วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันนั้นที่รอคอย

ID # 829936 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-20 11:37:30 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


.มันอึดอัดขัดใจไปทุกสิ่ง
ทั้งเรื่องจริงเรื่องหลอกตอกความเหงา
โอ้ว่าหนอเป็นเพียงแค่ตัวเรา
หรือคนเขาเหล่าอื่นเขาก็เป็น

เช้าตื่นมาหน้าตาไม่ต้องล้าง
หาที่ทางนั่งปลงตรงที่เห็น
ทั้งข่าวจริงข่าวปล่อยตรงประเด็น
มันคอยเข่นขืนในให้วังเวง

เหมือนถูกอิฐก้อนโตโผล่มาทับ
เหมือนถูกกับดักความคิด..คิดข่มเหง
ดนตรีเศร้าเราฟังเขาบรรเลง
กลายเป้นเพลงโศกตรมขมขื่นใจ

โอ้ละหนอเมืองนี้ไม่น่าอยู่
เคยเขิดขูรู้ว่าปลอมตรอมไฉน
ยิ่งกว่านั้นมันย้ำช้ำเกินใคร
ว่าเขาไม่หยุดยั้งยังรังแก

เป็นมือที่มืดดำทำให้เศร้า
มือที่เอาหมอกมาคลุมกลุ้มเกินแฉ
มือที่ปั้นฉากดำทำเป็นแพร
แล้วปกแผ่ความมืดคลุมสุมเพียงพอ

คงสักวันพลันตื่นจากฝันร้าย
ฝันจะกลายเป็นดีมีไหมหนอ
หรือต้องรอฟ้าดับลับจากจอ
ตั้งตารออีกกี่ปี..ที่ต้องคอย

งงอยู่ตั้งนานว่าทำไมต้องสั่งศาลทหารด้วย

ID # 829805 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-19 21:41:35 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


เมื่อไม่นานมานี้ คงจำได้ว่ามีการสั่งศาลทหาร
ว่าเป็นศาลธหารต้องมีความกล้าหาญด้วย

ยังงงอยู่ตั้งนานว่ามีคดีอะไรขึ้นศาลทหารหนอ
จนเพิ่งถึงบางอ้อ เอาวันนี้ เมื่อมีการพิพากษา
คดีคาร์บอมบ์ออกมาดังนี้ค่ะ

ศาลทหารยกฟ้องคดี "คาร์บอมบ์ทักษิณ" ตัดสินโทษคุก 6 ปี
ปรับ 4 พันบาทโทษฐานครอบครอง-เคลื่อนย้ายวัตถุระเบิด เครื่องยุทธภัณฑ์
ขณะที่ลดโทษ "รท.ธวัชชัย" เหตุให้การเป็นประโยชน์...


จำเลย ทั้ง 3 ตกเป็นผู้ต้องหาใน 6 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานของรัฐ 3.ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาต 5.ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารทางราชการ และ 6.ซ่องโจรจากกรณีที่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2549 หน่วยรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ พบรถเก๋งยี่ห้อแดวู สีบรอนซ์เงินทะเบียน ฐฉ-3085 กทม. จอดอยู่บริเวณข้างสะพานข้ามแยกบางพลัด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องผ่านจากบ้านพักไปทำงาน หน่วย รปภ.จึงประสานกับหน่วยอรินทราช 191 และตำรวจท้องที่เฝ้าดู และไม่นานจากนั้น พบชายคนหนึ่งเดินลิ่วๆมาขึ้นรถและขับออกจากจุด ตำรวจได้เข้าจับกุมและตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว พบระเบิดทีเอ็นทีและซีโฟร์ ผูกติดกันไว้ ที่กระโปรงท้ายมีถังแกลลอนน้ำมันเครื่องสีเขียวและสีดำขนาด 5 ลิตรบรรจุน้ำมันเบนซินผสมปุ๋ยยูเรียจำนวน 7 แกลลอน และที่วางเท้าอีก 6 แกลลอน รวมทั้งยังพบแผงวงจรที่เบรกมือด้วย


โดยคณะตุลาการอ่านคำ พิพากษาระบุว่า จากคำให้การของพยานสรุปว่า จำเลยทั้งสามได้บังอาจนำวัตถุระเบิดมาประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องติดในรถ ยนต์ และมีการเชื่อมต่อระบบวงจรครบถ้วน ซึ่งสามารถที่จะระเบิดสังหารบุคคลหรือทำอันตรายให้แก่บุคคลอื่นถึงแก่ความ ตายได้ โดยใช้คลื่นวิทยุส่งสัญญาณเป็นเครื่องจุดวัตถุระเบิด โดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการเงินให้จำเลยที่ 2 จัดหาและประกอบวัตถุระเบิด และให้จำเลยที่ 1 ขับรถออกจาก กอ.รมน. ไปยังบริเวณใต้สะพานแยกบางพลัดในวันที่ 24 ส.ค. 2549 ซึ่งจำเลยทั้งสามได้กระทำการโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะไม่พอใจจากการะทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่มีเหตุขัดข้องที่เครื่องส่งสัญญาณจึงไม่อาจจุดระเบิดได้

ส่วน ข้อหาพยายามฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ จากคำให้การของพยานไม่อาจมีหลักฐานบ่งชี้ได้ จึงไม่สามารถรับการลงโทษได้ จึงให้ยกฟ้องข้อหานี้ และข้อหาอื่น


คำพิพากษยาวนะคะ เพราะอ่านกันตั้ง 2 ชั่วโมง สรุปได้เท่าที่เห็นนั่นแหละค่ะ
คือผิดจริง มีระเบิดจริง เอามาจอดไว้จริง เพียงแต่มันยังไม่ระเบิดแล้วมาถูกจับ
ได้เสียก่อน จึงยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่า

เอ่อ ประเทศนี้ แปลกนะคะ ทำงานไม่สำเร็จ เกิดเหตุขัดข้อง ยกประโยชน์ให้จำเลย
ไปเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่ ทุกอย่างมีจริงหมด ทำจริงหมด เพียงแต่มันไม่ได้ระเบิด
เท่านั้นเอง คิดดูสิคะ ถ้าไม่คิดจะเอาไประเบิดฆ่านายกฯ จำเลยมันจะแบกไปทำไมไม่ทราบ
เอาไปจอดในรัศมีทำการทำไม

เบื่อประเทศนี้จริงๆ เป็นเสียอย่างนี้มันทุกหน่วย ทุกที่ แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร ไอ้ที่ผิดแน่ๆ
บางทีส่งฟ้องแล้วยังไปดึงเรื่องออกอ้างเพื่อความสมานฉันท์ ไอ้ที่ไม่ผิดหาช่องทางเอาผิดมัน
ให้ได้ เพราะไม่ใช่พวกตัว แล้วอย่างนี้มันจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร

เซ็ง

!

เก็บตกจาก กรณี คุณหมอ เบญจวรรณ ไม้รอด

ID # 2014865 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-19 15:58:58 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


กรณีนี้คนพยายามจะมองว่าเป็นเรื่องการเมืองนะคะ
โดยส่วนตัว เห็นว่าไม่ใช่ และไม่สามารถแก้ได้ด้วยการ
ให้อภัย และมีเมตตา

หมอคนนี้มีปัญหาแน่นอน เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข
ไม่ใช่ด้วยการสงสารเธอ หากเธอทำผิดอย่างอื่น ในฐานะอื่น
เช่นว่า ใช้เวลาส่วนตัวไปเดินขบวน ไปด่าทอคนเสื้อแดง หรือ
ขับไล่ รัฐบาลที่เธอไม่ชอบ ก็เห็นสมควรอภัยให้ได้

แต่การปฏิเสธการรักษาด้วยเหตุผลที่งี่เง่าที่สุดอย่างนี้ รับไม่ได้
หรอกค่ะ เพราะเธอไม่ใช่คนธรรมดา เธอเป็นหมอ เธอต้องปฏิญาณ
ตนก่อนที่จะมาเป้นแพทย์ว่าจะรักษาทุกคนโดยเท่าเทียมกัน
จะไม่เลือกทำการรักษา เพราะ เพศ ผิว พันธ์ แม้แต่ศัตรูก็ยังต้องรักษา

การจะมาอ้างว่าอายุน้อย ทำงานหนัก ก็หาใช่เหตุที่จะยกมาแก้ตัวได้
บอกแล้วว่าถ้าเธอมีอาชีพอื่น จะไม่เป็นไรเลยค่ะ เผอิญเธอมาทำอาชีพ
ที่มีความรับผิดชอบสูง จึงควรมีวิจารณญาณมากกว่านี้

แม้แต่แท็กซี่ที่ปฏิเสธการรับผู้โดยสาร เรายังแจ้งตำรวจจับได้ มีกฎหมาย
ระบุไว้เลย นี่หมอปฏิเสธการรักษาคนไข้ด้วยเหตุผลที่เธอลงบันทึกไว้ด้วย
รายมือ จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ใช่เรื่องสีเสื้อ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
แล้วปล่อยให้เธอทำอาชีพนี้ต่อไป ให้เธอไปทำอาชีพอื่นเถิดค่ะ เธอไม่
เหมาะกับหน้าที่จริงๆ การที่เห็นใจและพยายามไปโทษ คนที่ทำให้เกิด
ความเกลียดชังร้าวลึกในใจคนไม่ได้หรอกค่ะ ปัญหานี้ก็ต้องได้รับการแก้ไข

แต่เริ่มที่ตัวหมอคนนี้ก่อนเลย ขอย้ำว่า เธอมีทัศนคติที่ไม่ดีต่ออาชีพมากๆ
ไม่สมควรให้ปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องรักษาชีวิตคนไม่ว่าในที่ใดๆเลยค่ะ เรื่องนี้
เป็นเรื่องใหญ่ ให้อภัยไม่ได้จริงๆ หากเอาอารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลและ
จรรยาบรรณก็ใช้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ

คนชอบเียร์ต้องระวัง

ID # 2013425 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-19 10:04:13 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


1.เบียร์ไม่ดีมียีสต์พิษมาหลาย
กินแล้วกลายเป้นไขมันพลันอ้วนหนา
กินแต่น้อยค่อยๆดื่มลืมชีวา
คนรักษาหุ่นนั้นมันไม่ดี

2.แต่วันก่อน อ่านเจอเขาเพ้อเจ้อ
นอกจากเรอ เบียร์ยังช่วยให้สุขี
กระดูกพรุนลดได้ในทันที
เห็นว่ามีคุณอนันต์มันน่าลอง

3.ต้องดื่มอย่างหมอวีที่เคบบอก
คืออย่ากรอกเข้าไปหนาน่าสยอง
ดื่มเล็กๆจะชื่นฉ่ำตามทำนอง
แล้วก็ร้องเพลงอยู่บ้านสำราญใจ

4.อย่าไปดื่มนอกบ้านรำคาญเขา
เดี๋ยวมันเอากระสุนส่งมาให้
เดี๋ยวนี้มีคนดุทั่วเมืองไทย
มันเป้นภัยต่อตนคนรังแก

5.อ้อดื่มหนักจักถูกหามเข้าโรงหมอ
จะหัวร่อไม่ออก ขอบอกแฉ
เกิดดวงซวยไปเจอหมอตำแย
จะท้อแท้เจ็บซ้ำย้ำคำเตือน

6.หมอสีเหลืองเลื่องชื่อคือคนชั่ว
มันทำมั่วรังแกแท้หมอเถื่อน
ดื่มแต่น้อยค่อยละเลียดมองดาวเดือน
พร้อมกลบเกลื่อนความทุกข์ถมที่รมใจ

เรื่องจริงที่เกิดขึ้น

ID # 829354 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-18 14:43:43 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


สถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อปัญหาเศรษฐกินรุมเร้า ปัญหาสังคมรุนแรง
เกิดอะไรขึ้น คนที่เคยเกลียดคุณทักษิณอย่างมากมาย คิดอะไรอยู่ตอนนี้

ยังค่ะ ยังไม่ได้หันกลับมารักมาชอบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกเราเริ่มหยุด
ที่เคยด่าทอด้วยความเกลียดชังอยู่ทุกวัน ก็เริ่มคิด เริ่มพิจารณา แล้วก็
เริ่มเปรียบเทียบ การทำงานของนายกฯสองนายกฯ คือคุณทักษิณกับ
ไอ้เด็กเวร ทีเทวดาอุ้มสมมา ชักเริ่มมองด้วยสาตาระแวงสงสัยว่า เห็น
ท่าจะไม่รอด อุตส่าห์หลงเชียร์ ได้ปลื้มอยู่แท้ๆ ผ่านไปไม่นานธาตุแท้
ก็เผยออกมา พบว่าไอ้บ้าเนี่ยมันทำงานไม่เป็นเอาเลย

หากปล่อยไปแบบนี้เห็นท่าจะล่มจมแน่ พวกพ่อค้าไปก่อนเลย หาก
พ่อค้าอยู่ไม่ได้ ประเทศก็อยู่ลำบาก เห็นไหมคะ ถ้าไม่โง่นักก็ต้อง
มองออก

ไม่ต้องไปใส่ไคล้มันหรอกค่ะ ผลงานมันประจานตัวเอง ยิ่งอยู่นานไป
เครดิตของมันยิ่งลด อีกหน่อยไม่แค่เปรียบเทียบกัน มันจะหันมาร้อง
เรียกหาคุณทักษิณกันล่ะสิคะ อยากสมน้ำหน้านัก

คุณทักษิณไม่ใช่เทวดาหรอกค่ะ แต่การทำงานหนักของคุณทักษิณ
การมองการณ์ไกล การที่เอาประเทศชาติเป็นตัวตั้งต่างหากที่ทำให้
คุณทักษิณมีผลงานที่จับต้องได้ มีผลงานที่ทำให้คนนึกถึงได้ แม้เวลา
จะผ่านไปเกือบสามปีแล้ว ยังไม่มีใครลืมหรอกค่ะ

อ้อ ที่เล่ามาข้างบนน่ะ นักธุรกิจเขาคุยกันนะคะ ไม่ได้ยกเมฆเองหรอก

เรื่องเล่าเมื่อเราไปถวายฎีกา

ID # 829268 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-18 10:12:24 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


เริ่มจาก เริ่มออกจากบ้านไปบ้านเพื่อนนะคะ เอารถไปจอดไว้
แล้วป้าสี่ชีวิตก็เรียกแท็กซี่ แน่นอน เราแดงกันแจ๋เลย(เสื้อน่ะค่ะ)
วันนี้เลือกเสื้อที่เป็นผ้าธรรมดา ไม่ได้ใส่เสื้อยืดเพราะเตรียมพร้อม
กะว่าอากาศน่าจะร้อน การใส่เสื้อยืดนั้นจะยิ่งทำให้ร้อน แล้วเกิด
ฝนตก การที่ใส่เสื้อยืดเปียกคงไม่ดีกับสุขภาพ

ออกมาเรียกแท็กซี่ สองคันผ่านไป เปิดไฟว่าว่างอยู่แท้ๆ ไม่จอด
คันแรกหนีไปเฉยๆ คันที่สองอ้างว่าจะไปเติมแก๊ซ มาได้คันที่สาม
เผอิญมีคนมาลงรถตรงข้างหน้าพอดี เดินไปถามว่าไปสนามหลวงไปไหม
โชเฟอรืบอกว่ารถติด เพื่อนเลยถามว่าแล้วจะไปไหมล่ะ เขาว่าไปก็ไป
เพื่อนบอกว่าติดก็ต้องไป

นั่งรถไปก็คุยกันโขมงโฉงเฉง ดูท่าโชเฟอรืคงไม่ค่อยแดงมั้ง ไม่ค่อย
พูดเท่าไหร่ พอไปถึง ก็เลยบอกแท็กซี่ว่า ขับวนไปรอบๆสนามหลวงนะ
จะตรวจดูสถานการณ์ว่าคนมากหรือไม่ พวกป้าขี้เกียจเดิน บอกโชเฟอร์ไปว่า
เดี๋ยวจ่ายตังค์อยู่แล้ว วนไปเถอะ อิ๊อิ๊ จะได้รู้บ้างว่า เพ่มีเงินนะน้อง (ฮา)
อ้อก่อนลง เห็นแท็กซี่ไม่ค่อยแดง เพื่อนป้าเลยหยิบผ้าพันคอความจริงวันนี้ส่งให้
บอกว่าเอาผูกคอไว้ เขาก็ผูกนะคะ แต่ไม่วายบ่นว่า แล้วถ้าเสื้อเหลืองเอาผมไปเชือดว่าไง

วนดูรอบสนามหลวงแล้วก็ลงที่ฝั่งตรงกันข้ามกับศาลอาญา คนเยอะแยะแล้ว
ไปทันได้ยินเสียงคุณทักษิณนิดหน่อย วิดิโอลิ้งก์ ไม่เห็นหรอกค่ะ ไปถึงก็นั่ง
มันตรงทางเดินรอบสนามหลวงนั่นแหละค่ะ มีเก้าอี้สนามไปคนละตัว ได้นั่งอยู่
ท้ายรถกระบะตำรวจ พอดีมีที่ว่าง อากาศผ่านเย็นพอสมควร

พอนั่งเสร็จ ฟังเสร็จ เขาก็กำลังจะเคลื่อนขบวน เราก็ขยับไปหาที่ที่จะได้ดูขบวน
การหามฎีกา เดินไปทางฝั่งธรรมศาสตร์ แต่เอ ชาวบ้านเขาเดินย้อนกลับไปทาง
ศาลอาญากันหมดเลย งงๆอยู่ ถามเขาว่าจะไปไหนกัน เขาก็ว่าจะไปดูขบวน
เอาก็เอาวะ เดินตามเขาไปแบบงงๆ กลับไปทางเดิม

ข้ามถนนไปฝั่งศาลฎีกา มีคนนั่งกันอยู่เต็มแล้ว เราก็เอาเก้าอี้ไปนั่งเข้าแถวกับเขาบ้าง
แล้วก็คิดกันว่าเอาประตูมันอยู่ทางโน้นแล้วมานั่งทำอะไรกันทางนี้หว่า เห็นทีมงาน
เขาติดปลอกแขนว่า staff ถามเขาเขาก็ไม่รู้เรื่อง เขาว่าถูกส่งให้มายืนทางนี้ คงมาทางนี้มั้ง
เฮ้อ เอาก็เอา มีที่นั่งติดถนนแล้ว ไม่ย้ายล่ะ

ใต้ต้นมะขามร้อนนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร มีพัดรูปคุณทักษิณ โบกให้ความเย็นอยู่ไหวๆ
เลยพูดขึ้นมาว่า "แล้วอย่างนี้จะไม่ให้รักอย่างไรได้ ร้อนๆ ยังมาพัดโบกให้เย็นอีก"
ชาวบ้านแถวนั้นได้ยินเข้าอมยิ้มกันเป็นแถว นั่งสักพัก คนเขาก็กรูกันข้ามถนนกลับไป
แต่พวกป้าไม่ไปล่ะ ขี้เกียจ ที่มานี่ก็มาเพิ่มจำนวนนับเท่านั้นเอง

คนไม่ย้ายไปก็เยอะนะคะ อ้อ ตอนแรก มีพระกะเณรเดินผ่านหน้าไป เราก็นึกว่ามาทางนี้
แน่ๆ (ที่ไหนได้ มารู้ทีหลังว่าที่ท่านเดินมาทางนี้ เพราะท่านถวายเสร็จแล้ว กำลังเดินทางกลับ
ป้าดโธ่ จะบอกบุญลูกช้างหน่อยก็ไม่ได้ ปล่อยให้นั่งยิ้มกันอยู่ได้)

อ้อ ระหว่างนั่งอยู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนจุดพลุนะคะ ดังสนั่น ยังนึกในใจว่าโห ขนาดต้อง
จุดพลุกันเลยหรือ คนที่ฝั่งข้างนี้ก็แตกตื่นพอสมควร แล้วเสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งฝูง
นกพิราบบินกันขึ้นไปทั้งฝูง เลยพึ่งรู้ว่าเป็นเสียงฟ้าร้อง

สักพัก เจอพระเจ้าอาวาดวัดแถวสะพานควาย(วัดไผ่เงินหรืออะไรเนี่ยแหละค่ะ)ท่านนั่งแท็กซี่
ผ่านมา ท่านรู้จักกับเพื่อนดี ท่านเลยลงจากแท็กซี่มาคุยด้วย บอกว่าเขาถวายกันเสร็จแล้ว
เลยชวนกับกลับ อิ๊อิ๊ หมดภาระไปอีกวัน

นั่งตุ๊กตุ๊ก ไปที่ร้านอาหาร ถนนพระอาทิตย์ เป็น เกสต์เฮาส์ เล็กๆมีร้านอาหาร เพื่อนเคย
มาทานบอกว่าอร่อยดี ใกล้ดีด้วย เลยไปกัน อาหารอร่อยใช้ได้ แต่ขากลับสิคะสนุกมาก
เพราะเรียกแท็กซี่ เขาตีรถวนมารับ แล้วบอกว่า พี่ไม่รู้หรือว่าผมเป็นพวกเสื้อเหลือง
เลยบอกไปว่า ไม่เป็นไรหรอก เรามีกันตั้ง 4คน เดี๋ยวเอาไปจัดการเอง

เพื่อนบอกว่าไม่เชื่อหรอก ถ้าเป็นเสื้อเหลืองจะวนรถกลับมารับทำไม เลยได้หัวเราะกัน
โชเฟอร์ถามว่า เมื่อเช้ามากันกี่โมง ตอบไปว่า 10โมง เขาบอกว่าโหเอาเปรียบกันนี่นา
พวกมาจากนครสวรรค์เขามากันตั้งแต่ตีสี่ เป็นเจ้าของบ้านไม่รีบมาต้อนรับ เขาเองก็เพิ่ง
กลับมาจากนครสวรรค์ เขาเล่าว่าเขาและเมียไปมาทุกไซต์ ทั้งพัทยา จันท์บุรี ที่ไหนๆ ก็ไป
ทั้งนั้น ถ้าหาเงินส่งรถไม่ทันก็ให้เมียไปคนเดียว เขายังแซวเลยว่าเก้าอี้พี่ทำไมไม่สีแดง
เก้าอี้เมียผมยังต้องแดงเลย เพื่อนที่นั่งข้างหลังเลยชูให้ดูว่านี่ไง ตัวนี้ก็แดง เลยหัวเราำะกัน
ครึกครื้น คุยกันสนุกสนานกันมาตลอดทาง แต่เรื่องที่คุย ไม่สามารถออกอากาศได้นะคะ

เอาเป็นว่า จบการไปถวายฎีกากันอย่างมีความสุข ยาวหน่อย แต่ต้องบันทึกช่วยจำไว้ว่า
ครั้งหนึ่งในชีวิต เราต้องมาทำอะไรกันแบบนี้ด้วย ถ้ามีการปกครองโดยธรรม เรื่องอย่างนี้
ต้องไม่เกิดแน่นอน

เอาเถอะค่ะ การถวายฎีกา เมื่อตั้งใจแล้วว่าจะถวายก็ได้ถวายแล้ว
ส่วนเรื่องจะไปตกหล่นตรงไหนก็ไม่ใช่หน้าที่ของเราแล้ว หากไม่หู
หนวกตาบอด ก็ต้องได้รับรู้กันบ้างแล้ว

คนในประเทศนี้หากไม่ปิดหูปิดตาจนเกินไปก็ต้องรู้ว่าเนื้อความ
ในฎีกาเป้นอย่างไร มีเจตน์จำนงค์อะไรจึงได้ไปถวาย รัฐบาลจะ
เก็บเอาไว้ดูเล่นก็เป็นเรื่องของรัฐบาล หน้าที่เราได้ทำแล้วก็เป็น
อันว่าแล้วกัน

โดยส่วนตัว ไม่เคยหวังผลอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการทำให้คุณทักษิณ
ชื่นใจว่ายังมีคนรักและศรัทธาอยู่มากมายเพียงใด ใครจะผิดหวัง ใครจะ
หมองใจ ก็ช่างมันเถิดค่ะ คิดเพียงว่า ความต้องการของเราคืออะไร
ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้ ก็เท่านั้นเอง

บอกตรงๆว่าไม่เคยหวัง เพียงแต่อยากให้คุณทักษิณได้เห็นจำนวนคน
ที่ไปก็เท่านั้นเอง แคร์ความรู้สึกของท่านเพียงคนเดียว คิดว่าถ้าไปกัน
โหรงเหรง ท่านคงสะท้อนใจ พาลไม่แน่ใจว่าคนที่ลงชื่อมาเป็นล้านๆนั้น
มีตัวตนจริงหรือเปล่า สิ่งที่คิดจะทำก็ได้ทำแล้ว เป็นการแสดงความรัก
ความห่วงใยที่มีต่อคุณทักษิณเท่านั้นเองค่ะ

นอกจากคุณทักษิณจะสุขใจในยามยากเช่นขณะนี้ ก็หวังเพียงคนที่
คอยกลั่นแกล้งได้สำเหนียกว่า จำนวนนับมีอยู่จริง เผื่อจะหนาวใน
หน้าร้อนขึ้นมาบ้าง

ภาพที่พบเห็นรอบๆสนามหลวงเป็นภาพที่สวยงาม ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส
ขณะที่นั่งรถผ่านไป ก็คว้าหัวใจตบออกมาตบใส่กันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ทักทายกันอย่างมีความสุขทั้งๆที่ไม่รู้จักกันสักนิด แต่รู้ได้ว่าเราเป็นเพื่อน
ร่วมชาติ ร่วมชะตากรรมเดียวกัน เห็นหน้าก็อยากจะทักทายกัน

เป็นภาพที่สวยงามค่ะ อยากให้คนไทยทุกหมู่เหล่าเป็นอย่างนี้ นับเป็น
พี่เป็นน้องกัน ช่วยเหลือกัน พูดคุยกันได้แม้ไม่รู้จักกัน เพียงเพราะมี
จิตใจตรงกัน ไม่ใช่คอยระแวงสงสัยกัน ตีหน้ายักษ์ใส่กัน

ฝันนี้มันจะเป็นจริงได้บ้างไหมคะ ใครช่วยตอบที

อ้อ มีเรื่องเล่าแถมอีกหน่อยค่ะ เพื่อนที่ไปด้วยกันบอกว่า
ไม่อยากให้ไปเลย เป็นห่วงแม่ ทำไมต้องไปด้วย ชื่อก็ลง
ให้แล้ว ทำไมต้องไปอีก เพื่อนเขาบอกว่าเขาตอบลูกไปว่า
แม่รู้ จริงๆแล้วไม่ต้องไปก็ได้ แต่ที่ไปเนี่ย เพราะกลัวเพื่อนด่า
๕๕๕๕๕ ลูกๆต่างเข้าใจเป็นอันดี ยอมปล่อยให้แม่ไปในทันที

ความเป็นธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด

ID # 829083 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-17 19:38:37 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


วันนี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลายอย่าง
อันส่อแสดงถึงความไม่เป็นธรรมในประเทศนี้
เริ่มต้นที่ข่าวใหญ่ประจำวันคือ การถวายฎีกาของคนเสื้อแดง
ผ่านไปทางสำนักราชวัง แต่ข่าวที่ตามออกมาทันที
คือแถลงการณ์ของสำนักราชวัง ว่าได้รับฎีกาที่คนเสื้อแดง
นำทูลเกล้าถวายเป็นที่เรียบร้อย และพร้อมที่จะส่งไปให้
รัฐบาลดำเนินการต่อไป นี่แหละค่ะมันแปลก จริงอยู่อาจ
เป็นเรื่องปกติที่สำนักราชวังต้องส่งเรื่องกลับไปให้รัฐบาล
เพราะหน่วยงานนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี

แต่ที่ผ่านมาก็มีผู้คนมากมายที่ทูลเกล้าถวายฎีกา แต่ไม่เห็นมีการ
ออกข่าวสวนมาทันทีว่าจะส่งไปให้รัฐบาลก่อน ทั้งสมัยที่นายสนธิ
ไปถวาย หลวงตามหาบัว และกลุ่มต่างๆ ก็ไม่มีข่าวว่าส่งเรื่องมาให้รัฐบาล
การออกข่าวมาทันที ย่อมทำให้ไม่น่าจะดูดีนักในสายตาคนเสื้อแดง
รู้ทั้งรู้ว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการทูลเกล้าถวายฎีกาครั้งนี้ พยายามทุกวิถีทาง
ที่จะยับยั้ง แล้วออกข่าวมาอย่างนี้ มันมีผลดีอย่างไร การส่งไปให้รัฐบาลอาจเป็น
ระเบียบปฏิบัติ แต่ก็ไม่เห็นต้อง ถึงกับออกแถลงการณ์ จริงไหมคะ

เรื่องต่อมาที่คนให้ความสนใจคือ คดีทุจริตกล้ายาง ที่มีจำเลยถึง 44คน
ศาลนัดมาฟังคำตัดสินวันนี้ พร้อมๆกับมีข่าวลือเล็ดลอดออกมาเป็นระยะๆ
ว่าบางคนจะหลุด บางคนจะโดน อันนั้นไม่แปลก แต่ที่แปลกคือ นายอดิศัย
จำเลยที่ 5 ไม่มาฟังคำตัดสิน อ้างว่าป่วยอยู่ต่างประเทศ ศาลไม่เชื่อจึงออก
หมายจับ นี่แหละค่ะ แปลก คนส่วนใหญ่ที่หลีกเลี่ยงการมาศาล ต่างก็อ้างว่า
ป่วยกันทั้งนั้น แต่ศาลไม่ยักจะเชื่อทุกรายที่แจ้งมา

ก็ดูรายนายสนธิสิคะ หลังจากถูกยิง มีหลายคดีที่ต้องไปฟังคำพิพากษา
แต่ก็อ้างว่าป่วยมาโดยตลอด ศาลก็เชื่อมาโดยตลอด ยอมเลื่อนให้ทุกครั้ง
ทั้งๆที่ความจริงก็เห็นอยู่ว่าไม่ได้ป่วยจริง เพราะยังออกทีวีมาด่าทอชาวบ้าน
ได้อยู่เป็นปกติ

บ้านนี้เมืองนี้ หากเลือปฏิบัติ จนโจ่งแจ้งเช่นนี้ เห็นท่าจะอยู่ด้วยกันลำบากนะคะ
ความอดทนอดกลั้นมันต้องมีวันสิ้นสุด หรือเขาไม่รู้ความจริงข้อนี้กัน

ได้ข่าวนี้แล้ว ไม่สบายใจเลยค่ะ

ID # 828779 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-16 22:35:47 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ก็เรื่องหมอที่อ.งาว ปฏิเสธการรักษาคนไข้ที่ใส่เสื้อสีแดง
ไม่ผิดหรอกค่ะที่แกเป็นคนจริงใจ ซื่อสัตย์กับตัวเอง

แต่เผอิญแกเป็นหมอน่ะค่ะ หมอที่เขาถือกันว่าเป็นคนพิเศษ
เป็นคนที่ชาวบ้านเคารพ (ก็มีใครบ้างคะที่ไปหาหมอแล้วไม่ยก
มือไหว้คุณหมอก่อน) เมื่อเป็นคนพิเศษก็ทำตัวให้สมกับการที่คน
อื่นเขายกย่อง คนธรรมดาอาจมีโลภ โกรธ หลงได้ แต่หมอต้อง
ดีกว่านั้นมาก ต้องแยกอารมณ์ออกจาก หน้าที่

หมอในสถานการณ์สงครามจะรักษาผู้ป่วยโดยไม่เลือกเชื้อชาติ
ไม่เลือกฝ่าย เพราะถือว่าหน้าที่ของหมอคือคนที่ต้องรักษาชีวิต
ดังนั้นแม้จะเป็นศัตรูก็ต้องรักษา แล้วนี่อะไร คนชาติเดียวกันแท้ๆ
เพียงแต่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน กลับแยกแยะไม่ได้ กลับปฏิเสธ
การรักษา สมควรหรือคะ

สำหรับคนที่อาจตกข่าว เรื่องคร่าวๆคือ หมอผู้หญิงคนหนึ่งปฏิเสธที่จะรักษา
คนไข้ เพียงเพราะคนไข้ใส่เสื้อสีแดง เธอ ไม่ได้ปฏเสธปากเปล่า
แต่เขียนคำสั่งส่งตัวไปให้แพทย์ผู้อื่นรักษาแทน ด้วยเหตุผลที่ว่า
ทำใจให้รักษาคนไข้เสื้อแดงไม่ได้ มีหลักฐานการลงลายมือชัดเจน

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก

หวาย เกิดเหตุผิดพลาดค่ะ ยังเขียนไม่จบต่อนะคะ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ การปล่อยให้คนที่มีทัศนคติ
อันตรายเช่นนี้ ถืออาวุธอยู่ในมือได้อย่างไรคะ คน
อย่างนี้ เป็นอันตรายมากกว่าคนบ้าอื่นๆในถนนอีกนะคะ
เพราะเขามีอุปกรณ์ เครื่องมือที่จะทำร้ายคนอื่นได้

มันเกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้ เราเกลียดกันขนาดนี้เลยหรือ
ทำอย่างไร จะลบล้างความรู้สึกนี้ออกไปจากใจของคน
ในชาติได้



เกิดอะไรขึ้นกับ twitter

ID # 828635 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-16 14:10:40 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ป้าเข้าไปอ่านได้อย่างเดียว โพสท์อะไรก็ไม่ขึ้นเลยอ้ะ
ใครก็ได้ช่วยที ป้ากำลังจะลงแดงอ้ะ

เกิดอาการหงุดหงิด

ID # 828562 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-16 10:10:56 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ร้อยวันพันชาติ ไม่เคยเปิดทีวีปกติ แต่วันนี้พอเปิด
People Channel นึกว่าจะได้ดูเทป ปราศรัยเมื่อคืน
พอเก้าโมงกว่า เขากลายเป็นรายการของคุณจิรายุ

เห็นว่าเป็นเช้าวันสุกดิบ เลยอยากรู้ว่านักโทษประหาร
เขาจะพูดเรื่องอะไรบ้าง เปิดแว้บไปดูช่องหอยม่วง
โอ้โฮ นึกดีใจว่า ที่ไม่เคยเปิดมาดูน่ะดีนักหนา เพราะ
เห็นหน้า ได้ยินเสียง ก็พาลอยากด่าขึ้นมาทันที

ก็ดูสิคะ งวดนี้ คงไปถ่ายทำที่ตำรวจท่องเที่ยว เพราะดู
จากการพูด แต่บอกแล้วว่าดูแป๊บเดียวผิดพลาดขออภัย
แน่นอนกำลังมีเรื่องกับตำรวจ ก็ต้องไปสร้างภาพว่ากับ
ตำรวจ ไม่มีอะไร ยังบังคับบัญชาได้อยู่ ไม่แปลกค่ะ เป็น
ใครเขาก็คงทำ คนเขียนบท เขาคิดแล้วคุ้ม แต่ไอ้ตัวแสดง
หรือผู้กำกับน่ะสิคะมันห่วย

เพราะทันทีที่เห็นภาพ มันเดินเข้าไปในที่ทำงาน มีนายตำรวจมาคอยต้อนรับ
ทำท่าพินอบพิเทาตามระเบียบ ไม่แปลก ก็เขาเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ให้ความ
เคารพ เป็นเรื่องเหมาะสม แต่พอไปพบตำรวจที่นั่งทำงานอยู่สิคะ ยศฐาบรรดาศักดิ์
ก็คงเพียงร้อยเวร เขาลุกขึ้นต้อนรับนายกฯ

อุแม่เจ้า เท่านั้นแหละสันดานของไอ้เด็กเวรก็ฉายขึ้นมาชัดเจน ลักษณะการพูด
กับตำรวจชั้นผู้น้อย มันดูไม่งามเลยค่ะ ไม่มีหางเสียง ดูเหยียดๆ คล้ายพูดกับคนใช้

ไอ้บ้านี่มันตีบทผิดตลอด (บอกแล้วไม่นักแสดงห่วย ก็ผู้กำกับเลว) เฮ้ยเว้ย เขา
ไม่ใช่ขี้ข้าแกนะ ถึงจะเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ต้องนับว่าเขา
เป็นผู้ร่วมงาน จะมาำเสียงแข็ง ไม่มีหางเสียงอย่างไรได้ อย่างกับพูดกับขี้ข้าบ้านแก

ดูเอาเถิดค่ะ เรื่องผูกใจคนเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ พ่อแม่คงไม่เคยสั่งสอน
คนเราเวลาไปพบคนอื่น หนึ่งเลยต้องให้เกียรติเขา ยิ่งจะมาสร้างภาพ
อาศัยเขายิ่งต้องทำให้ดูดี อย่างน้อยก็ต้องทำท่าตบไหล่ เหมือนที่สนธิทำกับตัว
จริงไหมคะ อะไร ไม่รู้จักเลียนแบบซะบ้าง โง่นี่
ID # 2004934 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-16 13:45:37 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ไม่ทราบสิคะ คนมีพ่อมีแม่ เขาต้องเคยสั่งสอนกันว่าอย่าดูถูกคนอื่น
พ่อ-แม่ป้าสอนมาอย่างนั้น คุณพ่อเป็นทหาร แต่มีคำสั่งชัดเจนว่า
ทหารรับใช้และคนทำงานบ้านสำคัญที่สุด กลับมาถึงบ้านปุ๊บ สิ่งแรก
ที่ถามคือ พวกเขากินข้าวกันแล้วหรือยัง คุณแม่ถึงกับเคยตื่นแต่เช้าไป
หุงข้าวให้เด็กรับใช้ (เมื่อมาใหม่ๆ) ตอนเด็กๆก็โกรธนะคะ ถามว่าทำไมต้อง
ไปหุงหาให้เขากินด้วย ถูกดุเลย ว่าก็เขามาใหม่ยังทำไม่เป็น ถ้าไม่ไปทำให้
เขากิน แล้วเขาจะมีแรงทำงานให้เราได้อย่างไร

คุณพ่อดุ เพราะเป็นทหาร เฉียบขาด แต่ไม่เคยดุดัน ให้ความสำคัญ
กับคนทำงานให้เสมอ ท่านสอนว่า หากเขาทำผิด ไม่ถูกใจเรา อย่าไป
โกรธ เขา เพราะถ้าเขาเก่งกว่านี้ ฉลาดกว่านี้ เขาไม่มาเป็นคนรับใช้เราหรอก

แต่อาการที่เห็นเมื่อเช้าคือ อาการของคนมีปมด้วย แต่กลัวคนอื่นเขา
เห็นปมด้อยของตัว เลยทำกร่าง พูดกับนายตำรวจไม่มีหางเสียงเลยค่ะ
มัน จี๊ด ทนไม่ไหว คนอะไร ไม่ได้รับการสั่งสอน ป้าเอง เวลาไปบ้านเพื่อน พูดกับเด็กรับใช้เขายังพูดดีๆด้วยเลย ส่วนเพื่อนป้าน่ะ ถึงขนาดพูดค่ะขาด้วยเลยด้วยซ้ำ มันจะไปยากอะไรนักหนา ยิ่งเด็กกะเหรี่ยง อยากให้เขา
พูดกับเราเพราะๆ ก็ต้องพูดกับเขาเพราะๆ ให้เขาฟัง เขาจะได้รู้ว่า การพูดจา
เขาต้องพูดแบบไหน การไปพูดสำเนียงแบบไม่ให้ความเคารพเขา เขาก็
จะนึกว่านี่แหละ คนเขาพูดกันอย่างนี้

สิ่งละอันพันละน้อยนี่แหละที่เป็นเสน่ห์ ผูกพันใจคนให้รักได้จนหมดใจ
เป็นสิ่งเดียวที่นายอภิสิทธิ์ ทำไม่ได้ อาจเป็นเพราะไม่เคยได้รับการสั่งสอน
หรือไม่ก็เป็นเพราะสันดานดิบของตัวเอง ที่คอยดูถูกดูหมิ่นคนอื่นเขาร่ำไป
มันถึงได้แสดงออกมาทางสีหน้า,แววตาและน้ำเสียง

มี่ที่ไหน ได้คุยตอบโต้กับนายกในดวงใจ

ID # 828000 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-14 14:48:14 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


เป็นบ่ายที่มีความสุขนะคะ ได้อ่านที่ท่านนายกฯทักษิณ ทวีตมาว่า
"ผมปลื้มใจที่มีfollowersในtwitterถึง๑๓๒๕๒ท่าน" แล้วเราก็มีโอกาส
ได้โพสท์ตอบไป พวกเราตอบอะไรไป ท่านก็รับรู้ได้ เช่นวันก่อน ท่านคุย
เรื่องลำไย ยังมีคนท้วงไปกลัวท่านจะร้อนใน ท่านก็ทวีตตอบมา ถึงวิธีแก้

ดูใกล้ชิด ดีจริงๆ เป็นนายกฯที่เข้าถึงได้ มีความจริงใจ อย่างนี้จะไม่รัก
อย่างไรได้ รักท่านหมดใจไปแล้วล่ะค่ะ

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ถึงคุณตองปลิว

ID # 827967 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-14 12:11:37 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ที่บอกคุณว่าอย่าเกเร เพราะ กระทู้ของคุณ ก็เปิดได้ตามปกติ
แต่คุณก็ตั้งกระทู้ โวยวายเอากับ แอดมินฯ จึงได้เขียนบอกคุณว่า
อย่าเกเร แอดมินฯเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย การเข้ามาโวยวาย
ไม่มีใครเขาชอบ

แต่คุณไม่เข้าใจ ยังมาตั้งกระทู้โวยวายป้าปากเกร็ดอีก น่ารำคาญมาก
ห้องนี้ ตั้งขึ้นมา มีกฎตายตัว ห้ามโต้เถียงกัน เด็ดขาด อยากต่อล้อต่อเถียง
เชิญลับคารมที่ห้องสังคม เขาตอบโต้กันสนุกมาก ห้องนี้ เราไม่อนุญาต
ให้เถียงกัน คุณคิดต่างได้ แต่ไม่ใช่พอคนเขามาตอบต่างไป แล้วคุณต้องเข้า
มาโต้ หากเกิดเหตุการณ์นั้น เราลบทันที

แต่กระทู้ของคุณ ยังไม่มีใครเข้าไปทุ่มเถียงอะไรเลย แม้ชื่อกระทู้ของคุณจะ
ดูทะแม่งๆก็ตาม เข้าไปอ่านแล้วก็ผ่านไป หากจะถูกลบ ก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับมด
ใครจะไปรู้หากคุณลบของคุณเอง แล้วมาป้ายสีคนอื่นก็เป้นไปได้ทั้งนั้น

ก่อนจบขอฝากกลอนที่เขียนให้ลุงอิ่นคำ เกี่ยวกับห้องนี้ให้คุณอ่าน เชื่อว่าคุณ
เองคงไม่เคยเข้าไปอ่าน อ่านจบแล้ว ก็ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย ห้องนี้เราอยู่กัน
อย่างสงบ หากจะมาขว้างปา เดี๋ยวป้าจัดการลบ ก็เท่านั้นเอง

ID # 1994541 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-13 10:56:30 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ไม่เป็นกลอนอ่อนช้อยค่อยๆเขียน
เป็นสังเวียนความรักสมัครสมาน
มีถ้อยทีมีภาษามาเจือจาน
มีให้อ่านตามใจไม่งอแง

กฏของห้องเคร่งครัดปฏิบัติด้วย
คือรุ่มรวยคำขันอย่าหมั่นแถ
ไม่ชอบใจบอกได้อย่าใช้แตร
เหล่าคนแก่ห้องนี้ขี้รำคาญ

หากทุ่มเถียงเขวี้ยงปาป้าลบหมด
ทำตามกฎงดตีมีคำหวาน
ตอดเล็กๆ เด็กทั้งหลายได้ชื่นบาน
คำโบราณก็มีให้ได้ครื้นเครง

ขอต้อนรับขับกลอนเชิญวอนว่า
เป็นภาษาไพเราะอย่าข่มเหง
ไม่ใช่กลอนก็ไม่ว่าถ้าร้องเพลง
เชิญบรรเลงเพลงเสนาะเพราะจับใจ

มีเรื่องเล่าเล่าได้ไม่ว่าหรอก
มีเรื่องบอกบอกเลยเฉลยไข
มีเรื่องเศร้าเราช่วยอำนวยชัย
มีอะไรไม่ว่าอย่าท้าตี

เพียงแค่นี้เข้ามาพักอุ่นรักหอม
ดอกพยอมหอมชื่นใจในแสงสี
คนตอบน้อยอย่าน้อยใจนะคนดี
ก็เรามีไม่กี่คนต้องทนเอา(อิ๊อิ๊)


อีกอย่างคุณเข้ามาก็ผิดกฎอยู่แล้ว เพราะเรามีกฎว่าต้องสมัครสมาชิกก่อน
แต่เห็นว่า บางทีไม่ได้บอกเรื่อยๆ คนมาใหม่จะไม่ทราบก็หยวนๆกันไป
แต่ถ้าคุณท้าตีท้าต่อย ก็ขอบอกว่า เราไม่ต้อนรับ จะว่าไล่ ก็เกินไป เอาเป็นว่า
เชิญไปที่อื่นดีกว่า หาก ไม่แน่ใจ ก็ทราบด้วยว่า ห้องนี้ ป้าปากเกร็ด เป็นเจ้าแม่ตัวจริง
ของห้องรักฯ (ตั้งตัวเอง) แต่ไม่ไเคยรังแกใคร เว้นแต่พวกเกเรเกตุง

กระทู้นี้ จะถูกลบเอง ภายในวันนี้ หวังว่าคุณจะได้อ่าน


อ้าวหายไปไหนล่ะ หรือไม่กล้าตอบ เพิ่งเห็นชื่อกระทู้ของคุณ
คงต้องสอนมารยาทอีกสักข้อ การเรียกชื่อล้อกอินของใครก็ตาม
ในห้องนี้ ส่วนใหญ่ เรามักใช้คำว่าว่าคุณ นำหน้าชื่อเสมอ

เพราะถือเป็นการให้เกียรติกัน การขึ้นชื่อด้วนๆ มันเหมือนการ
จิกหัวด่า ไม่น่ารักเลยค่ะ สังเกตดูได้ ในห้องนี้ เราเรียกนำหน้าว่าคุณทั้งนั้น
ยอมรับว่าโกรธนะคะ โกรธที่ ไม่พยายามเข้าใจ อุตส่าห์เข้าไป
อธิบายในกระทู้ที่หายไปแล้วด้วย กลับไม่ฟัง มาจิกหัวด่าอีก
ไม่ใช่เจ้ายศเจ้าอย่างหรอกค่ะ แต่ เชื่อว่า คนเราต้องมีความ
เกรงใจเป็นสมบัติติดตัวบ้าง

ไม่ทราบว่าจะให้อภัยได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวเองยังทำท่าไม่
รับรู้ ห้องนี้ เราถ้อยทีถ้อยอาศัยกันค่ะ รักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง
ไอ้ที่จะมาจิกหัวด่ากัน ไม่เคยมีใครทำ
อารมณ์ดีกาขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นข้อความทวีตของคุณทักษิณเลยค่ะคุณดอกมะลิลา
คนอะไรไม่รู้ แค่เห็นข้อความก็เป็นสุขใจเสียแล้ว

ทำพ่อแม่ให้มีสัมมาทิฐิ คือการตอบแทนสูงสุด

ID # 827427 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-12 15:42:57 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ไม่ได้เขียนเองนะคะ พระพยอมท่านเขียนไว้ในนสพ.โลกวันนี้
ท่านว่า การทำให้พ่อแม่เห็นถูก เห็นดี เป็นการตอบแทนที่สูงสุด
พ่อ-แม่ใครยังเห็นผิดเป็นชอบ ต้องพยายามทำให้ท่านหันกลับมาเห็นให้ถูกนะคะ

อย่าปล่อยให้ท่านเห็นกงจักรเป็นดอกบัว คนปกติทั่วไปเห็นว่ามันผิด
ท่านกลับเห็นว่าถูก ซ้ำยกย่องคนผิดอีก บาปนะคะ อย่าไปคล้อยตามท่าน
ต้องพยายามทำให้ท่านเห็นให้จงได้ว่า ที่เห็นเหลืองๆอยู่นั้น มันหาใช่
ทองไม่ ขี้ชัดๆเลยนะคะ ปล่อยให้เข้าไปเกลือกกลั้ว เดี๋ยวก็เหม็นหึ่งกันไปทั้งบ้านพอดี

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

A person's a person, no matter how small!

ID # 826831 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-10 16:49:06 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ไปเปิด ทีวีดู เจอ animation เรื่องHorton
ไม่เคยดูมาก่อนหรอกค่ะ คงเก่าแล้วล่ะ แต่สนุกจังเลย ดูแล้วได้แง่คิดหลายอย่าง

เรื่องก็คือ มีสัตว์อาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง อย่างมีความสุข จนวันหนึ่งมีฝุ่นผง
เล็กๆปลิวมา ลอยผ่านช้างใจดีที่ชื่อฮอร์ตั้นไป เผอิญฮอร์ตันได้ยินเสียง
เบาๆมาจากฝุ่นนั้น จึงพยายามที่จะหาดูให้ได้ว่ามีอะไร พบว่ามีโลกเล็กๆ
ที่มีประชากรอาศัยอยู่เมืองหนึ่ง มีนายกเทศมนตรีด้วย พบว่ากำลังจะเกิด
เหตุร้ายกับเมืองนั้น จึงขอร้องให้ฮอร์ตันช่วย

เจ้าฝุ่นผงที่เป็นเมืองนี้ลอยไปติดอยู่บนดอกไม้นะคะ นัยว่าเป็นดอกโคลเวอร์
ซึ่งคงเพื่อทำให้ช้างหยิบจับ เมืองในฝุ่นผงง่ายขึ้น เพราะหากให้จับฝุ่นมัน
คงจะลำบากไปนะคะ

ช้างใจดีก็เต็มใจช่วยเต็มที่ ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ แต่หนังจะไม่สนุก
ถ้าไม่มีผู้ร้ายสิคะ เรื่องนี้ก็มี จิงโจ้ใจร้าย ที่สำคัญเป็นตัวเมียเสียด้วย
(น่าสังเกตว่าผู้หญิงเวลาร้ายจะร้ายกว่าผู้ชายมากมายนัก) ที่ไม่เชื่อฮอร์ตันว่า
ในฝุ่นผงเล็กๆนั้น มีคนอาศัยอยู่ทั้งเมือง นางไปใช้บริการของอีแร้งแก่ค่ะ
ให้ช่วยกำจัด โดยพยายามจะแย่งเอาดอกไม้ที่มีฝุ่นผงทิ้งไป เกือบสำเร็จ
แล้วค่ะ แต่ด้วยความมุมานะของฮอร์ตันที่ไม่ละความพยายาม เขาหาดอก
โคลเวอร์ที่มีฝุ่นผงได้จากดงดอกโคลเวอร์ที่อีแร้งเอาไปโยนทิ้งไว้ ซึ่งมีจำนวน
นับล้านๆดอก

แต่ในที่สุด เมื่อนางจิงโจ้ใจร้าย ไม่สามารถใช้บริการของอีแร้งแก่ได้สำเร็จ
ก็ไปยุงยงสัตว์อื่นๆ และฝูงลิงให้มาช่วยกัน โดยอ้างว่าฮอร์ตันนั้นบ้า หลงเชื่อ
อะไรไม่รู้ที่ไม่เป็นจริง และการที่ฮอร์ตันพยายามที่จะใส่ความคิดนี้(ที่ว่า การที่เราไม่เห็น
ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่) เป็นอันตรายต่อป่ามาก เรียกว่า เป็นช้างที่มีทัศนคติที่
เป็นอันตรายต่อการปกครองของฝูงป่า (ฟังดูคุ้นๆนะคะ)

จนฝูงลิงขี้โมโห เชื่อ และพยายามจับฮอร์ตัน และมัดไว้ เพื่อแย่งชิงดอกโคลเวอร์ที่มีฝุ่นเมือง
เอาไปทำลายทิ้งเสีย ชาวเมืองก็พยายามอย่างยิ่งยวด ใช้ทุกวิถีทางที่จะส่งเสียงออกไปให้ดังที่สุด
ว่าพวกเขามีอยู่จริง แม้จะเสียงน้อยนิด แต่เมื่อพร้อมใจกันส่งเสียงอย่างเต็มที่ ในที่สุด ลูกของนาง
จิงโจ้ใจร้ายก็ได้ยินเสียงนั้น และประกาศออกมาว่าเขาได้ยินเสียง จึงทำให้เชื่อได้ว่า พลเมือง
ในฝุ่นผงมีจริง จึงได้ช่วยเหลือไม่ให้เมืองทั้งเมืองถูกทำลายลงไปด้วยฝีมือของแม่ใจร้ายของตน

เรื่องก็จบลงอย่าง happy ending ทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แล้วคำพูดนี้ก็ดังขึ้นค่ะ

A person's a person, no matter how small!



หนังจบลงอย่างมีความสุข แล้วเสียงเล็กๆของพวกเราที่พร้อมกันเปล่งออกมาขอความช่วยเหลือ
ตั้งหลายล้านคนจะส่งต่อไปให้ได้ยินถึงหูช้างไหมคะ หรือจะต้องถูกทำลายไปโดยจิงโจ้ที่ใจร้าย

เท่ห์แต่กินไม่ได้

ID # 826796 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-10 14:19:52 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ชื่อกระทู้ข้างบนมีคนเชาฝากมาให้ลงนะคะ คงทนไม่ไหวจริงๆ
เมื่อเช้าเห็นแล้วจากห้องโน้น แต่ไม่ได้เปิดไปดู โอ้แม่เจ้า เขาไม่อนุญาต
ให้ก๊อบมาลง ลองไปเปิดดูเองก็แล้วกันค่ะ (ขอแนะนำ อย่าเปิดตอนอิ่มๆ
เพราะอาจเกิดอาการ พุ่งได้)

นายกฯถ่ายภาพขึ้นปกนิตยสารแพรวสุดสัปดาห์

ดูเอาเถิดค่ะ ปัญหารุมสุมหัว ไม่มีปัญญาแก้ เรื่องเหลวๆอย่างนี้ชอบจริงๆ
ทำแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือก็เปล่า รังแต่จะทำให้
ชาวบ้านชาวช่องเขาเกิดอาการหาวเรอ กูจะบ้าตาย
คราวก่อนทีแล้ว ไปงานแจกรางวัลตุ๊กตาทอง แม่งก็ทำท่าอยากจะไปอยู่บ้านเอเอฟ
แม่งไปเป็นดาราเสียก็หมดเรื่อง อาการอย่างเนี้ยเหมาะจริงๆ คือ ปัญญาอ่อนนิดๆ
เล่นหนังเล่นละครเก่งนัก เพราะพวกนี้คิดเอง ไม่เป็น ผู้กำกับสั่งปุ๊บ ทำตามได้ทันที
ให้เล่นเป็นตัวเองโดยไม่มีผู้กำกับทำไม่ได้เด็ดขาด

นายกฯอย่างนี้หรือที่ไอ้แก่ออกปากว่าเป็นนายกที่ดีที่สุด ประเทศไทยโชคดีที่ได้ไอ้บ้าเนี่ย
มาเป็นนายกฯ กรูว่าแม่งบ้ากันทั้งยวงนั่นแหละ คนที่เห็นดีเห็นงามไปด้วยก็บ้าพอๆกัน

ชาวบ้านเขาเดือดร้อนจะแย่ แม่งเอาเวลาไปถ่ายแบบ ต้องฝากสติ๊กเกอร์ท้ายรถสิบล้อ
ที่ว่า

เท่ห์ ไม่มีจะแดก


เอาไว้ให้อ่าน เลิก ตกอยู่ในความฝันเสียทีไอ้สันขวาน หัดทำงานเสียบ้าง ทำไม่ได้
ก็ลาออกไป อย่าหน้าด้านให้คนเขาด่าสามเวลาหลังอาหารเลย

อุ๊ยต๊ายตาย..ว้ายกรี๊ด

ID # 826467 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-09 08:45:04 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


อยากจะร้องดังๆให้กับความงี่เง่าของรัฐบาลนี้จริงๆ
ให้บังเอิญไปอ่านกระทู้ห้องโน้นเจออ.สมศักดิ์ เธอมา
เขียนถึง อ่านแล้วทนไม่ได้ ต้องร้องอีกสามกรี๊ด

ลองอ่านดูเถอะค่ะ
อภิสิทธิ์ แจงรัฐให้งบสร้างหนังนเรศวร
อภิสิทธิ์ แจงรัฐให้งบสร้างหนังนเรศวร


นายกฯ อภิสิทธิ์ ร่วมแถลงรัฐบาลสนับสนุนงบสร้าง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร" ภาค 3 และ ภาค4 ระบุ ช่วยปลุกสำนึกให้คนไทยเทิดทูนพระมหากษัตริย์และรักสามัคคี

(8ส.ค.) เวลา 17.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงข่าวสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3-4 "สงครามยุทธหัตถี" โดยมี มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม และดารานักแสดงร่วมเป็นสักขีพยานคับคั่ง

นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีความหมายต่อประวัติศาสตร์และประชาชนชาวไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาและเพื่อส่งเสริมความรู้ เทิดทูนในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรด้านความกล้าหาญ อดทน เสียสละ กตัญญูต่อแผ่นดินและอัฉริยภาพการรบที่ทำให้ไทยดำรงเอกราชตราบจนทุกวันนี้และ ยังเป็นการปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรักชาติสมัครสมานสามัคคีและสร้างให้คนไทย รู้คุณและตอบแทนแผ่นดินไทย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมภาพยนตร์เรื่องนี้โดยมอบให้กระทรวง วัฒนธรรมเข้าดำเนินการ ซึ่งหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและช่วยปลุก จิตสำนึกคนไทยให้เกิดความรักความสามัคคีความหวงแหนแผ่นดินและเทิดทูนสถาบัน พระมหากษัตริย์ที่ได้ประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์ของคนไทย

ด้าน นายธีระ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่จะสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3 และ4 ทางกระทรวงนำงบประมาณจากงบไทยเข้มแข็ง โครงการ 2 มาสนับสนุน ส่วนจำนวนเงินที่จะสนับสนุน ต้องหารือกับม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล อีกครั้ง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบต่อไป


โอ้แม่เจ้า เลียกันจนลิ้นเกลี้ยงไม่มีปุ่มแล้วสิ พูดออกมาได้ เอาเงินมาจากงบไทยเข้มแข็ง
สร้างหนังเนี่ยนะทำให้ไทยเข้มแข็ง เห็นมีแต่คนสร้างล่ะสิที่เข้มแข็ง

เท่าที่เคยได้ยินเขานินทามา เงินทุนน่ะได้มาตั้งนานแล้ว แต่คนสร้างน่ะไม่ทราบเอาไปถลุง
ทางไหนหมด แล้วมันเรื่องอะไร มาเดือดร้อนเงินชาวบ้าน(เงินรัฐบาลก็เงินภาษีเราทั้งนั้น)
ปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าไม่มีปัญญาแก้ ชอบทำงานเอาหน้าอย่างนี้เอง

หนังสร้างไปตั้งกี่ตอนแล้ว เห็นคุยโขมงโฉงเฉงว่าทำรายได้ถล่มทลาย ขายต่างชาติได้
ตั้งเยอะ แล้วนี่อะไร มาไถเงินภาษี แล้วไอ้กำไรที่ได้มันหายไปทางไหนหมด การลงทุน
ทำอะไรสักอย่าง หลักง่ายๆ ขั้นพื้นฐานเลยก็คือ ทำแล้วต้องได้กำไร จะได้มีทุนไว้ทำต่อ
หากทำแล้วขาดทุน จะทู่ซี้ทำอยู่ทำไม ที่สำคัญลองให้ท่านมุ้ยไปหาเงินกู้มาสร้างน่ะ จะ
ทำไหม เอาเงินคนอื่นมาถลุงน่ะ มันก็สนุกดีหรอก ใครๆเขาก็อยากได้

ที่มันทุเรศคือ หากจะสนับสนุนหนังไทยจริงๆ ไม่เห็นต้องออกทุนให้สร้างเลย แค่ที่เขา
ขอกันมาเป็นชาติแล้วนั่นแหละจะเรียกว่าเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมหนังไทย แล้วทำไม
ต้องเจาะจงสนับสนุนเฉพาะเรื่องนี้

การเข้าโรงหนังเป็นสิ่งบันเทิงที่ฟุ่มเฟือย(ค่าตั๋วเดี๋ยวนี้ ร้อยเดียวก็ไม่พอดู) เศรษฐกิจไม่ดี
ใครจะเข้าโรงไปดูหนัง หลักการลงทุนง่ายๆ ก็ถ้าคนไม่ดู ขาดทุนอยู่เห็นๆ แล้วทำทำไม
ถ้าว่าเพื่อชาติ ก็ยิ่งอยากอ้วก เวลานี้ รักษาสถานะภาพชาติ ไม่ให้ล่มจมเสียก่อนเถอะ ไม่ใช่
เอาไปลงทุนสร้าหนัง พวกแกเอาเงินไปใช้อีลุ่ยฉุยแฉก ทำแต่เรื่องเหลวๆ หนทางที่จะก่อให้
เกิดผลกำไรกลับมาไม่มีเลย เป็นการเอาเงินไปละลายให้หายสูญแท้ๆ

ที่คุณทักษิณว่า เอาเด็กสองคนมาแก้ปัญหาชาติน่ะ ไม่พอเสียแล้ว เพราะหากเป็นเด็กจริง
มีผู้ใหญ่คอยช่วยประคับประคอง พอลากลู่ถูกังไปได้ แต่นี่มันเป็นเด็กปัญญาอ่อนอีกด้วยน่ะสิ
เคยเห็นไหมคะ เด็กพวกนี้น่ะมันดื้อ สอนก็ยาก บทจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาน่ะ ใครก็เอาไม่อยู่
พ่อแม่เลยต้องเอาอกเอาใจ(กลัวมันแผดร้อง หนวกหู) แต่นี่ประเทศนะคะ มีคนที่ต้องดูแล
อีกตั้งกว่าหกสิบล้านคน ไปมัวตามใจไอ้เด็กเวรนี่ได้อย่างไร อีกหกสิบกว่าล้านคน ตายหมด
พอดี

กาแฟและถ้วย

ID # 825923 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-07 10:07:52 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข




วัฒนธรรมการดื่มกาแฟในบ้านเรา มีมานาน ถ้วยที่ใสกาแฟก็มีแตกต่างกัน

เมื่อก่อน การดื่มกาแฟ ตามร้านกาแฟ (ของอาโกสิคะ) ก็ตอนนั้นร้านกาแฟ

สีเขียวยังไม่มี แก้วกาแฟจึงไม่ใช่ถ้วย แต่เป็นแก้วใส ใบไม่โตนัก ขุ่นคลั่ก

ไปด้วยน้ำกาแฟ(ที่เขาว่าบางร้านใช้เมล็ดมะขามคั่วแทน) เพราะกาแฟ เป็น

ของแพง หายาก พ่อค้าเลยหัวใส คิดว่ากาแฟก็คืออะไรที่ดำๆขมๆเท่านั้นเอง

เมล็ดมะขามจึงเป็นทางออก เพราะทั้งดำและขม (โถอาแปะ ช่างไม่รู้เลยว่า

กาแฟ มันมีค่ามากกว่านั้น



ต่อมากาแฟสำเร็จรูป หาซื้อง่าย มีให้เห็นทั่วไป สามารถชงดื่มเองตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน

ได้ด้วยตนเอง ถ้วยกาแฟจึงเข้ามาในชีวิตประจำวัน คนจำนวนไม่น้อยแสวงหาถ้วยกาแฟ และ

ให้ความใส่ใจมากกว่ากาแฟในถ้วยเสียอีก



ถ้วยกาแฟมีหลากชนิด บ้างก็สวยเรียบหรู บ้างก็ต้องขลิบทอง(นัยว่าเพิ่มความดูดีมีชาติตระกูล)

บ้างก็เป็นลายการ์ตูน ดูน่ารัก แต่บางคน ชอบถ้วยกาแฟฟรีที่เขาแจก แถมมา (ถือเอาว่า กาแฟ

สำคัญกว่าถ้วย)



ถ้วยกาแฟจึงกลายเป็นการสอนปรัชญาขั้นพื้นฐาน ถ้วยดูดี กาแฟจะมีรสชาด ถ้วยแตกบิ่นกินไป

ก็ไม่อร่อย จงทำตัวเป็นถ้วยกาแฟที่สวยและพร้อมที่จะรองรับกาแฟดีๆของชีวิต เลือกรับแต่สิ่งดี

ชีวิตจะมีคุณค่า อย่าสักแต่รูปสวย แต่ไม่เลือกรับเอาสิ่งที่จะมาเติมเต็ม รูปสวยแล้ว ข้างในต้องดี

มีคุณค่าด้วย ชีวิตจึงจะสมบูรณ์ สมชาติเกิด



เลือกรับกันหน่อยนะคะ อย่าสักแต่ว่าอะไรก็ได้ เอาให้มันเต็มก็พอ

จะเป็นการขอมากไปไหมเนี่ย!

ID # 825805 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-06 21:14:40 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ถ้าจะมาชวนให้ไปโหวตให้@nattachai ที่ http://tweeterwall.mallplace.com/tw/thailand/mr-twitter

อิ๊อิ๊ ลูกชายป้าเองล่ะค่ะ เจ้าของบริษัท crie เป็นคนทำเวปhttp://www.pg.in.th/home/
เวปที่มีคำขวัญว่า "ถ่ายรูปเด็ดขึ้นเน็ตทันที"

เกรงใจ๊เกรงใจ ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยไปโหวตกันหน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ

มันแถลงผลงานหรือขายฝัน!

ID # 825815 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-06 21:40:50 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ไม่ได้ติดตามฟังหรอกค่ะ การแถลงผลงานน่ะ เพียงแต่ฟังเอาจากข่าววิทยุ
ได้ความว่า ผลงานหกเดือนไม่มี มีอยู่ข้อเดียวที่คุยไม่จบคือการเรียนฟรีที่ไม่ฟรีจริง
ต้องยกเอาข้อนี้มาคุยเพราะโพลเขาไปสำรวจมา ได้ความว่า นโยบายข้อนี้โดนใจที่สุด

นอกจากนั้นก็เป็นการทำตามที่รัฐบาลคุณสมัครได้ทำไว้ ห้าหกข้อ เช่นรถเมล์,รถไฟฟรี
น้ำไฟฟรี อะไรทำนองเนี้ย ยังเอามาคุยเป็นผลงานก็ได้ด้วย

แต่ที่มากที่สุด คือพร่ำเพ้อว่าจะทำอะไรต่อไปในอนาคต(ซึ่งก็ยังไม่แน่ว่าจะได้เป็นรัฐบาลไปอีกนาน
เท่าใด) แล้วไอ้ฝันลมๆแร้งๆของพรรคนี่น่ะ มันเคยทำได้เสียที่ไหน 99วันทำได้นั่นปะไร
ใครว่ามันทำได้บ้าง เอาแค่เรื่องราคาน้ำมันก็สอบตกยกชํ้นเสียแล้ว

หากยังมีสติ หากยังมีความยุติธรรมในหัวใจ ก็ต้องยอมรับว่า รัฐบาลสอบตก
แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้เลย แต่น่าแปลกไหมล่ะคะ ที่บรรดาพ่อค้า นายทุนทั้งหลาย
กลับบอกว่ารัฐบาลนี่ดี แก้ปัญหาได้ ทำไมหรือคะ ก็ชาวบ้านเขาเห็นกันทั่วว่าปัญหา
มันแก้ไม่ได้ มันแก้ไม่ถูกจุด แต่ทำไม พ่อค้า(สมาคมการค้าทั้งหลาย) ถึงได้บอกว่ามันแก้
ถูกจุดแล้ว คงไม่เป็นการมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป ที่จะต้องยอมรับว่า รัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์
เนี่ย พ่อค้าชอบ ทำไมหรือคะ ก็มันหากินง่ายดี ขอเพียงเข้าให้ถูกจุด จ่ายให้เพียงพอ
จะทำมาค้าขายคล่องกว่ารัฐบาลที่ถูกหาว่าโกงกินเป็นไหนๆการประมูลโดยวิธี e-auction
ก็ทำให้ฮั้วกันลำบากเสียแล้ว

นั่นคงเป็นเหตุผลที่พ่อค้าให้รัฐบาลนี้สอบผ่าน เพราะรอมานาน รัฐบาลที่รับสินบาทคาดสินบน
เอากันอย่างโต้งๆ ไม่ต้องทำเหนียมอาย 20-30% กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง ไม่อย่างนั้น
โครงการชุมชนแพงพอ จะเกิดหรือคะ แม่งบ้าหรือเปล่า มีรายการให้เลือกอยู่ไม่กี่อย่าง
เป็นพิมพ์เขียวไปทั่วประเทศ

โอ้แม่เจ้า หนึ่ง-สองรายการในลิสต์นั้น มีโรงสีข้าวขนาดย่อมด้วย ( โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด)
ชุมชนพญาไทเนี่ยนะ จะเอาเครื่องสีข้าวไปทำอะไร ยังๆยังมีอีกค่ะ เครื่องหมักปุ๋ยชีวภาพ
พ่อมันคงอยากให้เอาซากศพพ่อแม่มันไปหมักทำปุ๋ย ไว้ใส่ ต้นไม้ของกทม.

ชาวบ้านเขาให้คะแนนสอบตกทั้งนั้น มีแต่พ่อค้าเท่านั้นแหละที่ชอบ แต่ยังดีที่ยอมรับว่า
การสร้างความสมานฉันท์ทำไม่สำเร็จ ก็มันจะสำเร็จได้อย่างไร ในขณะที่ชาวบ้านเขา
ทุกข์ทนจนต้องเข้าชื่อถวายฎีกา ดันเสือกออกมาคัดค้าน ระดมสรรพกำลังของรัฐเข้าขัดขวาง
อย่างเต็มที่ แล้วมันจะเกิความสมานฉันท์ได้อย่างไร

การแถลงผลงาน จึงกลายเป็นการค้าความฝันกันต่อไป หวังว่าคงมีสักวันที่มันจะทำได้

ถามจริงๆ..ผิดกฎหมายไหมเนี่ย

ID # 825000 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-04 17:00:36 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


เห็นได้ข่าวว่ามีการตั้งโต๊ะ คัดค้านการถวายฎีกา
คนอย่างป้ามีหรือจะเชื่อ ไม่ไปดูให้รู้จริง เป็นไม่เชื่อเด็ดขาด
เป็นศิษย์ตถาคต ไม่เชื่อที่เขาบอกต่อๆกันมา ไม่เชื่อเพราะคนพูดน่าเชื่อถือ

ไม่ไปเห็นด้วยตาไม่เชื่อเด็ด วันนี้เลยไปที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีมา
ไปถ่ายรูปมาให้เห็นเป็นประจักษ์พยาน สิ่งที่ท่านจะได้เห็นต่อไปนี้
เป็นภาพที่ถ่ายจากสถานที่จริง ไม่มีการตัดต่อ โต๊ะวางไว้เคียงคู่กัน
เชิญทัศนาค่ะ



บรรยากาศโดยรวม ภาพนี้ตื่นเต้นไปหน่อย กลัวเขาว่าว่าถ่ายไม่ได้ เลยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
สถานที่คือ ศาลกลางจังหวัด ส่วนที่ติดต่อเรื่องแรงงานนะคะ

ภาพต่อไปเป็นภาพโต๊ะให้ลงชื่อถวายพระพร สังเกตดูมีคนเซ็นมากเหมือนกัน



ภาพเด็ดคือภาพนี้ ใช้เป็นหลักฐานแจ้งความเอาผิดข้าราชการได้ไหมเนี่ย
ฐานประพฤติโดยมิชอบ มีหน้าที่อะไรมาตั้งโต๊ะ ให้เซ็นชื่อคัดค้านการถวายฎีกา
สิทธิ์ของการถวายฎีกาเป็นของชาวไทย ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญไม่ใช่หรือ
ทำอย่างนี้ต้องการให้เกิดการแบ่งพวกใช่ไหม ใครพอทราบกฎหมาย
ช่วยหาช่องทางเอาผิดหน่อยเถิดค่ะ ไม่มีใครไปแจ้งความ ป้านี่แหละจะไปแจ้งเอง
หลักฐานภาพถ่ายก็มีพร้อม แต่ขอโทษ เท่าที่ชะโงกดู มีอยู่ชื่อเดียวนะคะ

แนะนำเวปไซต์ใหม่

ID # 824968 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-04 15:08:21 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


คุณกระบี่ไร้พ่ายหายไปเสียนาน ยังจำเรื่องตลกของทั่นนายพลได้ดี
สนุกมากๆ วางไว้ในห้องน้ำ ว่างๆก็หยิบขึ้นมาอ่าน ทำให้ถ่ายคล่องดีมากๆ
แต่วันนี้ไม่ได้มาแนะนำหนังสือหรอกค่ะ เธอฝากแนะนำเวป ความว่า

แนะนำเว็บไชต์ครับคุณป้าปากเกร็ด http://www.deepandsure.com คนทำหัวใจสีแดงครับ ฝากช่วยประชาสัมพันธ์หรือช่วยวางลิ้งค์ด้วยจะเป็นพระคุณครับ อยากให้เข้าถึงหูพวกมันบ่อยๆ ยุทธศาสตร์ตาต่อตา ฟันต่อฟันครับ ให้มันแค้นจุกอกตายกันบ้าง(ฮา) ถ้ามีอะไรจะแนะนำบ้างก็ยินดีนะครับ


ทำหน้าที่เรียบร้อยแล้วนะคะ ฝนซาฟ้าใสแล้ว เดี๋ยวไปศาลากลางใหม่อีกที

คงยังไม่สายที่จะเรียนรู้

D # 824223 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-02 13:11:43 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


เก็บตกจากการที่นางฮิลลารี่ คลินตั้นมาเยือนประเทศไทย
นอกจาจะมาใช้เวทีการประชุมรมต.อาเซี่ยนด่าว่าเหน็บแนม
พม่าและเกาหลีเหนือ เธอยังได้มีโอกาสไปให้สัมภาษณ์นาย
หยุ่น แต่เนื่องจากพวกเราคงไม่ได้ติดตามดู นสพ.บางกอกโพสท์
โดยทนายความ ทองใบ ทองเปาน์ เอามาเขียนถึงเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
ลองอ่านดูก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยมาคุยกันต่อถึงทัศนคติของเธอ

COMMENTARY
Sound advice from Hillary Clinton on overcoming rivalry

Writer: THONGBAI THONGPAO
Published: 26/07/2009 at 12:00 AM
Newspaper section: News

There is no ignoring that the star of the Asean Ministerial Meeting in Phuket last week was Hillary Clinton, the US secretary of state and a former presidential candidate. Although she lost to Barack Obama, she was hand-picked by him to lead the State Department, a position that entitles her to be the mouthpiece of the world's superpower.

In Phuket her every move was closely watched. How important is she? Judging from the tens of thousands of Thai and 200 American security officials surrounding her, she is priceless. Indeed, Mrs Clinton remains as popular as ever. She paid a courtesy call at Government House and had a talk with Prime Minister Abhisit Vejjajiva. She stepped on some toes at the meeting by making bold comments that offended representatives from North Korea.

But what intrigued me the most was her interview with respected journalist Suthichai Yoon, in which she provided an insight into how observant and brilliant she is. To the question of how she viewed Thailand, Mrs Clinton said: ''I think that our relationship and close partnership over the years gives us a broad understanding of Thailand. So it's both the land of smiles and a place that is a vibrant democracy. Perhaps sometimes its politics is as spicy as its food.'' Mrs Clinton must know both Thai food and Thai politics well to make such a canny remark. It remains to be seen whether Thai politicians take it as a compliment or an insult.

Mrs Clinton seems to have compassion for Thais, who have to watch what they wear every time they step out of their houses. She said: ''I know there are certain colours that I should not wear.'' She then added jokingly: ''That's all right because some of them don't look very good on me anyway, so I am safe from that.''

Her remark was both funny and true. Ordinary people who would like to remain politically neutral have had to steer clear of at least two colours in recent years. We have learned to shut our mouths when riding in a taxi because any political comment could easily lead to an unwanted row. Some taxi drivers lock their radio tuners to stations which condemn the opposing group and we can do nothing but put up with it. Sensible people who would like to remain colour blind are careful not to express political opinions at this time.

When asked whether she was going to stop the practice of secret CIA camps where terrorist suspects were tortured, one of which was allegedly in Thailand, she replied: ''I'm not going to talk about the past. We have moved beyond that.''

This is understandable. Mrs Clinton dodged the subject because in the past Americans had caused pain in this country. Such things should not recur under her boss's watch. Immediately upon taking office Mr Obama moved to close the Guantanamo Bay prison where inmates were tortured, a practice a human rights-promoting country like America should not have adopted in the first place.

When asked how it felt to work with her former competitor for the presidency, Mrs Clinton said it was one of the most common questions she was asked in Asia. ''We really worked hard against each other to defeat the other, and we said some things about each other that weren't the nicest things to say.

''But in our country, when the election is over, we try to work together for the good of the country. And in our system, when the president asks you to serve, you feel that you really should because you want to help the president succeed. And so the president has asked Republicans to serve _ not just Democrats like me who competed against him _ and Vice-President Joe Biden also ran against him for a while,'' she said.



She added: ''When I was in Indonesia, it was such a common question because in many countries, the hard-fought political competition continues. They don't look, they don't talk to each other; it's very personal, lines are drawn.

''And so the Indonesians kept saying, 'How do you work with somebody you ran against?' I said, well, that's what we have learned through all these years of democracy, that the country must come first; that politicians come and go, people win and lose elections. But once the election is over, you can still have policy disagreements. And we do, as is obvious. But we should try to get along and we should try to pull in the same direction for the good of the country.''

Full marks for her on this. Good luck, Mrs Clinton.


ดูสิคะ ความคิดของคนในโลกที่เจริญแล้ว เขาคิดอย่างไร เทียบกับความคิดของคน
ในโลกที่สาม เธอย้ำว่า คำถามนี้
ทำงานกับอดีตคู่ต่อสู้ได้อย่างไร

คนในเอเชียชอบถาม แล้วยกตัวอย่างอินโดนิเซีย มันน่าคิดนะคะ

มันแสดงให้เห็นว่าโลกที่สาม การเมืองเป็นเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะในประเทศงี่เง่า
ที่ชื่อประเทศไทย ฝ่ายค้านของเราจึงเป็นได้เพียงฝ่ายแค้น ประเทศชาติถูกผลักไปไว้ข้างหลัง
ผลประโยชน์เป็นเรื่องของตนก่อน อย่างที่เคยบอก ไม่มีใครรักประเทศเลยสักคน
เรายอมกันไม่ได้ เพียงเพราะเขาเป็นฝ่ายตรงข้าม ประเทศถึงได้ประสบปัญหาอยู่ร่ำไป

เมื่อใดเราคิดได้อย่างผู้คนในชาติที่เจริญแล้ว เมื่อนั้นเราจึงจะกลายเป็นประเทศที่เจริญ
กับเขาบ้าง ไม่ล้าหลังงมโข่ง กัดกัน โดยอ้างอะไรก็ไม่รู้ที่ถ่วงชาติไว้ให้ตกต่ำอยู่เช่นนี้
ไม่ได้ชื่นชอบอะไรกับฮิลลารี่นักหนา แต่ก็เห็นว่าอเมริกันเป็นอย่างนี้ เวลาสู้เขาสู้สุดฤทธิ์
แต่เมื่อแพ้ เขาไม่แค้น เห็นแก่ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง สิ่งนี้แหละค่ะที่ต้องปลูกฝัง

นายกและรัฐบาลที่ตอแหล

ID # 823873 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-01 11:53:01 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


จะอยู่บริหารประเทศต่อไปได้อย่างไร ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พูดออกมา
แล้วชาวประชาจับได้ จะทำเป้นตลกจ๊กม้ก หัวเราะแหะๆแล้วบอกว่า
"ล้อเล่น" อย่างไรได้

ล่าสุด ก็เมื่อวานนี้สิคะ สื่อข่าวออกไปว่า ผบ.ตร. ลาพักร้อน 10วัน
แม้ไม่ได้หลุดออกมาจากปาก แต่ลิ่วล้อคนใกล้ตัวก็ออกมาพูดเอง
เมื่อวานเย็นได้ยินไอ้หมอตะหวักตะบวย โทร.เข้าสายรายการช่วงเย็น
ของ พัชระ สารพิมพา กับ วิสุทธิ์ พรหมรัตนพงศ์ (หรือไงเนี่ย)
ชื่อรายการ"ข่าวเด่น ประเด็นร้อน" ออกมาพูดว่าผลการเจรจาออกมา
ว่า ตกลงคุณพัชรวาทลาไปต่างประเทศ

ซึ่งในความเป็นจริงเจ้าตัวออกมาปฏิเสธข่าวแล้ว รัฐบาลถูกจับตอแหล
ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ยังจะหน้าด้านบริหารงานต่อไปอยู่อีกหรือ หรือ
เชื่อจริงๆว่าประเทศนี้ชื่อ "ตอแหลแลนด์"
คงไม่รอฟังคำตอแหลอีกหรอกค่ะคุณเฮ้อ มันตอแหลจนเป็นสันดาน
คนเราหากโกหกได้ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อๆไปก็คงไม่ยาก

เขาว่าคนที่โกหกในครั้งแรก แล้วถูกจับได้ จะพูดจริงอีกกี่ครั้ง
ก็คงเป็นจริงไปไม่ได้ มันต้องโกหกไปเรื่อยๆ แต่ปัญหาคือการ
โกหก มันเหนื่อย เพราะต้องคอยจดจำว่าเคยโกหกอะไรไว้
ต่างกับการพูดแต่ความจริง พูดกี่ครั้งก็เหมือนเดิม

ที่สำคัญไอ้บ้ามาร์คมันไม่เคยโกหกเอง มีคนเขียนบทโกหกให้
มันเลยเหนื่อยกว่าคนโกหกเองไปอีกเยอะ ได้แต่สมน้ำหน้ามัน
สงสารแต่ประเทศชาติที่ต้องทนฟังมันตอแหลไปเรื่อยๆ
โห แกมีปมด้อยเอาหนักๆเลยนะคะนั่น ต้องใส่ไทเทิ้ลด้วย ตอกย้ำกลัวคนลืม
ว่าแต่จริงๆมันย่อมาจากคำว่าไรคะ คำนำหน้าน่ะ ใช่คำนี้หรือเปล่า?

PUPPET MORON

มันคุ้มค่าไหมกับผลงานที่ทำ

ID # 823816 - โพสต์เมื่อ : 2009-08-01 08:35:14 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ลองอ่านข่าวนี้ก่อนค่ะ จากนสพ.โลกวันนี้ฉบับเมื่อวาน
รัฐบาลใช้งบ10ล้านตีปี๊บผลงาน6เดือน


"สาทิตย์" เผยรัฐบาลจะใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน 10 ล้านบาท
ประชาสัมพันธ์ผลงานในรอบ 6 เดือน ผ่านทางสื่อทุกรูปแบบ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์
สิ่งพิมพ์ และป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ คุยประหยัดสุดๆแล้วเพราะทำเองไม่ได้ว่าจ้าง
เอเจนซี่ดำเนินการ เผยอาจต้องเลื่อนแถลงผลงานจากเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 3 ส.ค. นี้
เนื่องจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีติดประชุมชี้แจงกับวุฒิสภาเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน 400,000 ล้านบาท

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า
รัฐบาลอาจจะเลื่อนการแถลงผลงานรอบ 6 เดือนออกไปจากกำหนดเดิมวันที่ 3 ส.ค. นี้
เนื่องจากในวันดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี
ต้องเข้าร่วมประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลัง
กู้เงิน 400,000 ล้านบาท

"ถ้าการพิจารณาของ วุฒิสภายืดเยื้อก็อาจต้องเลื่อนการแถลงผลงานของรัฐบาลออกไปก่อน"
นายสาทิตย์กล่าวและว่า รูปแบบการแถลงผลงานที่คิดไว้คือ ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ท่านอื่นๆนั่งแถลงผ่านสื่ออย่างเป็นทางการ แต่รายละเอียดปลีกย่อยในการแถลงยังไม่ได้กำหนด

นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องการใช้สื่อที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด จึงให้ความสำคัญ
กับสถานีวิทยุชุมชนที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยจะใช้วิธีทำความเข้าใจกับประชาชนผ่านรายการ
ต่างๆของวิทยุชุมชนทั้งใน เรื่องผลงานของรัฐบาล และโครงการไทยเข้มแข็ง
ส่วนสื่อกระแสหลักของส่วนกลางจะมีการยิงสปอตโฆษณาผ่านทางสถานีโทรทัศน์
ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. เป็นต้นไป นอกจากนี้จะมีการทำป้ายโฆษณาติดตามสถานที่ต่างๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่าใช้ งบส่วนไหนดำเนินการ จำนวนเท่าไร นายสาทิตย์กล่าวว่า
ใช้งบประมาณของสำนักนายกรัฐมนตรีประมาณ

10 ล้านบาท


การดำเนินการใช้วิธีขอความร่วมมือโดยรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการเองไม่ได้ทำงาน
ผ่านเอเจนซี่


"ก็มีปรึกษาเอเจนซี่บ้าง แต่การซื้อเวลารัฐบาลดำเนินการเอง ใช้วิธีพูดคุยทำความเข้าใจ
เช่น ถ้างบเท่านี้ได้เวลาเท่าไร ขอขยายมากกว่านั้นได้หรือไม่ ในขณะที่การทำป้ายโฆษณา
ก็ใช้ลักษณะขอความร่วมมือจากบริษัทที่ทำให้คิดราคา พิเศษ
ส่วนหนังสือรวบรวมผลงาน
ก็ซื้อแต่กระดาษใช้โรงพิมพ์ของสำนักเลขาธิการนายก รัฐมนตรี รับรองได้ว่าประหยัดอย่าง
สุดๆอยู่แล้ว" นายสาทิตย์กล่าว


เจ้าข้าเอ๊ย ทำงานมา 6 เดือน ผลงานไม่มี ความดีไม่ปรากฎ
ใช้งบประมาณ (ซึ่งเป็นเงินของประชาชน) ไปจัดการแถลง ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะแถลงอะไร
แล้วมีความจำเป็นอะไรที่ต้องแถลง ก็ในเมื่อหากมีผลงานจริง ก็ย่อมเป็นที่ประจักษ์แล้ว
แก่สายตาประชาชน จะต้องตีปี๊บอะไรกันอีก

แต่เพราะมันไม่มีอะไร เลยต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก สร้างภาพ ใส่สี เติมไข่ เมื่อวานก็ได้ข่าว
ว่าไปปิดถนนถ่ายทำผลงาน รถติดกันวินาศสันตะโร อะไรกันนักหนา ชาวบ้านเดือดร้อน
เรื่องปากท้อง พวกมันเอาเงินมาผลาญ ตั้งสิบล้าน เพียงเพื่อจะหลอกชาวบ้านว่ามีผลงาน
ไหนจะเรื่องเศรษฐกิจ ไหนจะเรื่องไข้หวัด เงินสิบล้านที่พวกแกว่าไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย
หากนำเงินส่วนนี้ไปแก้ปัญหาก็ยังจะได้ผลดีกว่านี่แน่ๆ

สื่อของรัฐก็มี แกก็ใช้เวลาแค่นั้นแถลงผลงานก็พอแล้ว ทำไมต้องมาจ้างสื่ออื่นๆ (โปรดสังเกต
ใช้คำว่าขอความร่วมมือ อีอแล้วครับท่าน) คราวที่แล้วยังไม่เข็ด กับ SMS ผลงานอัปยศ
คราวนี้เอาอีกแล้ว มันน่าฟ้องจริงๆ ว่ารัฐบาลเบียดบัง ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ มันฟังดู
ว่าต้องผิดสักข้อแน่ เพียงแต่ไม่มีใครยกมาฟ้องร้อง เพราะประเทศนี้มันขาดแคลนความเป็นธรรม
แล้วก็อาจคิดว่าเงิรแค่สิบล้าน แต่ก็นี่แหละ ลักษณะการโกงกินของรัฐบาลนี้ ตอดเล็กตอดน้อย
ค่อยๆแบ่งกันกิน ดูโดยภาพรวมเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ใช่การโกงกินแบบมโหฬาร แต่ลอง
บวกดูเถิดค่ะ ว่าพวกมันแบ่งกันกินอย่างทั่วถึงไปเท่าไหร่แล้ว

ป้ายโฆษณา

โอ้แม่เจ้า มันจะทำทำไม รัฐบาลนี้ชอบแอบหาเสียง โดยใช้เงินภาษีจริงๆ
ชอบนักกับการติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ รกหูรกตา เกิดทัศนอุจาด แต่พวกมันคิดว่าดี เพราะได้ติดป้าย
หาเสียงฟรี ไอ้พวกโง่นี่คิดอะไรไม่ออกจริงๆ นอกจาโกงเล็กๆน้อยๆแล้วก็ไม่คิดทำอะไร นอกจาก
แอบหาเสียงล่วงหน้า เพื่อหวังจะได้กลับมาโกงกินอีก

ฝันไปเถอะแก


งวดนี้งวดเดียวแหละ ประชาชนเขาเข็ดจนตาย พวกแกยังไม่รู้เลยว่าจะได้อยู่ในแผ่นดินนี้
ต่อไปหรือเปล่า ยังจะมาฝันจะได้รับเลือกกลับเข้ามาอีก

ผลงานไม่มี ตีปี๊บอย่างไรก็ไม่ได้ผล เลิกผลาญภาษีของประชาชนได้แล้ว ไอ้ฟาย!!!!!

ตั้งข้อสังเกต

ID # 823407 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-31 08:34:43 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ขอขอบคุณรูปภาพ และเนื้อข่าวจากคุณzolong
และรูปที่นำมาแปะโดยคุณEinigkeit ค่ะ

เนื้อข่าวและภาพมาจากhttp://rspas.anu.edu.au/rmap/newmandala/2009/07/30/bhum-jai-thai-and-the-business-of-protests-slightly-gone-wrong/

หน้าตา เป็นอย่างนี้ค่ะ คัดเอามาเพียงบางภาพ






ข้อสังเกตคือ การที่เรียกแท็กซี่ไปรวมตัวกันเมื่อวานนี้ ข่าวว่าหลอกแท็กซี่ว่าไปร่วมงาน
วันแม่ แต่คงมีบ้างที่ทราบว่าเขาจะเอาไปแจกสติ๊กเกอร์คัดค้านการถวายฎีกา

แต่งานนี้ไม่มีการตั้งเต๊นท์ จึงไม่มีการแจกอาหาร และเครื่องดื่ม แต่แปลกตรงที่แจกเป็น
คูปอง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปขึ้นได้ที่ไหน เป็นไปได้ไหมว่าเป็นการแจกเงิน แต่เพื่อไม่ให้
จับได้ว่าใช้เงินจ้าง เลยแจกเป็นคูปองแทน เพื่อนำไปแลกเป็นเงิน ทีหลัง ลับหูลับตานักข่าว

แต่สิ่งที่นักข่าวต่างชาติเห็นและรายงานคือ





One man with a plastic bag handed a large wad of cash to a man from a taxi organization, who quickly slipped the money into his pocket when he saw me taking photos. The bagman soon got into the back of a Mercedes and disappeared.




"They said they will give us 300 Baht petrol coupons, but we got nothing, just those food coupons!"

"I can't even get my taxi out – they blocked our cars with these subarus."

"They cheated us, they said we should come because of mother's day, and said nothing of Bhum Jai Thai. Now they put stickers against the petition on our cars, and tomorrow I want to go to the Red Shirt rally – how can I get these stickers off?"

รางวัลที่ได้รับ

ID # 823122 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-30 11:51:35 _ แจ้งลบข้อความ




อายเขาบ้างไหมเนี่ย หรือคำนี้ไม่มีในพจนานุกรมของพรรคประชาวิบัติ

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ก่อนลาไปนอน ขอถามสักเรื่องสิคะ

ID # 822616 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-28 23:54:00 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


เรื่องที่ตำรวจเขาแจ้งข้อกล่าวหาพวกที่ไปยึดสนามบินทั้งสองแห่ง
หลังที่ออกข่าวการไปรับทราบข้อกล่าวหาอย่างใหญ่โต กำหนดวันเวลา
เองเสียด้วย

แล้วก็ยกขโยงกันไป เพื่อจะบอกว่ามาเพื่อจะมาบอกว่าไม่ยอมรับ
ข้อกล่าวหา ทำเอานายตำรวจยศพลโทต้องออกมารับอย่างน่าชื่น
ตาบานว่า ตัวเองก็ไม่เห็นด้วยกับการตั้งข้อหาหนักอย่างนี้ ทั้งๆที่
เป็นเจ้าของคดี แต่แปลก ตำรวจด้วยกันเองก็ไม่ยักจะทำอะไร
ปล่อยเรื่องให้เงียบเฉยไปเสียอย่างนั้น (หรือหัวเรือ มัวแต่ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ
ว่าจะถูกปลดหรือเปล่า) เลยตัดสินใจทำอะไรกันไม่ถูก เงียบงันกันไปหมด
แทนที่จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง (ร้ายแรงสิคะ ไปเข้าข้าง
ผู้ถูกกล่าวหาอย่างนั้น แล้วจะตั้งข้อหาทำพระแสดงด้ามสั้นด้ามยาวทำไม)

ไอ้ผู้ถูกกล่าวหา นอกจากจะยกฝูงไปกดดัน ไม่รับข้อหา ยังยื่นข้อบังคับ
อีกด้วยว่า ให้เปลี่ยนข้อกล่าวหา ภายใน 7วัน (แม่งใหญ่จริงๆ แต่คงไม่ใหญ่
จริงสักเท่าไหร่) เพราะนี่เวลาก็ผ่านมาเลยเจ็ดวันไปเสียเนิ่นนานแล้ว ก็ไม่เห็น
มันจะแสดงฤทธิ์ แสดงเดชอันใดต่อ

ตกลง เรื่องทั้งหมดเนี่ย เป็นแค่ละครน้ำเน่าตบตาชาวบ้านทั้งผู้ก่อการร้าย
ทั้งไอ้คนตั้งข้อกล่าวหา รวมไปจนกระทั่งไอ้รัฐบาลเฮงซวยอีกด้วย หรือไง
แล้วก็ปล่อยให้เงียบๆไปอย่างนั้นหรือ รวบรวมหลักฐานอย่างละเอียดละออ
ถึง เจ็ดเดือน แล้วก็แล้วกันไป ให้อ้างว่าได้ทำหน้าที่ครบถ้วนแล้วอย่างนั้นหรือ

แจ้งข้อหาแล้วก็แล้วกัน ผู้ต้องหาไม่รับข้อกล่าวหา ก็จบกันงั้นหรือ
ใครช่วยตอบทีเถอะค่ะ ว่าตกลงเรื่องนี้มันจะเป็นอย่างไรกัน ท่านที่รู้
ข้อกฎหมาย ช่วยหน่อยเถอะ อยากรู้จริงๆว่า เมื่อแจ้งข้อกล่าวหา
แล้วผู้ต้องหาเขาไม่รับแล้วทำอย่างไรต่อ(คดีอื่นๆน่ะค่ะ ที่ผู้ถูกกล่าวหา
มันไม่ได้ใหญ่คับฟ้าอย่างนี้)

เอ หรือตั้งข้อกล่าวหาขู่ เพื่อเอามาใช้งานอีกรอบ นี่ถ้าอีกวันสองวันออกมาเห่า
กันเรื่องฏีกาอีก ก็อย่าหาว่ามองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยเลยนะ

ช้าไปม้าง.....เตี้ย!!

ID # 822345 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-28 10:22:47 _ ปิดข้อความ ex-link


จากข่าว


วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 12:47:02 น. มติชนออนไลน์

รบ.แก้เกม"แม้ว" นัดทุกฝ่าย"โอท็อป"หารือนายกฯ 28 ก.ค.

นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนโครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์" (โอท็อป) กล่าวเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมว่า คณะทำงานได้จัดสัมมนารับฟังความเห็นของผู้ประกอบการโอท็อป ผู้แทนสมาคมโอท็อปไทย ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 1,000 คน เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ ปัญหา และอุปสรรคในช่วงที่ผ่านมา จากนั้นจะสรุปความเห็นทั้งหมดเพื่อนำเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนสินค้าโอ็ทอปต่อไป


เป็นไงล่ะ ตั้งแต่สมัยไอ้ขิงแก่ พยายามล้มเลิกโครงการ
เพียงเพราะเป็นงานที่คุณทักษิณคิดขึ้น ครั้นพบว่ามันเป็นของดีนี่นา กลับไป
หยิบมาใช้ แต่ก็ไม่วายงี่เง่าโดยเอาไปเชือด กลั่นแกล้ง(จริงๆงาบงบจัดงาน)
เอาพ่อค้าแม่ขายไปตากแดด อบสมุนไพรเสียอย่างนั้น

ครั้นพอคุณทักษิณท่านพูดว่าจะเข้ามาจัดการเท่านั้น ถึงได้ออกมาดิ้นได้
หึหึ ในที่สุด ก็ต้องรับนโยบายมาจากคุณทักษิณ คอยฟังดีๆนะ
คุณทักษิณ ท่านจะสั่งงานมาบ่อยๆ แล้วรีบไปจัดการทำตามแล้วกัน
ฮิ้ว สั่งงานมาจากต่างประเทศ รับคำสั่งโดยรัฐบาลเด็กเวร สะใจจริงจริ๊ง

ป้าแปะขอเสนอข่าวความงี่เง่าของคณะรัฐบาล

ID # 822330 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-28 09:38:42 _ ปิดข้อความ ex-link


ขอขอบคุณภาพจากคุณAPTU



ทีนี้ลองมาดูว่าทันทีที่เป็นข่าวออกไป คนได้เห็นความมีจิตใจคับแคบของนายอภิสิทธิ์
คนเห็นไปกันทั่วว่าโอ้โห คนเป็นนายกฯ ยังมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น สันดานหยาบชอบ
เหน็บแนมจิกกัด ไม่รู้จักกาละเทศะ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เขาเป็นถึงอดีตนายกฯ คนรักกัน
ทั้งบ้านทั้งเมือง คุณความดีก็มีมากมาย อายุอานามก็มากกว่าตั้งเยอะ ดันเสือกไม่รู้
ธรรมเนียมปฎิบัติ บังอาจกระแนะกระแหนสอนสั่งเขาอีก

แล้วผลที่ตามมาเป็นอย่างไรคะ คนเขาก็ก่นด่ากันทั้งเมือง ฉายภาพเด็กขี้อิฉา
ไม่รู้จักละวาง ไม่รู้จักหน้าที่และตัวตน มิหนำซ้ำ เพมื่อพลาดไปแล้ว แทนที่
จะออกมากล่าวคำขอโทษ นายกรัฐมนตรีที่มีสันดานต่ำ และวุฒิภาวะน้อย
ออกมาพูดว่าอย่างไร เชิญทัศนาค่ะ




วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 17:49:25 น. มติชนออนไลน์

นายกฯ งงเบิร์ธเดย์"แม้ว"ผ่านทวิตเตอร์ บอกจะตรวจสอบ

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องกรณีที่มีข่าวอวยพรวันเกิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านทางเว็บไซต์ทวิทเตอร์ และพ.ต.ท.ทักษิณได้เขียนตอบขอบคุณมา ตอนนี้รู้สึกงงว่าใครพิมพ์ในเว็บอะไร แต่จะให้ตรวจสอบรายละเอียดในเรื่องนี้


ดูนะคะ ท่าทีของนายกฯ รีบปัดสวะ โยนบาปไปให้คนอื่น บอกไม่รู้เรื่อง
เป็นนายกฯแล้วปล่อยให้คนเอาชื่อไปใช้โพสท์ด่าคนอื่นเล่นได้อย่างนั้นหรือ ยังค่ะยังไม่จบ ก็บอกแล้วไง
ว่าจะต้องให้ตรวจสอบรายละเอียด ใช้เวลาหนึ่งวัน ตรวจสอบแล้วได้อะไรคะ นี่ต้องดู นายสาทิตย์
วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า


อยู่ ระหว่างการตรวจสอบกรณีมีข้อความอวยพรวันคล้ายวันเกิดจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปรากฏอยู่บนหน้า Twitter ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นเท่าที่ทราบ Twitter ของนายกรัฐมนตรี มีคนจัดทำประมาณ 2-3 แบบ แต่ต้องยอมรับว่าการตรวจสอบในโลกไซเบอร์เป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยเวลาอีกสักระยะ เพราะในการตั้งชื่อ สามารถตั้งชื่อใครก็ได้ แต่เบื้องต้นตนเองสามารถยืนยันได้ว่า ข้อความดังกล่าวไม่ได้มาจาก Twitter อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เดลินิวส์


ผ่านไปสักพัก หลังตรวจสอบพบว่าตายล่ะวา เป็นของไอ้เด็กเวรจริงฟด้วย จึงออกมาแก้เกี้ยวว่า

ที่มา: มติชน ออนไลน์ วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ปชป.รับทีมอาสาสมัครโพสต์คำพูดนายกฯอวยพร "ทักษิณ" อ้างเจตนาดี แต่ประสานไม่ทันข้อความออกไปก่อน

นพ.บุรณัชย์กล่าวถึงกรณีนายกฯอภิสิทธิ์อวย พร พ.ต.ท.ทักษิณผ่าน Twitter (ทวิตเตอร์) ว่า จาก การตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำของคณะทำงานของนายกฯที่เป็นลักษณะอาสาสมัคร ที่ไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งมีเจตนาดี และได้นำคำพูดของนายกฯที่ให้สัมภาษณ์ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์เข้าไปโพสต์ และได้มีความพยายามประสานงานกับนายกฯแล้ว ประสานไม่ทันทำให้ข้อความออกไปก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามเรื่องนี้อยู่


แล้วจะมาแก้ตัวทำไมไม่ทราบ ก็รับเองแล้วนี่ว่าเอาคำพูดเขาไปโพสท์
คนที่ต้องออกมาขอโทษคือไอ้มา-รก ไม่ใช่ไปจับแพะอาสาสมัครมารับผิดชอบ
เป็นนายกฯที่ไร้สมอง พูดโดยไม่คิด โง่ดักดาน จิตใจต่ำช้า จึงแยกแยะไม่ได้
ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ วันเกิดเป็นดี ใครๆเขาก็ให้พรทั้งนั้น แม้ไม่ชอบ
ก็ต้องข่มใจ ไม่อวยพรเสียยังดีกว่า ดีกว่าที่จะโชว์สันดานความถ่อยของตนออกมา

เรื่องแค่นี้ยังโยนกลองกันไม่จบ โทษโน่นโทษนี่ แต่ที่ไม่เคยทำคือโทษตัวเอง(ก็จะให้
โทษอย่างไรไหว ว่าเลว ว่าไม่พร้อมจะเป็นรัฐบาล ไม่พร้อมรับผิดชอบในความผิด
พลาด ไม่ใช่แค่เรื่องนี้แค่เรื่องเดียว แต่ก็เป็นแบบนี้กันทุกเรื่อง

สรุปว่าทำงานไม่เป็น รับแต่ชอบ(ที่ไม่มี) ส่วนผิด(ที่มีสูงท่วมหัว) อ้างว่าไม่ได้ทำ
ปัดสวะ ไร้ภาวะการเป็นผู้นำ ฮ่วย ไปตายซะก็ยังไม่ทำให้คนเขาสงสารได้ อยู่เป็น
ขี้ปากชาวบ้านไปนานๆอย่างนี้แหละดี ประชาชีเขาจะได้ดวงตาเห็นธรรมว่าใครเก่งกว่าใคร

โธ่ไอ้สันขวาน โง่แล้วยังอยากนอนเตียง

ID # 822074 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-27 14:27:14 _ ปิดข้อความ ex-link


นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ว่า คงไม่ฝากอะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ต้องการให้เดินทางกลับประเทศเพื่อมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม เพราะการเป็นนักการเมืองต้องอยู่ภายใต้กติกา ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณขอโทษที่แย่งซีนชิงพื้นที่สื่อจากรัฐบาลที่จะแถลงผลงานในรอบ 6 เดือนนั้น คิดว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไร เพราะเข้าใจดีว่า พ.ต.ท. ทักษิณต้องพยายามเคลื่อนไหวเพราะสภาพที่เป็นอยู่มีความลำบาก ยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไปไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย


โอ้โอ๋อ้ายควายเผือก เห่าได้ไม่อายปาก ใครกันแน่ที่อยู่ในสภาพที่ลำบาก
ทำตามกฎหมาย จนป่านนี้ยังจัดการอะไรไม่ได้สักเรื่อง รมต.ในรัฐบาลโดนข้อหาก่อการร้าย
ยังไม่มีปัญญาทำอะไร รับของมาราคาเกิน3,000บาท ผิดกฎหมายเห็นๆ ยังแถไปได้


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเคลื่อนไหวต้องอยู่บนความพอดีและเคารพสิทธิเสรีภาพของคนอื่น
ไม่ละเมิดกฎหมาย ไม่ยั่วยุให้เกิดความแตกแยก หากมีอะไรที่ผิดไปจากนี้ต้องดำเนินการ

"เจ้า หน้าที่รัฐต้องเข้าไปดูไป ควบคุมให้เกิดความพอดี ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ค่อนข้างสับสนระหว่างความพอดีกับการเคลื่อนไหวที่จะทำ ให้กระทบต่อความมั่นคงของประเทศจึงทำให้มีปัญหา ระยะหลังถือว่าปรับตัวดีขึ้นแต่ยังต้องมีการแก้ไขกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่รัฐก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง มีความชอบไม่ชอบเป็นการส่วนตัว แต่ถึงเวลาปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องยึดเรื่องงานเป็นหลัก ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติของเจ้าหน้าที่รัฐบางคนได้ แต่รัฐบาลจะค่อยๆดำเนินการ โดยจะทำให้เห็นว่าแม้รัฐบาลมีอำนาจแต่จะไม่ใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง"


โธ่ไอ้สันขวาน การไล่ปิดเวปไซต์ วิทยุชุมชนที่เขาไม่เลียรัฐบาลเนี่ยนะ
เป็นการใช้อำนาจที่ถูกต้อง ตอนนี้ยอมรับแล้วสินะว่า ข้าราชการเขาก็ไม่ได้ชอบแกทุกคนไป
แทนที่จะไปเปลี่ยนทัศนคติเขาให้เกลียดคุณทักษิณแล้วหันมาชอบแก ทำไมแกไม่ลองหันมา
ดูตัวเองบ้างล่ะว่า ทำไมเขาถึงรังเกียจแก ทำไมเขาถึงยังรักและศรัทธาคุณทักษิณ ทั้งๆที่
คุณทักษิณ อยู่ในสภาพลำบากอย่างที่แกว่า อย่าว่าแต่ตัวเองยังเอาไม่ค่อยจะรอดเลย
นับประสาอะไรที่ข้าราชการเขาต้องมาเกรงกลัว เอาใจ อำนวยผลให้เกิดความดีความชอบก็
ไม่ได้ เคยคิดบ้างไหม ว่าทำไมเขายังรักยังศรัทธา แต่ฉันว่า เขาคงรู้กฎหมายดีว่าการที่แก
ไปสั่งให้เขาทำบ้าๆบอๆน่ะมันไม่ถูกกฎหมาย แกหรือก็ใช่จะอยู่ในตำแหน่งไปจนเขาเกษียณ
เมื่อไหร่ หากไปทำตามแก พอแกตกกระป๋องไป เขามิถูกตามเช็คบิลเอาล่ะหรือ ฐานสมรู้ร่วมคิด
กับพวกแกทำผิดกฎหมายไล่บี้ประชาชนโดยที่เขาไม่ได้ทำผิด


ส่วน กรณีที่มีผลสำรวจพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังได้รับความนิยมใจหมู่ประชาชนอยู่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลคงไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร จะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ทำไปแต่ขอให้ทำอย่างสร้างสรรค์ ใน ส่วนของรัฐบาลต้องทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน ก็ขอว่าอย่ามาขัดขวาง ควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงาน แต่ที่ผ่านมามีการนำคนมาปิดกั้นการลงพื้นที่ของบรรดารัฐมนตรี ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าคะแนนนิยมของรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์เริ่มดีขึ้นก็ได้


ตายๆ มารดาทั่นมันคิดอย่างนี้อยู่ล่ะสิท่า ถึงได้เดินหลงทางมาตลอด
หลงเข้ารกเข้าพง จนยากจะกู่ให้กลับมาเดินบนถนนเหมือนชาวบ้านเขาเสียแล้ว ใครบอกแกล่ะ
ว่ารัฐบาลมีคะแนนนิยมดีขึ้น ลิ่วล้อบอก หรือคิดเอาเอง รัฐบาลอย่างแกน่ะหรือ มีคะแนนนิยม
ดีขึ้น เอาผลงานตรงไหนไปวัดล่ะ การควบคุมไข้หวัด หรือการแกไขปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ลองไป
ถามชาวบ้านเขาดูเอง(อ้อ แต่แกคงไม่กล้าเดินถนนไปถามเนอะ) ว่าเขาคิดอย่างไรเกี่ยวรัฐบาลนี้
มัวแต่ป้อยอกันไปมา โดยมืดบอดอย่างนี้ มันจะแกไขปัญหาได้อย่างไร


วิเคราะห์ข่าวโดยป้าแปะกลับมาอีกครั้ง หลังจากคุณยะลาฯบอกว่า แถวเชียงใหม่ชอบมาก
บอกตรงๆว่าหยุดอ่านข่าวสารมาตั้งแต่ไอ้เด็กเวรขึ้นเป็นนายกฯ เลยไม่รู้จะวิแคะข่าวได้อย่างไรน่ะค่ะ
ปัจจุบันอ่านอยู่ฉบับเดียวคือ"โลกวันนี้" ฉบับอื่นๆขนาดอ่านฟรีตามเวปยังไม่อยากจะเปิดไปอ่านเลยค่ะ

ในที่สุด อำนาจอธิปไตยก็ตกมาอยู่ในมือเรา

ID # 822009 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-27 10:24:10 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


อิ๊อิ๊ ไปอ่านเจอที่คุณอุนเทอร์เธอโพสท์เรื่องก๋วยเตี๋ยวเมื่อวาน
เลยนึกได้ว่า ในที่สุด ประชาชนก็มีสิทธิ์เลือก

ใครอยากรับอะไรก็เลือกเอง ทำกันเอง เมื่อทำแล้ว อร่อยหรือ
ไม่อร่อยก็เป็นเรื่องของตนเอง รับผลกรรมนั้นไป จะกล้ำกลืนฝืนกิน
หรือเททิ้งก็ย่อมได้ ไม่ถูกใจก็ไปเลือกทำเอาใหม่ ให้ถูกใจในที่สุด

โธ่ถังก็เป็นได้แค่ก๋วยเตี๋ยว เมื่อไหร่หนอ การเลือกผู้แทนของเราจะ
เป็นอำนาจของเรา เลือกเอง ไม่ต้องให้ใครมาชี้นำ

ด่วน...ยึดอำนาจแล้วค่ะ

ID # 821956 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-27 07:39:37 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ก็จะใครซะอีกคะ ท่านนายกฯทักษิณน่ะสิ เมื่อคืนนี้เองค่ะ
ในคืนวันเกิดท่าน ยึดอำนาจการบริหารจากรัฐบาลเด็กปัญญาอ่อน
ไปเสียฉิบ

เชื่อว่าเมื่อคืน ก่อนสามทุ่ม คนค่อนประเทศ อยู่หน้าจอทีวี
(หากไม่ได้อยู่ตามสถานที่จัดงาน) ฟังท่านนายกฯทักษิณ
ประกาศบริหารจัดการประเทศ ในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ
การเมือง และสังคม วิสัยทัศน์ เฉียบคมอย่างเคย เพียงแต่
ว่าโดยส่วนตัว กลับคิดว่าการที่ท่านได้ไปอยู่ต่างแดน เดิน
ทางเสียส่วนใหญ่ กลับทำให้ท่านเห็นโลกกว้างขึ้น เห็นช่องทาง
ที่จะพัฒนามากขึ้น

ที่บ้านเผอิญจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ท่านด้วย มีคนมาอยู่รวมกัน
สัก 20คนได้ ทุกคนนั่งหน้าจอ เกาะติด ฟังการแถลงนโยบาย
อย่างตื่นเต้นยินดี โห่ร้องเมื่อจบ แล้วคิดตรงกันว่า ท่านนายกฯ
ทักษิณ ชนะขาดในทุกด้าน คิดดูสิคะ จะมีได้สักกี่คนในประเทศนี้
ที่พูดในวันเกิดแล้วมีคนติดตามฟัง!!!!

หัวจ่าย

ID # 821511 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-26 08:33:46 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


วันเกิดคุณทักษิณ ไหงกลายเป็นวันสำคัญ จัดงานกันไปทั้งประเทศก็ไม่ทราบ
หากประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง งานอย่างนี้จะเกิดไหมคะ
คนที่รักคุณทักษิณคงไม่กระตือรือร้นที่จะทำอะไรสักอย่าง ที่จะแสดงให้เห็น
ว่าเขายังรักยังศรัทธา พวกเราทำได้ทุกอย่าง อย่าว่าแต่ไปร่วมชุมนุม อย่าว่า
แต่ไป ตากแดดตากฝน ลุยโคลน เซ็นชื่อร่วมถวายฎีกาก็ทำแล้ว

แต่ก็ดูเหมือนมันไม่สะใจ มันไม่ชัด กลัวคนบางหมู่เหล่าจะยังไม่เข้าใจ
งานทำบุญ "เพลทั้งแผ่นดิน กินฉลองกันทั่วทิศ" จึงเกิดขึ้น บอกว่าเกินตัว
เทียมเจ้าเทียมนาย ไม่ใช่กระมังคะ เพราะงานครั้งนี้ ไม่มีใครสั่ง ไม่มีใคร
เป็นสปอนเซอร์ เรารวมตัวกันเอง เราจัดกันเอง ไม่ต้องหยุดราชการ
ไม่ต้องประดับโคมไฟ แต่ในใจก็ลุกโชน

วันนี้ใครๆคงตั้งกระทู้กราบอวยพรคุณทักษิณกันเต็มหน้ากระดาษ มีแต่ป้านี่แหละค่ะ
แหวกออกมาเขียนจั่วหัวข้อกระทู้ว่า "หัวจ่าย" เพราะได้บังเอิญไปอ่านหนังสือ
"ชกข้ามรุ่น"ของคุณณัฐวุฒิ เข้าพอดี เช้านี้ เจอคำนี้พอดี ชอบมาก

ใช่แล้วค่ะ คุณทักษิณ เธอเป็นหัวจ่ายจริงๆ หรือใครจะเถียง เธอจ่ายแจก
ความรัก ผละประโยชน์ให้กับประชาชน คนถึงได้รักและศรัทธามากขนาดนี้
เชื่อว่านายกรัฐมนตรีของไทยคนใดที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีคนใดจะได้รับความรัก
และจดจำจากประชาชนได้มากเท่านี้ เรื่องอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าใครก็จะทำได้ใน
ชั่วข้ามคืน แต่คุณทักษิณเธอได้ใช้เวลาพิสูจน์แล้วถึงความรักและความห่วงใย
ที่มีต่อประชาชน ไม่ผิดหรอกค่ะที่จะตอบแทนท่านแม้เพียงเล็กน้อยที่ทำได้

รักและศรัทธาท่านจริงๆค่ะ ก่อนจบขอยกบางช่วงบางตอนที่คุณณัฐวุฒิพูดถึง
คุณทักษิณ ที่คิดว่าตรงใจประชาชนทุกคนค่ะ

ส่วนตัวผมมีความรู้สึกศรัทธาท่านทักษิณ กับสิ่งที่ท่านทำ กับความรู้
ความสามารถ กับสิ่งที่ท่านดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับประชาชน อันนี้ศรัทธา
แล้วก็เห็นใจกับสิ่งที่ท่านได้เจอ เห็นใจกับชะตากรรมของท่านและครอบครัว
ก็เลยทำให้ตั้งใจตั้งแต่เขายึดอำนาจแล้วว่า ยังไงก็ไม่ทิ้งอดีตนายกฯทักษิณ
ยังไงก็จะอยู่กับพรรคนี้ หรือทำการเมืองร่วมกับท่านถ้าท่านสู้ต่อ ซึ่งตอนนี้
ก็ชัดเจนแล้วว่าท่านสู้ต่อ เพราะฉะนั้นก็ยังคงเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่คนที่ตอนเขา
ยิ่งใหญ่เติบโตก็บอกว่าศรัทธาเขา พอเขาตกต่ำลงมาแล้ว เราบอกว่าเราไม่รัก
เขาแล้ว ไม่ใช่ผม"


ไม่ใช้ป้า และก็คงไม่ใช่ใครอีกหลายคนที่ร่วมฉลองวันเกิดท่านในวันนี้

เหตุผลคือรักเธอ

ID # 821267 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-25 19:06:12 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


เหตุผลคือรักเธอ

อาจจะผิดแต่ไม่เคยสนใจ ที่ทุ่มเทหมดใจอย่างง่ายดาย
ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากมาย อย่างที่ไม่เคยทำให้ใคร

ทำอะไรเพื่อตัวเองน้อยลง เพราะมัวแต่คอยพะวงเรื่องเธอ
ทำอะไรใจก็ขอมาเจอ แค่เพียงเห็นหน้าเธอก็สุขใจ

เหตุผลข้อเดียวที่สั่งให้หัวใจทำทุกอย่าง ก็คือใจฉันมันรักเธอ
เหตุผลใดๆคงไม่มีความหมายเท่ารักเธอ และคิดว่าเท่านี้ก็คงพอ

บอกไม่ถูกว่าทำไมรักเธอ พูดได้เพียงว่าเธอคือสุดหัวใจ
ใครจะมองว่าฉันนั้นงมงาย บอกเลยว่าไม่เคยจะใส่ใจ

เหตุผลข้อเดียวที่สั่งให้หัวใจทำทุกอย่าง ก็คือใจฉันมันรักเธอ
เหตุผลใดๆคงไม่มีความหมายเท่ารักเธอ และคิดว่าเท่านี้ก็คงพอ

บอกไม่ถูกว่าทำไมรักเธอ พูดได้เพียงว่าเธอคือสุดหัวใจ
ใครจะมองว่าฉันนั้นงมงาย บอกเลยว่าไม่เคยจะใส่ใจ


สิ่งต่างๆที่ฉันนั้นทำไป เหตุผลของหัวใจคือรักเธอ


เพลงนี้ฟังแล้วโดนใจมากๆค่ะ อ่านกระทู้ ที่เขาถามว่า ทำไมต้องจัดงานวันเกิด
ให้คุณทักษิณด้วย ตัวเองก็จัด พรุ่งนี้นัดเพื่อนฝูงมาเฮฮา ร่วมวงทานก๋วยเตี๋ยว
ตามประสาคนรักกัน คิดถึงกัน

ลงทุนขนาดซื้อตั้งแต่หม้อก๋วยเตี๋ยว จะมีแต่หม้อก็ไม่เท่ห์สิคะ เลยถอยรถเข็น
มาด้วยซะเลย ชามก๋วยเตี๋ยว ช้อน และตะเกียบ วันนี้ก็เตรียมการลองต้มน้ำก๋วยเตี๋ยวดู
อ้อ เช้าตื่นมาก็ไปซื้อของ อีกหลายอย่าง ลองรับเป้นมื้อเที่ยง บ๊ะ ใช้ได้นี่นา
ก็เตรียมโน่นเตรียมนี่จนเหนื่อย เพราะเพื่อนฝูงว่าจะมากัน ก็คงไม่น้อยกว่า 20

ตกเย็นบ่ายคล้อย มีโอกาสเอนหลังฟังเพลง ได้ยินเพลงนี้แหละค่ะ มันจี๊ด
ไม่เชื่อลองดูเนื้อเพลงสิคะ
บอกไม่ถูกว่าทำไมรักเธอ พูดได้เพียงว่าเธอคือสุดหัวใจ
ใครจะมองว่าฉันนั้นงมงาย บอกเลยว่าไม่เคยจะใส่ใจ

การ์ดเชิญ

ID # 820874 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-24 15:15:00 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


เรียนสมาชิกห้องรักฯทุกท่าน เนื่องด้วยวันอาทิตยที่26 กรกฎาคมนี้
เป็นวันเกิดของคุณก็รู้ว่าใคร ดิฉันในนามคนที่รักและศรัทธาคุณ
ทักษิณเป็นพิเศษ จึงเห็นเป็นโอกาสดีที่จะมีการเฉลิมฉลองเนื่องใน
วาระที่ดีเช่นนี้

เริ่มแรกกะจะจัดเป็นการภายใน เชิญชวนไปไม่กี่ท่านที่คุ้นเคย
และเคยมาสังสรรค์กัน แต่พอข่าวแพร่สะพัดไป เป็นไฟลามทุ่ง
เริ่มมีคนสนใจมากๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ครั้นจะปิดลับก็ทำไม่สำเร็จ

ครั้นจะชวนเฉพาะบางท่านก็กลัวจะไม่ทั่วถึง จึงประกาศเชิญมา ณ ที่นี้
การเลี้ยงเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีก๋วยเตี๋ยวยืนพื้น น้ำจะเดือดเวลาตั้งแต่
เที่ยงเป็นต้นไป และจะเดือดไปจนกว่าประชาชนจะกลับ

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจจึงขอเรียนเชิญท่านที่สนใจ อ้องานนี้มีการเป่าเค้ก
ด้วย แม้เจ้าของวันเกิดไม่ได้มาร่วม แต่คนที่รักท่านจะช่วยกันเป่าแทน

เนื่องในวาระเข้าพรรษา จึงขอให้ท่านที่มีน้ำดื่มประจำตัวกรุณานำติดตัวมาด้วย
เพื่อเป็นการแบ่งเบาเจ้าภาพ(ฮา) แอบตืดเล็กๆ

ใครทราบข่าวแล้ว สนใจจะมาร่วม กรูณาหลังไมค์ได้นะคะ คุณสันติไม่ต้อง
ติดต่อมา เพราะงานนี้มีแต่คนรักทักษิณ เขาจะมาคุยกัน(ฮา)

BIG SURPRISE

ID # 820788 - โพสต์เมื่อ : 2009-07-24 10:52:29 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


คงอยากจะรู้กันแล้วล่ะสิ ไอ้รัฐบาลหน้าโง่ ว่าบิ๊กเซอร์ไพรซ์
ของคุณวันที่ 26นี้คืออะไร หากันแทบตาย จะแย้มให้ฟัง
จะได้ไม่ตกใจจนสิ้นสติในวันนั้น



นี่แหละ หน้าอย่างนี้แหละจะเดินกันเต็มบ้านเต็มเมืองในวันนั้น
หลอกให้แกวิ่งจับกันจนหัวปั่นเลยแหละ ขอบคุณ หนังสือรายสับดาห์ "โลกวันสุข"


คนมีกึ๋น ทำอะไร ก็น่าตื่นเต้นตลอด แต่ไอ้รัฐบาลหน้าโง่
แค่จะแถลงผลงานหกเดือน จนปาเข้าไปจะเจ็ดเดือนแล้ว
ยังแถลงไม่ได้ ซึ่งก็คงเป็นเพราะเหตุผลนี้