คุยการเมือง : ไม่มีอะไรในกอไผ่
แม้ จะไม่ใช่หมอดูหรือโหราจารย์ แต่ในฐานะที่คลุกคลีอยู่กับข่าวการเมืองมานาน
จึงมักถูกถามอยู่บ่อย ๆ ว่า หลังจากเสร็จงานสำคัญของบ้านเมืองไปแล้ว
การเมืองจะเป็นอย่างไร
อันที่จริงไม่มีใครรู้จริงหรอก เพราะส่วนใหญ่มักจะคาดเดากันไปตามข้อมูลที่มี
หรือนึกคิดตามความอยากที่จะให้มันเป็นไป
พล. ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ โหราจารย์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งได้พูดให้ฟังเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนว่า เหตุการณ์บ้านเมืองจะตกผลึกตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม ไปจนถึงวันที่ 20 มกราคม พอลองนับนิ้วดูแล้ว ก็เป็นช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนกับอีก 9 วัน
ฟังแล้วก็ใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ตามสื่อมวลชนนั่นคือ ช่วงระยะเวลาดังกล่าวพอดิบพอดี
กับการพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง 3 พรรคของศาลรัฐธรรมนูญ อันประกอบด้วย
พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และ พรรคมัชฌิมาธิปไตย
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วว่า กรรมการบริหารไปเกี่ยวข้องกับการซื้อเสียงจริง
พรรคการเมืองเหล่านี้จะต้องถูกยุบทิ้ง และกรรมการบริหารทั้งหมดจะถูกตัดสิทธิ
ทางการเมือง 5 ปี เหมือน ๆ กับที่พรรคไทยรักไทยเคยเจอมาแล้ว
พรรคพลังประชาชนมีกรรมการบริหารที่เป็น ส.ส.อยู่ 37 คน ในจำนวนนี้รวมไปถึง
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีด้วย
ผลของการตัดสิทธิทางการเมืองจะทำให้นายสมชายต้องพ้นจากการเป็น ส.ส
.และนายกรัฐมนตรีทันที ตลอดจนมีผลต่อ ครม.ทั้งคณะที่ต้องพ้นสภาพโดยอัตโนมัติ
เพราะนายกรัฐมนตรีไม่อยู่แล้วนั่นเอง
ในช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 11 ธันวาคม ถึงวันที่ 20 มกราคมจึงเป็นช่วงของ
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่บางครั้งอาจจะเกิดก่อนหรือล่าช้าไปกว่านี้ก็ได้
แล้วแต่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวินิจฉัยเสร็จเมื่อใดมากกว่า
แต่ปัญหาที่หลายคนกระหายใคร่รู้ไม่อยู่ที่ว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่หรือไป เพราะพอคาดเดา
กันได้บ้างแล้วว่าคงอยู่ลำบาก
คำถามที่แทรกขึ้นมาแทนที่ก็คือ เมื่อรัฐบาลชุดนี้ไม่อยู่ แล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
จะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองหรือไม่ และรัฐบาลมีรูปโฉมโนมพรรณอย่างไร ตรงนี้ตอบยาก
แต่เท่าที่รู้เขากำลังต่อสู้กันในแง่กฎหมาย
พรรคพลังประชาชนมานั่งสำรวจกรรมการบริหารที่เป็น ส.ส.มีทั้งหมด 37 คน
หากนั่งเฉย ๆ รอไปจนถึงวันตัดสิน จำนวนทั้ง 37 คนก็จะหายไป เพราะถูกตัดสิทธิ
เขาจึงมาดูว่าทั้ง 37 คน เป็น ส.ส.เขตเลือกตั้งกี่คน และเป็น ส.ส.สัดส่วนกี่คน
จากนั้นก็บังคับให้กรรมการบริหารที่เป็น ส.ส.สัดส่วน ลาออกทั้งหมด
เพื่อเปิดที่ว่างให้กับผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนลำดับถัดไป เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน
พอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค จำนวน ส.ส.สัดส่วนซึ่งเพิ่งถ่ายเลือดกันใหม่ ๆ
จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้กรรมการบริหาร จึงไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง
หากจำนวนนับของฝ่ายรัฐบาลลดลงแต่ไม่เกิดนัยสำคัญทางการเมือง การยุบพรรคก็จะไม่มีผลอะไร เพียงแต่เสียค่ารถขนของย้ายจากพรรคหนึ่งไปอีกพรรคหนึ่งและ
เสียค่าพิมพ์นาม บัตรใหม่เท่านั้นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะการเมืองยังเป็นขั้วเดิม
ถึงว่าสิ พล.ต.ต.สุชาติ บอกว่า ดวงของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังไม่ถึงนายกรัฐมนตรี
ฉะนั้นพ่อยกแม่ยกทั้งหลายคงต้องรอจนเหน็บกินกันไปอีกพักใหญ่.
ดินสอโดม
แม้ จะไม่ใช่หมอดูหรือโหราจารย์ แต่ในฐานะที่คลุกคลีอยู่กับข่าวการเมืองมานาน
จึงมักถูกถามอยู่บ่อย ๆ ว่า หลังจากเสร็จงานสำคัญของบ้านเมืองไปแล้ว
การเมืองจะเป็นอย่างไร
อันที่จริงไม่มีใครรู้จริงหรอก เพราะส่วนใหญ่มักจะคาดเดากันไปตามข้อมูลที่มี
หรือนึกคิดตามความอยากที่จะให้มันเป็นไป
พล. ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ โหราจารย์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งได้พูดให้ฟังเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนว่า เหตุการณ์บ้านเมืองจะตกผลึกตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม ไปจนถึงวันที่ 20 มกราคม พอลองนับนิ้วดูแล้ว ก็เป็นช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนกับอีก 9 วัน
ฟังแล้วก็ใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ตามสื่อมวลชนนั่นคือ ช่วงระยะเวลาดังกล่าวพอดิบพอดี
กับการพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง 3 พรรคของศาลรัฐธรรมนูญ อันประกอบด้วย
พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และ พรรคมัชฌิมาธิปไตย
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วว่า กรรมการบริหารไปเกี่ยวข้องกับการซื้อเสียงจริง
พรรคการเมืองเหล่านี้จะต้องถูกยุบทิ้ง และกรรมการบริหารทั้งหมดจะถูกตัดสิทธิ
ทางการเมือง 5 ปี เหมือน ๆ กับที่พรรคไทยรักไทยเคยเจอมาแล้ว
พรรคพลังประชาชนมีกรรมการบริหารที่เป็น ส.ส.อยู่ 37 คน ในจำนวนนี้รวมไปถึง
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีด้วย
ผลของการตัดสิทธิทางการเมืองจะทำให้นายสมชายต้องพ้นจากการเป็น ส.ส
.และนายกรัฐมนตรีทันที ตลอดจนมีผลต่อ ครม.ทั้งคณะที่ต้องพ้นสภาพโดยอัตโนมัติ
เพราะนายกรัฐมนตรีไม่อยู่แล้วนั่นเอง
ในช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ 11 ธันวาคม ถึงวันที่ 20 มกราคมจึงเป็นช่วงของ
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่บางครั้งอาจจะเกิดก่อนหรือล่าช้าไปกว่านี้ก็ได้
แล้วแต่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวินิจฉัยเสร็จเมื่อใดมากกว่า
แต่ปัญหาที่หลายคนกระหายใคร่รู้ไม่อยู่ที่ว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่หรือไป เพราะพอคาดเดา
กันได้บ้างแล้วว่าคงอยู่ลำบาก
คำถามที่แทรกขึ้นมาแทนที่ก็คือ เมื่อรัฐบาลชุดนี้ไม่อยู่ แล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
จะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองหรือไม่ และรัฐบาลมีรูปโฉมโนมพรรณอย่างไร ตรงนี้ตอบยาก
แต่เท่าที่รู้เขากำลังต่อสู้กันในแง่กฎหมาย
พรรคพลังประชาชนมานั่งสำรวจกรรมการบริหารที่เป็น ส.ส.มีทั้งหมด 37 คน
หากนั่งเฉย ๆ รอไปจนถึงวันตัดสิน จำนวนทั้ง 37 คนก็จะหายไป เพราะถูกตัดสิทธิ
เขาจึงมาดูว่าทั้ง 37 คน เป็น ส.ส.เขตเลือกตั้งกี่คน และเป็น ส.ส.สัดส่วนกี่คน
จากนั้นก็บังคับให้กรรมการบริหารที่เป็น ส.ส.สัดส่วน ลาออกทั้งหมด
เพื่อเปิดที่ว่างให้กับผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนลำดับถัดไป เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน
พอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค จำนวน ส.ส.สัดส่วนซึ่งเพิ่งถ่ายเลือดกันใหม่ ๆ
จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้กรรมการบริหาร จึงไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง
หากจำนวนนับของฝ่ายรัฐบาลลดลงแต่ไม่เกิดนัยสำคัญทางการเมือง การยุบพรรคก็จะไม่มีผลอะไร เพียงแต่เสียค่ารถขนของย้ายจากพรรคหนึ่งไปอีกพรรคหนึ่งและ
เสียค่าพิมพ์นาม บัตรใหม่เท่านั้นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะการเมืองยังเป็นขั้วเดิม
ถึงว่าสิ พล.ต.ต.สุชาติ บอกว่า ดวงของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังไม่ถึงนายกรัฐมนตรี
ฉะนั้นพ่อยกแม่ยกทั้งหลายคงต้องรอจนเหน็บกินกันไปอีกพักใหญ่.
ดินสอโดม
อ่านแล้วเซ็งกันไหมคะ รู้ก็รู้อยู่เต็มหัวอก ไม่ว่าฝ่ายเชียร์ และไม่เชียร์
ไม่ว่าใครก็รู้ โอกาสเปลี่ยนขั้วการเมืองนั้นยาก ตราบใดที่แมลงสาบยังทำตัวอย่างนี้
โอกาสเปลี่ยนขั้วกลายมาเป็นรัฐบาลโดยวิธีปกติที่ชาวบ้านเขายอมรับ ก็คงทำไม่ได้
แต่กยังดันทุรัง ถูลู่ถูกังกันไป พยายามกันเหลือเกิน ทำไม้ทำไม ไม่หยุด
แล้วหายใจเข้าลึกๆ ลองนึกทบทวนดูหน่อยว่าอะไรเป็นอะไร ที่ทำกันอยู่นี่
ทำไปทำไม ทำเพื่อใคร ทำแล้วจะได้อะไร นอกจากความย่อยยับของประเทศชาติ
อย่าลืมว่าคนอีกจำนวนไม่น้อยเขาคงไม่ยอมกันอีกแล้วนะคะ
เขาสุดจะทนแล้วเหมือนกัน เขาอายที่จะต้องตอบคำถามที่ชาวต่างชาติ
เขาถามว่า ก็ไหนยูว่ายูรักคุณทักษิณกันตั้ง 19 ล้านคน แล้วปล่อยให้เขาทำกับ
คนที่ยูรักอย่างนี้ได้อย่างไร เขาถามกันว่า ยูว่าคุณสมัครไม่ได้ทำผิด
แต่พวกยูกลับปล่อยให้เขาสอยออกจากตำแหน่งได้อย่างไร บอกตรงๆ ไม่รู้จะตอบว่าไง
เหมือนกันถึงจะไม่ติดคุก!!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น