ท่าทีและความห่วงใยของ นปช.ต่อสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน
ตาม ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงการณ์"ระดมมวลชนครั้งใหญ่เพื่อเผด็จศึกหยุดยั้งอำนาจรัฐบาลทรราชย์ ฆาตกรหุ่นเชิด และหยุดสภาทาสระบอบทักษิณ" ด้วยการอ้างเหตุความรุนแรงจนมีคนบาดเจ็บล้มตาย และการอ้างเหตุที่รัฐสภาจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ทำให้พันธมิตรต้องเปิดฉากยุทธการสงครามครั้งสุดท้าย ด้วยการออกจากที่ตั้งเพื่อตอบโต้รัฐบาลทุกรูปแบบ ประเภทม้วนเดียวจบ แต่อาจไม่ใช่วันเดียวจบ เพื่อพิสูจน์อารยะขัดขืนขั้นสูงสุด และพิสูจน์พันธมิตรฯ ว่าตลอดการชุมนุม 180 วันที่ผ่านมาเป็นของจริงหรือไม่ ราวกับว่าเป็นปฏิบัติการทุบหม้อข้าวของพระเจ้าตาก ต้องชนะสถานเดียว แพ้ไม่ได้ ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นจ๊ง และยังเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนพันธมิตรออกมารวมตัวกันให้หมด ถ้ากลัวก็ไม่ต้องมา ครั้งนี้ให้ผู้หญิงและเด็กอยู่แถวหลัง เป็นหน้าที่ของนักรบชาวใต้ ภาคตะวันออก และพี่น้องเมืองเพชร ฯลฯ โดยนัดหมายการรวมพลที่ทำเนียบรัฐบาลในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน นี้ และจะเคลื่อนขบวนเข้าเผด็จศึกหยุดยั้งอำนาจรัฐ(รัฐสภาและรัฐบาล)ทุกวิถีทาง ทุกรูปแบบที่หน้ารัฐสภา
นปช.มีความกังวลและห่วงใยอย่างยิ่งและมีท่าทีต่อสถานการณ์ทางการเมืองดังต่อไปนี้
1.-นปช .รู้สึกกังวล ห่วงใยต่อท่าทีอันแข็งกร้าวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความรุนแรงบานปลาย สร้างความแตกแยกมากกว่าที่เป็นอยู่ ท่าทีแบบแพ้ไม่ได้ ตายเป็นตาย ไม่ชนะไม่เลิก ทุบหม้อข้าว ตอบโต้ทุกรูปแบบ ฯลฯ เหล่านี้สุ่มเสี่ยงที่จะนำพามวลชนผู้บริสุทธิ์ไปพบกับความสูญเสียนองเลือด โดยง่าย แม้รัฐสภาจะประกาศแล้วว่าจะไม่มีวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณา ของสภาในวันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายนนี้ก็ตาม นปช.เห็นว่าสังคมไทยสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อจากการต่อสู้ทางการเมืองมามากต่อ มาก ประเทศชาติสูญเสียบอบช้ำมากเกินพอแล้ว มากเกินกว่าที่จะยอมให้เกิดการสูญเสียขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
2.-นปช .ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิตของผู้ชุมนุมฝ่าย พันธมิตร นปช.ไม่ปรารถนาจะเห็นการบาดเจ็บล้มตาย ไม่ว่าฝ่ายใด ดังนั้นไม่ว่าความรุนแรงจากการการยิงเอ็ม 79 จะเป็นฝีมือของคนกลุ่มใดก็ตาม นปช.ขอประณามการใช้ความรุนแรงดังกล่าว และขอเรียกร้องให้พันธมิตรให้ความร่วมมือกับตำรวจในการให้ข้อมูล รวมทั้งอำนวยความสะดวกทุกประการในการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพยานหลักฐาน พยานบุคคล ต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายคดีและนำตัวฆาตรกรมาลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป แม้ นปช.จะเห็นว่าการชุมนุมของพันธมิตรจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและมีเจตนาร้ายต่อ ระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอด แต่ถึงกระนั้นก็ตาม นปช.เห็นว่าไม่มีใครมีสิทธิใช้อาวุธสงครามเอาชีวิตผู้ชุมนุมโดยเด็ดขาด
3.-นปช .เข้าใจและเห็นใจพันธมิตรที่กำลังตกอยู่ในอารณ์ความรู้สึกของการสูญเสีย ปฏิกิริยาโต้ตอบของพันธมิตรในทำนอง"สู้ตาย" จึงสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงที่อาจสร้างความสูญเสียที่ใหญ่โตกว้างขวาง และลึกซึ้งกว่าเดิมแก่สังคมไทย ซึ่งกำลังบอบช้ำจากความแตกแยกร้าวลึกจากปัญหาทางการเมืองอย่างไม่เคยปรากฏมา ก่อน และกำลังเผชิญกับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญคืออารมณ์ร่วมของสังคมในขณะนี้ต่างเรียกร้องให้เกิด "ความสมานฉันท์" ดังปรากฏให้เห็นบทบาทของหลายฝ่ายที่พยายามสร้างพื้นที่และโอกาสในการพูดคุย สานเสวนาเพื่อหาทางออกอย่างสันติ และแนวทางดังกล่าวกำลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นการที่พันธมิตรกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวโดยมีอารมณ์ความรู้สึกสูญ เสีย โกรธแค้น เป็นตัวชี้นำ ย่อมไม่ส่งผลดีหากแต่จะซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก นปช.จึงขอเรียกร้องให้พันธมิตรเสียสละ ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติและความสงบสุขของสังคมด้วยการใช้สติและเหตุผลมากกว่า อารมณ์ความรู้สึกอันเกิดความสูญเสียและเจ็บแค้น หาไม่แล้วผลด้านกลับพันธมิตรอาจถูกมองในด้านลบที่เอาผลประโยชน์ของตนเฉพาะ กลุ่มมาเป็นเครื่องมือสร้างผลกระทบต่อสังคมโดยรวมมากขึ้นไปอีกเพียงเพื่อ บรรลุเป้าหมายทางการเมืองเท่านั้น
นปช.เชื่อมั่นเต็มเปี่ยม ว่าทุกฝ่ายพร้อมพูดคุยอย่างสันติกับพันธมิตร เพราะการเจรจาอย่างสันติคือทางออกที่แท้จริง สังคมไทยเป็นสังคมโอบอ้อมอารีให้โอกาสแก่ทุกคนเสมอและพร้อมยอมรับการหันหน้า เข้าหากัน ปรับทุกข์ผูกมิตร ให้อภัยซึ่งกันและกัน หน้าต่างแห่งโอกาสยังคงเปิดอยู่ตลอดเวลา ขอเพียงแต่ให้พันธมิตรรับไมตรีของฝ่ายต่างๆ เท่านั้น ขอให้มาเริ่มต้นกันใหม่ มาร่วมกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตย ด้วยการก้าวลงบันไดก้าวแรก คือ การยุติการชุมนุมที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงนองเลือด เพราะบ้านเมืองไม่อาจบอบช้ำมากไปกว่านี้อีกแล้ว
4.-นปช.ขอ เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคนทุกกลุ่ม อย่าได้ออกไปเผชิญหน้ากับพันธมิตร อย่าได้ตกเป็นเหยื่อของความพยายามใช้ความรุนแรง ขอให้อยู่ในที่ตั้งคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และช่วยกันส่งเสียงแสดงความห่วงใยและเสียงเรียกร้องไปยังพันธมิตรให้ใช้สติ และเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ถึงอย่างไรเสียคนเหล่านั้นก็เป็นพี่น้องคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น และช่วยกันห้ามปรามญาติพี่น้อง มิตรสหายของตนว่าอย่าได้เข้าไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรซึ่งอาจกลายเป็นส่วน หนึ่งของความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ดังเช่นความรุนแรงที่เกิดจากการนำระเบิดใส่รถจีปเชอโรกีเพื่อเตรียมก่อเหตุ เมื่อ 7 ตุลาคม 2551 เป็นต้น การแก้ปัญหาการชุมนุมเคลื่อนขบวนของพันธมิตรและปัญหาความรุนแรงใดๆ ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
5.-นปช .ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ได้รับมอบหมายให้เข้ารักษาความสงบ และแก้ไขสถานการณ์อันอาจเกิดจากการชุมนุมและเคลื่อนขบวนของพันธมิตร โปรดใช้ความอดทนอดกลั้นในระดับสูงสุด นปช.เชื่อว่ามีแต่ขันติธรรม อหิงสธรรมเท่านั้นที่จะเอาชนะใจพันธมิตรได้ เว้นแต่ เจ้าหน้าที่จะได้รับอันตรายจากการถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่ก็มีความชอบธรรมที่จะตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองมิให้ได้รับอันตราย ที่อาจเกิดขึ้น
6.-ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกสำนักทั้ง สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ โปรดเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นธรรมรอบด้าน ไม่พยายามสนับสนุนหรือเป็นต้นเหตุของความรุนแรงเสียเอง โดยเฉพาะขอเรียกร้องให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับระบอบประชาธิปไตยมากกว่า เป็นกระบอกเสียงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
7.-ขอเรียกร้องให้ทุก ฝ่ายช่วยกันจับตาความพยายามในการฉวยโอกาสทำรัฐประหารทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือใช้อำนาจนอกระบบเข้าแทรกแซงทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มโดย อาศัยสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น โดยไม่สนใจความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตย ต่อชีวิตทรัพย์สิน และผลกระทบต่อสังคมโดยรวมในระยะยาว
นปช.ขอภาวนาว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังร้อนระอุจะคลี่คลาย หวังว่าทุกฝ่ายจะสมานฉันท์กัน และยังคงรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ได้โดยปลอดภัย และขอยืนยันว่าจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเผชิญหน้ากับพันธมิตรในช่วงนี้ แต่ นปช.จะยังคงต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยโดยสันติสงบด้วยวิถีทางประชาธิปไตย ต่อไป และโดยเฉพาะเมื่อเกิดการรัฐประหารขึ้น นปช.จะออกมาต่อต้านโดยทันที
แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ(นปช.)
22 พฤศจิกายน 2551
โรงแรมรัตนโกสินทร์
ตาม ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แถลงการณ์"ระดมมวลชนครั้งใหญ่เพื่อเผด็จศึกหยุดยั้งอำนาจรัฐบาลทรราชย์ ฆาตกรหุ่นเชิด และหยุดสภาทาสระบอบทักษิณ" ด้วยการอ้างเหตุความรุนแรงจนมีคนบาดเจ็บล้มตาย และการอ้างเหตุที่รัฐสภาจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ทำให้พันธมิตรต้องเปิดฉากยุทธการสงครามครั้งสุดท้าย ด้วยการออกจากที่ตั้งเพื่อตอบโต้รัฐบาลทุกรูปแบบ ประเภทม้วนเดียวจบ แต่อาจไม่ใช่วันเดียวจบ เพื่อพิสูจน์อารยะขัดขืนขั้นสูงสุด และพิสูจน์พันธมิตรฯ ว่าตลอดการชุมนุม 180 วันที่ผ่านมาเป็นของจริงหรือไม่ ราวกับว่าเป็นปฏิบัติการทุบหม้อข้าวของพระเจ้าตาก ต้องชนะสถานเดียว แพ้ไม่ได้ ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นจ๊ง และยังเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนพันธมิตรออกมารวมตัวกันให้หมด ถ้ากลัวก็ไม่ต้องมา ครั้งนี้ให้ผู้หญิงและเด็กอยู่แถวหลัง เป็นหน้าที่ของนักรบชาวใต้ ภาคตะวันออก และพี่น้องเมืองเพชร ฯลฯ โดยนัดหมายการรวมพลที่ทำเนียบรัฐบาลในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน นี้ และจะเคลื่อนขบวนเข้าเผด็จศึกหยุดยั้งอำนาจรัฐ(รัฐสภาและรัฐบาล)ทุกวิถีทาง ทุกรูปแบบที่หน้ารัฐสภา
นปช.มีความกังวลและห่วงใยอย่างยิ่งและมีท่าทีต่อสถานการณ์ทางการเมืองดังต่อไปนี้
1.-นปช .รู้สึกกังวล ห่วงใยต่อท่าทีอันแข็งกร้าวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความรุนแรงบานปลาย สร้างความแตกแยกมากกว่าที่เป็นอยู่ ท่าทีแบบแพ้ไม่ได้ ตายเป็นตาย ไม่ชนะไม่เลิก ทุบหม้อข้าว ตอบโต้ทุกรูปแบบ ฯลฯ เหล่านี้สุ่มเสี่ยงที่จะนำพามวลชนผู้บริสุทธิ์ไปพบกับความสูญเสียนองเลือด โดยง่าย แม้รัฐสภาจะประกาศแล้วว่าจะไม่มีวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณา ของสภาในวันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายนนี้ก็ตาม นปช.เห็นว่าสังคมไทยสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อจากการต่อสู้ทางการเมืองมามากต่อ มาก ประเทศชาติสูญเสียบอบช้ำมากเกินพอแล้ว มากเกินกว่าที่จะยอมให้เกิดการสูญเสียขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
2.-นปช .ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิตของผู้ชุมนุมฝ่าย พันธมิตร นปช.ไม่ปรารถนาจะเห็นการบาดเจ็บล้มตาย ไม่ว่าฝ่ายใด ดังนั้นไม่ว่าความรุนแรงจากการการยิงเอ็ม 79 จะเป็นฝีมือของคนกลุ่มใดก็ตาม นปช.ขอประณามการใช้ความรุนแรงดังกล่าว และขอเรียกร้องให้พันธมิตรให้ความร่วมมือกับตำรวจในการให้ข้อมูล รวมทั้งอำนวยความสะดวกทุกประการในการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพยานหลักฐาน พยานบุคคล ต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายคดีและนำตัวฆาตรกรมาลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป แม้ นปช.จะเห็นว่าการชุมนุมของพันธมิตรจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและมีเจตนาร้ายต่อ ระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอด แต่ถึงกระนั้นก็ตาม นปช.เห็นว่าไม่มีใครมีสิทธิใช้อาวุธสงครามเอาชีวิตผู้ชุมนุมโดยเด็ดขาด
3.-นปช .เข้าใจและเห็นใจพันธมิตรที่กำลังตกอยู่ในอารณ์ความรู้สึกของการสูญเสีย ปฏิกิริยาโต้ตอบของพันธมิตรในทำนอง"สู้ตาย" จึงสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงที่อาจสร้างความสูญเสียที่ใหญ่โตกว้างขวาง และลึกซึ้งกว่าเดิมแก่สังคมไทย ซึ่งกำลังบอบช้ำจากความแตกแยกร้าวลึกจากปัญหาทางการเมืองอย่างไม่เคยปรากฏมา ก่อน และกำลังเผชิญกับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญคืออารมณ์ร่วมของสังคมในขณะนี้ต่างเรียกร้องให้เกิด "ความสมานฉันท์" ดังปรากฏให้เห็นบทบาทของหลายฝ่ายที่พยายามสร้างพื้นที่และโอกาสในการพูดคุย สานเสวนาเพื่อหาทางออกอย่างสันติ และแนวทางดังกล่าวกำลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นการที่พันธมิตรกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวโดยมีอารมณ์ความรู้สึกสูญ เสีย โกรธแค้น เป็นตัวชี้นำ ย่อมไม่ส่งผลดีหากแต่จะซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก นปช.จึงขอเรียกร้องให้พันธมิตรเสียสละ ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติและความสงบสุขของสังคมด้วยการใช้สติและเหตุผลมากกว่า อารมณ์ความรู้สึกอันเกิดความสูญเสียและเจ็บแค้น หาไม่แล้วผลด้านกลับพันธมิตรอาจถูกมองในด้านลบที่เอาผลประโยชน์ของตนเฉพาะ กลุ่มมาเป็นเครื่องมือสร้างผลกระทบต่อสังคมโดยรวมมากขึ้นไปอีกเพียงเพื่อ บรรลุเป้าหมายทางการเมืองเท่านั้น
นปช.เชื่อมั่นเต็มเปี่ยม ว่าทุกฝ่ายพร้อมพูดคุยอย่างสันติกับพันธมิตร เพราะการเจรจาอย่างสันติคือทางออกที่แท้จริง สังคมไทยเป็นสังคมโอบอ้อมอารีให้โอกาสแก่ทุกคนเสมอและพร้อมยอมรับการหันหน้า เข้าหากัน ปรับทุกข์ผูกมิตร ให้อภัยซึ่งกันและกัน หน้าต่างแห่งโอกาสยังคงเปิดอยู่ตลอดเวลา ขอเพียงแต่ให้พันธมิตรรับไมตรีของฝ่ายต่างๆ เท่านั้น ขอให้มาเริ่มต้นกันใหม่ มาร่วมกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตย ด้วยการก้าวลงบันไดก้าวแรก คือ การยุติการชุมนุมที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงนองเลือด เพราะบ้านเมืองไม่อาจบอบช้ำมากไปกว่านี้อีกแล้ว
4.-นปช.ขอ เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคนทุกกลุ่ม อย่าได้ออกไปเผชิญหน้ากับพันธมิตร อย่าได้ตกเป็นเหยื่อของความพยายามใช้ความรุนแรง ขอให้อยู่ในที่ตั้งคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และช่วยกันส่งเสียงแสดงความห่วงใยและเสียงเรียกร้องไปยังพันธมิตรให้ใช้สติ และเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ถึงอย่างไรเสียคนเหล่านั้นก็เป็นพี่น้องคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น และช่วยกันห้ามปรามญาติพี่น้อง มิตรสหายของตนว่าอย่าได้เข้าไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรซึ่งอาจกลายเป็นส่วน หนึ่งของความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ดังเช่นความรุนแรงที่เกิดจากการนำระเบิดใส่รถจีปเชอโรกีเพื่อเตรียมก่อเหตุ เมื่อ 7 ตุลาคม 2551 เป็นต้น การแก้ปัญหาการชุมนุมเคลื่อนขบวนของพันธมิตรและปัญหาความรุนแรงใดๆ ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
5.-นปช .ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ได้รับมอบหมายให้เข้ารักษาความสงบ และแก้ไขสถานการณ์อันอาจเกิดจากการชุมนุมและเคลื่อนขบวนของพันธมิตร โปรดใช้ความอดทนอดกลั้นในระดับสูงสุด นปช.เชื่อว่ามีแต่ขันติธรรม อหิงสธรรมเท่านั้นที่จะเอาชนะใจพันธมิตรได้ เว้นแต่ เจ้าหน้าที่จะได้รับอันตรายจากการถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่ก็มีความชอบธรรมที่จะตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองมิให้ได้รับอันตราย ที่อาจเกิดขึ้น
6.-ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกสำนักทั้ง สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ โปรดเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นธรรมรอบด้าน ไม่พยายามสนับสนุนหรือเป็นต้นเหตุของความรุนแรงเสียเอง โดยเฉพาะขอเรียกร้องให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับระบอบประชาธิปไตยมากกว่า เป็นกระบอกเสียงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
7.-ขอเรียกร้องให้ทุก ฝ่ายช่วยกันจับตาความพยายามในการฉวยโอกาสทำรัฐประหารทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือใช้อำนาจนอกระบบเข้าแทรกแซงทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มโดย อาศัยสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น โดยไม่สนใจความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตย ต่อชีวิตทรัพย์สิน และผลกระทบต่อสังคมโดยรวมในระยะยาว
นปช.ขอภาวนาว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังร้อนระอุจะคลี่คลาย หวังว่าทุกฝ่ายจะสมานฉันท์กัน และยังคงรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ได้โดยปลอดภัย และขอยืนยันว่าจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเผชิญหน้ากับพันธมิตรในช่วงนี้ แต่ นปช.จะยังคงต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยโดยสันติสงบด้วยวิถีทางประชาธิปไตย ต่อไป และโดยเฉพาะเมื่อเกิดการรัฐประหารขึ้น นปช.จะออกมาต่อต้านโดยทันที
แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ(นปช.)
22 พฤศจิกายน 2551
โรงแรมรัตนโกสินทร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น