ป้าปากเกร็ดเลยมารับไม้ต่อ เผอิญไปเจอข่าวนี้
จะทิ้งเสียก็น่าเสียดาย ต้องเอามาให้อ่านกันค่ะ
วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11055 มติชน
ฮ็อตไลน์"อนุพงษ์-จารุวรรณ" "ฟื้นความสัมพันธ์ครั้งเก่า"
คณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อ
ให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 เพื่อเป็นคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินอดีตคณะรัฐมนตรี
ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
มีผลเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2549
และจะหมดวาระลงในสิ้นเดือนมิถุนายน 2551 นี้
ภายหลังที่มีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 คปค.
แปรสภาพเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
ทำให้มีการแบ่งภารหน้าที่รับผิดชอบชัดเจนขึ้น นอกจากนี้
คมช.ยังตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (ศปศ.คมช.)
ขึ้น เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการทำงานของรัฐบาลและหน่วยงานอิสระที่เกิดขึ้นมาจาก คปค.
โดย ศปศ.คมช.มี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. (ยศตำแหน่งสมัยนั้น) เป็นหัวหน้าศูนย์
และมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. (ยศตำแหน่งสมัยนั้น) เป็นรองหัวหน้าศูนย์
ทั้งนี้ คตส.ถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่ คมช.มุ่งหวังเป็น "ไม้เด็ด"
เอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้อง เพราะดำเนินการตรวจสอบทุจริตถึง 13 คดี
ทำให้ใน ศปศ.คมช.นี้มีการแบ่งภาระหน้าที่ให้ พล.อ.อนุพงษ์
รับผิดชอบดูแลการทำงานของ คตส. และคอยให้การสนับสนุนหากมีการร้องขอ
และภายหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
และ คมช. ต้องหมดวาระลงไปตาม "คำมั่นสัญญา"
แต่การตรวจสอบเอาผิดยังดำเนินการต่อ
ซึ่ง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และรักษาการประธาน คมช.
ในขณะนั้น ย้ำก่อนที่ คมช.จะหมดวาระลงว่า "คมช.แม้หมดสภาพไปทำหน้าที่บทบาทของผู้บัญชาการเหล่าทัพ
และหาก คตส.ร้องขอให้ช่วยก็จะดำเนินการตามกรอบ
ของผู้บัญชาการเหล่าทัพ"
และเมื่อ คตส.ใกล้หมดวาระลงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
แต่กำลังถูก "เช็คบิล" จากฝ่ายถูกตรวจสอบที่กลับมามี "อำนาจรัฐ"
ด้วยการยื่นฟ้องเอาผิด คตส. เพื่อเป็นการ "ต่อสู้เอาคืน" คตส.
ส่งผลให้ คตส.ส่งหนังสือถึง พล.อ.อนุพงษ์ ที่เคยดูแล คตส. เมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เพื่อให้กองทัพช่วยเหลือ เพราะได้รับความเดือดร้อน
จากการทำงานตามบทบาทที่ คมช.มอบหมายให้
แต่กลับไม่ได้รับการสนองตอบจาก พล.อ.อนุพงษ์
ทำให้คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กรรมการ คตส.
ต่อสายถึง พล.อ.อนุพงษ์ เมื่อเช้าวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา
แต่พล.อ.อนุพงษ์ไม่ได้รับสายเนื่องจากติดภารกิจร่วมประชุม
ผู้บัญชาการเหล่าทัพประจำเดือนอยู่
จากนั้นประมาณช่วงกลางวันคุณหญิงจารุวรรณต่อสายถึง พล.อ.อนุพงษ์อีกครั้ง
เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์รับสายคุณหญิงจารุวรรณ
จึงส่งโทรศัพท์ให้นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.เป็นคนพูด
เพื่อสอบถามถึงตัวหนังสือว่า "เห็นหรือยัง"
ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะพูดคุยกันถึงปัญหาคับข้องใจ
แต่ พล.อ.อนุพงษ์ก็ไม่ได้รับปากที่จะช่วยเหลือ
ด้วยให้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย และออกมาตอกย้ำอีกครั้งว่า "กองทัพไม่ใช่มาเฟียที่จะมีหน้าที่ไปช่วยเหลือใคร"
ทำให้กลุ่มพันธมิตรนำมาโจมตี พล.อ.อนุพงษ์ ที่ไม่ช่วยปกป้อง คตส.
ที่ทำงานเพื่อชาติ แต่กลับ "ถูกเช็คบิล"
คอยดูว่า "ประเด็นทุจริต" ที่ คปค.ให้ความสำคัญ
และนำมาอ้าง "ยึดอำนาจ" อดีตรัฐบาลจะมีบทสรุปอย่างไร
เพราะเป็นเครื่องชี้วัดถึง "ความถูกผิด"
ของการเมืองไทยจาก "ปฏิบัติการ 19 กันยา"
เมื่อองค์กรที่ คปค.ตั้งขึ้นมากำลังถูก "เอาคืน"
อดีต คมช. อย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เมื่อมีอำนาจจะมีส่วนช่วย คตส.ที่ทำหน้าที่เช็คบิลรัฐบาลทักษิณ ให้เป็นผล "สำเร็จ"
หรือปล่อยให้ "เป็นมวยล้ม" ต้มคนไทยอีกครั้ง....
ฮ็อตไลน์"อนุพงษ์-จารุวรรณ" "ฟื้นความสัมพันธ์ครั้งเก่า"
คณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อ
ให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 เพื่อเป็นคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินอดีตคณะรัฐมนตรี
ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
มีผลเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2549
และจะหมดวาระลงในสิ้นเดือนมิถุนายน 2551 นี้
ภายหลังที่มีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 คปค.
แปรสภาพเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
ทำให้มีการแบ่งภารหน้าที่รับผิดชอบชัดเจนขึ้น นอกจากนี้
คมช.ยังตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (ศปศ.คมช.)
ขึ้น เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการทำงานของรัฐบาลและหน่วยงานอิสระที่เกิดขึ้นมาจาก คปค.
โดย ศปศ.คมช.มี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. (ยศตำแหน่งสมัยนั้น) เป็นหัวหน้าศูนย์
และมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. (ยศตำแหน่งสมัยนั้น) เป็นรองหัวหน้าศูนย์
ทั้งนี้ คตส.ถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่ คมช.มุ่งหวังเป็น "ไม้เด็ด"
เอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้อง เพราะดำเนินการตรวจสอบทุจริตถึง 13 คดี
ทำให้ใน ศปศ.คมช.นี้มีการแบ่งภาระหน้าที่ให้ พล.อ.อนุพงษ์
รับผิดชอบดูแลการทำงานของ คตส. และคอยให้การสนับสนุนหากมีการร้องขอ
และภายหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
และ คมช. ต้องหมดวาระลงไปตาม "คำมั่นสัญญา"
แต่การตรวจสอบเอาผิดยังดำเนินการต่อ
ซึ่ง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และรักษาการประธาน คมช.
ในขณะนั้น ย้ำก่อนที่ คมช.จะหมดวาระลงว่า "คมช.แม้หมดสภาพไปทำหน้าที่บทบาทของผู้บัญชาการเหล่าทัพ
และหาก คตส.ร้องขอให้ช่วยก็จะดำเนินการตามกรอบ
ของผู้บัญชาการเหล่าทัพ"
และเมื่อ คตส.ใกล้หมดวาระลงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
แต่กำลังถูก "เช็คบิล" จากฝ่ายถูกตรวจสอบที่กลับมามี "อำนาจรัฐ"
ด้วยการยื่นฟ้องเอาผิด คตส. เพื่อเป็นการ "ต่อสู้เอาคืน" คตส.
ส่งผลให้ คตส.ส่งหนังสือถึง พล.อ.อนุพงษ์ ที่เคยดูแล คตส. เมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เพื่อให้กองทัพช่วยเหลือ เพราะได้รับความเดือดร้อน
จากการทำงานตามบทบาทที่ คมช.มอบหมายให้
แต่กลับไม่ได้รับการสนองตอบจาก พล.อ.อนุพงษ์
ทำให้คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กรรมการ คตส.
ต่อสายถึง พล.อ.อนุพงษ์ เมื่อเช้าวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา
แต่พล.อ.อนุพงษ์ไม่ได้รับสายเนื่องจากติดภารกิจร่วมประชุม
ผู้บัญชาการเหล่าทัพประจำเดือนอยู่
จากนั้นประมาณช่วงกลางวันคุณหญิงจารุวรรณต่อสายถึง พล.อ.อนุพงษ์อีกครั้ง
เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์รับสายคุณหญิงจารุวรรณ
จึงส่งโทรศัพท์ให้นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.เป็นคนพูด
เพื่อสอบถามถึงตัวหนังสือว่า "เห็นหรือยัง"
ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะพูดคุยกันถึงปัญหาคับข้องใจ
แต่ พล.อ.อนุพงษ์ก็ไม่ได้รับปากที่จะช่วยเหลือ
ด้วยให้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย และออกมาตอกย้ำอีกครั้งว่า "กองทัพไม่ใช่มาเฟียที่จะมีหน้าที่ไปช่วยเหลือใคร"
ทำให้กลุ่มพันธมิตรนำมาโจมตี พล.อ.อนุพงษ์ ที่ไม่ช่วยปกป้อง คตส.
ที่ทำงานเพื่อชาติ แต่กลับ "ถูกเช็คบิล"
คอยดูว่า "ประเด็นทุจริต" ที่ คปค.ให้ความสำคัญ
และนำมาอ้าง "ยึดอำนาจ" อดีตรัฐบาลจะมีบทสรุปอย่างไร
เพราะเป็นเครื่องชี้วัดถึง "ความถูกผิด"
ของการเมืองไทยจาก "ปฏิบัติการ 19 กันยา"
เมื่อองค์กรที่ คปค.ตั้งขึ้นมากำลังถูก "เอาคืน"
อดีต คมช. อย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เมื่อมีอำนาจจะมีส่วนช่วย คตส.ที่ทำหน้าที่เช็คบิลรัฐบาลทักษิณ ให้เป็นผล "สำเร็จ"
หรือปล่อยให้ "เป็นมวยล้ม" ต้มคนไทยอีกครั้ง....
มันไม่ใช่มวยล้มหรอก แต่เมื่อมันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
ต่อให้พยายามทำเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จไปได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น