวงเป็นภาพที่สวยงาม ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส
ขณะที่นั่งรถผ่านไป ก็คว้าหัวใจตบออกมาตบใส่กันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ทักทายกันอย่างมีความสุขทั้งๆที่ไม่รู้จักกันสักนิด แต่รู้ได้ว่าเราเป็นเพื่อน
ร่วมชาติ ร่วมชะตากรรมเดียวกัน เห็นหน้าก็อยากจะทักทายกัน
เป็นภาพที่สวยงามค่ะ อยากให้คนไทยทุกหมู่เหล่าเป็นอย่างนี้ นับเป็น
พี่เป็นน้องกัน ช่วยเหลือกัน พูดคุยกันได้แม้ไม่รู้จักกัน เพียงเพราะมี
จิตใจตรงกัน ไม่ใช่คอยระแวงสงสัยกัน ตีหน้ายักษ์ใส่กัน
ฝันนี้มันจะเป็นจริงได้บ้างไหมคะ ใครช่วยตอบที
อ้อ มีเรื่องเล่าแถมอีกหน่อยค่ะ เพื่อนที่ไปด้วยกันบอกว่า
ไม่อยากให้ไปเลย เป็นห่วงแม่ ทำไมต้องไปด้วย ชื่อก็ลง
ให้แล้ว ทำไมต้องไปอีก เพื่อนเขาบอกว่าเขาตอบลูกไปว่า
แม่รู้ จริงๆแล้วไม่ต้องไปก็ได้ แต่ที่ไปเนี่ย เพราะกลัวเพื่อนด่า
๕๕๕๕๕ ลูกๆต่างเข้าใจเป็นอันดี ยอมปล่อยให้แม่ไปในทันที