วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เรื่องเล่าจากการบินไทย

โพสต์เมื่อ : 2008-12-01 21:58:58 _ ปิดข้อความ ex-link


จองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นกับครอบครัว ตั้งแต่วันที่4-14ธันวา จองมาตั้งแต่ต้นเดือนตค.
วางแผนกันมาเป็นปี สามีและลูกเคลียร์งานกันได้หมดแล้ว พอตั๋วคอนเฟิร์มต้นพย.
ก็จองโรงแรมเอง (เหตุที่ยืนยันตั๋วได้ช้ามาก เพราะตั๋วทั้งหมดใช้ไมล์สะสมบิน เขา
ดองเรื่องไว้จนครบเดือน เขาว่าตั๋วเต็ม) ใช้เส้น ทุกขนาด จึงได้รับการยืนยัน

พอเกิดเหตุการณ์ยึดสนามบิน ก็ใจหายวาบว่าคงไม่ได้ไป ลูกและสามีมองโลกในแง่ดี
เขาว่าอีกตั้ง 10 วัน แต่บอกตรงๆว่าในวันนั้นมั่นใจว่ามันคงไม่จบได้ง่ายๆ
เพราะดูจากสันดานที่ยึดทำเนียบ มันคงไม่ยอมคืนง่ายๆ ผ่านไปอีกสามวัน
เหลืออีกเจ็ดวันเท่านั้น ทนไม่ไหวแล้ว โทร.ไปถามการบินไทย เขาว่า เขาก็ไม่รู้
แต่เขายืนยันว่า หากขัดข้องยังบินไม่ได้ ยินดี เปลี่ยนวันเดินทางหรือแม้แต่รีฟัน
คืนเงินให้(เพิ่งทราบวันนี้ว่าไม่ได้เป็นเงิน หากแต่เขาจะให้เป็นคูปอง เอาไว้บินในอนาคต)
ก็เข้าใจนะคะว่าอ้อยเข้าปากช้าง เขาคงไม่ยอมคาย

อีกเจ็ดวันจะเดินทางเลยโทร.ไป หาเอเยนต์จองที่พัก เขาเข้าใจสถานการณ์ดี
บอกว่าโดยปกติอาทิตย์เดียวเขาไม่คืนให้เต็มราคาแน่ๆ แต่เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น
เขายินดีคืนให้เต็มราคา ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นคงสูญเงินเป็นแสน

ทำใจแล้วว่าคงไม่ได้ไป วันนี้ได้ยินข่าวว่า การบินไทย เขาจะพาบินไปได้
โดยออกจาก สนามบินอู่ตะเภา เลยไปติดต่อด้วยตนเอง เพราะโทร.ไป สามวัน
ได้ความว่าต้องฟังเพลงสลับเทป แจ้งว่าเนื่องจากสนามบินปิด จึงขอให้........
ไปตามเรื่อง แล้วก็เป็นเพลง จนฟังได้ความว่า "การบินไทยเคยรักคุณเท่าฟ้า"
เลยคิดว่าไปด้วยตนเองดีกว่า

ไปถึงรถติดตั้งแต่ปากทางเข้า ถนนวิภาวดี ก็ใจเย็นรอ แต่นึกในใจแล้วว่า
หากได้เข้าไปแล้วไม่มีที่จอดรถ ก็จะกลับ ไม่น่าเชื่อ เมื่อไปถึงไม่มีที่จอดจริงๆ
แต่ในที่สุด เขาก็วิ่งหาทางให้จอดได้ พบว่ามีคนไปติดต่อเป็นจำนวนมาก
ทั้งไทยและต่างชาติ เขาต้องจัดเก้าอี้ให้นั่งคอยด้านนอกอาคาร

เดินดุ่มๆ เข้าไป เข้าไป ถามที่แผนกที่เขาจัดเอาไว้ มีผู้ชายคนหนึ่ง ดูดีมากๆ
เข้ามาต้อนรับ และพาไป ถึงแผนกที่จะทำการยืนยันตั๋ว นั่งอธิบายขั้นตอนให้ฟังอย่างดี
เลยลองถามว่าหาก สนามบินเปิดได้ในวันไหน แล้วจะบินได้จริงเมื่อไหร่ เขาว่า 48 ชั่วโมง
ก็พร้อมบินได้ เลยแย้บถามต่อว่า แล้วคิดว่าเมื่อไหร่จะได้เปิดสนามบิน
เขาว่า \"ไม่ทราบครับ ไม่ทราบจริงๆ ก็ดูสิครับมันวุ่นวาย นี่นปช. ก็ชุมนุมอีกแล้วคงสงบยาก\"
โอ้แม่เจ้า เกือบยกเท้าขึ้นตบหน้าเสียแล้ว ปากหมาสมเป็นการบินไทยจริงๆ
จนจะตกงานกันหมดแล้ว ยังไม่สำนึก เสือกมาบอกว่าคงสงบยากเพราะนปก.
เลวบอกไม่ถูก นี่ถ้าไม่ได้บินเกือบฟรี คงไม่มีทางได้เงินจากฉันแน่ๆ

แล้วมันก็ลุกไป ได้คุยกับผู้โดยสารท่านอื่นแป๊บเดียว ในที่สุดก็มีผู้ชายไทยมา
กับฝรั่งสูงอายุ มานั่งข้างๆเลยคุยกัน เขาว่าเขาทำทัวร์ ฝรั่งคนนี้เป็นลูกทัวร์
แต่เขาว่าเขาไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไหร่ เพราะเขาทำทัวร์อินบาวน์ คือเอานัก
ท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว เขาว่าเขาทำทัวร์ ฝรั่งอเมริกันที่เกษียณแล้ว จึงมาเที่ยว
กันเป็นเวลานานๆ เป็นเดือน เมื่อรัฐบาลมีนโบายดูแล เลี้ยงดูโดยจ่ายให้หัวละ
สองพันบาทต่อวัน พร้อมที่พักและอาหาร เขาว่าลูกทัวร์เข้าใจ และไม่เดือดร้อน
กังวลใจมากนัก เพราะเขาอธิบายให้ฟังว่าเราก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร เพราะเกิดเป็น
ครั้งแรกในเมืองไทย(จริงๆคงเกิดเป็นครั้งแรกในโลกด้วยซ้ำ) เขาว่าเขาจัดการเช่า
รถตู้ให้ ใครอยากไปไหนไม่ไกลนัก ก็เสียค่าเช่ารถไปกัน เฉลี่ยกันออกคนละไม่ถึง
500บาท ฝรั่งก็แฮ็บปี้ดี เว้นแต่ป้าคนนี้ที่มีธุระจำเป็นต้องไปญี่ปุ่นเลยต้องมาจัดการให้

ก็เลยคุยกันว่ากลัวว่าจะยอมกัน เกี้ยเซี้ยกัน แล้วก็เลิกรากันไป
เขาว่าไม่ได้เด็ดขาด หากยอมกันอย่างนั้นไม่ลงโทษ อีกหน่อยก็จะ
กลายเป็นบรรทัดฐาน ต่อไปใครอยากได้อะไร ก็ยกพวกมายึดสนามบิน
ฟังแล้วก็ค่อยใจชื้นหน่อย แล้วเขาก็เฉลยว่าเขาเป็นคนเชียงใหม่ แหมมิน่า
เป็นคนเหนือนี่เอง เลยมีความคิดหน่อย แล้วเขาก็เดินไปทำธุระ

ทิ้งป้าฝรั่งนั่งอยู่คนเดียว เลยหันไปยิ้มให้ แล้วบอกเขาว่า" So sorry
for your inconvenience" เขายิ้มหวานแล้วบอกไม่เป็นไร เขาว่า
เขาเข้าใจ ป้าเลยบอกไปอีกว่า "thank you for your understanding"
ค่อยยังชั่วหน่อย แต่คนที่ส่งเสียงดัง ทำหน้าขมึงทึงก็มีนะคะ

อ้อระหว่างการรอคอย เขาก็จัดแอร์ และสจวร์ต มาเสิร์ฟ แซนด์วิช น้ำชากาแฟด้วย
สะใจม้ากมาก สม ดีกว่าตกงานมั้ง เขาระดมมากันแน่นห้องเลยค่ะ
หากไม่เจอไอ้ผู้ชายปากหมาคนนั้น ต้องจัดว่าการบินไทยรับมือกับสถานการณ์
ครั้งนี้ได้ดีมากๆค่ะ เล่าเสียยืดยาว เอาว่าแทนเรื่องเครียดๆที่จะเขียนต่อไปนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น: