วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ปากอย่างใจอย่าง!

ID # 691875 - โพสต์เมื่อ : 2008-06-17 07:58:49 _ ปิดข้อความ


วันที่ 16 มิ.ย. 2008 - 12:30:02 น.



ในสถานการณ์การเมืองที่วุ่นวายเช่นนี้ ผมมองว่าทุกอย่างไม่ได้มืดมนไปเสียหมด เพราะในวิกฤติยังมีโอกาสซ่อนเร้นเสมอ อยู่ที่ว่าใครจะมองเห็น

เพราะอย่างน้อยๆ ก็ทำให้คนไทยได้ตื่นตัวกับระบอบประชาธิปไตยกันมากขึ้น!

ชาวไร่ชาวนา กรรมกรแบกหาม คนทำงานรับจ้าง ที่ไม่เคยรู้จักประชาธิปไตยเลยก็มีความตื่นตัวกันมากขึ้น

สาเหตุที่ทำให้มีการตื่นตัวนั้น เป็นเพราะมีความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรง รวมทั้งการเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของกลุ่มพันธมิตรฯ

ชาวบ้านที่ได้รับประโยชน์จากกองทุนหมู่บ้าน สินค้าโอทอป โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และอีกสารพัดนโยบาย เกิดความสับสนและไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรจึงมีการสกัดกั้นรัฐบาลที่ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มรากหญ้า

ต้องยอมรับว่าอดีตรัฐบาลพรรคไทยรักไทย หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชาชน ได้ออกนโยบายเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มชนชั้นล่าง กลุ่มรากหญ้า ยอมที่จะเลือกพรรคดังกล่าวมาทำงาน ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบพรรค หรือเปลี่ยนตัวผู้นำ แต่ถ้ายังคงนโยบายเดิมก็พร้อมจะให้โอกาสพรรคนั้นๆ มาเป็นรัฐบาล

นั่นก็เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชน ที่มีความหวังว่ารัฐบาลที่มีแนวทางการบริหารงานลักษณะนี้จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การทำงานอย่างรวดเร็วและสร้างความพึงพอใจให้กลุ่มชนชั้นล่างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั้น ได้สร้างความกังวลให้กับกลุ่มอำนาจบางกลุ่ม

ถ้ามองง่ายๆ เลยก็คือ กลัวสูญเสียการปกครอง เพราะประชาธิปไตยเมืองไทยไม่เคยเกิดปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีขบวนการล้มล้างประชาธิปไตยเกิดขึ้น และต้องการล้างสมองประชาชนว่าสิ่งที่ชาวบ้านได้ประโยชน์คือ "มายาภาพชั่วคราว"

เช่น กองทุนหมู่บ้าน ก็อ้างว่า เป็นนโยบายให้เงินประชาชนไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สร้างค่านิยมผิดๆ หรือโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ก็พยายามจะล้มโครงการโดยอ้างว่าไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งๆ ที่นโยบายดังกล่าว ประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจและได้มีการแก้ไขปัญหามาตลอด

สื่อมวลชนและกลุ่มเอ็นจีโอ ซึ่งในต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่ในเมืองไทย กลับเป็นบ่อนทำลายความเจริญ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ "ตัวถ่วงความเจริญ"

นักข่าวบ้านเรามีวิธีการทำงานที่แสนจะชุ่ย วันๆ ไม่ได้คิดอะไรให้สร้างสรรค์สังคม เพียงแค่ตื่นเช้าขึ้นมา คอยฟังรัฐบาลว่าออกนโยบายอะไรมาบ้าง จากนั้นก็ไปหาแหล่งข่าวอีกด้านคอย เสี้ยม ยุแยงตะแคงรั่วให้ตีกันบนหน้ากระดาษ

ตื่นเช้าอีกวัน ข่าวได้พาดหัวตัวโต ก็ถูกหัวหน้าข่าวชื่นชมว่าหาประเด็นเก่ง ขายข่าว ขายหนังสือพิมพ์ได้บาน

สื่อมวลชนแทนที่จะทำงานเพื่อสังคมจริงๆ แต่กลายเป็นว่าทำงานเอาตัวรอดไปวันๆ สร้างประเด็น เต้าข่าวให้ตื่นเต้นไปตามกระแส

นี่แหละเวรกรรมของประเทศไทย อุตส่าห์มีผู้นำประเทศมาช่วยนำพาประเทศไทยให้ก้าวผ่านจากประเทศกำลังพัฒนาไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วตามแบบประเทศชั้นนำ

ชาวบ้านชาวช่อง คนยากคนจนจะได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องหยุดชะงัก ไม่รู้ว่าจะได้ก้าวเดินต่อไปอีกเมื่อไร

ประชาธิปไตยที่ทั่วโลกต่างพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เป็นระบอบการปกครองที่จะนำความมั่งคั่งมาสู่ประชาชนมากที่สุด ก็ต้องมีอันเป็นไป

วันนี้ก็หวังเพียงว่า ประชาชนจะยึดมั่นแนวทางประชาธิปไตย ไม่หวั่นไหวต่อการปลุกระดมของกลุ่มพันธมิตรฯ

ประเทศไทยไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ถูกจับตามองจากต่างชาติ อย่างไรเสียงส่วนใหญ่ก็มีความชอบธรรม

อดทนสักนิด รอคอยชัยชนะ อย่าไปฟังคนบ้าที่กำลังคลุ้มคลั่ง

อย่าไปแคร์คนบางคนที่ปากอย่างใจอย่างครับ!



คอลัมน์: ละครชีวิต...จากหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ 16/06/2551

ID # 808328 - โพสต์เมื่อ : 2008-06-17 09:27:07 _ ปิดข้อความ แก้ไข


ขอโทษที่ทำให้คุณสมฆ หงุดหงิดค่ะ
แต่ถ้าจะเรียนเพิ่มเติมว่า เดี๋ยวนี้แม้
แต่สว.ทั้งที่ผ่านการเลือกตั้ง และลากตั้ง
ก็กลายเป็นฝ่ายค้านกันไปหมด

แล้วบอกว่าสว.เป็นกลาง ไม่สังกัดพรรค
ไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใด ก็ที่เห็นมันคอยจ้องจะล้มรัฐบาล
ที่มาจากการเลือกตั้งกันเหยงๆ หน้าที่ตัวจริงๆ
ก็แค่คอยกลั่นกรองกฏหมายไม่ใช่หรือ

แล้วมีหน้ามาขอเวลาด่าทอรัฐบาลด้วยเรื่องอะไร
รักชาติกันจริงหรือเปล่าเนี่ย ปัญหารุมเร้า
ขนาดนี้ แทนที่จะช่วยกันคนละไม้ละมือ
ประคับประคองสถานการณ์ ให้ประเทศผ่านวิกฤต
ไปให้ได้ กลับไม่ทำ ดั๊นมาร่วมมือกับม้อบ
กับฝ่ายแค้น เจาะรัฐนาวากันเหยงๆ
โดยลืมไปว่า หากเรือล่ม ไอ้ที่คิดจะถีบหัวเรือส่ง
นั้นคงไม่มีทาง เพราะมรสุมทางเศรษฐกิจของโลก
ที่โหมกระหน่ำอยู่ขณะนี้ ต่อให้เทวดา ถ้าทำ
คนเดียวก็อย่าหวังเลยว่าจะรอด คงจมน้ำครำตาย
ไปด้วยกันทั้งประเทศนั่นแหละ เฮ้อออออออออออ

ไม่มีความคิดเห็น: