มุกตื้นในเกมแหลมคม [13 มิ.ย. 51 - 02:39]
โดยรูปการณ์และสถานที่เกิดเหตุ มันก็คงไม่หนีไปจากที่นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะอดีตรองประธานศาลฎีกา ฟันธงเลยว่า
ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันศาล
"ตั้งแต่รับราชการมายังไม่เคยเห็นการกระทำลักษณะนี้ และเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะทำให้สังคมตื่นตัว และตระหนักว่าเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนี้ไม่ปกติ"
เกมยื้ออำนาจ วิกฤติการเมืองป่วนลามถึงตีนโรงตีนศาล
แต่จะเป็นเกมของฝ่ายไหน กับปริศนาล่าสุด ทนายความนักการเมืองใหญ่ที่รับผิดชอบคดีดังระดับประเทศ
นำกล่องขนมบรรจุเงินสด 2 ล้านบาทไปฝากเจ้าหน้าที่ศาลฎีกา
มุกตื้นๆแต่แฝงเกมที่แหลมคม
ล่าสุด นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา
มีคำสั่งแต่งตั้งองค์คณะ ประกอบด้วยผู้พิพากษา
ชั้นผู้ใหญ่ขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง
เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
โทษฐานไม่ใช่แค่หมิ่นศาล
แต่มันเป็นเกมทำลายเกียรติภูมิของสถาบันตุลาการ
เขย่าบัลลังก์ ทุบตาชั่งกันเลย
เบื้องต้นกับคำถามที่ว่า ใครเป็นผู้นำกล่องขนมมามอบให้ และศาลได้เก็บกล่องขนมดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานหรือไม่
คำตอบที่ได้รับจากนายสราวุธ เบญจกุล
รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม
แถลงอย่างเป็นทางการว่า
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นเงินสด
"ส่วนจะมีการถ่ายรูปหรือจดบันทึกไว้
เป็นหลักฐานหรือไม่ ผมไม่ทราบ
แต่จะเป็นหน้าที่ขององค์คณะที่ประธานศาลฎีกา
ตั้งขึ้นเป็นผู้สอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้วว่า ผู้กระทำการเป็นใคร
ชื่ออะไร จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป"
ยังลอยๆไม่ลงลึกสักเท่าไหร่
และถ้าย้อนไปเทียบกับสินบนคดียุบพรรคไทยรักไทย
ที่เขย่าวงการศาลก่อนหน้านี้ มันก็มีอะไรที่คล้ายกันในรูปแบบของ
พัฒนาการข่าวที่ถูกจุดพลุออกมา
ลามเร็วเป็นไฟไหม้ป่า
คนที่เกี่ยวข้องกับคดีหน้าชาไปตามๆกัน
อย่างไรก็ดี ตามรูปการณ์ที่รองเลขาฯสำนักงาน
ศาลยุติธรรมแถลงออกมา คิวนี้มันต้องมีพยานรู้เห็น อย่างน้อยก็เจ้าหน้าที่ที่รับฝากกล่องใส่เงินไว้
ไล่เรียงกันเดี๋ยวก็รู้ตัวทนายที่เอากล่องขนมใส่เงินมาวางที่ศาลฎีกา
แค่คำตอบตรงนั้น สังคมก็พอจะอนุมานได้แล้ว
และแน่นอนในฐานะเป้าแรกที่ทุกสายตาจับจ้อง
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ในฐานะอดีตผู้พิพากษา รีบออกตัวทันที
ถือเป็นเรื่องตลกและเป็นไปไม่ได้
พร้อมกับเปิดปมซักค้าน ความจริงต้องถามว่า
ทีมทนายดังกล่าวเป็นของใคร
แต่เท่าที่ทราบคงไม่มีใครนำเงินมากถึง 2 ล้านบาท
ไปให้ระดับเจ้าหน้าที่ของศาล
ซึ่งไม่มีความสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงรูปคดีได้
ส่วนที่มองว่า อาจเป็นการดิสเครดิตการทำงานของศาลฎีกา
เพื่อให้เปลี่ยนองค์คณะของศาลฎีกานั้น การไปใส่ร้ายศาลจะเกิดผลเสียหายต่อคนที่เป็นจำเลยที่เกี่ยวกับคดีนี้
เป็นคนบ้าเท่านั้นที่จะทำ
โต้ไป ตีกรรเชียงหนีไป แต่นายพงศ์เทพคงลืมว่า
คนบ้าแต่ไม่โง่
เอาเป็นว่า ตรวจสอบคดีใหญ่ๆของนักการเมืองที่อยู่ระหว่าง
การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง
นาทีนี้ก็มีคดีที่ดินรัชดาของอดีตนายกฯทักษิณ
คดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช
อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.สัดส่วน
พรรคพลังประชาชน
และคดีคลองด่านที่มีนายวัฒนา อัศวเหม
อดีต รมช.มหาดไทย เป็นจำเลย
เดิมพันวัดดวงทั้งนั้น
ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ รายงาน
โดยรูปการณ์และสถานที่เกิดเหตุ มันก็คงไม่หนีไปจากที่นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะอดีตรองประธานศาลฎีกา ฟันธงเลยว่า
ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันศาล
"ตั้งแต่รับราชการมายังไม่เคยเห็นการกระทำลักษณะนี้ และเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะทำให้สังคมตื่นตัว และตระหนักว่าเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนี้ไม่ปกติ"
เกมยื้ออำนาจ วิกฤติการเมืองป่วนลามถึงตีนโรงตีนศาล
แต่จะเป็นเกมของฝ่ายไหน กับปริศนาล่าสุด ทนายความนักการเมืองใหญ่ที่รับผิดชอบคดีดังระดับประเทศ
นำกล่องขนมบรรจุเงินสด 2 ล้านบาทไปฝากเจ้าหน้าที่ศาลฎีกา
มุกตื้นๆแต่แฝงเกมที่แหลมคม
ล่าสุด นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา
มีคำสั่งแต่งตั้งองค์คณะ ประกอบด้วยผู้พิพากษา
ชั้นผู้ใหญ่ขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง
เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
โทษฐานไม่ใช่แค่หมิ่นศาล
แต่มันเป็นเกมทำลายเกียรติภูมิของสถาบันตุลาการ
เขย่าบัลลังก์ ทุบตาชั่งกันเลย
เบื้องต้นกับคำถามที่ว่า ใครเป็นผู้นำกล่องขนมมามอบให้ และศาลได้เก็บกล่องขนมดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานหรือไม่
คำตอบที่ได้รับจากนายสราวุธ เบญจกุล
รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม
แถลงอย่างเป็นทางการว่า
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นเงินสด
ได้ส่งคืนให้กับผู้นำมามอบให้ไปแล้ว
"ส่วนจะมีการถ่ายรูปหรือจดบันทึกไว้
เป็นหลักฐานหรือไม่ ผมไม่ทราบ
แต่จะเป็นหน้าที่ขององค์คณะที่ประธานศาลฎีกา
ตั้งขึ้นเป็นผู้สอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้วว่า ผู้กระทำการเป็นใคร
ชื่ออะไร จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป"
ยังลอยๆไม่ลงลึกสักเท่าไหร่
และถ้าย้อนไปเทียบกับสินบนคดียุบพรรคไทยรักไทย
ที่เขย่าวงการศาลก่อนหน้านี้ มันก็มีอะไรที่คล้ายกันในรูปแบบของ
พัฒนาการข่าวที่ถูกจุดพลุออกมา
ลามเร็วเป็นไฟไหม้ป่า
คนที่เกี่ยวข้องกับคดีหน้าชาไปตามๆกัน
อย่างไรก็ดี ตามรูปการณ์ที่รองเลขาฯสำนักงาน
ศาลยุติธรรมแถลงออกมา คิวนี้มันต้องมีพยานรู้เห็น อย่างน้อยก็เจ้าหน้าที่ที่รับฝากกล่องใส่เงินไว้
ไล่เรียงกันเดี๋ยวก็รู้ตัวทนายที่เอากล่องขนมใส่เงินมาวางที่ศาลฎีกา
แค่คำตอบตรงนั้น สังคมก็พอจะอนุมานได้แล้ว
และแน่นอนในฐานะเป้าแรกที่ทุกสายตาจับจ้อง
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ในฐานะอดีตผู้พิพากษา รีบออกตัวทันที
ถือเป็นเรื่องตลกและเป็นไปไม่ได้
พร้อมกับเปิดปมซักค้าน ความจริงต้องถามว่า
ทีมทนายดังกล่าวเป็นของใคร
แต่เท่าที่ทราบคงไม่มีใครนำเงินมากถึง 2 ล้านบาท
ไปให้ระดับเจ้าหน้าที่ของศาล
ซึ่งไม่มีความสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงรูปคดีได้
ส่วนที่มองว่า อาจเป็นการดิสเครดิตการทำงานของศาลฎีกา
เพื่อให้เปลี่ยนองค์คณะของศาลฎีกานั้น การไปใส่ร้ายศาลจะเกิดผลเสียหายต่อคนที่เป็นจำเลยที่เกี่ยวกับคดีนี้
เป็นคนบ้าเท่านั้นที่จะทำ
โต้ไป ตีกรรเชียงหนีไป แต่นายพงศ์เทพคงลืมว่า
คนบ้าแต่ไม่โง่
เอาเป็นว่า ตรวจสอบคดีใหญ่ๆของนักการเมืองที่อยู่ระหว่าง
การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง
นาทีนี้ก็มีคดีที่ดินรัชดาของอดีตนายกฯทักษิณ
คดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช
อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.สัดส่วน
พรรคพลังประชาชน
และคดีคลองด่านที่มีนายวัฒนา อัศวเหม
อดีต รมช.มหาดไทย เป็นจำเลย
เดิมพันวัดดวงทั้งนั้น
ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ รายงาน
ที่ประหลาดคือเมื่อคืนข่าวทีวีรอบดึ๊กๆ เขาว่า
ลิ้มพูดเรื่องนี้บนเวที (ล่วงหน้าก่อนจะมีข่าวออกมา)
หนึ่งวัน ว่าพรุ่งนี้คอยดูจะมีข่าวเรื่องเกี่ยวกับศาลออกมา
แหมแม่นไม่น่าเชื่อ (ถ้าเป็นหมอดูนะ) ถ้าไม่ใช่หมอดู
ก็คงไม่เป็นคนวางแผนเอง ก็คงจะคุยว่าสนิทกับศาลดี
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันแปลกไหมล่ะคะ
ศาลฟังแล้วเต้นผางๆ ดิ้นพลาดๆ รับไม่ด๊ายรับไม่ได้
ข่าวออกมาครั้งแรกว่ามีผู้พิพากษาคนหนึ่งเผอิญเดินมาเจอ
จึงได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่เงินไม่ยักเก็บ
แล้วผู้พิพากษาท่านนั้น ไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือไง
เขาตบหน้าฉาดใหญ่ แทนที่จะลากคอเข้าตะรางไป
กลับคืนเงินเขา แล้วปล่อยกลับไป พร้อมปล่อยช่าวไปด้วย
ฟังอย่างไรมันก็ทะแม่งๆนะคะ เหมือนกับ เจ้าบ้าน
เดินมาเจอคนเอาระเบิดมาให้ที่บ้าน เจ้าบ้านรู้ว่ามันอันตราย
เก็บไว้ไม่ได้ แทนที่จะเรียกตำรวจจับ ดั๊นถ่ายรูปไว้เป็นที่ระทึก
แล้วบอกว่าไม่รับอ้ะ มันอันตราย เอากลับไปแล้วกัน
ละครไทยว่าน้ำเน่าแล้ว ยังไม่เน่าขนาดนี้เลยอ้ะ
ตัวละครก็เยอะแยะ ทั้งเจ้าหน้าที่คนที่รับ
ผู้พิพากษาคนนั้น ยังอยู่ครบ ก็ไม่ได้โดนระเบิด
ไปสักหน่อย ก็ลากคอออกมาชี้แจงก็หมดเรื่อง
ไม่เห็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจให้มันวุ่นวาย
ใช้เวลาตั้งสองอาทิตย์ เออ ถ้าว่าไปพบกล่องเงินตก
อยู่ก็ไปอย่าง จะได้ต้องใช้เวลาสืบ แล้วเรียกเทป
กล้องจับผุ็ร้ายมาเปิดดู ก็ข่าวว่าตัวละครครบ
มีทั้งคนรับ คนให้ พร้อมพยานที่ว่า ถ่ายรูปไว้ด้วย
ไหงต้องตั้งคณะขึ้นมาอีกทำไม
เวลาตั้งสองอาทิตย์ ข่าวใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน
อย่าทำให้หายไปกับสายลมล่ะ เบื่อ
ID # 796971 - โพสต์เมื่อ : 2008-06-13 10:01:36 _ ปิดข้อความ แก้ไข
เงินตั้งสองล้าน กองคงใหญ่พอควร
ถึงจะเป็นแบงค์ใหม่ ปึกละแสน ก็ตั้ง
20ปึก มองปร๊าดรู้เลยหรือว่ามีกี่ปึก
ถ้าเอาออกมานับ(แม้แต่นับเป็นปึกๆ)
ก็คงเอิกเริกน่าดู ไปนับกันที่ไหนล่ะ
ที่สำคัญถ้าเป็นแบงค์ใหม่ ก็น่าจะอายัดไว้
เพราะเลขบนแบงค์ สืบหาต้นตอได้ไม่ยาก
เว้นเสียว่างานนี้ปล่อยข่าว ออกมาดิสเครดิตเขา
ง่ายๆโง่ๆเท่านั้นเอง ควายคงรับมุกกันเกรียว
แล้วก็เชื่อไปแล้วว่าเขาทำจริงๆ
เพราะดันมีคนออกมาบอกว่า จริงๆ
ไม่ได้หวังจะซื้อศาล เพียงแต่แสดงความหน้าใหญ่
แจกค่าขนมเด็กๆ เมื่อเขาออกมาบอกกันสนั่นว่า
จะทำไปทำไม ใครจะโง่ทำอย่างนั้น ทั้งๆที่รู้
ว่าไม่ได้ผลกับคดี เฮ้อ ดำน้ำขุ่นๆก็ยังกล้าทำไป
แสดงความหน้าใหญ่นี่นะ
คนจนๆรอขอทานข้างถนนก็เงี้ยแหละ
ทนเห็นคนอื่นเขามีเงินไม่ได้ ฮา
ID # 798857 - โพสต์เมื่อ : 2008-06-13 23:24:05 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสอบสวนหาที่มาของเงินจำนวน 2 ล้านบาท ที่มีผู้นำใส่
องค์คณะผู้ไต่สวนได้เรียกเจ้าหน้าที่ธุรการซี 7 ซึ่งเป็นผู้รับ
กล่องขนม
มามอบให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ล่าสุด วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมเล็ก องค์คณะผู้ไต่สวนข้อเท็จจริงโดยนายมงคล ทับเที่ยง รองประธานศาลฎีกา นายวีระพล ตั้งสุวรรณ และนายอิศเรศ ชัยรัตน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้ประชุมกรณีทนายความอดีตนักการเมืองนำถุงขนม ซึ่งมีเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท ให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืององค์คณะผู้ไต่สวนได้เรียกเจ้าหน้าที่ธุรการซี 7 ซึ่งเป็นผู้รับ
ถุงขนม
ใส่เงินสด 2 ล้านบาท มาสอบถามข้อเท็จจริง ถึงการสนทนากับทนายความอดีตนักการเมืองเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.
โดยวันดังกล่าวตรงกับวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมารายงานตัวต่อศาล หลังกลับจากต่างประเทศในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดา และมีนายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ เดินทางมาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ธุรการซี 7 ยืนยันว่าภายในถุงมีขนมและเงินสดจำนวนดังกล่าวจริงแปลกๆนะคะ ที่ตั้งข้อสังเกตไว้ จับแพะชนแกะจริงๆ
สื่อต้องการชักนำให้เข้าใจว่าทนายความคุณทักษิณ
เป็นคนนำเงินมาให้ ทั้งๆที่จริงๆ เรื่องคือทนายความมาจริง
มาคุยด้วยจริง แต่ไม่เห็นบอกเลยว่าทนายคุณทักษิณเป็นคนเอาเงินมา
เพียงแต่เจ้าหน้าที่รับว่าในถุงมีเงินจริงๆ แต่สื่อ โยงจน
เข้าใจได้ว่าทนายคุณทักษิณเป็นคนเอามาให้
เจ้าหน้าที่ศาลก็ซีเจ็ดแล้ว ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ไม่รู้หรือว่า
เงินเป็นหลักฐาน คืนให้คนทำผิดไปไม่ได้ ที่สำคัญ
แม้จะเป็นขนมเจ้าหน้าที่ก็รับไว้ไม่ได้ ไม่รู้หรือ
ป้าบอกแล้ว เรื่องนี้มันแปลกพิลึก แล้วในข่าวล่าสุด
ตัวละครเอก คือผู้พิพากษาที่เข้ามาถ่ายรูปไว้ไปไหนแล้วอ้ะ
ถ้าเป็นการเขียนเรื่องนะคะ ตำราเขาว่าพล้อตอ่อนมาก
คนเขียนเรื่องไม่สามารถเก็บรายละเอียดตัวละครที่สร้าง
ขึ้นมาได้หมด ตอนแรกก็วาดไว้เสียหลายตัว ไปๆมาๆ
ไม่รู้จะแต่งต่ออย่างไรดี เลยทำลืม ไม่เอ่ยถึงอีกเลย
ลืมไปว่าคนอ่านเขายังจำได้ แล้วก็งงๆอยู่ เห็นว่าคนแต่ง
แต่งห่วยมาก ทีหลังจำชื่อไว้ เขาก็ไม่ซื้อ (
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น