วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

เมื่อพ่อต้องฆ่าลูก

อ่านหนังสือโลกวันนี้วันสุข เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจอคอลัมน์ร้ายสาระ
ฉบับนี้ลงเรื่อง"ลิงลูกคน" เป็นเรื่องของอเมริกันนายหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจมาก

นายแจ็ค ดัตตัน มีกิจการสวนสัตว์อยู่ใกล้ๆดิสนีย์แลนด์ แรกเริ่มเดิมทีแกก็
ไม่ได้ทำธุรกิจสวนสัตว์หรอกค่ะ เพียงแต่ว่าชอบเลี้ยงนกซึ่งทำความเดือดร้อน
รบกวนเพื่อนบ้านมาก แกก็เลยย้ายไปซื้อสวนส้มใกล้ๆบ้านอยู่แล้วเลี้ยงสัตว์ตามใจอยาก

ทีนี้แกได้ลูกลิงมาตัวหนึ่งตั้งแต่ยังไม่ทันหย่านม เลี้ยงดูเหมือนลูกเลยทีเดียว
จับแต่งตัวเหมือนเด็ก ไอ้ลูกลิงก็ดีใจหาย ทำตัวเหมือนคนเข้าไปทุกที

ครั้นพอดิสนีย์แลนด์มาเปิดใกล้ๆ ปัญหาก็รุมเร้า คงถูกนายทุนใหญ่บีบด้วยน่ะค่ะ
แกเลยต้องปิดกิจการ เอาสัตว์ทั้งหลายไปมอบให้สวนสัตว์ต่างๆ เหลือแต่ลูกลิงที่รักและเลี้ยงเหมือนลูก
ที่ไม่มีใครรับเพราะเป็นลิงแต่ถูกเลี้ยงมาอย่างคน จนมันเองก็ไม่ยอมกลับไปเป็นลิงอีก
ในที่สุด ต้องแก้ปัญหาด้วยการยิงทิ้ง เพราะแก้ปัญหาไม่ตก

อ่านแล้วสะเทือนใจมาก แต่ได้ข้อคิดว่า การเลี้ยงอะไรก็ตามให้มันผิดวิสัยที่ควรจะเป็น
ในที่สุดใครก็ช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ พ่อนั่นแหละต้องฆ่าลูกเสีย

ก่อนที่ปัญหาของลูก
จะทำให้พ่อถูกประชาทัณฑ์

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

ทหารยุคนี้ท่าจะสับสน

ข่าวทหารตบเท้า(น่าจะใช้ตีนตบด้วย) ไปให้กำลังใจอนุพงษ์ ทำเอาประชาชนมึนไม่หาย
ยิ่งวันนี้ข่าวว่าลูกอดีตผู้ก่อการยึดอำนาจ ก็จะนำทีมไปให้กำลังใจ โดยให้เหตุผลว่า ในฐานะ
ศิษย์เก่านักเรียนนายร้อยจปร.จำเป็นต้องรวมพลไปแสดงพลัง

"เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของกองทัพบก ภายหลังจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี"

เอ่อ ทั่นคะ เห็นแก่ศักดิ์ศรีของทหาร ศักดิ์ศรีของโรงเรียนนายร้อย ก็ดีอยู่หรอกค่ะ
แต่ทั่นๆก็ไม่ควรลืมว่า ใครเป็นผู้สถาปนาโรงเรียนนายร้อย แล้วถึงขนาดใช้พระนามเป็นชื่อโรงเรียน
เก่าของพวกทั่นๆนะเจ้าคะ

แล้ววันที่ไอ้ลิ้ม มันไปทำพิธีเอาเลือดประจำเดือนไปทาฐานพระบรมรูปพระผู้ก่อตั้งโรงเรียนของทั่นๆ
ไปมัวมุดหัวอยู่ที่ไหนกันจ๊ะ หรือถูกโกเต๊กอุดปากอยู่ เลือดมันกลบปากหรืออย่างไร

อิชั้นน่ะ ก็ลูกศิษยืเก่าโรงเรียนนายร้อยเหมือนกัน เสียดายที่คุณพ่อท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว
เพราะหากอยู่คงจะทนรับความอัปยศเช่นที่ว่าไม่ได้เป็นแน่

แต่พวกทั่นๆอายุก็ยังไม่มาก กลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เห็นออกมาโวยวาย ไม่ยักจะรักศักดิ์ศรี เกียรติศักดิื เกียรติภูมิอะไร
หรืออยู่บ้าน ซักผ้าประจำเดือนให้เมียบ่อย เลยไม่รู้สึก ถุยล์

เบื่อเหลือเกินแล้ว

ก็แค่ป้ายรายทางอย่างที่เห็น
หาได้เป็นสิ่งยืนยัน..อย่าฝันหวาน
ถึงป้ายมากป้ายน้อย..พลอยรำคาญ
ก็เลยพาลเกลียดป้าย....ตายเสียที

เห็นจะมองเป็นอื่นไปไม่ได้

จากคอลัมน์"คิดเหนือข่าว"ของคุณเรืองยศ จันทร์คีรี ในนสพ.โลกวันนี้
ที่โคว้ดคำพูดของคุณหญิงกัลยา โสภณพานิชว่า

เหมือนอย่างประเด็นที่ คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ไปกล่าวพาดพิงถึงคนเสื้อแดงที่ไปชุมนุมประท้วงการบุกรุกเขาสอยดาว ซึ่งความจริง
นั้นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกก็เป็นนามสกุลเดียวกับคุณหญิงกัลยา เป็นเครือข่ายธุรกิจของธนาคาร
กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) คุณหญิงไม่เห็นด้วยที่จะมีการโยงเกี่ยวไปหา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
“อย่าไปโยงมั่วว่าเกี่ยวข้องกับพล.อ.เปรม แล้วเรียกร้องให้ท่านลาออก เพราะการกระทำเช่นนั้น
กระทบกระเทือนเบื้องสูง เนื่องจากการแต่งตั้งพล.อ.เปรมเป็นองคมนตรี
เป็นเรื่องของพระราชอัธยาศัย เรื่องนี้ประชาชนทั่วไปควรจะประณาม”

เอ ตกลง ที่ว่าจะให้ประณามนี่ คญ.เธอหมายถึงประณามใครคะ แล้วประณามเรื่องอะไร?

ชาติไหนคะ

พี่เถิกให้สัมภาษณ์นักข่าว เมื่อถูกถามว่า "มีคำขู่ว่าหลังเกษียณอายุราชการจะถูกทำร้าย"
เขาตอบว่า"ไม่เป็นไร ผมมีค่าเหมือนกับประชาชนคนหนึ่ง ประเทศชาติก็ต้องดูแลผม"

อุ๊ยต๊ายตายว้ายกรี๊ดแมนมั้กมาก แต่เดี๊ยนสงสัยว่าคำว่าชาติที่กล่าวถึงนั้นหมายความเดียว
กับชาติของประชาชนไหมคะ หรือเป็นชาติเดียวกับทหารแก่สีม่วง ถ้าเป็นชาตินั้น อย่าไป
หวังมากเลยค่ะ อย่างคุณน่ะดื้อด้านออกปานนั้น ขี้ขลาดก็ที่หนึ่ง สั่งให้ทำอะไรก็ไม่กล้าทำ
เขาคงไม่ปกป้องดูแลหรอกค่ะ เผลอๆจะถูกปลดเร็วๆนี้แหละ

ส่วนหากหมายถึงชาติที่เป็นประชาชน คนทั้งประเทศ ยิ่งน่ากลัวใหญ่เลยค่ะ เพราะตอนที่คุณมีอำนาจ
ใหญ่โตมโหระทึก คุณดูถูกเหยียดหยามประชาชนมาก ออกมาขับไล่นายกฯที่มาจากการเลือกตั้งอย่าง
หน้าตาเฉย ยังยังมีอีก เวลาถูกสั่งงานให้ไปปฏิบัติหน้าที่โดยนายกฯคุณก็กลับไม่ทำ แต่เวลา
ไอ้นายกฯเด็กขี้ขโมยสั่งคุณรีบกุลีกุจอทำ ส่งทหารออกมาทำร้ายประชาชนคนไม่มีอาวุธ

แล้วยังหน้าด้านมาหวังว่าเขาจะช่วยปกป้องคุณอยู่อีกหรือ คำพูดที่สวยหรูน่ะ หลอกคนไทยสมัยนี้ไม่ได้หรอกค่ะ
เวลาที่เหลืออยู่ในตำแหน่ง ลองนั่งนึกทบทวนดูบ้างว่าได้ทำอะไรผิดต่อชาติบ้านเมืองบ้าง
หากคิดได้คุณอาจจะกลัวจนขี้ขึ้นไปอยู่ในสมองก็ได้นา

อย่ามาหวังลมๆแล้งๆว่าชาติประชาชนเขาจะดูแลคุณอยู่เลย คนที่ทรยศประชาชนน่ะ ใคร้ ใครเขาจะไปรักใคร่

นินทาเพื่อน

ได้มีโอกาสไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนรักโรงเรียนเดิม ไปกันแค่สามคน
ป้าขับรถไปเอง เป็นทริปที่สนุกสนานบานเบิก เพราะไปน้อย เรื่องไม่มาก
ตกลงกันง่าย คุยกันแป๊บเดียว ไปไหนไปกัน ไม่เหมือนไปกันมากๆ
ซึ่งก็สนุกไปอีกแบบ แต่คนอยู่กันยิ่งมากคนก็ยิ่งมากเรื่อง

เอาเป็นว่าทริปนี้แฮ้บปี้ ได้ทำธุระจนเรียบร้อย เลยไปวันธรรมดา(ต้อง
ติดต่อราชการ) วันธรรมดา คนน้อยรถว่างวิ่งกันสบายไม่ต้องแย่งกันกิน
แย่งกันเที่ยว

เพื่อนที่ไปด้วย คนหนึ่งกลับมาจากอเมริกา(ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเลย เป็นอเมริกันซิตี้เซ่น
ไปเรียบร้อย) อีกคนเป็นคนว่างงานเหมือนกัน ที่ประหลาดคือ คนที่มาจากอเมริกาเป็นเสื้อแดง
คนที่อยู่เมืองไทยก็เป็นเสื้อเหลืองสิคะ (แต่เขาไม่ได้รับหรอกว่าเป็นเสื้อเหลือง
เพียงแต่ประกาศชัดเจนว่าไม่ชอบคุณทักษิณ) ก็คนนี้แหละค่ะที่จะนินทา

พบว่าคนประเภทนี้คงมีเยอะพอสมควร เป็นพวกเคยชอบลิ้ม แต่เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว
เพราะคงรู้สึกอายที่เชียร์คนผิด แต่อย่างไรก็ตาม เป็นพวกไม่เอาเมีย ไม่เอาลูก
เอาแต่พ่อคนเดียวพ่วงลูกรักของพ่อไปอีกคน

โดยปกติ เมื่อรู้ว่าทัศนะไม่ตรงกันก็ไม่คุยกันเรื่องการเมือง แต่งวดนี้ได้โอกาส
สองรุมหนึ่ง ปล่อยไปก็เสียดาย เลยต้องเอาเสียหน่อย เรื่องที่ยกมาคุยก็นี่เลย
เรื่องที่ชัดๆ แจ่มแจ้งแดงแจ๋แล้ว จะมีอะไรเสียอีกล่ะคะ ถ้าไม่ใช่เขายายเที่ยง
เราก็เริ่มเลยว่าทำอย่างนี้มันถูกหรือ ไปยึดเอาสมบัติชาติมาเป็นของตน แล้ว
ยังตีหน้าว่าเป็นคนดีมีคุณธรรม

อุ๊ยต๊ายตายว้ายกรี๊ด พอได้ฟังคำแก้ตัวแทน(ก็ไม่ใช่สุรยุทธ์ ไม่ใช่ลกเมียเขา)
ไม่รู้เป็นอะไร คงเป็นขี้ข้าที่ชื่นชมนายจนไม่มองว่าอะไรผิดอะไรถูก ดั๊นมาแก้ตัว
แทนเขาว่า ไอ้ที่ยังไม่คืนที่น่ะ เพราะต้องทำตามขั้นตอน เลยบอกว่าเฮ้ยเว้ย
ก็กรมป่าไม้เขาออกมาบอกแล้วไงว่าไม่มีสิทธิ์ครอบครอง ก็ต้องคืนเขาไปสิ
คำแก้ตัวที่ว่ตามมาคือ" เขายังคืนไม่ได้หรอก เพราะหากเขาคืน ประชาชนที่
บุกรุกยึดที่หลวงอีกตั้งหลายแสนคนก็จะต้องคืนหมด ชาวบ้านจะเดือดร้อนมาก"

กรี๊ดสลบ เพื่อนที่มาจากอเมริกาถึงกับอ้าปากหวอ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เออหนอเป็นไปได้ ไปฟังคำแก้ตัวอย่างนี้มาจากไหนรึ คิดได้ไงเนี่ย ทำผิด
เห็นๆ หน้าด้านแล้วยังมาใช้เป็นข้ออ้างเรียกร้องบุญคุณอีก งงจริงๆ

ต่อมาคุยกันอีกหน่อย เลยแขวะไอ้เปรตกรณ์ว่า ทำงานปีเดียว บินไปเมืองนอก
ทำไมตั้ง 14ครั้ง แอ่นแอ๊น เพื่อนเขาว่า ที่มันบินไปเมืองนอกน่ะ บินไปแก้ภาพ
พจน์เมืองไทยให้ฝรั่งรู้นา โอ้โอ๋แม่เจ้า หน้ามืดตามัวเชียร์กันสุดฤทธิ์

เข้าใจแล้วว่า ทำไม ประเทศนี้ถึงเป็นอย่างนี้ เรามีคนที่คิดอ่านแบบนี้อยู่มากนั่นเอง
ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ในใจมีแต่ความเกลียดชัง อะไรที่คุณทักษิณทำ ผิดและเลวหมด
ส่วนถ้าพวกมันทำกันเอง โอ้โห ดีเลิศประเศริฐศรีมณีเด้ง ไม่มีผิดซักข้อ

ได้แต่บอกเพื่อนว่าไม่ได้หวังให้เขามารักหรือแค่ชอบคุณทักษิณหรอก ขอเพียง
ให้เห็นถูกต้องตามความเป็นจริงเท่านั้นเอง ถูกต้องว่าถูก ผิดต้องว่าผิด ไม่ใช่แบบนี้
แต่คงไม่ได้ผล สู้รักษาน้ำใจเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เคจี จะดีกว่า แล้วเอาไว้แอบแดกมัน
เรื่อยๆก็สนุกดี ฮา

เอ่อ...ท่านเป็นแค่อดีตนายกฯ

เวลาจะด่าเขาก็อ้างว่า ทั่วโลกไม่มีใครสนใจ ไปเป็นที่ปรึกษาได้แต่ประเทศกระจอกๆยาก-ไร้
เรื่องดูถูกคนอื่นนี่คนไทยเก่งนัก ตัวเองน่ะก็ไม่ดีกว่าเขาเท่าไหร่ แต่ที่เขาดีกว่าแน่ๆ
ก็ตรงที่เขารู้จักขวนขวาย ปรับปรุง จ้างคนมีความรู้ความสามารถไปช่วยพัฒนา

หึ หึ พอองค์กรต่างประเทศ เขามองเห็นว่าไอ้รัฐบาลเ็ฮงซวยนี่มันละเมิดสิทธิมนุษยชน
ขนาดหนัก กฎหมายก็ไม่มีมาตรฐาน แทนที่จะรับโดยดุษฎี แล้วหันมาปรับปรุงแก้ไข

แต่อย่างว่าตรงตามคำขวัญประจำพรรค"เอาความดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น"เปี๊ยบ
ลิ่วล้อ ลูกน้องถลาออกมาโวยเลยจนเป้นข่าวว่า"นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรี
ประจำสำนักนายกฯ ที่กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ให้ข้อมูลกับฮิวแมนฯ
ทำนองเดียวกับนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ไปได้ข้อมูลจากใครมา"

อ๊ะๆ ก็นายกฯที่ถูกปฏิวัติ ตกจากตำแหน่งไป กำลังจะถูกปล้นทรัพย์
ไหงมีพาว ไปให้ข้อมูลกับเขาได้ ที่สำคัญไอ้องค์กรที่เขายอมรับกันทั่วโลกดันเชื่อนี่สิ

เวลาไอ้พวกนี้ออกข่าวนะ สมองมันคิดไม่ทันเอาเลย โดนตีขนดหางปุ๊บมารดาทั่นรีบกระโดด
ออกมางับก่อนเลย น่าละอายจริงๆ

ยังๆยังมีอีก ไอ้เด็กเวรดั๊นให้สัมภาษณ์เรื่องเสธ.แดงว่าที่ถูกกระทำชำเราอยู่ในขณะนี้น่ะ
ถูกต้องสมควรแล้วเพราะ"ทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมาย ทหารต้องอยู่ในวินัย ไม่ใช่อยากจะข่มขู่อะไรก็ได้"

อุ๊ยต๊ายตายว้ายกรี๊ด นั่นปากหรือคะนั่น ผ่านง่ามก้นออกมาหรือเปล่า ไหงมันยิ่งฟังยิ่งทุเรศหว่า
มีอย่างที่ไหน ไม่อายเลย แล้วผบ.ทบ.นี่เป็นลูกน้องใครน้อ ตามกฎหมายน่ะ อยู่ในบังคับบัญชา
นายกฯไม่ใช่รึ แล้วทีเวลาไอ้หัวเถิกออกมาข่มขู่ผุ้บังคับบัญชาออกทีวี ไม่เป็นไรงั้นสิ ไอ้พวกยึด
ทำเนียบ ยึดสนามบินน่ะจัดการได้หรือยัง ถ้ามันต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันน่ะ

ฮี่โธ่โว้ย เห่ามาไม่อายหมาบ้างเลย พูดอย่างทำอย่าง ก็ที่เขาว่าน่ะถูกต้องแล้ว ไม่ต้องแถ

เพื่อพ่อให้ชาติไปต่อเถอะครับ

สวัสดีค่ะคุณวฒน. กว่าจะได้เข้ามาอ่านกระทู้ก้ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว ไม่แน่ใจว่าคุณวฒน.จะ
ตามมาอ่านต่อหรือเปล่า แต่อ่านป้ายเสร็จก็คิดเหมือนคุณวฒน.ว่าปล่อยไปไม่ได้เหมือนกัน

เราอบ-รม-สั่ง-สอนกันมาอย่างนี้เนิ่นนาน คนส่วนใหญในประเทศนี้จึงถูกฝังหัว กลายเป็น
ดักแด้ ตัวอ่อน ปูเสฉวนด้วยมั้ง ที่อยู่ด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าขาดสิ่งห่อหุ้ม ปูเสฉวนน่าจะเห็น
ภาพมากกว่า แม้ตัวจะโตขึ้นเพียงใดก็ตัดใจทิ้งซากหอยที่เคยอาศัยไม่ได้ เกิดภาพ ตัวโผล่
ออกมานอกหอย อาจจะด้วยไม่กล้าทิ้ง หรือยังหาขนาดที่ถูกใจก็ไม่ได้ แต่ภาพที่เห็นก็อุบาทว์น่าดู

การสอนให้มีชีวิตเพื่อคนอื่นทำให้คนไทยไม่โต เป็นคนที่ต้องพึ่งพาคนอื่นร่ำไป เราไม่เคยสอนให้
ทำอะไรเพื่อตัวเอง ทั้งๆที่บางครั้งการกระทำนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากกว่า แต่กลับไปยก
ประโยชน์ให้คนอื่น เช่น"เลิกเหล้าเพื่อพ่อ" จริงๆไม่น่าเลิกเพื่อพ่อเล้ย เพราะพ่อเอาภาษีเหล้าไป
หล่อเลี้ยงบริวารนี่นา ลูกน้องพ่อก็ผลิตเหล้าเอามาขายทำกำไรเสียด้วย น่าจะเชิญชวนกันให้ดื่ม
เยอะๆ ดื่มบ่อยๆมากกว่านา

อ้อ ก่อนจบ อยากทราบว่าป้ายนี้ไปเจอแถวไหนคะ หวังว่าคงไม่ใช้แถว เขายายเที่ยง หรือสนามกอล์ฟนะคะ
ถ้าอย่างนั้นเข้าใจได้ง่ายกว่า "เพื่อพ่อ ให้เขารุกป่าไปต่อเถอะครับ"

เมิงจะนับทำไมวะ

เรื่องจำนวนรายชื่อผู้ถวายฎีกา ถูกเก็บดองไว้นานเกินกว่าหกเดือน
กรมราชทัณฑ์ อ้างว่ากำลังตรวจนับจำนวน ขณะนี้นับไปได้ล้านกว่าๆแล้ว

โธ่ไอ้ควายเทศ(แปลว่าตัวใหญ่กว่าควายไทย) จะมีกี่รายชื่อ เป็นหน้าที่ของพวกเมิงหรือ
ที่ต้องมานับ แล้วจะเรียกตัวคนลงชื่อไปรายงานตัวทีละคนด้วยหรือเปล่า

ฏีกาน่ะเว้ยเฮ้ย คนเดียวเขาก็ถวายได้แล้ว นี่เขาต้องการใส่จำนวนมากๆเพื่อ
แสดงให้เห็นว่ามีคนต้องการตามฎีกา เป็นจำนวนมาก

ดังนั้นอย่ามัวทำพิรี้พิไรนับ หรือเช็คยอดอยู่เลย ส่งไปตามนั้นแหละ เนื้อหา
ฎีกาก็เหมือนกันทั้งสามล้านห้าแสนรายชื่อแหละ บ้าป่าววะ หรือแกล้งโง่

ทำกับข้าวกับการเป็นที่ปรึกษาฯ

เมื่อสมัยนายกฯสมัครร่วงผลอยจากเก้าอี้นายกฯเพราะไปทำกับข้าวออกทีวี
ตุลาการฯถึงขั้นต้องเปิดพจนานุกรมชี้มูลความผิด สอยลงมาจากเก้าอี้ ทำเอา
กองเชียร์หาวเรอกันเป็นแถบ งงสิคะ งงกับคำตัดสิน เพราะขนาดคุณสมัครเอง
ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าผิดในเรื่องนี้ก็บ้าบอคอแตกแล้ว เป็นไงล่ะ แสดงให้ดู
เลยว่าไม่แค่บ้าบอคอแตก แต่หยาบช้าสามานย์หน้าด้านหน้าทน ก็กรูจะเอาผิด
ใครจะไปแย้งได้

แต่กลับกัน เป็นถึงประธานองคมนตรี ไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทห้างร้านเขาไปทั่ว
จะว่าไม่ผิดกม. ไม่ผิดรธน. ไม่ผิดตามพจนานุกรมก็เอาเถิด แต่ชาวบ้านเขาเห็น
ว่าผิดจริยธรรม ผิดคุณธรรม ก็ยังทำได้ เพราะทั้งด้านทั้งหนาเกินใคร

หรือต้องให้ถามแบบที่ใครก็จำไม่ได้เขาถามว่า "การที่ไปเป็นที่ปรึกษาบริษัทต่างๆ
นั้น ใช้ความสามารถหรือตำแหน่งประธานองคมนตรีเป็นคุณสมบัติ ที่ได้ตำแหน่งที่ปรึกษามา"
ทำกับข้าวถูกปลด แต่เป็นประธานที่ปรึกษาบริษัทที่ทำมาค้ากำไร ไม่เป็นไรนิ

รธน.เขาห้ามนายกฯเพราะกลัวว่าจะใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน
แต่ประธานองคมนตรี แกโง่ ไม่รู้ถึงผลเสีย ไม่รู้ถึงความควรไม่ควร คิดกันเอาเอง
ก็แล้วกันว่าใครผิดกว่ากัน

ยื้อแล้วได้อะไร

กรณี"เขายายเที่ยง" ต้องบอกว่าเรื่องมันแดงมาตั้งแต่สมัยกัดกันเองแล้ว
ความจริงก็ปรากฏชัดอยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์ไปปลูกบ้านอยู่ตรงนั้น สมควรออก
จากที่ปัญหาโดยด่วน แต่ไม่ทราบว่า โง่หรือหลงผิดคิดว่าตำแหน่งใหญ่โต
จะช่วยได้ รอจนเสื้อแดงไปแฉอีกรอบ ยังหน้าด้านออกมาแถ-ลงว่าจะปฏิบัติตามกม.

โธ่เอ๊ย หากคืนที่เสียตั้งแต่วันที่ไอ้สงค์ฟันดำมันปูด เรื่องก็คงจบไปนานแล้ว
ชาวบ้านคงทำใจได้ว่าเอาละวะ คนเรามันพลาดกันได้ ได้ที่หลวงคืนแล้วก็แล้วกัน
(ชาวบ้านน่ะเขารู้จักคำว่าอโหสิกรรม เว้นแต่ไอ้พวกจริยธรรมสูงลิบลิ่วน่ะ ไม่เคยได้ยิน
คำำๆนี้) แต่นี่ไม่ทำ พอถูกยกกลับไปตั้งไว้ในที่สูงอีก ก็คิดว่าปลอดภัยแล้วสิท่า

ใครจะไปคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่องคมนตรีถูกจับมาแก้ผ้าขึงพืดให้ชาวบ้านเย้ยไยไพ
ยังๆ ยังไม่ยอมคืน โยกโย้เพราะคิดว่ามีพาว สั่งได้ทุกองค์กร รอป่าไม่ชี้ขาด
ที่ควรจะคืนกลับไม่คืน แล้วเป็นไง มีแต่อัยการกะศาลละม้างที่สั่งได้ นี่ป่าไม้
เขาก็ออกมาชี้แล้วว่า ไม่มีสิทธิ์ ต้องคืนอย่างเดียว

มันคุ้มไหมเนี่ย ยื้อจนเขาออกมาตบหน้าอีกฉาดใหญ่ ทำอะไรไม่รู้จักคิด
เมื่อข้างหน้าเห็นเป็นกำแพงเหล็ก ก็น่าจะต้องถอย หนอยดันคิดว่ามีอำนาจทลายกำแพงได้
วิ่งเอาหัวชนเล่นซะงั้น ไม่ใช่แค่หัวร้างข้างแตก แต่เลือดชั่วจากหัว มันกระเด็นเลอะ
ไปทั้งห้องเลยเชียว เรียกว่าคนในทำเนียบ(องคมนตรี) ก็มีอันเปรอะเลือดชั่วไป
กันจนถ้วนทั่ว ยิ่งดิ้น ยิ่งช่วยกันเช็ดเลือด มันยิ่งเลอะจนเห็นชัดล่ะคราวนี้

ต่างคนต่างทำ

คนไทยนี่ก็เหลือเกินจริงๆนะคะ เรื่องทำบุญเอาหน้าเนี่ย ไม่ได้ว่าหรอกค่ะ
การทำอะไรด้วยความมีมนุษยธรรม ช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก ซึ่งเป็นเพื่อน
ร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้น ทำได้

แต่ต่างคนต่างทำ เหมือนแย่งกันเอาหน้าเนี่ย มันถูกหรือคะ เรื่องของแผ่นดินไหวที่เฮติน่ะค่ะ
ผู้คนเดือดร้อน สมควรให้ความช่วยเหลือ แต่ต่างคนต่างจัด (เห็นมีหลายเจ้า จะจัดงานระดมทุน)
ก็รวมมันจัดทีเดียวไม่ได้หรือไง ไม่สิ้นเปลือง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าสถานที่

นี่อะไร แย่งกันจัดเอาหน้าซะงั้น นี่แหละหนาคนไทย ทำอะไรให้ใจเป็นหนึ่งเดียว
ไม่มีทางทำได้เลยหรือไง

เอาเคล็ด

สำนวนไทยวันนี้ขอเสนอสำนวน"เอาเคล็ด" คืออะไรที่ไม่ได้ไม่เป็นอย่างที่คิด
ก็จะตั้งชื่อ"เอาเคล็ด" เผื่อว่ามันจะเป็นอย่างที่ฝัน

ตัวอย่างเช่น การตั้งชื่อลูกของไทย ซึงมักจะตั้งเอาเคล็ด ไม่เชื่อลองไปสังเกตดูสิคะ
ไอ้คนที่ชื่อ"สมบูรณ์"น่ะ มักจะตัวผอมกะหร่องทั้งนั้น ด้วยว่าตัวมันผอมแกรน พ่อแม่เลย
ตั้งชื่อเอาเคล็ดว่า"สมบูรณ์" เผื่อมันจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นมาได้

ดังนั้นจงอย่าได้แปลกใจที่ไอ้เด็กเวร ตั้งชื่อโครงการณ์ของมันว่า"ไทยเข้มแข็ง" เพราะมันรู้ว่า
ไทยภายใต้การบริหารของมันน่ะ เน่าเต็มแก่ อ่อนปวกเปียกจนต้องวิ่งตามประเทศที่เคยดูถูกเขาไว้
เลยต้องตั้งชื่อโครงการ"เอาเคล็ด" ว่า"ไทยเข้มแข็ง"ไงคะ (ฮาไม่ออก)

อ้อ สุภาษิตจีนเขาว่า ชื่อตั้งผิดได้ แต่ฉายาไม่เคยผิด ไม่เชื่อไปดูแล้วกันว่าฉายาของไอ้เด็กเวรและรัฐบาลนี้
มันเป็นอย่างไร คริคริ

เมื่อยึดเงินคุณทักษิณทั้งหมด

ไม่ใช่แค่หวังว่าจะปิดบัญชีคุณทักษิณเท่านั้น(เพราะเชื่อว่าคุณทักษิณจะเอาเงินนี้ไปจ้างคนมาล้ม... อะไรก็ตามเถอะ)
แต่ผลที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ต่อไป นักการเมืองที่มาจากนักธุรกิจที่ร่ำรวยแล้ว และหวังว่าจะเข้ามาบริหาร
ประเทศก็จะหายไปในพริบตา คนที่มีประสบการณ์ในการบริหารก็จะเข็ดขยาด ไม่กล้าแหยมเข้ามาอีกเลย

ย้อนกลับไปเป็นยุคโบราณอีกครั้งที่ว่านักการเมืองมีแต่คนที่ทำอะไรไม่เป็น ดีแต่พูด เพราะคนดีๆที่ไหนใครเขาจะกล้าเข้ามา
ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติตั้งเท่าไหร่ เวลาไม่ถูกใจ ไม่เคยพูดถึงความดีเลยแม้แต่สักครั้ง ขุดคุ้ย ด่าทอ ยึดทรัพย์

ต่อไป เราก็จะมีแต่นักการเมืองอาชีพ คือทำมาหาแดกไม่เป็น คอยแต่จะโกงกินงบของแผ่นดิน คนรวยๆไม่กล้าเข้ามากลัวจะจนในพริบตา
มีแต่เปรตที่เข้ามากอบโกย แล้วออกไปรวยกันจนสะดือปลิ้น เป็นนัการเมืองน้ำเน่าแบบดั้งเดิม

ผลกระทบอันนี้ต่างหากที่ทำให้โค่นล้มคุณทักษิณพร้อมยึดทรัพย์ เป็นการเชือดไก่ ให้ลิงดู ครั้งมโหฬาร ทำให้ลิงเข็ดขยาดไปอีกนาน
เหมือนหนังฝรั่งที่เคยดูเขาว่าไว้ว่า เรียกว่า พอครบรอบวัน จะเกิดอาการฉีราดทุกที

ทีนี้ล่ะสมใจอำมาตย์ ที่พยายามยัดเยียดข้อหาให้นักการเมือง ปร้อบปากานด้ามานานแสนนานว่านักการเมืองชั่วช้า เมื่อนักการเมืองเลว
คนดีๆที่ไหนจะมาลงการเมือง เปลืองเนื้อเปลืองตัว เสียชื่อเสียง เผลอๆเสียทรัพย์ กลับไปเป็นประชาธิปไตยแบบล้มลุกคลุกคลาน

เลือกตั้งมาทีก็ตั้งรัฐบาลผสมร้อยพ่อพันแม่ แบ่งกันกิน แล้วไม่นานก็ยุบสภา เลือกตั้งกันใหม่ แล้วก็กลับมาอยู่ในวังวนเหมือนเดิม
นี่แหละที่อำมาตย์ต้องการ ประชาชนจะเบื่อหน่าย ไม่สนใจการเมือง ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ช่างเพราะเชื่อว่าอยู่ได้ไม่นานเดี๋ยวก็เปลี่ยนใหม่
คนจะออกไปเลือกตั้งน้อยลง ได้ย้อนยุคกลับไปเหมือนสมัยก่อน

ใช่ไหมไอ้เวร..ภาพที่พวกเมิงต้องการเห็น

เมื่อมาตรฐานมันเป็นอย่างนี้

พล.อ.นินนาท เบี้ยวไข่มุก นายทหารคนใกล้ชิดของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
ตอบสื่อมวลชน แสดงความสงสัยว่า พล.อ. สุรยุทธ์ จะต้องไปคืนเขายายเที่ยงให้กรมป่าไม้ใน
ฐานะอะไร ? เพราะ พล.อ. สุรยุทธ์ ไม่ใช่เป็นเจ้าของ เพราะคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดก็วินิจฉัย
แล้วว่าคนที่ 1 ไม่ผิด คนที่ 2 ก็ไม่ผิด และคนที่ 3 คือ พล.อ. สุรยุทธ์ ก็ไม่มีความผิด ?
พล.อ. นินนาทยังเห็นอีกว่า ถ้ากรมป่าไม้มีมติให้ พล.อ.สุรยุทธ์ คืนเขายายเที่ยงซึ่งท่าน
ไม่ได้เป็นเจ้าของ ก็ต้องเรียกคืนไปทำนองเดียวกันเป็นร้อย ๆ รายที่เขายายเที่ยง แล้วเป็นกรณีนับ
แสนคนทั่วประเทศ...

โอ๊ย ฟังแล้วอยากบ้า มันมีตรรกะที่ผิดเพี้ยนได้ปานฉะนี้ ในคอลัมน์ "คิดเหนือข่าว โดยคุณเรืองยศ จันทร์คีรี
จากนสพ.โลกวันนี้ ท่านว่า..." ผมฟังแล้วจับความได้ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ถูกรังแกนะครับ ? คือความเป็นคน
ที่ 3 ซึ่งซื้อที่ดินแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของแล้วไม่ผิด ? ท่านเพียงไปใช้สิทธิ เพราะซื้อสิทธิทำ
ประโยชน์ในที่ดินมีการจ่ายภาษี อนท.5 ทุก ๆปี สิทธิของท่านเป็นแค่ไปปลูกต้นไม้ ทำบ้านพัก
เล็ก ๆ ไว้พักผ่อน .....สรุป พล.อ. สุรยุทธ์ เพียงใช้สิทธิในที่ดิน แต่ไม่ใช่เจ้าของ แล้วท่านจะไป
คืนสิทธิในฐานะอะไร แล้วกฎหมายยังกำหนดไม่ให้ต้องคืนซะด้วย.....กรมป่าไม้จะทำไงต่อไป
ครับ?"

เทียบเคียงกับกรณีที่ดินรัชดา คนซื้อ(คนที่1)ไม่ผิด คนขาย(คนที่2)ไม่ผิด แต่กูจะเอาผิดคนที่3(คนเซ็นยินยอมในฐานะสามี)
จึงตัดสินจำคุกเสีย สองปี โดยไม่รอลงอาญา

บ้านนี้เมืองนี้ ก็คงต้องลุกเป็นไฟ ครอบครองที่ป่าสงวน โดยใช้อำนาจเบียดบังมาฟรีๆ เขามาทวงคืน ดั๊นจะไม่คืน
อ้างสารพัดเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ส่วนอีกราย ประมูลมาโดยสุจริต กะจะเอาคืน พร้อมยึดทั้งเงินและที่ เจ้าข้าเอ๊ย
หัวใจมันร่ำร้อง ความยุติธรรม จริยธรรมมันยังเหลืออยู่ไหมในประเทศนี้

จากhttp://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=32770

เมื่อเวลามันไม่เท่ากัน

เมื่อวานตั้งใจจะมาตั้งกระทู้ถาม เพราะอ่านเจอข่าวนี้

"อนุพงษ์" เข้าทำเนียบหารือนายกฯ

ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยทั้ง 2 คนใช้เวลาหารือกันประมาณ 40 นาที ผบ.ทบ. จึงเดินทางกลับ

นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยสั้นๆระหว่างเดินไปเป็นประธานประชุม ครม. ว่า ผบ.ทบ. มาเชิญไปร่วมงานวันกองทัพบก ไม่ได้มาคุยเรื่องที่ดินเขายายเที่ยง

40นาทีเชียวนะคะ แค่ไปชวนไปร่วมงาน ไอ้เด็กเวรมันยังโชว์ความปัญญาอ่อนตอแหลว่าคุยกันเรื่องเดียว
พอต่อมากลับมีข่าวนี้แพลมออกมา

รายงานข่าวแจ้งว่านายอภิสิทธิ์ใช้เวลาหารือพล.อ.เปรม ประมาณ 30 นาที ถึงปัญหาสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง

โอ้โฮ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ยังใช้เวลาพูดคุยกันแค่ 30นาที เอ หรือไอ้เฒ่า มันฉลาดกว่า พูดคุยแค่สั้นๆก็ก็เข้าใจ
ไม่ต้องใช้เวลาอธิบายนาน ไม่เหมือนไอ้เด็กอ่อน ที่คงต้องซ้าแล้วซ้ำเล่าถึงจะเข้าใจ

หรือว่า ทหารเข้ารายงาน เลยต้องใช้เวลานานกว่า แล้วไอ้อ่อน แค่เอาไปสรุป เอ หรือว่าหลังรับรายงาน จึงเข้าไป
รับคำสั่งอีกที ย้ำซ้ำๆเอาให้ชัดๆ

แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใดก็ตาม สองเรื่องนี้ก็ดูประหลาดอยู่ดี จริงอยู่ ป๊อก เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา มีหน้าที่โดยตรง
ที่ต้องเข้าไปรายงานสถานการณ์ (จำไว้นะ แกเป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่มีสิทธิ์มาออกทีวี สั่งให้นายลาออก)
แต่ไอ้เฒ่านี่มันเป็นผู้บังคับบัญชาไอ้เด็กเวรด้วยหรือ ถึงต้องเข้าไปรายงาน หรือรับคำสั่ง

บ้านนี้เมืองนี้มันแปลกจริงๆนะคะ มีนายกฯที่คุยว่ามาด้วยความชอบทำ แต่ก็มีคนที่เหนือกว่าที่ต้องเข้าไปรายงานอีก
เฮ้อ นี่มันอะไรกันนักหนา ก็พวกเมิงทำไมไม่ประกาศยึดอำนาจไปเลยเล่า บอกต่อนี้ไปไม่ต้องเลือกตั้ง นายใหญ่คือ
ไอ้เฒ่า ส่งตัวแทนมาเป้นหุ่น คอยชักไย บอกกันไปเลยให้ชัดๆ คนทั่วโลกเขาจะได้เข้าใจ ทำผลุบๆโผล่ๆอย่างนี้
ก็ต้องผิดศีลข้อมุสา อยู่ร่ำไป กลายเป็นรัฐบาลบาปไปเสียนี่

การไปออบรอบ ตีกอล์ฟในวันทำงาน ถือเป็นการขาดราชการหรือไม่?

ก็เห็นว่าสั่งพักราชการเสธ.แดง ด้วยข้อหา 2 กรณี คือ 1.การหนีราชการไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.การให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา

การไปต่างประเทศครั้งกระนั้น ก็ไม่ทราบว่า เสธ.แดงแกขาดราชการไปกี่วัน เพราะเท่าที่ทราบก็ไปแค่ประเทศ
เพื่อนบ้าน แค่กัมพูชา อย่างมากคงไม่เกิน 2วัน แล้วเอาผิดถึงขั้นพักราชการมันไม่มากไปหน่อยหรือ
จะว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง ไม่มีอคติก็เห็นจะไม่ได้ เพราะในความเป็นจริง เป็นที่รู้ๆกันอยู่ ข้าราชการชั้นนายพล
นั้นทั่นขาดราชการไปตีกอล์ฟออกบ่อยไป ไม่โดนสอบถึงขั้นพักราชการกันบ้างหรือ

หรือที่เสธ.แดงถูกพัก เพราะลำพังขาดราชการไปต่างประเทศก็คงไม่เท่าไหร่ หากแต่ไปแล้วดั๊นไปถ่ายรป
กับคนที่แสลงใจพวกทหารและรัฐบาล มันเลยทนไม่ได้หรือไง

เขากำลังจ้องมองความเป็นสองมาตรฐานอยู่ ดันทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้อีก ก็ไม่รู้จะพูดว่าไง
ไอ้ข้อสองน่ะ ก็น่าเอาโทษอยู่หรอก แต่มันเป็นความผิดร้ายแรงทางอาญาจนต้องพักราชการเลยหรือไร
ทำอะไรก็คิดให้มันมากๆหน่อยเด๊อ คนชื่นชอบเสธ.แดงเขาก็มี ทำเช่นนี้เหมือนเอาน้ำมันไปราดกองไฟ
แล้วอย่ามาพล่ามว่าจะสร้างความสมานฉันท์นา รักที่จะสร้างความเจ็บแค้น ไม่เว้นแต่ละวัน
พอเกิดเรื่องจะมานึกเสียดายว่า"รู้งี้"ไม่ทันเสียแล้ว!

โอ้แม่เจ้า..อดีต คมช. โวยไม่ยุติธรรม

อดีต คมช. โวยไม่ยุติธรรม

พล.อ.สม เจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่งเป็นผู้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวผู้ต้องหา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่อัยการสั่งฟ้อง พล.ต.ท.สมคิดกับพวก ดีเอสไอและอัยการไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหา แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

"เป็นการยกเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นเหตุผลบอกให้เราต้องเสียสละ ซาอุฯเอาเรื่องแรงงานมาต่อรอง แม้จะบอกว่าไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม แต่อุปทูตซาอุฯก็เดินสายกดดันก่อนอัยการจะสั่งคดี โดยอ้างว่าหากคดีมีความคืบหน้าจะมีผลต่อความสัมพันธ์สองประเทศ"

ไม่อายหมาบ้างเลยนะสมเจตน์ ใครเขาให้น้องแกเสียสละ ถ้าน้องแกไม่ผิดเขาจะสั่งฟ้องได้ด้วยหรือ
การออกมาปกป้องน้องนั้นไม่ผิดหรอก คนเขาก็ทำกัน แต่การอ้างว่าเป็นการต่อรองกันด้วยผลประโยชน์
เรื่องแรงงานมาต่อรองกับการกล่าวโทษน้องแกน่ะ มันถูกหรือไง

นับเป็นคนที่สองแล้วที่ได้ยินมาว่าพูดแบบนี้ เมื่อวานได้ยินไอ้สงค์ฟันดำพูดในรายการวิทยุว่า เรื่อง
ความสัมพันธ์ทางการฑูตกับซาอุฯไม่ใช่เรื่องใหญ่ การตัดความสัมพันธ์ระดับการถอนเอกอัครราชฑูต
ก็ไม่ได้ส่งผลให้เรา(ไทย)เดือดร้อน ไม่ให้แรงงานไทยไปทำงานซาอุฯก็ไม่เห็นเดือดร้อน เอาหัวแม่ตีนคิด
หรือเปล่าเนี่ย แรงงานไทยสูญเสียพื้นที่ทำกินที่เคยไปค้าแรงงานตั้งเท่าไหร่ เอาเงินส่งกลับมาตั้งเท่าไหร่

จริงอยู่ลูกหลานแกไม่เดือดร้อน เพราะไม่เคยต้องไปค้าแรงงานที่ซาอุฯ แต่ถ้าคิดถึงคนงานไทยอีกจำนวนไม่น้อย
แกกลับคิดว่าไม่สำคัญ เราก็อยู่กันมาได้ตั้งเกือบ 20ปีแล้ว โอ้แม่เจ้า ไม่สงสัยเลยว่าทำไมแกถึงได้มีความคิดชั่วๆอยู่ตลอดเวลา
เพราะแกมองไม่ออกว่าผลประโยชน์ของชาติอยู่ตรงไหน เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง

มากันตะเภาเดียวกันเลย ที่คิดว่าใครจะอดตาย ใครจะไม่มีทางทำมาหากิน ก็ช่างมัน พวกกรูอยู่สุขสบายก็พอแล้ว
อนาถใจเหลือเกิน

แพะรับบาป

อุแม่เจ้า "วัว"มันหน้าตาเหมือน"แพะ"เลยแฮะ สงสัยจับบ่อย
เครดิตคุณincognitoนะคะ ส่วนชื่อกระทู้ เครดิตคุณจีรานุชของเราเองค่ะ เย้!

ขอร้องล่ะ.....นะนะ

อย่าไปบอกสองผัวเมีย (ยุทธ์กะเมีย) นะว่าวันนี้เขาก่นด่าอย่างไรบ้าง โอกาสที่จะได้ฟังเองคงไม่มี
แต่คนอื่นที่ฟังแล้วอย่าไปบอกมันเข้าละ ถ้ารู้เดี๋ยวนอนไม่หลับ เสียสุขภาพแย่เลย

คิดดูวาดภาพตัวเองเสียสวยหรู ดูดี ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ดีมาโดยตลอด จนคนทั้งแผ่นดิน
เกือบเชื่อแล้วเชียว วันนี้เขาเอาความจริงมาเผย อายเขาแย่เลย แล้วจะอธิบายความกับคนเขาอย่างไร

ถูกจับแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่บนเขายายเที่ยงขนาดนั้น หนาวไหมเจ้าคะ? อิชั้นฟังแล้วยังอายแทนเลย

โถ..พ่อคุณ

เพิ่งรู้นะเนี่ย ฟังแรมโบ้เขาเล่าให้ฟัง ว่าที่ดินเขายายเที่ยงน่ะยุทธ์เขาได้มาฟรีๆ
แต่พอนักข่าวถามขึ้นมาว่าซื้อมาเท่าไหร่ สมัยที่เรื่องแดงขึ้นมา ก็เลยบอกไปว่า
ห้าหมื่น โถ พ่อคุณ ชีวิตนี้คงไม่เคยใช้เงินซื้ออะไรเลยสิท่า รีดไถ ใช้อำนาจยึด
มา ลำพังแค่เงินเดือนนายทหารคงไม่มีเงินไปซื้ออะไรได้

คิดดูด้วยสามัญสำนึกคนธรรมดา ที่บนเขาวิวสวยซะขนาดนั้น เนื้อที่(ตามที่แจ้ง)
ตั้ง 21ไร่ มีอย่างที่ไหนซื้อมาแค่ ห้าหมื่นบาท ตกตารางวาละไม่ถึงหกบาท

ถุยส์จริงๆ

น่าสงสารวิศวกร

มี สามีวิศวกร แล้วเป็นไง? โดย ศ.ดร.นายแพทย์วิทยา นาควัชระ บทความจาก
นิตยสารสกุลไทย

สถิติเป็นเรื่องที่น่าศึกษาและน่าสนใจมาก ผมมีสถิติที่สังเกตเอาเองในช่วง
ทำงานสุขภาพจิตมานานเกี่ยวกับอาชีพต่างๆกัน
บุคลิกภาพที่อยากเอามาเล่าให้ฟัง ในบรรดาผู้ชายที่มาปรึกษาผมที่คลินิก ผม
นับได้ว่าอาชีพวิศวกรมาปรึกษามาก
และเรียนรู้ได้เร็ว พัฒนาตัวเองได้เร็วมากนี่พูดเฉพาะคนที่มาหานะครับ พวก
ที่ยังไม่มา แต่ส่งภรรยาและลูกเมียมาปรึกษานั้นยังมีอีกมาก
แต่ก็ยังดีที่สนใจอ่านคอลัมน์นี้ และยังเปิดใจยอมรับเมื่อมีปัญหา แต่พวก
ที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจนั้นก็ยังมีอีกมากมาย

มีภรรยาที่ทุกข์ใจจาก " บุคลิกลักษณะ " ของสามีวิศวกรมาปรึกษาผมที่คลินิก
มา??มาย
ภรรยาเหล่านี้มักมีสภานภาพทางสังคมดี มีการงานและการเงินดี
แต่มีความทุกข์ใจจากบุคลิก หรือ Personality ของบรรดาสามีวิศวกรเหล่า
นั้น
ผมได้รวบรวมลักษณะที่ภรรยาไม่ชอบและทุกข์ใจเหล่านั้นมาให้อ่านดังนี้
1. หัวแข็ง หัวดื้อ
2. หลงรักตัวเอง คิดว่าตัวเองเก่งมาก หลายรายมักว่าภรรยาโง่หรือคิดอะไรไม่เข้าท่า
3. ขาดอารมณ์ขัน
4. เอาจริงเอาจังกับงานมาก
5. เครียด ย้ำคิด ย้ำทำ
6. พูดไม่เป็น หรือพูดน้อย
7. ก้าวร้าวสูง
8. แข่งขันสูง
9. ไม่ชอบเห็นใครดีกว่า
10. ชมคนอื่นไม่เป็น ติเก่ง จับผิดเก่ง
11. ไม่รักคนอื่น
12. หลายคนไม่รักตัวเอง มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง เช่น ติดเหล้า บุหรี่ หรือหักโหมทำงานมาก
13. ขาดความสุนทรีย์ในการดำเนินชีวิต
14. ไม่มีรสนิยมในการแต่งกาย แม้จะมีรายได้ดี
15. ขี้เหนียวในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นเรื่องค่าที่จอดรถ ค่าทิป แต่เรื่องบางเรื่องยอมเสียเงินมากๆ โดยไม่จำเป็น
16. เจ้าระเบียบมาก จุกจิกจู้จี้ ย้ำคิดย้ำทำ
17. ชอบสอนเสียจริงๆ สอนทั้งเมีย ทั้งลูก บางรายสอนพี่น้องหรือแม่ด้วยน้ำเสียงข่มขู่หรือจับผิด (กับพ่อมักไม่ค่อยกล้าสอนเพราะมักจะมีพ่อดุ)
18. เพื่อนน้อย
19. ขาดงานอดิเรก ถ้าเส่นกีฬาก็เอาจริงเอาจังจนเกินสนุก
20. ชอบขัดคอคน ต่อหน้าคนอื่นทำเรียบร้อย พอลับหลังนินทาหรือก้าวร้าวหรือด่าหยาบคาย
21. ปลอบคนไม่เป็น หลายรายสนุกกับการเล่นกับหมาได้มากกว่าพูดกับคน
22. มีปัญหาเรื่องลูกโดยเฉพาะกับลูกชาย แข่งขันกันหรือจับผิดลูกก้าวร้าว กับลูก
23. กลัวการเสียเปรียบมาก ไม่ยอมเสียเปรียบใคร
24. กลัวคนอื่นเก่งกว่า อิจฉาคนเก่งกว่า
25. กับพี่น้องก็อิจฉากันเอง ก้าวร้าวกันเองมาก
26. หลายรายเป็นคนสมถะมากโดยเฉพาะเรื่องแต่งกาย ไม่ชอบซื้อเสื้อใหม่ หรือเน็คไทใหม่ ภรรยาซื้อให้กลับถูกหาว่ายุ่งและไม่จำเป็น

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ผมไม่ได้จงใจจับผิดอาชีพวิศวกรเลย ทุกอาชีพก็มีจุด จุดเด่น มีทุกข์ มีสุข ได้ทั้งนั้น
แต่ที่ยกเอาอาชีพนี้ขึ้นมาอาจเป็นเพราะสถานภาพของครอบครัวและภรรยา เอื้อต่อการจะมาพบจิตแพทย์
เพื่อปรึกษาเรื่องครอบครัวหรือการเลี้ยงลูกได้โดยไม่ลำบาก

วิศวกรนั้นได้รับการยอมรับจากสังคมว่า เป็นคนเรียนเก่งตั้งแต่สอบ เอ็นทรานซ์ได้แล้ว เมื่อเรียนจบ มีการงานทำดี
เงินเดือนมาก ก็ยังตระหนักในความเก่งของตัวเองมากเข้าไปอีก เข้าข่ายหลง รักตัวเองขั้นทุติยภูมิ (Secondary Narcissism)
คล้ายๆ อาชีพอื่นๆ อีก เช่น แพทย์ แต่วันนี้ยังไม่ขอเอ่ยถึงนะครับ วิศวกร ต้องทำงานแข่งกับความสามารถของคนอื่นที่เก่งๆ
และเทคโนโลยีใหม่ๆตลอดเวลา ทำให้ต้องตื่นตัวและถีบตัวอยู่ตลอดเวลา งานที่ทำก็มักสัมผัสกับสิ่งที่แข็งกร้าน เช่น งานก่อสร้างเครื่องจักร
ฯลฯ บุคคลรอบข้างก็มีแต่ผู้ชายที่แข็งและแข่งขันกันเมื่ออยู่ใกล้กัน สิ่งที่เป็นความสุนทรีย์ที่งดงามก็พบได้น้อยในชีวิตรอบตัว นอกจากเขาจะ
ขวนขวายหาเอง จึงทำให้ชีวิตมุ่งไปแต่การแสวงหาความสำเร็จชัยชนะงาน การแข่งขัน เอาจริง เอาจัง ลักษณะประจำอาชีพจึงเกิดขึ้นคล้ายๆ
กับที่ผมเขียนมาแล้วในตอนต้น

ความทุกข์ที่เกิดจากบุคลิกภาพและงานอาชีพของเขาก็มีมาก เช่น
- เครียด
- เป็นโรคจิตสรีระแปรปรวน (Psycho Somatic Disorder) เช่น
- ปวดหัว ปวดท้อง ปวดหลัง ความดันโลหิตสูง ภูมิแพ้ หรืออาจเป็นโรค?ัวใจใน โอกาสต่อไป
- มีปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูก ไม่ถูกกับลูก

5555555เอิ๊ก อ่านแล้ว ถ้าเป็นข้อสอบต้องกาข้อ ถูกทุกข้อ ตัวเองและเพื่อนๆมีสามีเป็นวิศวกรเสียส่วนมาก
ต่างต้องกลายเป็นวิศวเกินที่บ้านกันทั้งนั้น เพราะสามีที่รอบรู้ และเก่งกาจเขาทำอะไรไม่เป็นบางบ้านแม้แต่เปิด
เครื่องเสียง เครื่องไฟฟ้ายังไม่ได้

แอบมานินทาสามี แต่เท่าที่ประสบ สามีที่เป็นวิศวกรมักรักบ้าน ชอบอยู่บ้าน (เอ หรือเพราะไม่ค่อยมีเพื่อนหว่า 55555)

มิน่า

คุณ Elizabeth Stone เธอกล่าวไว้ว่า"The particular human chain we're part of is central to our individual identity."
แปลเป็นไทยว่า"ทุกชีวิตที่เราผูกพันเกี่ยวข้องล้วนมีส่วนในการสรรค์สร้าง บุคลิกของเราทั้งสิ้น" คัดมาจากหนังสือWisdomของธนาคารกสิกรไทย

มิน่า...จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนที่อยู่ในแวดวงขององคมนตรีเปรม ติณสูลานนท์ ถึงเลวร้าย หน้าด้านหน้าาทน
เอาแค่สองคนที่อยู่ในคิวเชือด คนแรก ทันสมัยทันเหตุการณ์ก็นี่เลย สุรยุทธ์ จุลานนท์ นอกจากนามสกุลลงท้ายว่านนท์เหมือนกัน
ยังเลวเหมือนกัน ชอบยึดครองของหลวงมาเป็นของตน

เขายายเที่ยง ใครๆก็รู้ว่าอยู่ในเขตป่าสงวน แต่ก็เข้าไปปลูกบ้านพักตากอากาศอยู่โดดเด่น เขาโวยวายกันมานาน ก็ทำทองไม่รู้ร้อน
พานักข่าวไปดูเสียอีกว่าสวยงามและเรียบง่าย แต่ขอโทษ ที่ตรงนั้นอยู่บนยอดเขา วิวสวยงาม และการเข้าไปปลูกบ้านอยู่ไม่ใช่เรื่อง
ปกติที่สามัญชนธรรมดาจะทำได้ เอาแค่ถนนหนทางลาดยางอย่างดีที่เข้าไปยังตัวบ้าน ก็ใช้ทหารช่างสร้างไม่ใช่รึ

น้ำไฟ ทั่นเอามาจากไหน ถ้าไม่ได้ใช่ทั่น เขาจะทำท่อส่งไปให้ได้อย่างไร มีอยู่บ้านเดียวโดดเดี่ยวขนาดนั้น แค่นี้ก็แสดงให้เห็น
เจตนาชัดเจนแล้วว่า"กูจะเอา" มิหนำซ้ำหน้าด้านแจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินเมื่อมาดำรงค์ตำแหน่งนายกฯอีกด้วย หากไม่ตั้งใจ ไม่รู้
จะกล้าแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างนั้นหรือ

อีกคน "นายชาญชัย ลิขิตจิตตะ" รายนี้ ผิดร้ายแรงไม่แพ้กัน คือ เข้าไปร่วมประชุมล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
เมื่อครั้งดำรงค์ตำแหน่งสำคัญทางศาล ซึ่งโดยมารยาทและหน้าที่ไม่มีสิทธิืทำได้โดยเด็ดขาด แต่ก็ทำไปแล้ว ประชุม
กันถึงขั้นวางแผนฆ่าคน แต่ก็ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี พอความจริงถูกเปิดเผย กลับอมสาก ไม่พูดไม่จา ซ้ำยังได้รับการตอบแทน
ยกขึ้นเป็นองคมนตรีอีกราย

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่บุคลิกของคนพวกนี้จึงลอกเลียนแบบไอ้เฒ่ามาไม่ผิดเพี้ยน เวลาเจอนักข่าวจะยิ้มน้อยๆ(ไม่แหกปากยิ้มโง่ๆ
อย่างไอ้เด็กเวร) แล้วก็ต้องพูดน้อย ทำยิ้มๆ แล้วไม่ค่อยพูดอะไร ก็แน่ล่ะสิ พูดออกมาเขาก็จับได้ล่ะสิว่าเลวขนาดไหน
ชอบคิดว่าตัวเองทำถูก ตัวเองทำดี สิ่งที่ทำล้วนทำเพื่อแทนคุณแผ่นดิน ยึดบ้านหลวง ยึดที่หลวงก็เพื่อแทนคุณงั้นสิ
วางแผนฆ่าศัตรูก็ถูกต้องเหมาะควรด้วยอย่างนั้นหรือ

ยังๆ ยังมีอีก แต่ละคนที่อยู่ในทำเนียบ(องคมนตรี) ยังพฤติกรรมเลวร้ายอีกมาก รอวันถูกกระชากหน้ากาก เพียงแต่คนอื่นๆ
บุคลิกไม่ค่อยเหมือนบางคนก็ปากหมาสุดๆ พ่นออกมาแต่ละที ชาวบ้านชาวช่องล้วนครางฮือว่านี่น่ะหรือ ที่ปรึกษของกษัตริย์
พูดจาให้ร้ายคนอื่นไม่พอ บางรายยังถึงขั้นแขวะเด็กรุ่นลูกรุ่นหลาน เพียงเพราะเขาเป็นลูกของคนที่ตัวไม่ชอบ ก็ยังมี

น่าแปลก ทำไม้ทำไม เหล่าคนชั่ว ถึงไปรวมอยู่ด้วยกันในที่เดียวได้ น่าเป็นห่วงจริงจริ๊ง มีคนที่ล้วนมีอติ กิเลศแน่นหนา
ขนาดนี้้เป็นที่ปรึกษา ความคิดมิเข้ารกเข้าพงไปถึงไหนต่อไหนละหรือ

การแก้ปัญหา

ก่อนจะมีการแก้ปัญหา ก็ต้องมีปัญหาเกิดขึ้นก่อนจริงไหมคะ ถ้าไม่มีปัญหาจะไปแก้กันทำไม
แล้วปัญหาคืออะไร ปัญหาก็น่าจะเป็นเมื่อคนจำนวนหนึ่งตกลงกันไม่ได้ พูดคุยกันอย่างปกติ
ไม่ได้ จึงก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมา ไม่ใช่ปัญหาอะไรเอ่ยสักหน่อยที่คนหนึ่งเป็นผู้ตั้งคำถามให้
คนอื่นตอบ

เมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ แล้ววิธีใดจึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีล่ะคะ เริ่มต้นต้องเห็นปัญหาก่อนค่ะ
พระพุทธองค์ท่านว่าทุกข์เกิดจากเหตุ จะดับทุกข์ได้ต้องดับต้นเหตุ เอาล่ะเราจะเว้นไปไม่กล่าวว่า
รัฐบาลนี้มองไม่เห็นต้นเหตุแห่งทุกข์นะคะ เพราะตามืดบอด มีคนเขียนหลายรายแล้วว่ารัฐบาล
มองไม่เห็นต้นเหตุแห่งปัญหา หรือไม่ก็มองเห็นไม่ตรงกับชาวบ้านอย่างเราๆ เพราะมัวแต่ไปคิดว่า
ปัญหาทั้งหมดล้วนเกิดมาจากบุคคลเพียงคนเดียว(อันที่จริงก็น่าภูมิใจนิ มีอย่างที่ไหน เป็นผู้ทรง
อิทธิพลขนาดนั้น เป็นต้นเหคุแห่งปัญหาทั้งปวงในประเทศนี้ คนธรรมดามีหรือจะทำได้)

แต่ที่จะเขียนวันนี้ไม่ใช่เรื่องการแก้ปัญหาโดยมุมมองที่ผิดหรอกค่ะ แต่อยากจะเขียนว่า นอกจากมอง
ปัญหาไม่ตรงจุด แล้ว ยังชอบที่จะคิดแก้ปัญหาเอาเอง เรียกว่าเมื่อรู้ว่ามีปัญหา เมื่อคิดจะแก้ แทนที่
จะไปถามคนที่เขามีปัญหาจริง ว่าอะไรคือปัญหา(ที่คับข้องใจ) แล้วนั่งลงช่วยกันถก เพื่อหาทางคลี่
คลายปัญหา ซึ่งวิีธีนี้ก็น่าจะดีที่สุด เพราะคนที่มีปัญหาเขาย่อมรู้ดีว่าอะไรคือเหตุที่มำให้เกิดปัญหา

แต่มันไม่อย่างนั้นสิคะ รัฐบาลนี้เขาคงคิดว่าเขาเป็นเทพยดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ต้องนั่งเทียนก็มองเห็น
ทางแก้ได้ ไอ้ที่จะให้ไปนั่งปรึกษาหารือ ไม่มีทาง(คงกลัวพบวิธีแก้ที่แท้จริง) อันที่จริงเทวดาตัวจริงก็ยังไม่รู้เลยค่ะ
ว่าความทุกข์ยากของคน ความต้องการของคนเดินดินคืออะไร เห็นได้จากคนต้องต้องไปบนบานศาลกล่าว
ว่าอยากได้อะไร ทุกขร้อนอะไร พร้อมกับเสนอเครื่องเซ่นสังเวย สิ่งของแก้บน มากน้อยตามผลที่ขอทั้งสิ้น
เสียแต่เทวดาบางองคก็คงมีคนมาขอเยอะ เลือกเครื่องเซ่นสังเวยไม่หวาดไม่ไหว ไอ้ที่ขอเปล่าๆโดยไม่มีออฟเฟอร์
พ่วงท้ายเลยไม่ได้รับการเหลียวแล ว้ายผิดเรื่องวกไปไกล กลับมาเรื่องที่จะเขียนว้นนี้

ก็เรื่องการแก้ปัญหาไงคะ อย่างน้อยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในการแก้ปัญหาของรัฐบาลเด็กก็สองครั้งสองคราแล้ว
ครั้งแรกเมื่อมีปัญหาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ทำทีทำท่าว่าจะแก้ แต่ขอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาก่อน
ชาวบ้านชาวช่องแอบหลงดีใจว่าคราวนี้ล่ะวะ รัฐบาลเอาจริง แล้วก็ต้องคณะกรรมการขึ้นมา(ไม่รู้ป่านนี้ปรึกษา
หารือกันไปถึงไหนแล้ว)แต่มีข้อแม้นะคะ คณะกรรมการชุดนี้ต้องไม่มีนักการเมืองเข้าไปยุ่มย่าม

อ้าวเฮ้ยเว้ย ก็รัฐธรรมนูญมันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กระทบกับทุกคน จะให้ประชาชนทั้งประเทศเข้าไปถกกัน
มันทำไม่ได้ไง(ไม่งั้นต้องสร้างรัฐสภาให้ใหญ่เท่าประเทศมั้ง...กินกันอิ่มจนอ้วกเลยทีเดียว) ดังนั้นจึงต้องใช้
ตัวแทนของประชาชน ก็นักการเมืองนี่แหละ ผู้แทนราษฎรจึงควรมีสิทธิ์มีเสียงที่จะเข้าไปดู ไปแล ว่าเขาจะเอาอย่างไรกัน
แล้วไอ้ที่ว่าจะแก้ นั้นแก้กันยังไง แก้เพื่อใคร แก้แล้วจะดีจริงหรือเปล่า แต่ก็ออกมาตีกันเสียแล้วว่าห้ามไม่ให้นักการเมือง
เข้าไปยุ่งเกี่ยว

เอาล่ะผ่านไปตัวอย่างหนึ่ง พอผ่านมาเกิดปัญหาหวยออนไลน์ ซึ่งจริงๆแล้วมีปัญหามานาน ชาวบ้านรู้ว่าต้นตอของปัญหาคืออะไร
เว้นแต่รัฐบาลทำซื่อบื้อ ตาบอดตาใส ว่าไม่รู้เรื่อง เมื่อก่อนจะมีมติให้ทำก็ตั้งคณะกรรมการไปชุดหนึ่งแล้วนา ผลออกมาว่าจะทำ
แต่แล้ววันดีคืนร้าย คิดอะไรไม่ออก ว่าจะกลบเรื่องชั่วของตนได้ไง ก็โพล่งออกมาว่าจะเลิก อ๋ายตายแล้วทำได้ไง ไอ้บริษัท
รับสัมปทานก็โวย คนขายที่ไปเข้าคิวรอเป็นผู้จำหน่ายก็โวย (บอกตรงๆชาวบ้านเขาไม่เดือดร้อนหรอก จะมีหรือไม่มีน่ะ
คนที่เขาไม่เล่นหวย ไม่ซื้อหวย เขาก็ไม่สนใจ ไอ้คนที่เล่นหวยเขาก็ไม่เดือดร้อน เพราะหวยใต้ดินก็มีให้แทงออกกลาดเกลื่อน)

เอาล่ะสิทีนี้ เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องแก้ แน่นอนสำหรับรัฐบาลนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าตั้งคณะกรรมการ อ๊ะๆ อย่างเคย
ประธานคณะกรรมการที่มาจากสมาคมพ่อค้าอะไรเนี่ยแหละ ออกมาแถลงข่าวเลยว่า "ในการศึกษาผลกระทบครั้งนี้
จะไม่มีผู้ค้าสลากเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย(แม้ว่าจะร้องขอร่วมมาก็ตาม)" อ้าวพี่ ก็ผุ้ค้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง
ทำไมไม่ให้เขาเข้าไปชี้แจงถึงปัญหา แล้วพวกพี่ๆมานั่งถกกันเอง มันจะไปได้เรื่องอะไร ถามจริงๆเถอะ ในคณะกรรมการ
(ไม่รู้ว่ามีทั้งหมดกี่คน)มีคนเล่นหวย ซื้อลอตเตอรี่กันกี่รายไม่ทราบ แล้วมันจะรู้ปัญหาจริงๆไหมเนี่ย

นี่แหละค่ะที่อยากบอกเล่า ว่าการแก้ปัญหาที่ตั้งคณะกรรมการมาถกกันเองเนี่ยชอบกันจั๊ง หรือเป็นวิธีตอบแทนพวกพ้อง
นักวิชาการและผู้มีอุปการคุณ ให้ได้มีหน้ามีตา เวลากรอกประวัติในหนังสืองานศพจะได้ใส่ไว้ว่าเคยเป็นคณะกรรมการ
ประโยชน์ก็คงมีแค่นี้ เพราะคงแก้ปัญหาอะไรไม่ได้หรอกค่ะ

อย่างไรเสีย ทหารก็ไม่ปราบเสื้อแดงจนสิ้นซาก

ไอ้ที่กลัวกันว่าเขาจะขจัดกำจัดให้หมดแผ่นดินไปเลยนั้นไม่ต้องกลัว
ใครอยากจะทำก็คิดไปทำเองเถิด ส่วนพี่หารของเราเขาไม่ทำเด็ดขาด

ทำไมหรือคะ ไม่ใช่เพราะรักเพราะห่วงว่าเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่เพราะเชื่อ
ว่าปราบเท่าไหร่ไม่หมด

แต่เพราะคนเสื้อแดงเป็นขุมทรัพย์เป็นบ่อเงินบ่อทอง ที่ใช้ขุดกินไปได้อีกนานแสนนาน
เหมือนสามจังหวัดภาคใต้อย่างไรเสียก็ไม่มีวันสงบ เพราะการมีอยู่ของปัญหา ทำให้
ทหารมีทั้งงบลับงบแจ้ง เบิกใช้อย่างไม่ต้องเกรงใจ

ดูเรือเหาะเป็นตัวอย่าง แม่งเอาหัวอะไรคิด สั่งซื้อมาราคาเท่าไหร่ ผลปรากฎว่า
ใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่า กลัวลอยขึ้นไปแล้วถูกยิงตก แต่การณ์กลับปรากฎว่าเรือเหาะ
ที่สั่งซื้อมาไม่มีอุปกรณ์สำคัญที่จะใช้ติดตั้งขึ้นไปตรวจสอบ เพราะเขาถือว่า
เป็นยุทโธปกรณ์ที่สำคัญสำคัญลับของทหารเมกา จึงไม่อนุญาตให้ขายและ
นำออกนอกประเทศ แต่ควายไทยท่านอาจไม่รู้หรือรู้แต่ก็อยากสั่ง จึงได้มาแต่เรือเหาะ
อุปกรณ์สำคัญไม่มาด้วย จึงใช้งานไม่ได้

ทำไงดีล่ะเรือเหาะก็ซื้อมาแล้ว เก็บเอาไว้ลอยเฉลิมฉลองอะไรเล่นก็แล้วกัน งบก็ใช้ไปแล้ว
คอมฯก็คงกินกันอิ่มไปแล้ว รอหาของเล่นใหม่ๆมาสั่งซื้อไว้ดีกว่า

ฉันใดก็ฉันนั้น การมีการชุมนุมของเสื้อแดงก็เอื้อประโยชน์ทางทหารเอ๊ยทางงบประมาณไม่ใช่ย่อย
ไหนจะเบิกใช้ยามประกาศพรก.ฉุกละหุก พรบ.มั่นคง หรืออะไรก็ตามเถอะ ไหนจะเบิกเงินซื้อุปกรณ์
ไฮเทคต่างๆนาๆ แต่เวลาใช้จริงไม่เห็นมันงัดออกมาใช้เลย นอกจากใช้ตีนเดินดุ่ยๆ ยิงเอายิงเอา

แต่ก็เอาละวะ เบิกเอาไว้กินคอมมิชชั่นก็เก๋ดี ใช้ได้ไม่ได้ก็ช่างหัวแม่มัน กูได้กินแล้วนี่หว่า
ด้วยเหตุฉะนี้ ทหารจึงต้องเลี้ยงทั้งสองสถานการณ์(ภาคใต้ และการชุมนุมของคนเสื้อแดง)ให้อยู่คู่

กลืนไม่เข้า...คายไม่ออก

กลืนไม่เข้า..คายไม่ออก คงเป็นอาการของยุทธยายเที่ยงณ ขณะนี้
ขณะที่วันยกพลขึ้นบกเอ๊ยเขาใกล้เข้ามาทุกที

จะให้เขาทำอย่างไรดีคะ จะให้คายออกมา เพราะรู้ว่ามันไม่ถูก ก็จะทำได้อย่างไร
การคายออกมาก้เท่ากับยอมรับว่าที่ครอบครองไว้นั้นมันผิด (มันก็ผิดแหงๆ มีอย่างที่ไหน
ขึ้นไปอยู่ซะบนยอดเขาอย่างนั้น) เมื่อข่าวออกมาใหม่ๆ ก็รับรู้กันโดยทั่วว่าได้มาอย่างไร
การอ้างกรรมสิทธิ์ว่าซื้อมาโดยชอบ มีหลักฐานการซื้อขายก็ไม่ได้หมายความว่า
มันถูกต้อง เพราะราคาที่ซื้อก็ถูกกว่าราคาที่คนเอามาขาย เขาซื้อมาอีก อันเป็นการ
แสดงความลับลมคมในชัดๆ มีอย่างที่ไหนซื้อมาแพงแล้วเอามาขายถูกๆ ใครๆก็รู้
การซื้อขายที่ล้วนแล้วแต่ต้องมีกำไรกันทั้งนั้น ไม่งั้นเขาจะเรียกว่า"ซื้อเก็งกำไร" หรอกหรือ

แต่ที่ผิดแน่ๆแม้จะอ้างว่าซื้อมาโดยชอบ เสียภาษีที่ดินเรียบร้อย ก็ยังผิดอยู่ที่ เพราะที่แปลงนั้น(วันที่เรื่องแดงขึ้นมา)
เป็นพื้นที่ ป่าสงวน แม้จะเสียภาษีที่ดินเพื่อแสดงการครอบครองก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถออกโฉนดได้
เอหรือออกไปกันเรียบร้อยแล้วหว่า!

แล้วจะให้ท่านองคมนตรีทำอย่างไรดีคะ ตำแหน่งมันค้ำคออยู่ จะคายที่ออกมาดื้อๆก็กระไรอยู่
ถ้าคายออกมาก็แสดงว่าผิด ที่สำคัญผิดทั้งๆที่รู้ ผิดทั้งๆที่เป็นคนใหญ่โต เคยดำรงตำแหน่งใหญ่โต
เอ หรือบ้านนี้เมืองนี้ ต้องใหญ่โตเสียก่อนจึงจะกล้าทำผิด ตัวเล็กตัวน้อยจะกล้าไปฝ่าฝืนกม.ได้ไง

จะกระเดือกลงคอไปง่ายๆแบบที่คนอื่นๆแอบทำกันมานานก็เห็นท่าจะยาก เพราะมันไม่หวานหมู
อย่างที่คิดเสียแล้ว เพราะข่าวตีพิมพ์กันไปอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมไปเสียแล้ว ไอ้ครั้นจะนิ่งเฉย
ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่พูดไม่จา เอาแต่อม(ที่หลวง)ไว้อย่างเดียวก็คงไม่สะดวก

อาการกลืนไม่เข้า..คายไม่ออก คงบอกอาการท่านยุทธเขายายเที่ยงขณะนี้ได้เป็นอย่างดี ฮา!

มิน่า..มันถึงเกาะเก้าอี้กันไม่ยอมปล่อย

ก็จะอะไรเสียอีกล่ะคะ ก็ไอ้เก้าอี้รมต.ของรัฐบาลนั่นแหละ
ไม่ว่าใคร หากเข้าไปได้นั่งกันแล้วล่ะก็ ไอ้เรื่องให้ยอมลุกไปง่ายๆ
เป็นไม่มี ไม่ว่าใครล้วนกอดกันแน่น ไม่ถูกถีบออกไม่มีทางลุกเป็นอันขาด

ดูตัวอย่างผลประโยชน์พื้นๆไม่ต้องโกงต้องกินจากการหาผลประโยชน์
กันหรอกค่ะ เอาแค่ประโยชน์จากการบินเอาก็แล้วกัน

นายกรณ์ ที่กำลังเป็นข่าวครึกโครม ที่ว่าใช้สิทธิ์อัพเกรดที่นั่งของสายการบินไทย
เอาก็แล้วกัน อยู่มาแค่ปีเดียว บินไปบินมาว่อนถึง 14 ครั้ง โอ้โหอะไรจะไขนหนาด
บินมันเฉลี่ยเกินเดือนละครั้งเชียวหรือ แล้วเอาเวลาที่ไหนทำงานกันล่ะ

บินไปแถบยุโรปเสียด้วย ทางไม่ใช่ใกล้ อย่างน้อยๆก็ต้องไปครั้งล่ะไม่ต่ำว่า 7วัน
ไม่ใช่แค่เขมรไปเช้าเย็นกลับสักหน่อย และที่สำคัญไม่ได้บินคนเดียวเสียด้วย
ขนลูกเมียไปกันสนุก งานการราชการหรือก็ไม่ใช่ แล้วใช้สิทธิ์ได้ด้วยหรือ

มิน่าการบินไทยถึงได้ขาดทุนอ่วม นี่ก็เผยมาแค่คนเดียว หากรวามทั้งคณะรัฐบาลก็ปาไปสามสิบ
กว่าคน หากใช้สิทธิ์แบบนี้กันทุกราย ไม่ขาดทุนก็ผิดไปล่ะ

การอัพเกรดที่นั่งของสายการบินไม่ว่าจะผิดหรือถูก แต่มันอยู่ที่ว่าเหมาะสมหรือไม่
ต่างหาก ไปราชการก็เอาเถอะ เพราะไปทำหน้าที่แทนชาติ แต่การไปส่วนตัวมันสมควรอยู่หรือ
ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือการใช้สิทธิ์ให้ลูกให้เมียด้วยนี่สิ

หิริโอตัปะคงไม่รู้จัก เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องให้ใครเขาสะกิดเตือนหรอก มันต้องคิดได้เอง
แต่อย่างว่าความโลภมันบังตา เบียดบังประชาชนอย่างนี้ยังทำได้อย่างไม่รู้จักอับอาย
ลืมไปว่ารัฐบาลนี้ไม่มีสมอง หนังหน้าก็หนาเสียกว่าหนังซ่นเท้า

พูดถึงเปรมอีกสักครั้ง

คงไม่ช้าไป ถ้าจะเขียนถึงคนคนนี้อีกสักที เนื่องด้วยเมื่อกลับมาเจอนสพ.เก่าค้างอยู่เปิดอ่านดู พบข่าวนี้

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวตอนหนึ่งในการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "สนามข่าว101" สถานีวิทยุเอฟเอ็ม 101 ว่าการทำบ้านเมืองกลับสู่ปรกติสุขต้องยึดแนวทางตามพระราชดำรัสของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือทุกคนต้องมีสติรู้ตัว มีปัญญารู้คิดเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนอื่น ต้องสร้างความรักให้เกิดขึ้น ทั้งรักชาติ รักงานที่ทำ เช่นถ้าคุณเป็นทหารไม่รักในอาชีพทหารคุณจะเป็นทหารทำไม เพราะไม่มีวันเจริญ

"ผมรักการเป็นทหารด้วยชีวิตจิตใจผมไม่เคยลืมว่าผมเป็นทหาร ถึงเคยพูดว่าทหารแก่ไม่มีวันตาย"

ผู้ ดำเนินรายการถามว่า ด้วยเหตุนี้หรือไม่ที่ทำให้สวมเครื่องแบบทหารในวันที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพมา อวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรมกล่าวว่า โปรดอย่าถามคำถามนี้ คนก็เดากันไปต่างๆนานา สิ่งที่เราควรบอกคนอื่นคือการสร้างความรักให้เกิดขึ้นในตัวเรา จะทำอะไรก็ทำจากความรัก ซึ่งมันไม่ยาก

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่มักถูกบุคคลอื่นพูดถึงบ่อยครั้ง พล.อ.เปรมกล่าวว่า "ผมไม่ตอบคำถามนี้ ผมไม่แถมให้"

พล.อ.เปรม กล่าวอีกว่า ปัญหาบ้านเมืองยังมีทางให้แก้ไข เพียงแต่เรานำมาใช้หรือไม่นำมาใช้เท่านั้น ตนไหว้ขอพระสยามเทวาธิราชทุกวันขอให้ท่านดลบันดาลให้คนไม่ดีรู้สึกตัวว่า เป็นคนไม่ดี และพยายามทำตัวเป็นคนดีซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

"คุณเห็นอย่าง ผมเห็นอย่าง ไม่ตรงกันก็ไม่จำเป็นต้องโกรธกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน หรือไม่จำเป็นต้องเกลียดกัน คือไม่จำเป็นที่คุณต้องเกลียดผม ผมต้องเกลียดคุณ ผมอยากให้ทุกคนที่มีความเห็นแตกต่างกัน อย่าเอาความแตกต่างมาเป็นเรื่องหมองใจ ต่อสู้กัน เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ" พล.อ.เปรมกล่าวและว่า ไม่ได้หวังที่จะให้คนไทยเป็นคนดีทั้งหมด แต่อย่างน้อยจะให้คนไม่ดีมีน้อยที่สุด และขออย่าให้เขามายุ่งกับเรื่องของชาติบ้านเมือง เขาจะไปไม่ดีที่ไหนก็แล้วแต่เขา แต่อย่าให้มาดูแลชาติบ้านเมือง

"ถาม ว่าจะทำอย่างไร ผมก็บอกว่าก็พยายามอย่าให้เขาเข้ามายุ่งกับสังคมกับส่วนรวมให้เขาอยู่ของเขา ถ้าเราหมดหนทางที่จะทำให้เขาเป็นคนดีแล้วก็อยู่ส่วนของคุณไป อย่ามายุ่งกับผม" ประธานองคมนตรีกล่าว

ก็คงต้องชำแหละกันเป็นส่วนๆไป เริ่มตั้งแต่ประโยคนี้เลย คือทุกคนต้องมีสติรู้ตัว มีปัญญารู้คิดเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนอื่น
ต้องสร้างความรักให้เกิดขึ้น ทั้งรักชาติ รักงานที่ทำ
อยากถามเหมือนกันว่าคุณมีสติรู้ตัวไหม คนเขาก่นด่าการกระทำของคุณอยู่
จะสี่ปีแล้ว เขาด่าว่าคุณไม่รู้จักหน้าที่ หน้าที่ของคุณเป็นแค่ประธานองคมนตรี มีหน้าที่ถวายความคิดเห็น ตามแต่พระมหากษัตริย์จะ
ทรงขอความเห็น นี่คุณออกมาวุ่นวายการเมือง และยังแก้ข้อสงสัยว่าคุณอยู่เบื้องหลังการก่อการปฏิวัติรัฐประหารไม่ได้ คุณทำให้คนเข้าใจ
ไปว่าคุณทำการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยความเห็นชอบของกษัตริย์ ผ่านมาแล้วเนิ่นนาน คุณก็ยังแก้ข้อกล่าวหานี้ไม่ได้

การออกมาพูดซ้ำซาก หลายครั้งหลายหน โดยมักแอบอ้างยกพระราชดำรัสมากล่าวถึงบ่อยๆ จนเสมือนหนึ่งเป็นคำพูดของคุณเอง จะให้คิดเป็น
อื่นไปได้อย่างไร ว่าในหลวงอาจทรงคิดเหมือนที่คุณพูด เช่นการพูดว่า"ไม่ได้หวังที่จะให้คนไทยเป็นคนดีทั้งหมด แต่อย่างน้อยจะให้คนไม่ดีมีน้อยที่สุด
และขออย่าให้เขามายุ่งกับเรื่องของชาติบ้านเมือง เขาจะไปไม่ดีที่ไหนก็แล้วแต่เขา แต่อย่าให้มาดูแลชาติบ้านเมือง" อันนี้ก็เ้ป็นการทราบกันกันดีว่า
เป็นพระบรมราโชวาทที่ว่า"เราทำให้คนเป็นคนดีทั้งหมดไม่ได้ แต่ต้องไม่ให้คนไม่ดีมาปกครองประเทศ" หรือคุณจะอ้างว่า พระบรมราโชวาททั้งหมด
เป็นข้อคิดของคุณ

"ตนไหว้ขอพระสยามเทวาธิราชทุกวันขอให้ท่านดลบันดาลให้คนไม่ดีรู้สึก ตัวว่า เป็นคนไม่ดี และพยายามทำตัวเป็นคนดีซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ในชาติบ้านเมือง " แล้วคุณคิดว่าคนดีในความคิดและสายตาของคุณคือใคร ทำไมมันถึงไม่ตรงกับคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ แม้ไม่พูดชื่อออกมา
คนส่วนใหญ่ก็พอจะเดาได้ว่าคุณพูดถึงใคร หมายความถึงใคร ซึ่งก็แปลกมากๆที่คนที่คุณพยายามว่าร้ายใส่โทษเขามานานนับสี่ปี กล่าวหาว่าเขา
เป็นคนไม่ดี เป็นคนที่คุณคิดจะขจัด กำจัดให้พ้นทางคุณ กลับกลายเป็นคนดี เป็นนายรัฐมนตรีที่ดีที่สุด ทำงานหนักที่สุด และทำเพื่อประโยชน์ของ
ประชาชนคนไทยมากที่สุด จนมีคนรักทั่วบ้านทั่วเมือง จนถึงทุกวันนี้ที่คนยังพูดถึง ด้วยความรักและระลึกถึง เห็นแต่ความดีที่เคยทำแก่ประเทศ
ไม่เห็นมีใครเห็นว่าเป็นคนไม่ดีเลย มีแต่คุณและพวกพ้องเท่านั้นเองที่คิดและพยายามพูดชักจูงและชักนำให้คนเห็น คล้อยตาม ซึ่งคุณก็รู้ว่ามันไม่เคย
ได้ผล ไม่เช่นนั้นป่านนี้ประชาชนคงยอมศิโรราบให้คุณไปเรียบร้อยนานไปแล้ว ไม่ต้องให้คุณออกมาใส่ชุดจำอวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอ่ยอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิื
แบบเพ้อๆอยู่อย่างนี้หรอก

แล้วคนดีที่คุณเชียร์ เป็นอย่างไรล่ะ สองคนแล้วนะที่เห็นเป็นตัวอย่างชัดเจน คนแรกที่คุณว่าเป็นนายกฯที่คนจะยกมือไหว้ได้สนิทใจ เป็นอย่างไรล่ะ
วันที่11มกรานี้เขาก็จะยกพลไปกราบไหว้ถึงเขายายเที่ยงอยู่นี่ไง คนที่เข้ามาขัดตาทัพทำงานให้คุณ แผลเหวอะหวะ เห็นๆกันอยู่ หรือคนดีของคุณ
คือคนที่ต้องรู้จักโกงกินเบียดบังบ้านและที่หลวงอย่างนั้นหรือ

คนดี นายกฯที่ผมเชียร์ของคุณคนที่สองในรอบสี่ปีก็นี่ไง ไอ้นายกฯเด็กทารก เจ้าอรมณ์ เอาแต่ใจตัว เหมือนคุณไม่มีผิด ทำงานก็ไม่เป็นชอบลอกการบ้าน
เหมือนคุณนั่นแหละ เอาผลงานของคนอื่นมาเอ่ยอ้างว่าเป็นของตน นายกฯคนดีของคุณที่ชาวบ้านล้วนแต่ส่ายหน้าเห็นว่าทำงานไม่ได้เรื่องที่สุด เอาดีใส่ตัว
เอาชั่วใส่คนอื่น ชอบพูด ชอบฟังแต่คำสรรเสริญเยินยอ พอใครพูดไม่เข้าหูก็งอนตุ๊บป่อง หันหน้าหนีไม่ตอบผู้สื่อข่าวเอาดื้อๆ นี่แหละคนดีของคุณ
ก็มันพวกเดียวกันนี่นา

ตนไหว้ขอพระสยามเทวาธิราชทุกวันขอให้ท่านดลบันดาลให้คนไม่ดีรู้สึกตัวว่า เป็นคนไม่ดี
และพยายามทำตัวเป็นคนดีซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบัน
ที่มีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

พวกฉันก็เหมือนกันเพียงแต่ฉันนับถือพุทธไม่เจือพราหมณ์ เลยได้แต่สวดอ้อนวอนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยดลบันดาลให้
คนชั่วอย่างคุณ ที่ชั่วในสายตาคนจำนวนไม่น้อยในประเทศนี้ ได้ระลึกนึกรู้เสียทีว่าตัวเองนั่นแหละชั่ว ตัวเองนั่นแหละที่คนเขาเห็นกันทั่ว
ว่าเป็นคนไม่ดี ไม่ว่าคุณพยายามจะทำความดี แสร้งทำตัวเป็นคนดีสักเท่าไหร่ เสื้อของความดีที่คุณสวมใส่มันก็ขาดวิ่นจนไม่เหลือ
ชิ้นดี พอที่จะปิดบังความชั่วแท้ที่อยู่ภายในของคุณได้

การบอกว่าการมีความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร อาจใช้ได้ในสถานการณ์อื่น แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันที่คนชั่วอย่างคุณ
มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว แล้วยังมาเกลี้ยกล่อมให้คนอื่นในสังคมที่เขาเห็นต่างจากคุณมาเห็นผิดเป็นชอบอย่างคุณนั้นเป็นเรื่องใหญ่
ใหญ่มากๆทีเดียวเพราะการที่เห็นไม่ตรงกันว่าอะไรคือความดีอะไรคือความชั่วก็เห็นท่าจะอยู่ด้วยกันลำบาก เมื่อบรรทัดฐานการมอง
มันไม่เหมือนกันเสียแล้ว ก็คงต้องล้างตากันใหญ่อีกสักรอบ เอาให้รู้ๆกันไปว่าอะไรดีอะไรชั่ว คุณว่าจริงไหม พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

เพื่อความอยู่รอด......ของใคร

ให้พิศวงงงงวยเป็นยิ่งนัก เมื่อพบว่า ในเอกสารลับเขาระบุว่า
คุณทักษิณ เป็นภัยคุกคาม ความอยู่รอดของรัฐบาล เสนอวิธี
ป้องกันและแก้ไข โยงไยเอาประเทศเพื่อนบ้านเข้าไปด้วย
แต่ไม่ยักบอกว่า การกระทำของคุณทักษิณ และสมเด็จฮุนเซ็น
จะเป็นภัยคุกคามแก่ประเทศชาติ ของเราแต่ประการใด

ของมันก็แน่อยู่แล้ว เขาไปเป็นที่ปรึกษาของประเทศกัมพูชาก็ในนามส่วนตัว
แล้วก็เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ไม่ได้ไปเป็นที่ปรึกษาทางการสงครามสักหน่อย
ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้

ต้องออกข้อเสนอแนะถึงขั้นให้ขจัด ไม่ใช่แค่หลีกภัยนะ ท่าจะบ้ากันไปใหญ่
ไอ้รัฐบาลนี้น่ะ ถึงไม่มีคุณทักษิณ ก็อยู่รอด แสนลำบากแล้ว แก้ปัญหา
ก็ไม่เป็น ดีแต่สร้างวาทะกรรมไปวันๆ

หรือแม้คนอุ้มเก่งมีพลังอุ้มไปจนครบเทอม ก็ไม่ได้หมายความว่างวดหน้าจะได้
รับเลือกเข้ามาเป็นรับาลสักหน่อย ซึ่งความจริงข้อนี้ก็รู้กันดีทุกคน แล้วมีประโยชน์
อะไรที่จะต้องดึงดัน ดื้อด้านทำมันทุกวิถีทางที่จะครองอำนาจ ยอมแม้กระทั่ง
เอาประเทศ ผลประโยชน์โดยรวมของชาติ ไปแลกกับความอยู่รอดของรัฐบาลนี้

หรือเขาเชื่อกันจริงๆว่าต้องรัฐบาลงี่เง่านี้เท่านั้นจึงจะทำให้คนบางคนอยู่รอดได้
หาไม่แล้วอาจล่มสลายหายสูญไปหากมีรัฐบาลอื่น ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ ถึงขนาด
ยอมให้ชาติย่อยยับโดยการอุ้มรับบาลที่ทำให้ชาติพังเอาไว้เพื่อตนเอง
ก็เห็นทีว่าจะจบสิ้นเร็วๆนี้ละม้าง ท่านกำนัน

สายสัมพันธ์ วันปีใหม่ นปช.นนทบุรี (คุณป้าปากเกร็ดทวีตมาฝาก) .


ผู้ใหญ่.....สั่งไม่ให้ยุบ

ได้อ่านข่าววันก่อนว่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้ไปประชุมปรึกษาหารือกัน
และได้ออกมาให้ข่าวว่า

"รายงานข่าวจากแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เดินทางมายังกัมพูชาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันประเมินสถานการณ์ที่
บ้านพักของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา โดยมีแกนนำทุกพรรคเข้าร่วมกันอย่าง
พร้อมเพรียง ซึ่งได้มีการประเมินสถานการณ์ว่าการเดินเกมของ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการทำทุกวิถีทางเพื่อกดดัน
ให้ยุบสภาโดยเร็วที่สุด เพราะมั่นใจพรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะ โดยแกนนำรัฐบาลเห็นว่า หากมีการยุบสภา
ในช่วงนี้ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีความเป็นไปได้สูงที่จะพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทย ดังนั้น
ทุกพรรคเห็นว่าควรที่จะสนับสนุนและจับมือกัน ที่สำคัญผู้หลักผู้ใหญ่ที่หนุนรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับแนวทางยุบสภา
และเห็นว่ารัฐบาลจะต้องเดินหน้าต่อไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม"

ต่อมาก็ได้ยินคุณทักษิณ พูดในรายการ Talk Around The World ว่า"ได้ยินมาว่า มีผู้ใหญ่ สั่งมาว่า ไม่ให้
ยุบพรรคแมลงสาบเด็ดขาด" ทั้งๆที่หลักฐานในการกระทำผิดชัดเจนทั้งสองกรณี ไม่ว่าเงินบริจาค258ล้าน
หรือเงินสนับสนุนพรรคการเมือง ที่เบิกไปอีก20กว่าล้าน แต่แม้จะมีหลักฐานเอาผิดได้อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่
สั่งมาว่าห้ามยุบเด็ดขาด

ดูเอาเถิดค่ะ ใหญ่ขนาดไหนเชียว สั่งการได้หมด แล้วมีตัวตนจริงๆไหมเนี่ย หรือแค่เอามาอ้างกันว่า"ผู้ใหญ่"
ถ้ามีจริง ใครพอจะทราบไหมคะว่าใครกันใหญ่ขนาดนั้น ดูพูดกันออกมาได้ ตรงกันว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ยุบไม่ได้ทั้งสภาทั้งพรรค ทู่ซี้เอาเถิดเจ้าล่อกันอย่างนี้นี่แหละ

บ้านเมืองจะฉิบหายล่มจมก็ช่างมัน หรือไงคะ ใหญ่แค่ไหนก็คงไม่ใหญ่เกินโลง ลองมาเจอ มือเจอตีนประชาชน
หน่อยเป็นไร จะได้รุ้ว่าใหญ่จริงหรือเปล่า มันชักเหลืออดแล้วเหมือนกัน

ขจัด...ทำให้หายไป

Tue, 12/22/2009 - 10:27 | by ป้าปากเกร็ด | Report topic

วันนี้เรามาเรียนภาษากันดีกว่านะคะ ก็ไอ้เรื่องเอกสารลับอะไรนั่นแหละค่ะ
ว่าจะไม่เขียนถึงแล้ว เพราะใครๆก็รู้ ลองว่าเป็นเรื่องลับๆ มันก็น่าตื่นเต้น
ทั้งนั้นแหละ

อะไรที่เห็นไม่ชัด วับๆแวมๆ ก็น่าสนใจไปทั้งหมด คุณจตุพรก็เหลือเกิน
เปิดก็เปิดไม่หมดในทีเดียว ทำเปิดๆปิดๆ ยั่วให้อยากซะงั้น แค่เปิดยังไม่หมด
ก็ดังเตลิดเปิดเปิงไปเสียแล้ว

เห็นออกมาแถกันสนั่นหวั่นไหว บ้างก็ว่าเอาออกมาโชว์ไม่ได้เพราะเป็นของลับ
เอ๊ยไม่ใช่เป็นชั้นความลับ นั่นก็แสดงว่ามันจริง แต่ไม่อยากให้รู้ ส่วนบางคนก็
แถว่าหมายความไม่เหมือนกัน ที่คุณจตุพรว่านั้นเป็นการเข้าใจผิด

จริงๆไม่ได้กะจะ"กำจัด" เป็นเพียงแค่"ขจัด" โถทำไปได้ เลยนึกขึ้นมาได้
เมื่อหลายเดือนก่อน พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี เธอออกมาแฉว่า มีการไปประชุมกัน
ที่บ้านไอ้หัวเถิก แล้วมีคนถามว่า มีทางใดที่จะทำให้"คุณทักษิณหายไป"
ครั้งนั้นเป้นเหตุการณ์ก่อนคาร์บอมบ์นะคะ แล้วไม่นานก็เกิด การเอาระเบิด
กะไปถล่มคุณทักษิณ

ครั้งนั้นก็ออกมาแถกันสนั่นว่าเป็นคาร์บ๊อง ก็เห็นท่าจะจริง เพราะมันไม่สำเร็จ
ล้มเหลวเฟล์ดาวน์ เลยกลายเป็น"คาร์บ๊อง" เพราะถ้าสำเร็จต้องใช้ภาษาใหม่ว่า
เป็น"โศกนาฏกรรม"

หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจคุณทักษิณ แล้วมีเอกสารลับฉบับ
คมช. เผยแพร่ออกมา จำได้ว่ามีความต้องการเหมือนๆกันคือขจัดคุณทักษิณ
ให้สิ้นซาก แม้แต่พรรคที่ร่วมสนับสนุน แต่คราวนั้นไม่มีการใช้คำว่าขจัด เพราะ
คิดว่าการที่คุณทักษิณต้องออกไปอยู่นอกประเทศแล้ว เหตุการณ์จะจบ

ที่ไหนได้ แม้จะอยู่นอกประเทศ เรื่องก็ยังไม่จบ ทำอะไรที่ไหนก็ยังเป็นข่าว
เลยต้องมีแผนใหม่ออกมานี่ไงคะ จะใช้คำว่าอะไร ความหมายก็เหมือนเดิม
คือทำให้คุณทักษิณพ้นทางไปให้ได้ จะพ้นไปแบบไหนไม่เกี่ยง บาปบุญคุณโทษ
ไม่ได้มีอยู่ในสามัญสำนึก

เฮ้อ ไอ้พวกควายเอ๊ย โง่แล้วไม่เจียม ก็บอกแล้วว่า ขจัดคุณทักษิณออกจากตำแหน่งได้
แต่เอาออกจากหัวใจคนไทยที่รักความยุติธรรมไม่ได้ ยิ่งเมื่อใดที่ใช้วิธีอัปปรีย์ กำจัดเขา
เมื่อนั้นเป็นถึงที่สุด แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง อยู่ในใจพวกแกนั่นแหละ

วันนี้เรามาเรียนภาษากันดีกว่านะคะ ก็ไอ้เรื่องเอกสารลับอะไรนั่นแหละค่ะ
ว่าจะไม่เขียนถึงแล้ว เพราะใครๆก็รู้ ลองว่าเป็นเรื่องลับๆ มันก็น่าตื่นเต้น
ทั้งนั้นแหละ

อะไรที่เห็นไม่ชัด วับๆแวมๆ ก็น่าสนใจไปทั้งหมด คุณจตุพรก็เหลือเกิน
เปิดก็เปิดไม่หมดในทีเดียว ทำเปิดๆปิดๆ ยั่วให้อยากซะงั้น แค่เปิดยังไม่หมด
ก็ดังเตลิดเปิดเปิงไปเสียแล้ว

เห็นออกมาแถกันสนั่นหวั่นไหว บ้างก็ว่าเอาออกมาโชว์ไม่ได้เพราะเป็นของลับ
เอ๊ยไม่ใช่เป็นชั้นความลับ นั่นก็แสดงว่ามันจริง แต่ไม่อยากให้รู้ ส่วนบางคนก็
แถว่าหมายความไม่เหมือนกัน ที่คุณจตุพรว่านั้นเป็นการเข้าใจผิด

จริงๆไม่ได้กะจะ"กำจัด" เป็นเพียงแค่"ขจัด" โถทำไปได้ เลยนึกขึ้นมาได้
เมื่อหลายเดือนก่อน พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี เธอออกมาแฉว่า มีการไปประชุมกัน
ที่บ้านไอ้หัวเถิก แล้วมีคนถามว่า มีทางใดที่จะทำให้"คุณทักษิณหายไป"
ครั้งนั้นเป้นเหตุการณ์ก่อนคาร์บอมบ์นะคะ แล้วไม่นานก็เกิด การเอาระเบิด
กะไปถล่มคุณทักษิณ

ครั้งนั้นก็ออกมาแถกันสนั่นว่าเป็นคาร์บ๊อง ก็เห็นท่าจะจริง เพราะมันไม่สำเร็จ
ล้มเหลวเฟล์ดาวน์ เลยกลายเป็น"คาร์บ๊อง" เพราะถ้าสำเร็จต้องใช้ภาษาใหม่ว่า
เป็น"โศกนาฏกรรม"

หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจคุณทักษิณ แล้วมีเอกสารลับฉบับ
คมช. เผยแพร่ออกมา จำได้ว่ามีความต้องการเหมือนๆกันคือขจัดคุณทักษิณ
ให้สิ้นซาก แม้แต่พรรคที่ร่วมสนับสนุน แต่คราวนั้นไม่มีการใช้คำว่าขจัด เพราะ
คิดว่าการที่คุณทักษิณต้องออกไปอยู่นอกประเทศแล้ว เหตุการณ์จะจบ

ที่ไหนได้ แม้จะอยู่นอกประเทศ เรื่องก็ยังไม่จบ ทำอะไรที่ไหนก็ยังเป็นข่าว
เลยต้องมีแผนใหม่ออกมานี่ไงคะ จะใช้คำว่าอะไร ความหมายก็เหมือนเดิม
คือทำให้คุณทักษิณพ้นทางไปให้ได้ จะพ้นไปแบบไหนไม่เกี่ยง บาปบุญคุณโทษ
ไม่ได้มีอยู่ในสามัญสำนึก

เฮ้อ ไอ้พวกควายเอ๊ย โง่แล้วไม่เจียม ก็บอกแล้วว่า ขจัดคุณทักษิณออกจากตำแหน่งได้
แต่เอาออกจากหัวใจคนไทยที่รักความยุติธรรมไม่ได้ ยิ่งเมื่อใดที่ใช้วิธีอัปปรีย์ กำจัดเขา
เมื่อนั้นเป็นถึงที่สุด แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง อยู่ในใจพวกแกนั่นแหละ

วันนี้เรามาเรียนภาษากันดีกว่านะคะ ก็ไอ้เรื่องเอกสารลับอะไรนั่นแหละค่ะ
ว่าจะไม่เขียนถึงแล้ว เพราะใครๆก็รู้ ลองว่าเป็นเรื่องลับๆ มันก็น่าตื่นเต้น
ทั้งนั้นแหละ

อะไรที่เห็นไม่ชัด วับๆแวมๆ ก็น่าสนใจไปทั้งหมด คุณจตุพรก็เหลือเกิน
เปิดก็เปิดไม่หมดในทีเดียว ทำเปิดๆปิดๆ ยั่วให้อยากซะงั้น แค่เปิดยังไม่หมด
ก็ดังเตลิดเปิดเปิงไปเสียแล้ว

เห็นออกมาแถกันสนั่นหวั่นไหว บ้างก็ว่าเอาออกมาโชว์ไม่ได้เพราะเป็นของลับ
เอ๊ยไม่ใช่เป็นชั้นความลับ นั่นก็แสดงว่ามันจริง แต่ไม่อยากให้รู้ ส่วนบางคนก็
แถว่าหมายความไม่เหมือนกัน ที่คุณจตุพรว่านั้นเป็นการเข้าใจผิด

จริงๆไม่ได้กะจะ"กำจัด" เป็นเพียงแค่"ขจัด" โถทำไปได้ เลยนึกขึ้นมาได้
เมื่อหลายเดือนก่อน พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี เธอออกมาแฉว่า มีการไปประชุมกัน
ที่บ้านไอ้หัวเถิก แล้วมีคนถามว่า มีทางใดที่จะทำให้"คุณทักษิณหายไป"
ครั้งนั้นเป้นเหตุการณ์ก่อนคาร์บอมบ์นะคะ แล้วไม่นานก็เกิด การเอาระเบิด
กะไปถล่มคุณทักษิณ

ครั้งนั้นก็ออกมาแถกันสนั่นว่าเป็นคาร์บ๊อง ก็เห็นท่าจะจริง เพราะมันไม่สำเร็จ
ล้มเหลวเฟล์ดาวน์ เลยกลายเป็น"คาร์บ๊อง" เพราะถ้าสำเร็จต้องใช้ภาษาใหม่ว่า
เป็น"โศกนาฏกรรม"

หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจคุณทักษิณ แล้วมีเอกสารลับฉบับ
คมช. เผยแพร่ออกมา จำได้ว่ามีความต้องการเหมือนๆกันคือขจัดคุณทักษิณ
ให้สิ้นซาก แม้แต่พรรคที่ร่วมสนับสนุน แต่คราวนั้นไม่มีการใช้คำว่าขจัด เพราะ
คิดว่าการที่คุณทักษิณต้องออกไปอยู่นอกประเทศแล้ว เหตุการณ์จะจบ

ที่ไหนได้ แม้จะอยู่นอกประเทศ เรื่องก็ยังไม่จบ ทำอะไรที่ไหนก็ยังเป็นข่าว
เลยต้องมีแผนใหม่ออกมานี่ไงคะ จะใช้คำว่าอะไร ความหมายก็เหมือนเดิม
คือทำให้คุณทักษิณพ้นทางไปให้ได้ จะพ้นไปแบบไหนไม่เกี่ยง บาปบุญคุณโทษ
ไม่ได้มีอยู่ในสามัญสำนึก

เฮ้อ ไอ้พวกควายเอ๊ย โง่แล้วไม่เจียม ก็บอกแล้วว่า ขจัดคุณทักษิณออกจากตำแหน่งได้
แต่เอาออกจากหัวใจคนไทยที่รักความยุติธรรมไม่ได้ ยิ่งเมื่อใดที่ใช้วิธีอัปปรีย์ กำจัดเขา
เมื่อนั้นเป็นถึงที่สุด แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง อยู่ในใจพวกแกนั่นแหละ

ว้าย...เดี๊ยนโกอินเตอร์แล้วค่

Sat, 12/19/2009 - 13:47 | by ป้าปากเกร็ด | Report topic

เมื่อวานไปกินข้าวกับเพื่อนที่เพิ่งกลับมาจากเมกา เธอเอานสพ.จากที่นั่นมาให้ดูนะคะ
อุ๊ยต๊ายตาย มีข้อเขียนของเดี๊ยนที่ลงประชาไทเวปบอร์ดด้วยนะคะ

ไม่เชื่อดูวัตถุพยานสิคะimages by uppicweb.com
Thanks: seo รายได้เสริม

images by uppicweb.com
Thanks: seo รายได้เสริม

แหมเดี๋ยวจะว่าคุยเพ้อเจ้อ ในที่สุดเดี๊ยนก็โกอินเตอร์โดยไม่ต้องร้องเพลงเป็นแล้วค่า

ฮ่าๆ เอิ๊ก กระทู้หนุกหนานวันหยุดนะคะ

และแล้ว ตำรวจก็มีปัญหากับรัฐบาลจนได้

ไม่เชื่อดูหน้าปก "โลกวันนี้วัสุข" ฉบับล่าสุดสิคะ

แล้วพอวันนี้ มาเจอข่าวนี้จากคอลัมน์"หัวข่าวชาวบ้าน" เขาพาดหัวข่าวว่า

ผบ.ชน.สั่งปราบเด็กแว้น

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

หยุดสามวันทำอะไรกินกันไหมคะ

เนื่องมาจาก วันก่อนไปแมคโคร ไปเจอแผ่นแป้งปอเปี๊ยะชื่อ Little Chef ที่คุณวฒน.เคยบอกไว้
ว่าใช้ในการทำปอเปี๊ยะไส้ชีส ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยซื้อเก็บไว้ พอวันนี้อย่บ้านกันครบคน
ก็เลยเอาออกมาทำเสียหน่อย ตำราของคุณวฒน. หาไม่เจอ แล้วมั่วเอาเอง ฮะมือชั้นนี้
ถึงไม่เหมือนต้นตำรับใครจะไปรู้ เพราะไม่ได้เอามาเทียบกันให้คณะกรรมการตัดสินสักหน่อยจริงไหมคะ

การทำครั้งนี้ กะว่าจะไม่ทอด เพราะต้องการลดปริมาณไขมันในการทอด จึงเอาเข้าอบแทน
ผลออกมาหน้าตาและรสชาติ อร่อยใช้ได้ (ตามที่สมาชิกในบ้านบอก) ลองบอกว่าไม่อร่อยสิ
งวดหน้าเป็นได้อดแน่นอน 5555555

ลงมือทำกันเลยนะคะ เริ่มแรกต้องเตรียมเครื่องปรุงค่ะมีดังนี้ ผักโขม จะผักโขมไทยหรือจีนก็ไม่เกี่ยงนะคะ
ต้มและหั่นหยาบ(ใช้กรรไกรตัดง่ายดี)

แล้วก็หอมใหญ่สับหยาบ เชดดาร์ชีสหั่นฝอย เบคอนหั่นชิ้นเล็กอบหอม(อย่าให้เกรียม) แฮมหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก
แน่นอน แป้งปอเปี๊ยะส่วนสำคัญวันนี้เราใช้แป้งแช่แข็งของLittle Chef สะดวกดีเพราซื้อมาเก็บล่วงหน้าไว้ได้
ไม่ต้องออกไปซื้อแป้งสดๆ

หน้าตาเครื่องปรุงก็เป็นดังนี้แหละค่ะ

วิธีทำ เริ่มแรกก็ล้างผักโขมให้สะอาด เด็ดเอาเฉพาะใบ ทีนี้จะต้มหรือแค่เอาใส่ไมโครเวฟก็ได้
พอสุกนำออกมาใส่ในน้ำธรรมดาที่ละลายเกลือไว้เล็กน้อย แช่ไว้สักครู่ สงขึ้นและบีบน้ำออกให้หมด
พักไว้

ขั้นต่อไปก็เอาเบคอนหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ(ใช้กรรไกรตัดง่ายและสะดวกดี) นำเบคอนเข้าไมโครเวฟ
พอสุกเหลือง นำหอมใหญ่สับใส่ลงไป เข้าไมโครเวฟอีกทีสักนาทีเดียว พอหอมใหญ่ใสและหอมดีแล้วพักไว้

ขั้นสุดท้ายคือนำเครื่องปรุงทั้งหมดคลุกเคล้า(อย่าลืมชีส)ให้เข้ากัน ลืมบอกไปค่ะ หากใช้แป้งปอเปี๊ยะ
ชนิดแช่แข็งต้องนำออกมาทิ้งไว้นอกตู้เย็น จนแป้งหายแข็งและแยกออกเป็นแผ่นๆได้ ระหว่างนี้
ใช้ผ้าขาวบาง ชุบน้ำปิดแป้งที่ยังไม่ได้ใช้ไว้นะคะไม่งั้นเดี๋ยวจะแข็งเสียก่อนทำเสร็จ หน้าตาแป้ง
ที่แยกออกมาแล้วเป็นอย่างข้างล่างนี้แหละค่ะ

ตักไส้ใส่พองาม อย่ามากไปน้อยไป เพราะหากน้อยไปก็ไม่สวย ยิ่งถ้ามากไปไส้จะทะลักเวลาห่อ

การห่อก็ห่อเหมือนห่อของธรรมดานี่แหละค่ะ หากขี้เกียจก็ห่อชิ้นใหญ่ แป้งทั้งแผ่น แต่ถ้าจะให้เล็ก
น่ารักก็ใช้ทีละครึ่งแผ่น

พอ เวลาห่อ แล้วม้วนเข้าหากัน หากจะทอดต้องม้วนให้แน่น ไส้จะได้ไม่แตกเวลาทอด ใช้น้ำทาปิด
รอยต่อก็จะสนิทดี หากต้องการอบแทน จะได้ไม่อมน้ำมัน เป็นการลดน้ำมันในตัว และเวลาทอดจะ
ยุ่งยากกว่ามากค่ะ หากจะอบ ตั้งอุณหภูมิเตาที่ 220องศาเซลเชียส แล้ววางปอเปี๊ยะบนตะแกรง
อบนานประมาณ20-22นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของปอเปี๊ยะ

หากไม่ใหญ่มากจะใช้เวลาในการอบน้อยลง อ้อ หากจะอบ เราใช้ไข่เป็นตัวเชื่อมแป้งนะคะ
ใช้ทาเวลาห่อเสร็จให้ไข่ตีพอแตกทาแทนน้ำ และทาซ้ำอีกให้ทั่วๆชิ้นก่อนเข้าอบ เพื่อจะได้เหลืองสวย

เรียบร้อยแล้วค่ะ สวยงามเช่นนี้เอง สังเกตว่าเครื่องปรุงรสไม่ได้ใช้เลย เพราะความเค็มได้จากเบคอนแล้ว
อีกทั้งผักโขมก็แช่น้ำเกลือไว้บ้างแล้ว จะรับประทานเปล่าๆ ก็อร่อยดี หากต้องการอาจจิ้มกับซ้อสบ่วยเจียก็ได้
(มีขายเป็นขวดๆ ใช้ได้เลยค่ะ)

วันหยุดนี้ทำรับประทานกันนะคะ ไม่ยากอย่างที่คิด ที่สำคัญ ช่วยกันห่อก็สนุกดี ที่บ้านใครเห็นเข้า
ต้องขอมาลองห่อกันทุกคน สวยบ้างไม่สวยบ้างก็ไม่แปลก เพราะข้อสำคัญคือได้ทำอะไรด้วยกัน
ในวันหยุดนั่นเองค่ะ


ก็บอกแล้วว่าคนห่อมีหลายราย ดังนั้นหน้าตาจึงแปลกแยก ดูไม่สวยงาม
ยุคนี้เป็นยุคแห่งการสร้างภาพ จึงจำเป็นต้องเลือกถ่ายมาโชว์เฉพาะอันที่ดูดี
ที่สุด เพื่อหลอกลวงประชาชีว่า เราทำสวยมากทุกอัน ถ่ายมาให้เห็นของจริงก็จบกันสิคะ
ไม่เชื่อดูผลงานได้

ตุลาการวิบัติ

Sat, 12/05/2009 - 08:25 | by ป้าปากเกร็ด | Report topic

เมื่อคืนตอนดึก ให้บังเอิญได้ชมรายการทางสถานีประชาชน เป็นรายการที่ดร.วิบูลย์แช่มชื่น
คุยกับ คุณปลื้ม ด้วยเรื่องของ "65โครงการมาบตาพุด..ใครต้องรับผิดชอบ"

ฟังแล้วก็เศร้าใจ เพราะทั้งสองท่านสรุปว่าปัญหาที่เกิด น่ากลัวมากๆ ดร.วิบูลย์ท่านว่า
การตัดสินเป็นการตัดสินย้อนหลัง เพราะโครงการเหล่านั้น ได้รับอนุญาตไปเมื่อใช้รธน.
ปี 40 แต่เมื่อตัดสินได้อิงกับรธน.ปี 50 ซึ้งเพิ่มเติม เนื้อหาขึ้นมา

คุณปลื้มเกรงว่าการตัดสินตามตัวบทกฎหมายเป๊ะ โดยไม่มองมุมกว้างกว่านั้นน่าเป็นห่วง
ความสูญเสียน่าจะมีมากกว่า สามแสนล้าน เพราะต่อไป คนจะไม่กล้ามาลงทุน เสียความ
เชื่อมั่น เพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก นั่นคือ เมื่อรัฐอนุญาตโดย
กระทรวงอุตสาหกรรม แต่ถูกโค่นทำลายโดยศาล

แสดงให้เห็นว่าบ้านนี้เมืองนี้ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่มีความหมายอีกต่อไป
ไม่ว่าจะออกมาตรการหรือสั่งการใดๆออกไป อาจถูกสอยร่วงเอาง่ายๆ เลยคิดเอง
ต่อไปว่า บริษัทที่เสียหายน่าจะฟ้องรมต.และรัฐบาลที่อนุญาต เสียด้วย เอาให้มันวุ่น
หนักเข้าไปอีก เพราะแค่นี้น่าจะกวนน้ำให้ขุ่นไม่พอ ควรจะป่วนให้พังกันไปเลย

คุณปลื้มสรุปว่า ปัญหาในประเทศนี้เกิดมาตั้งแต่ศาลได้มีคำสั่งให้การเลือกตั้ง
วันที่ 2 เมษา 2549 เป็นโมฆะ โดยดร. วิบูลย์ เสริมว่าที่โมฆะในครั้งนั้นเพราะ
ไปตัดสินกกต.(ชุดที่จัดการเลือกตั้ง)ทำผิดเพราะไปจัดให้คนลงคะแนนหันก้น
ออกนอกคูหา (นัยว่าคงไม่สุภาพ คริคริ)

หลังจากนั้น อำนาจตุลาการวิบัติ เอ๊ยไม่ใช่ตุลาการภิวัฒน์ต่างหาก ก็เดินหน้า
อย่างเข้มข้น ทำการตัดสินอย่างยุติ ความเป็นธรรมมาโดยตลอด ไล่ไปตั้งแต่
การยุบพรรคการเมือง ที่แม้ปัจจุบันมีการเปิดเผยว่า พยานที่ใช้ในการตัดสิน
เป็นพยานเท็จ ตั้งสองคน คนที่อยู่ในขบวนการนั้น กลับไม่รับผิดชอบ อ้างว่า
ทำตามกฏหมายแล้ว เฮ้อ

การตัดสินให้นายกฯสมัครหลุดจากตำแหน่งเป็นตัวอย่างที่ดีที่ชี้ว่าหากจะเอา
ผิดใครทำได้ไม่ยาก หากกฎหมายมีไม่พอ เราก็ใช้พจนานุกรมช่วยได้
หากกม.มีไม่พอ เรา เพิ่มเติมเนื้อหาก็ได้ ดังเช่นกรณีMOU ในสมัยคุณนพดล
และอีกหลายๆกรณี ขี้เกียจยกตัวอย่าง

แต่แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่คิดว่าเป้นผู้ดำรงความยุติธรรม เลือกที่จะใช้วิธียึดเอา
ตามตัวหนังสือเป็นใหญ่เพื่อ ฟาดฟัน ทำร้ายคนที่ตนคิดว่าเป็นศัตรู แล้วยังมีเกราะ
ป้องกันไว้สองชั้น ชั้นแรก คือมีกม.ห้ามวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินของศาล
ไม่งั้นโดนข้อหาหมิ่นศาล ส่วนอีกชั้นดูจะหนักกว่า เพราะลองว่าตัดสินแล้ว
เป็นที่รู้กันว่าไม่ได้ทำเองเน้อ เขาแค่ทำในนามเท่านั้น แหะๆ

แต่ไปอ่านเจอ อัคนี คคนัมพร ในคอลัมน์เป็นประชารัฐในนสพ.โลกวันนี้ เขาเขียนว่า
ปัญหามันเริ่มมาตั้งแต่ปี 2548 เมื่อพรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้งมา 377เสียง
ในขณะที่ปชป.ได้มาในครั้งนั้นไม่ถึงร้อย อันทำให้เกิดความสั่นสะเทือนวงการมาก
เพราะ เกิดความกลัวว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง การบริหารงานของคุณทักษิณหาก
ครบไปอีกสี่ปี รวมแล้วเป็นแปดปี โอ้ว น่ากลัวมากๆ นอกจากจะเป็นการตีตนเสมอท่าน
อิ๊อิ๊ ในประเทสนี้ทำได้คนเดียวนะยะ ที่จะบริหารประเทศโดยราบรื่น แปดปีติด(แม้จะ
มีการพยายามจะปฏิวัติ และลอบฆ่ามากที่สุด เราก็ไม่นับนะ ทำเป็นลืมๆเสีย)
มีครั้งเดียวที่ทำสำเร็จ เมื่อมีเด็กหนุ่ม เดินไปชกหน้าเอาดื้อๆ (สงสัยด้วยเหตุนี้จึง
สั่งสอนลูกรักว่าอย่าไปเดินเหินตามถนน ปล่อยเนื้อปล่อยตัวในที่ต่างๆไม่ได้นา
เดี๋ยวโดนแบบป๋า มันเจ็บนะลูก ฮา)

กลับเข้าคอลลัมน์ใหม่ นั่นแหละ เป็นต้นกำเนิดการรวมหัวกันเหมือนที่ดร.วิบูลย์
ท่านใช้คำว่า conspiracy อย่างไรอย่างนั้นเลย ทำเพื่อกำจัดคนคนเดียว
โดยคุณปลิ้มย้ำว้า มันคุ้มไหม ความสูญเสียที่ต้องเสียไป มันคุ้มไหม แต่
เศรษฐีบางคน ลองคิดจะทำอะไรสักอย่าง ไม่เห็นมันคิดถึงผลได้ผลเสียสักที
แค่เอาแต่ใจตัวเท่านั้นเป็นพอ ที่สำคัญ มันไม่เคยควักค่าใช้จ่ายเองสักบาท
นี่สิคะ เลยไม่เคยเสียดาย ไปแระชะแว้บ

แม่งโง่ ไม่ก็บ้า ของแท้

เปิดนสพ.วันนี้เจอแต่พาดหัวข่าวตัวเบ้อเริ่มเทิ่มแทบทุกฉบับ ว่า "รัฐบาลหวั่น
จะเกิดระเบิดป่วนเมือง"แบบปลายปี2549 ต่อ2550

โอ้แม่เจ้าข้าวเหนียวปิ้ง ในสมองไม่มีต่อมคิดบ้างหรือไง จริงอยู่ การข่าว หรือ
สายข่าว หรือกุเรื่องขึ้นเองก็เถอะ มันสมควรอยู่หรือ

แม้จะมีข่าวจริงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาโพทนา แกจะทำำทำไมว้า หรือเรียกร้องความสนใจ
หรือเรียกร้องความสงสาร หรือหวังเบิกงบดูแล

หน้าที่แกในฐานะรัฐบาลก็ต้องดูแลให้เกิดความสงบในประเทศอยู่แล้ว แต่การออกมา
โพทนาว่าจะมีระเบิดปีใหม่ มันไม่ใช่เรื่อง คงจำได้ว่าระเบิดปีใหม่เมื่อคราวก่อน นอกจาก
คนไทยจะเดือดร้อน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็ถึงกับขาขาดไม่ใช่หรือ

แล้วก็รู้อยู่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี ทำมาหาเงินก็ไม่เป็น ช่วงเทศกาลเป็นช่วงที่เงินจะสะพัด
คนออกมาสำเริงสำราญ เบิกบานใจรับปีใหม่ นี่อะไร ออกข่าวตีกันไปเสียอย่างนั้น
แล้วไอ้หน้าไหนมันจะกล้าออกมาเที่ยว ห้างร้านเตรียมจัดงานไม่ผวากันหมดหรือ

แม่งมันโง่ได้ใจจริงๆผับผ่า เรื่องไม่ควรพูดดันเสือกออกมาปูด ไอ้ที่ควรพูด ควรทำ
เสือกอมสากกะเบือไว้แทน กลุ้มโว้ย

คนที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน

ถึงวันนี้เวลานี้ พบว่า ประเทศไทยที่คุยนักคุยหนาว่าเป็นประเทศเก่าแก่
มีระเบียบ ประเพณีที่ดีงาม แต่วินาทีพบว่า มันเป็นสิ่งจอมปลอม

พ่อแม่คงมัวแต่ทำมาหากิน หาเงินกันตัวเป็นเกลียว ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอน
ลูกๆ แย่ไปกว่านั้น ส่งไปโรงเรียน ครูบาอาจารย์ ก็ไม่สั่งสอน มัวไปขายตรง
เสียนี่

อนุสนธิจากการถึงแก่อสัญญกรรมของพณฯสมัคร สุนทรเวช เมื่อวานนี้
เราพบว่า นอกจากจะมีคนที่อาลัยรัก และเศร้าเสียใจกับการสูญเสีย
กลับมีคนอีกพวกหนึ่ง นอกจากไม่แสดงความเสียใจ ยังว่ากล่าว เอ่ยวาจา
อันไม่เหมาะสม แสดงการไม่เคารพผู้ตาย แสดงการไม่อโหสิกรรม อันเป็น
คุณธรรมขั้นพื้นฐานของคนดี ที่ต้องรู้จักละวาง เคยโกรธเกลียดกันแค่ไหน
เมื่อท่านเสียชีวิตแล้วต้องหยุด ต้องรู้จักการอโหสิกรรม

ไม่ใช่แต่พวกลิ่วล้อรับจ้างด่าทอ ตามบอร์ดหรอกค่ะ คนพวกนั้นเป็นปกติ
เพราะได้รับการว่าจ้างให้มาทำหน้าที่ด่าทอ ซึ่งก็จะด่าทอได้ทุกเรื่อง
สมองก็มีน้อยเกินกว่าที่จะคิดเองได้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร

แต่กลับพบว่า แม้แต่คนที่อ้างว่ามีการศึกษา เกิดมาในตระกูลผู้รากมากดี
กลับพูดว่า "น่าเสียดาย คุณสมัครมาตายตอนชื่อเสียงไม่ดี"

ฟังแล้วสะเทือนใจนะคะ พูดออกมาได้อย่างไร เสียดายที่ไม่ได้ยินด้วยตนเอง
ไม่อย่างนั้นได้ต้องมีการอธิบายกันยาวแน่

ชื่อเสียงคุณสมัครไม่ดีตรงไหนไม่ทราบ ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแม้จะ
ในช่วงระยะเวลาที่ไม่นานนัก แต่ก็นานกว่าอีกหลายท่าน ผลงานอาจไม่เห็น
เป็นรูปธรรม เพราะเวลาน้อย แต่ที่เห็นชัดๆคือนโยบาย ลดค่าใช้จ่ายของประชาชน
โดยการลดค่าน้ำค่าไฟ รถเมล์ฟรี หกเดือน ที่ยังใช้ต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ นี่ก้ได้ข่าว
ว่าจะต้องยกเลิก เพราะขาดเงินดำเนินการ (หรือไม่ก็ไม่อยากเอาใจคนจนมากกว่า)

ความผิดพลาดของท่านสมัครที่ไอ้พวกอมนุษย์เห็นพวกนี้เห็น ก็คือ การเข้ามารับ
ตำแหน่งหัวหน้าพรรค"พลังประชาชน" จนได้เป็นนายกรัฐมนตรี คงเหมือนกับ
ไอ้เหงาสี่ศอกที่พล่ามว่าพลเอกชวลิต ว่าระวังจะเป็นการทรยศชาติ เพียงเพราะ
หันมาจับมือกับมวลชนทำการเมือง

คนพวกนี้เห็นตรงกันว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณต้องผิดหมด ใครไปเห็นด้วย
ช่วยเหลือคุณทักษิณเป็นคนคิดผิด เป็นคนเลวไปเสียหมด ลืมคิดไปว่าความคิดเช่นนั้น
มันอุบาทว์ และแสดงความด้อยทางอารมณ์และจิตใจ เป็นเหมือนเด็กที่ไม่ได้รับ
การสั่งสอน ที่ไม่รู้จักแยกแยะ เมื่อไม่ชอบ คนอื่นๆรอบตัว เพื่อนฝูงก็ต้องไม่เว้น
ห้ามไปชื่นชม เห็นด้วยเป็นเด็ดขาด น่าทุเรศนะคะ

อาลัยการจากไปของคุณสมัคร

แสนเสียดายใจหายมาสูญเสีย
ใจละเ...่ยหดหู่ดูสิ้นหวัง
คนดีๆอยู่ไม่ได้หัวใจพัง
คนข้างหลังหลั่งน้ำตาด้วยอาลัย

แต่งได้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวปาดน้ำตาเสร็จจะมาแต่งต่อค่ะ

ข้างล่างเกิดการผิดพลาด เลยนำฉบับเต็มมาลงตรงนี้แทนค่ะ

แสนเสียดายใจหายมาสูญเสีย
ใจละเหี่ยหดหู่ดูสิ้นหวัง
คนดีๆอยู่ไม่ได้หัวใจพัง
คนข้างหลังหลั่งน้ำตาด้วยอาลัย

เป็นคนดีที่หยัดยืนขึ้นสู้ทั่ว
ไม่เคยกลัวแม้ใคร..ไม่สงสัย
ท่านพูดตรงทำตรงกับหัวใจ
จึงยิ่งใหญ่ในสายตามหาชน

เป็นคนไทยใจก็ไทยไม่ครั่นคร้าม
ทุกโมงยามทำดีที่เห็นผล
ท่านเก่งกล้ามายืนข้างฝูงคน
ขอพระดลท่านหมดทุกข์พบสุขจริง

ช่วงสุดท้ายหมายทำ..ดีเพื่อชาติ
ท่านองอาจหาญสู้หมู่ผีสิง
ท่านบอกว่าคนเราต้องกล้าติง
ทั้งต้องหยิ่งไม่ก้มหัวกับหมู่มาร

ช่วงเวลาที่ท่านดำเนินชีวิต
ฟ้าลิขิตให้ท่านทำนำมาสาน
ยุติการกระทำของหมู่มาร
น่าสงสารทหารไทยไม่ยอมทำ

ถึงจากไปในใจท่านยิ่งใหญ่
ทุกดวงใจเศร้าหมองต้องเจ็บช้ำ
กราบขอบคุณพวกเราจะจดจำ
เป็นการย้ำคนดีไม่มีตาย

ไม่รัก..บอกว่าไม่รักไง ไม่ได้ยินหรือ

เมื่อไม่รักจะให้บอกว่ายังรัก
มันไม่หักหาญน้ำใจไปหน่อยหรือ
ความรักนั้นมันบังคับจับได้ฤา
เพราะมันคือสิ่งที่เกิดอยู่ภายใน

เราจะรักรักใครนั้นไม่ยาก
แม้ลำบากยากเข็นจะเห็นไหม
ถึงอยู่ห่างก็ยังรักแม้นทางไกล
คนอยู่ใกล้ให้บังคับก็อับจน

จะให้บอกอีกกี่ทีว่าไม่แล้ว
ไม่มีแววห่วงไยไม่สับสน
ต่อให้จับขึงพืดก็ยอมทน
แต่ให้พ่นคำรักเกินจักทำ

จนบัดนี้ที่ไม่รู้หรือไรนั่น
หรือว่ามันยังมัวเมาทำเอาขำ
ทั้งร้อยเล่ห์เพทุบายหมายจะอำ
ไม่อาจย้ำความรักที่ชักคลาย

จะต้องใช้เวลากี่มากน้อย
จึงจะค่อยเข้าใจรักสลาย
เพราะมนตร์ขลังฝังไว้เริ่มเสื่อมคลาย
เห็นแต่ลายอำมหิตผิดผู้คน

บอกจะช่วยดูแลแม้ทุกข์สุข
จะคอยปลุกปลอบใจให้เกิดผล
นี่อะไรใจดำจนเกินทน
จึงขอบ่นว่าไม่รัก..ชัดหรือยัง

ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่ เอ๋...หรือโง่จริงๆ

ความพยายามที่ทำกันอยู่ เริ่มมาตั้งแต่ปี 49 ร่วมมือรวมหัวกันทำสาระพัด
จนเวลาผ่านไป ความจริงเริ่มปรากฏหลายอย่างว่าที่ทำทั้งหมดนั้นเป็นเพียง
การใส่ร้ายป้ายสี ด่าทอ เพียงหวังว่าจะให้ประชาชนเกลียดชัง จริงอยู่แรกๆ
คนที่ไม่ได้รักไม่ได้ชื่นชอบ อาจเขวไปบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ทั้งหมด ทำไม่ได้
หมดจด เพราะผลงานความดีมีอยู่จริง คนเขาเลยไม่เชื่อ ยิ่งใส่ร้ายยิ่งทำให้คน
เขาเห็นความจริงมากขึ้น

เรื่องแต่ละเรื่องที่เปิดมา ทำให้เห็นว่านายกฯทักษิณไม่เห็นผิดอะไร
ภาพที่ยังจำติดตา เมื่อคืนวันปฏิวัติที่ยัยจารุวรรณนั่งรถเข้าไปกองกำลังปฏิวัติ
ชูไม้ชูมือ ยิ้มแป้น บอกนักข่าวว่า หลักฐานพร้อมมูลพร้อม สามารถเอาผิดได้
ภายในวันสองวัน นี่ก็ผ่านมาเนิ่นนาน คปค.เปลี่ยนเป็นคมช. คตส.หมดเวลา
ใส่ร้ายกลายร่างเป็นปปช. ป่านนี้ยังไม่เห็นจะมีอะไรงอกเงย

สองสามวันที่ว่าปาเข้าไปสามปีกว่ายังหาข้อผิดไม่ได้ ได้อยู่คดีเดียวที่ตีปี๊บกัน
จนเหมือนเป็นความผิดร้ายแรง ถึงขนาดต้องตามล่าตามล้างกันไม่จบสิ้น
ทั้งที่ชาวบ้านร้านตลาด เขาก็เห็นกันทั่วว่าคดีที่โดน มันพิลึกพิลั่น บ้าบอ
เกินจะรับได้ แต่ก็ยังไม่หยุด ขนาดแต่งตั้งคนที่ทำผิดข้อหาร้ายแรงกว่า
คือก่อการร้ายยึดสนามบิน มาเต้นแร้งเต้นกา หาทางจะไล่ล่าให้จนได้
หมดงบประมาณเท่าไหร่ไม่ว่า ขอให้จับตัวเอามาให้ได้ก็แล้วกัน

คดีนี้ไม่ได้ ก็พยายามหาคดีอื่นๆไปเพิ่มเติม ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เอาผิด
จ้องเอาเรื่องไปทุกเรื่อง หวังเพียงให้คนเห็นว่าเป็นบุคคลอันตราย
สมควรเกลียดชัง ด่าทอ และสาบแช่ง โอ้อนาจใจจริงหนอ
ถึงได้ถามว่า นี่มันโง่จริง หรือแกล้งโง่ ถึงได้คิดได้ทำอุบาทว์
ชาติชั่วได้ขนาดนี้ ยอมทำแม้แต่เอาประเทศไปตกอยู่ในอันตราย
อับอายเสียชื่อไปทั่วโลก โดยไม่สำนึก ไม่รู้ความจริงที่ว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต คนอาจเริ่มเบื่อ คนอาจเริ่มเชื่อ
ว่าคุณทักษิณไม่ดีจริงๆ สร้างปัญหาให้รัฐบาลนี้ไม่หยุด

แต่ความจริงก็คือความจริง นั่นคือต่อให้คุณทักษิณตาย
ต่อให้คุณทักษิณ หมดความศรัทธาจากประชาชน ก็ไม่ได้
หมายความว่าเขาจะหันไปรัก ไปชื่นชอบไอ้พวกที่ปฏิวัติ
หรือแม้แต่พรรคประชาวิบัติเอง เพราะคนเขารู้เช่นเห็นชาติ
จนหมดสิ้นว่า ผลงานไม่มี ความดีไม่ปรากฏ มีแต่ความชั่วช้าสาระเลว
ความชั่วทะยอยโผล่ขึ้นมาเป็นระยะ

บอกแล้วอย่างไรว่า ต่อให้เขาไม่รักคุณทักษิณ ไอ้ที่จะหันกลับมารักปชป.
นั้นไม่มีทาง ทำไมยังคิดไม่ออก ทำไมจึงมองไม่เห็นสัจธรรมข้อนี้
มีเพื่อนที่ไม่ชอบคุณทักษิณตั้งหลายคน แต่พอถามว่าชอบปชป.งั้นสิ
ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ปชป.ก็ไม่เอา บางคนยังบอกว่าถ้าไม่มี
ให้เลือกจริงๆ กลับไปเลือกคุณทักษิณยังดีกว่า

ชัดหรือยัง ด้วยเหตุนี้กระมัง ทั้งๆที่ออกโพลล์เฮ็งซวยมาว่าคนชื่นชอบมากขึ้น
แต่ก็ไม่กล้ายุบสภาเสียที เพราะรู้ทั้งรู้อยู่เต็มอก ว่าหลอกใครน่ะหลอกได้
แต่หลอกตัวเองน่ะ หลอกยาก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่กล้าลงไปให้ประชาชนตัดสิน
เลย จริงไหม?

อันเนื่องมาจากการจัดงานวันเฉลิม

เขาจัดกันมานานหลายปี โดยมูลนิธิ 5ธันวามหาราชย์ จุดเทียนชัย
ร้องเพลงถวายพระพร เมื่อก่อนไปกินข้าวเย็น ยังพกเทียนไปด้วย
ถึงเวลา จอดรถข้างทาง เปิดวิทยุ ถ่ายทอดสดดังๆ แล้วออกมายืน
แหกปากร้องข้างถนนกะเขาด้วย มาปีนี้ ข่าวที่ได้รับ เรื่องประธานจัดงาน
ทั้งยี้ห้อยเนรวิน และผู้ที่จะมาสมทบ ไอ้หัวหมู เลยเกิดแรงบันดาลใจ
แต่งขึ้นมาน่ะค่ะ

โอ้อนาจวาสนาขอลาก่อน
เพราะทั้งอ่อนอกใจกระไรหนา
คนทั้งชาติต่างเป็นเบื้องพระบาทา
มาเรียกหาวานใช้คนไม่ดี

มีตำหนิปริแตกแยกแผ่นพื้น
แล้วจะฟื้นความรักในศักดิ์ศรี
ก็คนเขาก่นด่ามีราคี
แล้วอย่างนี้ที่จะทำ..มันย่ำใจ

ไม่เห็นหัวก็เห็นใจกันบ้างเถิด
สามัคคีจะบังเกิดได้ไฉน
คนดีๆมีอยู่ออกถมไป
กลับเลือกใช้คนที่เขาไม่เอากัน

อยากไปร่วมรวมกันเพื่อถวาย
แต่ต้องส่ายหน้าหนีดีหรือนั่น
คนเขาเกลียดคนจัด..ขอยืนยัน
หากดึงดัน..ก็ไม่เห็นเป็นผลดี

ชอบหักหาญน้ำใจให้เจ็บช้ำ
แล้วมาย้ำทำร้ายใจให้หมองศรี
ยิ่งเห็นหน้ายื่งย้ำทำย่ำยี
สามัคคีที่หวังจึงพังภินท์

กี่คนแล้วกี่คนเล่าเอามาให้
คับข้องใจเกินรับ..อับจนสิ้น
หรือคนดีหามีไม่ในแผ่นดิน
เหลือแต่ริ้นเหลือบภัย..ไทยหมดงาม

โอ้ละหนอ(ไม่รู้จะตั้งชื่อกระทู้ว่าอย่างไรดี)

หลังจากอ่านคอลัมน์นี้แล้วก็ได้แต่ร้องเป็นเพลงอย่างนี้แหละค่ะ

Quote: คอลัมน์
คิดทันโลก
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2675 ประจำวัน พุธ ที่ 18 พฤศจิกายน 2009
โดย ภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์

จารชนหรือเหยื่อสถานการณ์

กรณี ของคุณศิวรักษ์ โชติพงษ์ ซึ่งถูกกัมพูชาจับกุมตัวในข้อหาเอาความลับของกัมพูชา
ไปมอบให้กับข้าราชการ สถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ และถูกสังคมไทยตั้งคำถามว่าเขา
เป็นจารชนจริง หรือเป็นเพียงเหยื่อสถานการณ์เท่านั้น

จารชนหรือที่เรียกกันทั่วไป ว่าสายลับนั้น เป็นตัวละครหนึ่งในกิจการความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศที่แต่ละประเทศก็อยากจะ รู้ว่าประเทศที่ตนสัมพันธ์ด้วยนั้นคิดอะไรอยู่ หรือคิดจะ
ทำอะไรกับเรา มีนโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีที่จะกระทำต่อเราอย่างไรบ้าง และมีขีดความ
สามารถที่จะกระทำอันกระทบต่อผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติเรา ได้มากน้อยเพียงใด
เพื่อที่ว่าเราจะได้หาทางป้องกัน หลีกเลี่ยง ตอบโต้ เพื่อรักษาและเพิ่มพูนผลประโยชน์ของประเทศ

แต่การจะล้วงเอาความลับ ที่เจ้าของหวงแหนและปกป้องอย่างดีไม่ใช่ของง่าย ดังนั้น คนที่จะ
ไปเอาความลับนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างดีและมี ประสบการณ์สูง คนพวกนี้เรียกว่า
จารชน หรือสายลับ ซึ่งหมายถึงคนของรัฐบาลหนึ่งที่เข้าไปขโมยความลับของอีกประเทศหนึ่งมาให้
ประเทศของตัว โดยคนคนนั้นอาจทำได้ด้วยตัวเองหรือใช้คนท้องถิ่นดำเนินการให้

คุณ ศิวรักษ์ก็เหมือนกับคนไทยทั่วไปในต่างประเทศที่รู้จักนักการทูตไทยประจำ ประเทศนั้นๆ
โดยเอาแผนการบินของเครื่องบินส่วนตัวของคุณทักษิณ ซึ่งไม่ใช่เครื่องบินรบเขมร ไปให้นักการทูตไทย
ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะไม่ใช่ความลับ และไม่มีการประทับหัวเอกสารว่าอยู่ในความลับระดับใด
แต่รัฐบาลกัมพูชากลับมองว่าอะไรที่เกี่ยวกับคุณทักษิณย่อมเป็นความลับของ กัมพูชาทั้งหมด

ถามจริงๆ คิดได้เท่านี้เองหรือ คำว่ามารยาทน่ะรู้จักไหม ไม่ต้องมารยาททางการฑูตหรอก
เพราะมันอาจสูงส่งเกินกว่ากุ๊ยอย่างคนในกต.ยุคนี้จะเข้าใจได้ แต่เอามารยาทพื้นๆที่คนปกติเขาควรจะมีกัน
การไปหยิบฉวยอะไรที่เจ้าของเขาไม่ได้อนุญาตนั้น ทำได้ด้วยหรือ จะแถอะไรก็น่าจะต้องมีสามัญสำนึก
ให้มากกว่านี้พูดออกมาได้ ตารางการบินของบุคคลสำคัญของประเทศไหนๆ ก็ต้องสำคัญสำหรับประเทศ
นั้นๆทั้งสิ้น ยิ่งโดยเฉพาะกับคุณทักษิณซึ่งเห็นไทยกระ...นกระหือรือที่จะจับตัวเอาไป เขามาเป็นแขก
ที่กัมพูชามีการแต่งตั้ง หากเกิดอะไรขึ้น เขาจะตอบประชาคมโลกว่าอย่างไร

ทำไมเป็นคนที่พูดเอาแต่ได้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ ก็เพราะคิดว่าเขาเง่าโง่ต่ำต้อยกว่าตัวไง
ถึงได้ทำอะไรโจ๋งครึ่มขนาดนี้ คิดว่าใหญ่เสียเต็มประดาสิท่า ถึงได้สั่งไอ้ลูกน้องกระจอกๆของ
ตัวเข้าไปทำการอันไม่สมควร

ถ้าหากไปถามประเทศต่างๆว่าแผนการบินเครื่องบินพาณิชย์ เป็น "ความลับของชาติ" หรือไม่
ประเทศต่างๆก็คงตอบทำนองเดียวกันคือไม่ใช่เป็นเอกสารลับของชาติ อย่างดีก็เป็นข่าวกึ่งปิดกึ่งเปิดเท่านั้น

โอ้ละหนอ ขออีกทีเถิด ที่เขียนนี้ผ่านต่อมสมองแล้วหรือเปล่า หากไม่ใช่ความลับ
ทำไมไม่ขอเขาตรงๆ แอบไปหยิบไปฉวยมา มันเป็นวิสัยปกติหรืออย่างไร

ทั้งเลขานุการเอกคนนั้น และคุณศิวรักษ์ไม่เคยได้รับการอบรมเรื่องงานจารกรรม เพราะเขาทั้งสอง
ไม่มีหน้าที่ในการทำจารกรรม ในเมื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับการสั่งสอนมาให้ทำงานนี้ และข่าว
ที่คุณศิวรักษ์มอบให้นักการทูตไทยไม่ใช่เป็นความลับ เพราะฉะนั้นคุณศิวรักษ์และเลขานุการเอกคนนั้น
ก็ไม่ใช่จารชนในมาตรฐานสากลดัง ที่ทางการกัมพูชากล่าวหา

ฮะนั่นแน่ะ รู้ดีเสียอีก แค่แผนการเดินทางของไอ้เด็กเวรน่ะ ไม่ต้องไปบอก
ต่างชาติหรอก แค่บอกคนไทยด้วยกันน่ะ กล้าบอกชาวบ้านเขาไหมล่ะ ไปไหนทีปกปิดกันยิ่งยวด
เปลี่ยนแผนการเดินทางเปลี่ยนพาหนะกันออกไป ดันเสือกไปรู้อีกว่าอะไรผิดหรือไม่ผิด

เขาเป็นเพียงเหยื่อทางการเมืองของนายฮุน เซน ที่ร่วมมือกับนักการเมืองไทยที่ต้องการทำให้
ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาเลวร้าย ลง เป็นเหยื่อของความบ้าของคน
บางคนในรัฐบาลนี้มากกว่ามั้งเพื่อมุ่งลดความน่าเชื่อถือของผู้นำรัฐบาลไทยที่คน
กลุ่มนี้พยายามสร้างภาพ ให้เป็นเด็ก ไม่มีวุฒิภาวะ สร้างปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน
เอ่อ ภาพนี้ไม่ต้องสร้าง มันก็เห็นกันจะๆอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
ให้คนไทยกดดันผู้นำรัฐบาลให้อ่อนข้อเป็นฝ่ายริเริ่มติดต่อขอร้องให้นายฮุน เซน ปล่อยตัว
แต่นายฮุน เซน จะไม่ปล่อย จากนั้นจะมีพระเอกขี่ม้าขาวคนไทยมาช่วยจัดการขอร้องนายฮุน เซน
ให้ ซึ่งนายฮุน เซน จะทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้าง
โมเดลย้อนกลับมาทางฝั่งไทย กดดันให้มีการพระราชทานอภัยโทษตามที่คนกลุ่มหนึ่งยื่นถวายฎีกาให้กับคุณ ทักษิณ

เอ่อ นิยายที่เพ่แต่งเนี่ยมันไม่สนุกอ้ะ มุกก็เก๊าเก่า เป็นการจับแพะชนแกะ
ชนิดที่เรียกได้ว่ามุกแป้กอ้ะ ถึงขั้นเพ้อเจ้อเอาเลยทีเดียว เพ่คงนึกว่าเดี๋ยวนี้คนเขายังโง่อยู่
แล้วจะเชื่อข้อเขียนควายๆของเพ่อยู่ล่ะสิท่า

ขณะนี้คนใกล้ชิดคุณทักษิณก็ออกมาเปิดทางแล้วว่า ถ้าคุณทักษิณได้รับการร้องขอ
ก็จะติดต่อขอร้องกับนายฮุน เซน ให้

แต่ ถ้ารัฐบาลไทยเข้าไปกดดันให้มีการปล่อยตัวคุณศิวรักษ์ ก็เท่ากับเป็นการแทรกแซง
กระบวนการยุติธรรมของเขมร ดังนั้น การที่นายฮุน เซน เคยกล่าวหากระบวนการยุติธรรม
ของไทยในคดีคุณทักษิณก่อนหน้านี้ก็ถือว่าหายกัน

คุณศิวรักษ์เป็นเพียงเหยื่อทางการเมืองที่ถูกผู้นำเขมรร่วมกับคนไทยบางคนหยิบขึ้นมาเล่นเท่านั้น

ดูเอาเถิดค่ะ ทำผิดแล้วถูกจับได้ แทนที่หากจะไม่กล้ารับสารภาพ ก็ควรจะเงียบๆไว้
การออกมาโวยวายคิดเอาเองว่าอะไรเป็นความลับไม่เป็นความลับมันถูกหรือ ก็เขาตั้งข้อหาว่าไปชโมย
ข้อมูล ถึงจะเถียงว่าไม่ลับ ก็ผิดอยู่ดี หรือคิดว่าน่าจะหยิบฉวยอะไรได้ตามใจชอบ เพียงเพราะตัวเอง
คิดว่ามันไม่ลับ บ้าหรือเปล่าเนี่ย หาข้อแก้ตัวใหมีดีกว่ามั้ง มันอายว่ะ

ความลับ

ความลับก็คืออะไรที่ไม่เปิดเผยนั่นแหละค่ะ เห็นพูดกันจังว่าตารางการบิน
ไม่เป็นความลับ โธ่เพ่ ถ้ามันไม่เป็นความลับ เพ่ก็ขอเขาดีๆได้ไม่ใช่หรือ
หรือเพ่คิดอะไรไม่ซื่อ ถึงต้องทำลับๆล่อๆ จนเขาจับไปหาว่ามาจารกรรม

ก็เพ่ยืนยันกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร เพ่เอาอะไรคิดล่ะ อยู่ดี
ไม่ว่าดี เพ่ไปเห่าใส่ประเทศที่เขากำลังมีปัญหากินแหนงแคลงใจกันอยู่
มันถูกหรือเพ่ หนอยแน่ พอเขาจับตัวไป ว่าเขาใส่ความ พอเขายังไม่ปล่อยก็ฮึ่มๆ
ว่าอันนี้ไม่เห็นเป็นความผิด แล้วยังมาเห่ากันต่อว่า ถ้าปล่อยในอีกวันสองวันนี้
แสดงว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความ แกล้งจับคนไทยไปซะงั้น

ตกลงนี่เพ่ๆกะจะช่วยเขา(ศิวลักษ์)จริงๆหรือ พอเขาจับก็ว่า พอเขาจะปล่อยก็ว่าอีก
เดี๋ยวเขารำคาญ จับขังลืม เพ่ๆจะว่าไง ไม่ได้ชื่อว่าเป็นคนทำให้เขาต้องติดนาน
หรอกหรือ หรือไม่ว่าอะไรจะโทษคุณทักษิณอีก

เพ่เอาอะไรมาพล่ามล่ะเนี่ยว่าอันนี้ไม่ใช่ความลับ อ๊าว ถ้าไม่ใช่ความลับ
เพ่ก็ทำหนังสือขอเขาไปดีๆสิแต่นี่เพ่ก็รู้ล่ะสิว่าเขาคงไม่ให้ เพ่ถึงได้ให้คน
ไปแอบเอามา แล้วไม่ต้องมาอ้างเลยว่าที่บ้านเพ่เขาไม่ถือว่าเป็นความลับ

เพราะแต่ละประเทศเขาก็มีกฎหมายของตัวเอง เหมือนที่เพ่ว่าการที่คุณทักษิณ
เซ็นชื่อให้เมียผิดไง้ กัมพูชาเขาก็ไม่เห็นว่ามันผิด เขาเลยไม่ส่งตัวให้ไง ทำเป็นงง
ก็การเอาข้อมูลนี้มาให้ประเทศโดยแอบทำ(คงนึกว่าเล่นหนังกันอยู่ ด้วยความ
ที่ชอบเล่นลิเกกันจนชิน)ในประเทศเขาถือว่าเป็นความผิด เพ่ไม่เข้าใจหรือ

เพ่จะมาเถียงข้างๆคูๆว่าอันนี้ไม่ใช่ชั้นความลับไม่ได้หรอก แต่ละประเทศเขาไม่เหมือนกัน
แต่ที่เหมือนกันทั่วโลกคือ ใครยึดสนามบินเป็นผู้ก่อการร้าย แต่เพ่ๆยังว่าเป็นการก่อการดีอยู่เลย
จะให้เขามาเห็นด้วยกับความคิดพิเรนท์อย่างพวกเพ่ๆได้ไง จริงมะ

ความลับนะเพ่ มันไม่เหมือนกันหรอก บางอย่างบางคนก็ถือว่าเป็นความลับ
บอกใครไม่ได้ อย่างเช่นพวกเพ่ๆไปแอบตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหารไง
เพ่ว่ามันเป็นฟามลับหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ใช่เพ่เปิดออกมาได้ป่าวว่า เพ่มีข้อ
ตกลงอะไรกันบ้าง เพราะพวกเราคิดว่าเรื่องนี้เป็นประโยชนของชาติ ไม่น่านับเป็น
ความลับน่าจะเปิดเผยได้ เพ่ว่าจริงไหม

ความลับน่ะ เมื่อเปิดออกมาแล้วมันก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป ไม่เหมือนของลับ
ที่ถึงแม้จะเปิดออกมามันก็ยังเป็นของลับอยู่นั่นเอง จริงไหมเพ่?

รักชาติ รักภาษาไทย

ก็จะอะไรเสียอีกล่ะคะ ก็คนไทยโบร่ำโบราณท่านเก่งฉกาจ คิดค้นสำนวนต่างๆ
ได้ถูกต้อง ยิ่งขณะนี้ก็ตรงกับสถานการณ์อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วจะไม่ให้ยกย่องอย่างไรได้
ผ่านมากี่ร้อยปีก็ยังทันสมัยอยู่เสมอ สำนวนที่ว่าตรงกับสถานการณ์ตอนนี้คือ

คบเด็กสร้างบ้าน คบหัวล้านสร้างเมือง

เออหนอ อะไรมันจะไปตรงขนาดนั้น ดูเอาเถิดค่ะ เด็กที่ว่าน่ะไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าใคร
ยังนับรวมไปถึงไอ้ผู้ใหญ่หัวใจเด็กที่ในสมองหาได้มีก้อนสมองไม่ คงมีแต่ขี้เลื่อย
แทนที่จะช่วยประคับประคองตะล่อมไอ้เด็กให้คิดแบบผู้ใหญ่ ไม่หุนหันพลันแล่น
นี่อะไร กลับช่วยโหมเติมเชื้อไฟให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนบ้าบอหนักเข้าไปทุกที

เฮ้อ หากหยุดคิดสักนิด ใช้สติตรองสักหน่อย เรื่องคงไม่บานปลายไปกันใหญ่โต
คงลืมไปว่าเพื่อนบ้านเป็นรั้วที่ดี กลับไปสร้างศัตรูเสียนี่ ลำพังตัวเองไม่มีผลงาน
นอกจากการโกงกินก็นับว่าแย่เกินจะทนแล้ว นี่อะไร ก่อศัตรูกับเขาไปทั่ว

ไม่ได้ฉุกคิดสักนิดว่าตัวเองนั้นก็เป็นนักการเมือง มาอยู่ในตำแหน่งแล้ว ก็ไม่ได้
หมายความว่าจะอยู่คงทนไปตลอดกาลเสียเมื่อไหร่ วันหนึ่งก็ต้องพ้นตำแหน่งไป
ไม่เพราะถูกเขาไล่ ก็ต้องพ้นไปเมื่อครบวาระอยู่ดี แต่ชาติสิที่ยังคงต้องอยู่
จะยกย้ายหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ แต่การไปสร้างศัตรูกับเขาไปทั่วนั้น มันเกิดผลดี
กับชาติตรงไหน เมื่อหนีกันไม่พ้นการเป็นมิตรที่ดี จะไม่เป็นผลดีกว่าหรือ

หากหนักแน่นไม่เป็นเด็กเจ้าอารมณ์ ชาติคงไม่ตกอยู่ในฐานะลำบากขนาดนี้
ความผิดครั้งนี้ จะรับผิดชอบไหวหรือ จะแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อไป จะหัน
ไปปรึกษาไอ้หัวล้านหรือไง(สังเกตดูเถิดค่ะ ว่าไอ้ตัวชั่วๆที่คอยบงการอยู่
หรือช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง มันหัวไม่ล้านก็หัวเถิกกันทั้งนั้น)

สมกับสำนวนไทยที่ว่าจริงๆ

เปลี่ยนข้อหาก่อนดีไหม

ออกข่าวกันครึกโครมว่าจะจับเอาตัวนายกฯทักษิณมาลงโทษให้ได้
ตอนนี้อยู่ที่กัมพูชา ตัดสัมพันธ์ทางการฑูตแล้ว (เรียนเอกอัครราชาฑูตกลับ)
เหลือแต่อุปฑูตก็เอาดี ส่งหนังสือไป ทั้งๆที่รู้ว่าเขาต้องปฏิเสธ แต่เอาเถอะ
เพื่อไม่ให้เสียหน้า ก็ว่าจะส่งไปอีกรอบ คราวนี้คงต้องส่งผ่านไปทางตรีฑูต ฮา!

รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่มทางส่งมาให้ สมเด็จฮุนเซ็นประกาศชัดเจนว่าไม่ส่ง ด้วยเหตุผล
หนักแน่นว่า เรื่องนี้เป็นคดีการเมือง ก็แหมน่ะนะ แค่เซ็นชื่อยินยอมให้เมียโอนที่
ที่ประมูลมาโดยถูกต้อง คนซื้อไม่ผิด คนขายก็ไม่ผิด แต่คนเซ็นดันผิด มันผิดเพราะ
ชื่อ ทักษิณ ชินวัตรละมั้ง

เอาล่ะจะว่าก็มันผิดรัฐธรรมนูญชัดเจน อย่างไรก็ตามที แต่ทั่วโลก เขาก็คงไม่เห็นว่า
มันผิดร้ายแรงขนาดนั้น ข้อหาโกงกินเสียอีกที่แรงกว่า แต่ก็ยังหาเหตุเอาผิดเขาไม่ได้อยู่ดี
ได้มันข้อเดียวนี่แหละ ที่ดิ้นกันจนเป็นเจ้าเข้า นี่ก็ได้ยินออกข่าวไปแล้วว่า

Quote:"กษิต" รุกขอความร่วมมือชาติอาเซียน

"ทั้ง หมดขึ้นอยู่กับท่าทีของรัฐบาลกัมพูชา หากไม่ร่วมมือจะทำให้กระบวนการล่าช้า แต่ตามหลักสากลแล้วรัฐบาลกัมพูชาไม่สามารถแทรกแซงศาลได้ หากแทรกแซงจะทำให้กัมพูชาขาดความเชื่อมั่นจากนานาชาติ" นายปณิธานกล่าวและว่า ขณะนี้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับทูตานุทูตหลายประเทศเพื่อขอความร่วมมือนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน มั่นใจว่าถ้าจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณในกัมพูชาไม่ได้เชื่อว่าต้องจับกุมได้ในประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะเครื่องบินจะต้องไปเติมน้ำมันหลายแห่ง พ.ต.ท.ทักษิณต้องพักผ่อนในประเทศต่างๆ หวังว่าประเทศอื่นๆที่มีความเข้าใจจะร่วมมือกับเรา

หวังใช้นานาชาติบีบกัมพูชาส่งตัว

"หลัง จากรัฐบาลส่งข้อมูลความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณให้กับนานาประเทศแล้ว มั่นใจว่าหลายประเทศจะส่งสัญญาณให้กับกัมพูชาว่าควรเคารพกฎเกณฑ์ระหว่าง ประเทศ" โฆษกรัฐบาลกล่าว

เอ่อ...เอ่อ อิชั้นว่าเปลี่ยนข้อหาดีกว่านะ เพราะข้อหาที่ชี้แจงไปกับนานานประเทศ มันห่วยแตกน่ะ
ใครฟังแล้วมีสมองคิด เขาคงคิดได้มันท่าจะบ้า พวกแกไม่อายเขา แต่พวกฉัน(ประชาชน)อายว่ะ
เปลี่ยนข้อหาให้มันรุนแรงกว่านี้ได้ไหม เช่นว่า เป็นอาชญากรสงคราม ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ หรืออย่างน้อย
ก็ต้องโกงกินชาติอย่างมหาศ่ลบานเบิก แต่เอ ความผิดเหล่านี้มันไม่มี แล้วจะไปตั้งข้อหาเขาลอยๆได้หรือ

เพราะหากทำได้พวกแกคงทำเสียตั้งแต่ยังครองอำนาจตอนปฏิวัติใหม่ๆแล้วน่ะสิ ตอนนั้นน่ะ เห็นคุยว่า
เป็นรัฐาธิปัตย์ (คงเป็นญาติกับประชาธิปัตย์ มั้ง) ขนาดตั้งคนโดยไม่ได้รับราชโองการยังทำได้
ยังไม่มีปัญญาเอาผิดเขาเลย ตั้งได้แต่ข้อหากระจอกงอกง่อย ใครเขาจะไปให้ความร่วมมือ

อ้อ นี่ก็ว่าจะเอาข้อข้าจากม.112ได้อีกแล้ว แต่เอ ยิ่งข้อหานี้ ทั่วโลกเขายังไม่ค่อยพอใจ
อยู่น่ะนา ทำไงดีล่ะ สู้เราหลอกให้คุณทักษิณ ยกทัพมาจากกัมพูชาก่อนดีกว่าไหม
ถึงตอนนั้น รับรองอย่าว่าแต่ทั่วโลกเลย คนไทยเองนี่แหละจะช่วยกันไปจับมาขึงพืดที่สนามหลวงเลย
รอหน่อยได้ไหมล่ะ ข้อหานี้น่ะ เจ๋งเลยนิ

ไม่เห็นมีข่าวการขอตัวคุณทักษิณในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนเลย

นี่ก็จะครบวันแล้วนะคะ ที่คุณทักษิณอยู่ในประเทศกัมพูชา ไหนว่าจะต้องมีหนังสือไปขอให้
ส่งตัวกลับมาติดคุกไทยไง แล้วนี่อะไร ผ่านไปจะ 24 ชม.แล้ว ทำงานกันอืดอาดแท้ๆ

หรือเห่าเก่งอย่างเดียว หรือว่าไม่มีฑูตประจำแล้ว จะส่งหนังสือผ่านทางไหนล่ะเนี่ย
นี่แหละน้า โบราณเขาถึงได้ว่า "ช้าๆได้พร้าเล่มงาม" นี่อะไร้ พอได้ยินปุ๊บ ควันออกหู
สั่งการปั๊บ เสียไหมละเนี่ย หากคิดช้าไปอีกไม่กี่วันคงไม่ทำชาติล่มจม เพราะทางกัมพูชา
เองก็เรียกฑูตกลับทันที เฮ้อทีนี้ จะส่งสาส์นกันอย่างไรล่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ จะโทร.หาใครล่ะทีนี้ เขาไม่รับสายหรอก เรื่องอย่างนี้น่ะ มันต้องมีเป็น
หนังสืออย่างเป็นทางการ เขาก็ต้องพิจารณาอีก ฑูตก็ไม่มีรับหนังสือแล้ว เหอๆ

ลองคิดดูเล่นๆ หากงานนี้เป็นแผนที่วางไว้อย่างดีแล้ว ทางสมเด็จฮุนเซนท่านเพียง
หย่อนเหยื่อลงมา ไอ้ทางนี้ก็ปากไวกระโดดงับทันที เลยต้องมานั่งปวดหัวอยู่นี่ไง
เขาคงรู้สันดานพวกนี้เป็นอย่างดี หากเป็นนายกฯที่มีวุฒิภาวะมากกว่านี้ รู้ทำเนียมฑูตมากกว่านี้
ก็คงเพียงส่งหนังสือไปเป็นหนังสือช่วยจำ(หรือไงเนี่ย เรียกไม่ถูกซะแล้ว) แค่นั้นก็สุดๆแล้ว
นี่อะไร เรียกฑูตกลับ ประกาศสงครามซะนี่ เป็นไงล่ะ ทีนี้ กินแห้วกันจนพุงอืดละสิท่า

จริงๆแล้วอยากให้มันไม่โง่เท่านี้จังเลย อย่างน้อยก็ยังคงฑูตไว้ แล้วส่งหนังสือไปขอตัว
จังเลย จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป ในทั่วโลก เพราะทางกัมพูชาเขาก็ประกาศแล้ว
ว่าไม่ส่งเพราะอะไร แต่ตอนนั้นเหตุมันยังไม่เกิด แต่นี่เกิดแล้วชัดๆ คุณทักษิณ ก็มาปรากฎกายแล้วชัดๆ
ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ออกข่าวไปทั่ว ทีอย่างนี้ละไม่ทำหนังสือไป

ทำเข้าซี้ เร็วๆหน่อย ไม่มีทางส่งเหรอ เอ ทำไงดี ไปยืมจมูกพี่กัน นายใหญ่ดูคงได้มั้ง
ถ้าเขายอมน่ะนะ แล้วทำอย่างเป็นทางการไปเล้ย เขาจะได้ตอบกลับมาอย่างเป็นทางการเช่นกัน
ว่าไม่ส่งเพราะอะไร ต่อไปภายภาคหน้า ชาติอื่นๆที่ยังเหนียมๆอยู่ก็จะได้ยืมเหตุผลเอาไปใช้ปฏิเสธบ้าง

ว่าด้วยเรื่องของเขมร

เกิดเรื่องราวใหญ่โต เพียงเพราะเรามีคนที่สมองน้อย มีความเป็นเด็กมากมานำรัฐ
ความคิด การกระทำมันเลยสะท้อนวุฒิภาวะออกมาว่าอ่อนด้อยเพียงใด

การตอบโต้เขมรอย่างรุนแรงด้วยการเรียกฑูตกลับนับเป็นการตอบโต้ที่รุนแรง
มากๆในทางการฑูต มันเหมือนเป็นการประกาศท้ารบโดยไม่ได้ยกทัพไปเท่านั้นเอง

แล้วมาดูว่าประเทศไทยเคยเรียกฑูตกลับไหม เคยค่ะ เมื่อสมัยนายกฯทักษิณหากยังจำกันได้
แล้วคงไม่ลืมว่าเหตุที่เรียกฑูตกลับคือการเผาสถานฑูต
ไม่ใช่แค่เรียกฑูตกลับแต่เรายังได้ส่งเสียงคำรามตามไปด้วยว่าถ้าไม่เรียบร้อยภายใน
24 ชั่วโมง เราจะจัดการขั้นรุนแรง

ดูเอาเถิดค่ะ เหตุผลในครั้งกระนั้นเทียบกับครั้งนี้มันเป็นอย่างไร การตอบโต้เขมรในทันที
เพียงเพราะเขาทำไม่ถูกใจ มันเป็นภาวะวิสัยของผู้ใหญ่หรือคะ ผู้ใหญ่น่ะต่างจากเด็ก
ตรงที่มีความคิด รู้จักควบคุมอารมณ์ โกรธน่ะ โกรธได้ค่ะ ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน โกรธได้
แต่หากมีวุฒิภาวะพอ ต้องยั้งคิด คิดทบทวนก่อนถึงผลได้ผลเสีย ไม่ใช่พอได้ยินปั๊บลมออกหู
จัดการตัดความสัมพันธ์ในทันที

มันดูอ่อนด้อย ที่สำคัญมันไม่ใช่เด็กคนเดียว แม้แต่ไอ้แก่ๆที่อยู่รอบข้างก็ดันมีนิสัยเป็นเด็ก
เรื่องมันก็เลยกลายเป็นขนมผสมน้ำยา พาชาติตกอยู่ในอันตราย

วิถีทางการฑูตไม่มีไม่รู้จัก นึกว่าตัวเองเป็นพี่เบิ้ม อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ได้หรอกค่ะ
เพราะถ้าเป็นพี่เบิ้มจริง ใจก็ต้องเป็นพี่เบิ้มด้วย คนที่คนอื่นเขาจะนับหน้าถือตานั้นต้อง
มีครบ ริจะเป็นนักเลง ใจต้องกว้าง ต้องไม่ใช่คนหูเบา หวั่นไหวไปซะทุกเรื่อง

แล้วที่สำคัญ ได้หยุดคิดไหมคะ ว่าที่ทำไปน่ะทำไปเพราะอะไร เบื้องต้นแถลงว่าไม่พอใจ
ที่เขาตั้งนักโทษของตนเป็นที่ปรึกษา แล้วมาไถว่าเคืองที่เขายืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า
ถึงจะขอตัวไปในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เขาก็จะไม่ส่งตัวกลับมาให้ เพราะเชื่อว่าการตัดสิน
คุณทักษิณเป็นคดีการเมืองที่ไม่ยุติธรรม

เท่านั้นแหละผู้นำไทยตบะแตก ข้อแรกคือเสียหน้า ที่เราด่าว่าคุณทักษิณมากว่าสามปี
มันไม่เชื่อในประเทศไม่พอ เขมรยังไม่เชื่ออีก มีอย่างที่ไหน คนล้มเหลวทางชื่อเสียงอย่างนี้
ตั้งเป็นที่ปรึกษาได้ไง เราเกลียดต้องเกลียดด้วยสิ (แล้วอย่างนี้ไม่เรียกว่าเด็ หรือคะ)

แต่ที่น่าสงสัยคือข้อหลังมากกว่าที่เหมือนตีขนดหางเอาเลยทีเดียว เต้นกันเป็นเจ้าเข้า
เพียงเพราะเขากล่าวหาว่าระบบการตัดสินของไทยมันไม่ยุติธรรม (อ๊าว ชาวบ้านชาวช่ิอง
เขาก็เห็นกันทั่ว) นั่งทับขี้เอาไว้ แล้วแสร้งทำเป็นไม่เห็น ถึงตัวเองนั่งทับไว้ แล้วบอกว่า
มองไม่เห็นแต่กลิ่นน่ะมันตรลบอบอวล เหม็นคลุ้งไปทั่ว ปิดไม่มิดหรอก

แล้วมาลองคิดดูว่าถ้าเป็นผู้ใหญ่พอ มีวุฒิภาวะพอ ต้องหยุดคิด แล้วนับหนึ่งไปยันสิบหลักร้อย
ค่อยพูดจา(ฮัมเป็นเพลงด้วยก็ได้ค่ะ) ไม่ใช่ว่าคิดอะไรปุ๊บ พูดปั๊บ ปฏิบัติการซ้ำ มันก็พลาด
อย่างนี้แล แล้วทีนี้จะกล้าถอนหรือ ก็คงได้แต่ทำพลาดซ้ำลงไปอีก

ซึ่งอันที่จริงการที่เขมรเขาแต่งตั้ง หากทำใจเป็นอุเบกขา ย่อมต้องชื่นชมยินดี ตามคำพระ
ที่ว่ายินดีที่เห็นคนอื่นได้ดี นี่อะไรทำตัวเป็นนางอิจฉาร้องกรี๊ดๆ ดิ้นเร่าๆ โกรธเคืองเขาแทบ
เป็นบ้า เขาจะรู้สึกสังเวชไหมล่ะเนี่ย

ส่วนเรื่องส่งตัวกลับยิ่งต้องนิ่งให้มากกว่าอีก เพราะ หนึ่งคุณทักษิณยังไม่ได้ไปอยู่ที่เขมร
สองเราเลยยังไม่ได้ขอตัวไปอย่างเป็นทางการ สามหากขอไปจริง เราเองก็ยังไม่รู้ไม่ใช่หรือ
ว่าเขาจะไม่ส่งจริงไหม ทำไมไปตีนตนไปก่อนไข้ แล้วเกิดรีแอกชั่นเร็วนักล่ะ พระท่านว่า
อย่าไปคิดถึงแต่เรื่องในอดีต กังวลในเรื่องของอนาคต ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะสิ่งที่
เกิดแล้วแก้ไขไม่ได้ สิ่งที่ยังไม่เกิด ก็อย่ามัวไปกังวล เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเกิด
จริงหรือเปล่า

ปัญหาปัจจุบันก็สุมรุมอยู่บนหัวมากมายไม่มีปัญญาแก้ ปากท้องของประชาชนเป็นอย่างไร
ไม่เคยสนใจ ไปตัดสัมพันธ์ทางการฑูต ชาวบ้านบริเวณชายแดน คนที่ไปทำมาค้าขายในเขมร
จะเป็นอย่างไรจากการหุนหันพลันแล่นในครั้งนี้ เคยห่วงไหม เคยคิดรับมือไว้ก่อนหรือเปล่า
หรือพอโกรธปุ๊บ มันหน้ามืดตามัว คิดอะไรไม่ทัน

ขอจบเรื่องนี้ว่า เพื่อนโทร.มาหา เล่าให้ฟังว่าไปประชุมกรรมการที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง
เมื่อเลิกประชุม คณะกรรมการคนหนึ่ง(ท่าทางคงเป็นอำมาตย์)ได้หันมาบอกเพื่อนว่า
"อย่าไปเข้าข้างเขมรนะ" คำพูดนี้บอกอะไรคะ มันบอกเหมือนอย่างกับที่โพลล์ออกมา
หรือเปล่า ที่ว่าประชาชนสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
คำพูดนี้ก็ไม่น่าจำเป็นสิคะ ก็คนเขาเห็นด้วยแล้วนี่ แต่การที่ยังต้องมากล่อม มาสั่ง
มันแสดงให้เห็นว่าตัวเองก็รู้ ว่าที่ทำไปไม่ถูก เลยกลัวชาวบ้านไปเข้าข้างเขมร ใช่ไหม?
มีอย่างที่ไหน มันเกิดอะไรขึนในประเทศนี้ ดันมีคนไปเห็นอกเห็นใจ และเข้าข้างประเทศอื่น
มากกว่าประเทศตัวเอง บริหารประเทศกันอย่างไรเนี่ย คนไม่รักกันไม่พอ ยังไม่รักชาติกันอีก

น่ากลัว น่ากลัว

กรูไม่เอาเมิง...ชัดยัง

ให้บังเอิญได้ดูข่าว"สามมิติ"แว่บหนึ่งเมื่อคืนนี้ เหตุเพราะลูกสาวเขาดูละครช่องสามจบ
ยังไม่ทันปิดทีวี ข่าวมันก็โผล่มา ได้เห็นหน้าตา รมต.กต. และไอ้ใครหนอของกต.ที่ออก
มาแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ของกต. ก็โอ้โห สุดยอด สมเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวจริงๆ ขึงขัง จริงจังมั้กมาก ดูแล้วน่ากลัวมาก ออกมาแถลงข่าวอ่าน 5ข้อ
ที่ตอบโต้เขมร แล้วก็ลุกไป ไม่ทันให้นักข่าวถาม

เมื่อหัว มันเป็นเสียอย่างนี้ (รมต. กต.) จะให้ลูกน้อง(โดยตำแหน่ง) ของกระทรวงทำอย่างไรได้
เป็นที่น่าสังเวชใจยิ่งนัก พวกนี้เรียนจบอะไรมานะ รัฐศาสตร์การฑูตหรือเปล่า แล้วเขาไม่สอนเรื่อง
มารยาทการฑูตกันบ้างหรือไร เวลาแถลงข่าวไม่ต้องอินหรอก ทำตามหน้าที่ก็พอแล้ว วางหน้าเฉยๆ
แบบนักการฑูตก็พอแล้ว เพราะเนื้อหามันก็รุนแรงพออยู่แล้ว นี่อะไร ทำสีหน้าแววตา โกรธแค้น
แทนไอ้กะสัตว์ไปได้ ไม่สมเป็นนักการฑูตสักนิด

แว้ปภาพข่าวตัดมาที่ไอ้เจ้ากระทรวง กำลังจะบินไปเจรจาความเมืองที่ญี่ปุ่น เจอนักข่าวถาม
หันมาส่อนิสัยดั้งเดิมตอบนักข่าว ด้วยข้อความที่แสนจะนึกว่าเก๋สุด ว่า "ให้เขมรเลือกเอา
ว่าจะเอาประเทศไทย หรือคุณทักษิณ" โอ้แม่เจ้าข้าวนึ่งบูด ขนาดลูกสาวเห็นยังถามว่าคนนี้
ใคร พอรู้เท่านั้น เขาถามว่าเป็นรมต.กต. พูดจาอย่างนี้ได้อย่างไร (คงลืมตัวไปว่า ขณะนี้
เป็นตัวแทนประเทศชาติ หาได้ยืนอยู่บนเวทีเสื้อเหลืองที่บุกไปยึดสนามบินไม่)

ฮั่นแน่ ปากเห่าว่าผมขอพูดแค่นี้แหละ แต่ไม่ได้ยินว่านักข่าวถามว่าอะไร แม่งอุตส่าห์เดินกลับ
มาทำหน้ายียวนกวนบาทาประชาชีอีกว่า "ต้นเรื่องทั้งหมด อยู่ที่ทางกัมพูชา เขาเป็นคนตั้งที่ปรึกษา
เอง ให้ไปคิดทบทวน..(แอ่นแอ๊น..แล้วก็ย้ำอีกครั้งว่า) ให้ทางกัมพูชาเลือกเอาว่าจะเลือกคุณทักษิณ
หรือประเทศไทย"

อาย อ๊าย อาย ทำไมเราถึงได้เอาผู้ก่อการร้ายสากลมาเป็นรมต.กต. แค่นั้นยังอายไม่พอ
ดั๊นเป็นผู้ร้ายที่ไม่กลับใจ ยังนึกว่าตัวเองเป็นพันธมิตรอยู่ตลอดเวลา(อ๊าว ก็ไอ้พวกนั้น มัน
ยึดเอาคุณทักษิณเป็นศูนย์กลาง เป็นศัตรูตัวฉกาจไม่ใช่หรือ)

แล้วเราจะตอบชาวโลกเขาได้อย่างไร ว่าเราทำครั้งนี้เพราะอะไร(เรียกฑูตกลับ) เพราะเราโกรธ
ที่เขาเห็นคุณค่าของคุณทักษิณ ในขณะที่พวกมันกำลังทำลายล้าง อย่างนั้นหรือ คนน่ะ เป็นผู้ใหญ่
อายุก็เกษียณแล้ว อย่างน้อยมันต้องมีสมองหยุดคิดบ้างว่าอะไรเป็นอะไร คุณทักษิณ เขาผิดข้อหาอะไร
แค่เซ็นชื่อยินยอมให้เมียโอนที่เนี่ยนะ มันต้องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเลยหรือ

แล้วเอาความแค้นส่วนตัว เอาความเกลียดที่รุมเร้าจิตใจไปกระทำการอันน่าอับอายอย่างนี้ได้อย่างไร
อันที่จริงตัวแกน่ะ เลวยิ่งกว่าเขาเป็นร้อยเท่า ยังมีคนให้อภัย เอามายกย่องให้เป็นถึงเจ้ากระทรวง
หัดคิดอย่างใช้สมองเสียบ้าง ความผิดของแกน่ะนะ ถ้าได้ถูกดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม แกรับรอง
ได้ติดคุกหัวโตแน่ แล้วเกิดหนีไปไหนนะ เราแจ้งข่าวไป รับรองเขาจะช่วยกันจับตัวแกส่งมาลงโทษ
กันทุกประเทศนั่นแหละ มีอย่างที่ไหน เป็นตัวอันตรายแท้ๆ ยังไม่รู้สึกตัวอีก

ฮุนเซนเขาพบ เขาพูดจาด้วยน่ะ เป็นเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่พอ เขารู้กาละเทศะ เขาห่วงหน้าตา
ของประเทศเขามากกว่า เพราะเขาก็รู้ว่าแกไปด่าว่า พูดถึงเขาว่าอย่างไร คิดดู ถ้าเขามีสมอง
เท่าหางอึ่งแบบแก เขามิบอยคอตแกไม่คบหาไม่พูดจาไปแล้วหรอกหรือ แต่เขามองภาพใหญ่
คิดแต่เพียงว่า เออหนอประเทศนี้ คิดได้เท่านี้เอง เอาคนอย่างนี้มาเป็นรมต. เขาสู้อุตส่าห์กลืน
ความแค้น(ส่วนตัว) แล้วรับรองแก ในฐานะเป็นรมต.กต. ของมิตรประเทศ แกยังไม่รู้สึกตัวกันอีก

เรื่องนี้น่ะ ไม่ต้องให้เขาเลือกหรอก เพราะเขาเลือกแล้ว อยู่ที่แกเท่านั้นแหละที่จะเลือกใช้สมอง
หรือหัวแม่เท้าตรองดูว่าการกระทำครั้งนี้มันสมควรไหม ลองกลับไปคิดทบทวนดู ถ้าคิดไม่ออก
ด้วยว่าด้อยปัญญา ก็จะบอกให้เอาบุญว่า "เลวไม่มีที่ติ เปลี่ยนมิตรให้เป็นศัตรูแท้ๆเลย ไร้เหตุผล
ขาดสติ น่าละอาย"

ไอ้รัฐบาลเฮงซวยนี่ก็จริงๆ แม่งคงไม่ได้พูดคุย ปรึกษาหารือกัน งานนี้จะว่าไป ไอ้เทือก เป็นผู้ใหญ่
กว่าเพื่อน เพราะข่าวออกมาตอนเช้าว่า "ไม่ว่าอะไร กัมพูชามีสิทธิ์จะตั้งใครเป็นที่ปรึกษาก็ได้
กัมพูชาก็เคยตั้งฝรั่งออกบ่อยไป" เนี่ยอย่างนี้ถึงจะเรียกว่ามีวุฒิภาวะ รู้จักแยกแยะ นี่อะไร พอบ่าย
เกิดบ้าระห่ำกันไม่เลิก ออกมากัดเขาไม่หยุด แกไม่อายแต่ฉันอายว่ะ