วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

จากอินทรีเหล็ก:ไทยรัฐ

ID # 691888 - โพสต์เมื่อ : 2008-06-17 09:17:29 _ ปิดข้อความ


เฮ้อ วิกฤติการเมืองที่สะท้อนถึง ความตกต่ำ ของบ้านเมือง สะท้อนถึง ความล้าหลัง ของระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นได้แค่เครื่องมือของ เกมชิงอำนาจทางการเมือง เท่านั้น.....ระหว่าง เสียงข้างมาก ที่ผ่านการเลือกตั้งกับ เสียงข้างน้อย ที่อยู่นอกสภา......ระหว่าง อารยะขัดขืน กับการใช้ กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย.....ใครจะเป็นกรรมการตัดสิน............

นั่นย่อมจะนำไปสู่ จุดแตกหัก ระหว่างอำนาจสองฝ่าย.....นำไปสู่ ความขัดแย้ง แบ่งฝัก แบ่งฝ่ายระหว่างสองขั้วขยายความไปสู่ ภาคบังคับให้ต้องเลือกข้าง ให้ต้องเลือกพรรคและต้องเลือกภาค....."อินทรีเหล็ก" อยากจะตั้งคำถามว่า นี่คือการเมืองภายใต้กฎกติกา ในระบอบประชาธิปไตย ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่............

กรณี สั่งปิดเคเบิลทีวี ก็เช่นกัน ฟัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ชี้แจง ไม่ใช่ว่าให้ปิดเคเบิลทีวีแต่ต้องการให้ใช้ วิจารณญาณ ในการจะถ่ายทอด การชุมนุมประท้วง ของพันธมิตร.....ตรงไหนเหมาะสมไม่เหมาะสม จะต้องรับผิดชอบ ตามกฎหมาย.....โดยเฉพาะที่ หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นประมาท บุคคลที่สามหรือเข้าข่าย โค่นล้มอำนาจบริหาร .....ที่จะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ............

["อินทรีเหล็ก"] ไม่เข้าใครออกใคร ส่วนหนึ่งอาจจะมีผลต่อการหยุดยั้งในการ ปลุกระดมประชาชน ให้มาชุมนุมกันมากขึ้น......แต่ส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับเช่นกันก็คือการ กล่าวปราศรัยให้ร้ายผู้อื่น โดยปราศจากข้อเท็จจริงทางกฎหมายจะ ฟ้องร้องกันไปอย่างไรก็เป็นอีกเรื่อง.....แต่ ในทางพฤตินัย ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับการดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนส่วนหนึ่งไปแล้ว............

คิดถึงข้อเท็จจริงถ้า ฟรีทีวี จะไปถ่ายทอดสดคนทะเลาะกันด่ากันกลางตลาดสด จะเหมาะสมหรือไม่.....ด่าพ่อล่อแม่ ใช้คำหยาบคายสารพัด แค่ละครจะมีฉากข่มขืนก็โวยวายกันแล้ว.....นี่เล่นด่ากันเป็นชุดก็ไม่ไหวเหมือนกัน............

ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม ตามระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชน ตรงกันข้าม กลับสนับสนุนด้วยซ้ำ แต่ก็จะต้องเคารพ สิทธิและเสรีภาพ ของคนอีกฝ่ายหนึ่งด้วย "[อินทรีเหล็ก"] อยากจะย้ำไว้ตรงนี้ว่า บ้านเมืองต้องมีขื่อแป กฎหมายกติกา ขบวนการยุติธรรมจะต้องได้รับการเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด...... ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะเข้าสู่กลียุค ............

หันมาที่การเมืองในสภาเป็นอันว่ารัฐบาล นายกฯสมัคร สุนทรเวช ตัดสินใจ ไม่ไฟเขียว ให้มีการ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติที่สองสภาจะขออภิปรายร่วมกันและตามมาตรา 161 ที่ ส.ว.ลงชื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั่วไปไว้แล้ว....ด้วยเหตุผลว่า ไม่มีเวลาและไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติ ฟังดูง่ายไปนิด............

เอ้า เรื่องนี้นานาจิตตัง ฝ่ายหนึ่งอ้างว่าจะได้ คลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองนอกสภา ให้ทุเลาลง......แต่อีกฝ่ายมองว่าจะเป็นเกมการเมือง รุมสับรัฐบาล ในสภาวะที่การเมืองกำลังตึงเครียด ดีไม่ดีจะกลายเป็นการปลุกม็อบมาไล่รัฐบาลเต็มอัตราศึก......ถึงเวลานั้นแม้จะลงมติ ไม่ไว้วางใจไม่ได้.....แต่บีบให้ พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวได้ ส่วนต่อจากนั้นจะมีงูเห่าหรือรัฐบาลจะถึงกับ เปลี่ยนขั้ว ยากที่จะคาดเดา............

การเมืองที่ต้องชิงไหวชิงพริบ ถ้าอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไม่ทันก็ต้องไปรอสภา สมัยสามัญหน้าโน้น เพราะสภาสมัยสามัญที่จะถึงนี้ เป็นสมัยที่จะต้อง พิจารณากฎหมาย ห้ามยื่นอภิปรายรัฐบาล......เลยมีพวกศรีธนญชัยเตรียมให้สองสภาร่วมลงชื่อ 1 ใน 3 ตามมาตรา 129 ขอให้มีการ เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เองซะเลย......นี่แหละการเมืองยุคขุดรากถอนโคน............

"อินทรีเหล็ก" อยากจะตั้งคำถามกับสังคมว่า ถ้าการเมืองเล่นกันแรงอย่างนี้ บ้านเมืองจะอยู่ได้หรือไม่.....ฝ่ายหนึ่งขึ้นอีกฝ่ายก็จ้องจะโค่นล้ม ไม่พ้นมรสุมเกมชิงอำนาจทาง การเมืองที่ไม่มีวันยุติ............

ไม่มีความคิดเห็น: