วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

หากยังคับแค้นไม่พอ

ลองอ่านข่าวนี้ดูค่ะ จะได้รู้ว่าความคับแค้นแน่นอกมันเป็นอบ่างไร

นิติเวชยอมรับไม่รู้ทิศทางยิง 6 ศพ วัดปทุมฯ มาจากที่ใด

รัฐสภา 16 ส.ค. - คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ฯ วุฒิสภา เรียก "สรรพาวุธ ? นิติเวช"
แจงเหตุสลายม็อบเสื้อแดง ขณะที่ตำรวจย้ำสไนเปอร์มีจริง แต่ไม่รู้มีการเบิกจ่ายหรือไม่
ยืนยันพบอาวุธจำนวนมาก แต่เป็นของใครไม่รู้ เผยตัวเลขผู้บาดเจ็บวันสลายการชุมนุมน้อย
กว่าเหตุปะทะที่สี่แยกคอกวัว ส่วนนิติเวชยอมรับไม่รู้ 6 ศพวัดปทุมฯ ถูกยิงมาจากทิศทางใด
อ้างเข้าไปถึงที่เกิดเหตุหลังเคลื่อนย้ายศพแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น.มีการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง
วุฒิสภา มีนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ประธานคณะกรรมการฯ เป็นประธานที่ประชุม
โดยเชิญตัวแทนจากฝ่ายกรมสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
และตัวแทนจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มาชี้แจง กรณีการเบิกจ่ายอาวุธ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม
กลุ่มคนเสื้อแดงช่วงเดือน เม.ย.- พ.ค.ปี 2553 รวมถึงวิถีกระสุน ชนิดกระสุน จำนวนผู้บาดเจ็บ
และเสียชีวิตที่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า คณะกรรมการฯ อาทิ พล.ต.อ.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา
พล.ต.ท.พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ส.ว.อุดรธานี ต่างซักถามกรณีการเบิกจ่ายอาวุธ
โดยเฉพาะ สไนเปอร์ ว่า มีการเบิกจ่ายอย่างไร และใช้ในหน่วยงานใดบ้าง
เพราะมีการใช้เพียงไม่กี่หน่วยงาน เช่น ตำรวจตระเวนชายแดน หน่วยอรินทราช เป็นต้น
ขณะที่นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช สอบถามว่า อาวุธชนิดเอ็ม 79 ที่ยิง
เข้าไปในแฟลตตำรวจ สน.ลุมพินี วิถีกระสุนมาจากที่ใด

พ.ต.ท.สุเทพ สุดวงเดือน สารวัตรฝ่ายสรรพาวุธ 2 สำนักงานส่งกำลังบำรุง สตช.ชี้แจงว่า
ในส่วนของสไนเปอร์ทราบว่ามี แต่ไม่ทราบว่า มีการเบิกจ่ายในช่วงที่มีการชุมนุมหรือไม่
ส่วนใหญ่อุปกรณ์ที่เบิกจะเป็นแก๊สน้ำตา โล่และกระบอง เท่านั้น ส่วนการยิงเอ็ม 79 เข้าไป
ในแฟลตตำรวจ สน.ลุมพินี ก็ไม่ทราบว่า ยิงมาจากทิศทางใด เพราะไม่ได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ
หากพูดไปตามที่มีการวิจารณ์คือ แถวสวนลุมพินี ประชาชนอาจเกิดความสับสนได้ ทั้งนี้ทราบ
แต่เพียงว่า ผู้ยิงมีความมุ่งหมายใน 2 ลักษณะ คือ สังหารบุคคล และเจาะเกราะ คงต้องสอบถาม
จากพนักงานสอบสวน พร้อมยอมรับว่า การตรวจอาวุธบริเวณโดยรอบสถานที่ชุมนุมบริเวณ
สี่แยกราชประสงค์ พบทั้งระเบิดชนิด เอ็ม 26 เอ็ม 67 และเอ็ม 79 โดยพบทั้งที่โรงพยาบาลตำรวจ
และวัดปทุมวนาราม โดยพบในถังขยะมากที่สุด ซึ่งไม่ทราบว่า เป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคนร้ายนำเข้ามา[/]

[i]จากนั้นคณะกรรมการได้ให้ตัวแทนจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าชี้แจง โดยนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์
ส.ว.สรรหา ได้ซักถามกรณีที่ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ที่มาชี้แจงในสัปดาห์ที่แล้ว
ได้ระบุในรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 - 20 พ.ค.2553 ที่ถือเป็นวันสลายการชุมนุม มีผู้บาดเจ็บเพียง 134 ราย
ขณะที่จำนวนผู้บาดเจ็บช่วงวันที่ 10 เม.ย.บริเวณสี่แยกคอกวัว กลับมีตัวเลขผู้บาดเจ็บมากถึง 889 คน
ซึ่งสวนทางจากความเป็นจริง ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้พบข้อพิรุธนี้หรือไม่ นอกจากนี้กรรมการอีกหลายคน
ได้ซักถามถึงจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงตลอดการชุมนุม รวมทั้งวิถีกระสุน ชนิดกระสุนที่โดนยิง
ผู้เสียชีวิตโดนยิงที่ส่วนใดบ้าง โดยพุ่งประเด็นไปที่เหตุการณ์ 6 ศพที่วัดปทุมวนาราม และนักข่าวต่างประเทศที่เสียชีวิต

พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รองผู้บังคับการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชี้แจงว่า มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการตรวจจากสถา
บันนิติวิทยาศาสตร์ 27 ราย ตั้งแต่เดือน เม.ย. แบ่งเป็นตำรวจโดยระเบิด 2 ราย เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว 2 ราย
ที่เหลือโดนอาวุธความเร็วสูงยิงเกือบทั้งหมด โดยมีผู้เสียชีวิตถูกยิงที่ศีรษะจำนวน 9 ราย ถูกยิงทั้งจากข้างหน้าและข้างหลัง
และยังมีผู้เสียชีวิตที่ถูกยิงตามลำตัว ส่วนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่แท้จริง คงต้องสอบถามไปยังกระทรวงสาธารณสุข
และในเรื่องชนิดกระสุนคงต้องไปสอบถามจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทั้งนี้ยอมรับว่า ทิศทางการยิงจะมาจาก
ที่ใดเป็นเรื่องยากมาก เราทำได้เพียงตรวจบาดแผลที่ถูกยิง สำหรับผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น และอิตาลี ที่โดนยิงเสียชีวิตนั้น
จากการชันสูตรพลิกศพ พบว่าบุคคลทั้ง 2 คน ถูกยิงเข้าที่หน้าอก โดนปอดตับ หัวใจ จนเสียชีวิต

ส่วนกรณี 6 ศพที่วัดปทุมวนารามนั้น พ.ต.อ.พรชัย กล่าวว่า ไม่ทราบจริง ๆ ว่า ถูกยิงมาจากทิศทางใด เพราะเข้าไปไม่ถึง
และเมื่อเข้าไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่าทั้ง 6 ศพได้ถูกเคลื่อนย้ายไปอีกมุมหนึ่งของวัดแล้ว โดยศพส่วนใหญ่ถูกยิงเข้าที่ลำตัว
ทั้งด้านหน้า และด้านข้าง แต่ไม่มีใครถูกยิงที่ศีรษะ และเรื่องระยะห่างของวิถีการยิงจะเป็นเท่าใด เราไม่ทราบทั้งหมด
แต่ส่วนใหญ่เป็นกระสุนความเร็วสูง

"ระยะยิงเกิน 1 ฟุตครึ่ง เราก็บอกระยะยิงไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะคราบเขม่า ขณะที่รูเข้า-รูออก ในการตรวจของนิติวิทยาศาสตร์
คนที่ถูกยิงตามหลักธรรมชาติ เขาจะไม่หยุดนิ่งให้ยิง ขณะที่ถูกยิงจะอยู่ท่าไหน เช่น วิ่ง นอน หรือเดินอยู่ ถือเป็นอะไรที่ตรวจ
วิถีกระสุนยากมาก ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า ยิงจากที่สูง อย่างที่บอก เราไม่สามารถระบุได้ เพราะไม่รู้ว่า ผู้ถูกยิง อยู่ท่าไหน
ทำอะไรอยู่ แต่ยืนยันได้ว่า 6 ศพที่ถูกยิง ถูกยิงบริเวณด้านหน้า และด้านข้างลำตัว ไม่มีถูกยิงที่ศีรษะ"
พ.ต.อ.พรชัย กล่าว.- สำนักข่าวไทย

โอ๊ยกูอยากจะบ้า ไม่รู้อะไรสักอย่าง แล้วจะทำงานไปทำไมเนี่ย
เป็นตำรวจ ให้มาหาว่าใครยิง พอรู้เรื่องว่าใครยิงเลยเกิดอาการ
ใบ้แดก ปัดไปปัดมา บอกไม่รู้ไม่เห็นไปซะอย่างนั้น

ไอ้วุฒิสมาชิกสรรหาก็อีก จะเชิญตำรวจมาทำไม ถ้าจะถาม
เรื่องสไนเปอร์ ก็เขาเห็นกันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าทหารเป็นคนยิง
แทนที่จะเรียกทหารมาถามว่าหน่วยไหนเบิกไปใช้ ดั๊นไปถามตำรวจ

ไอ้รัฐบาลเฮงซวย แม่งถ้ายอมเข้าขบวนการตั้งแต่แรก ให้ไอ้เทือก
เข้ามอบตัว สู้คดี แล้วตัดสินออกมาว่าไม่ผิด คนก็จะไม่ตายมากอย่างนี้
ชาวบ้านก็จะได้แต่อ้าปากหวอ เหมือนฟังคำตัดสินไอ้เลวที่ขับรถ
ไล่ทับตำรวจไง หรือตอนนั้นไม่แน่ใจในเส้น ไม่มั่นใจว่าสานกระบุงตะกร้า
เขาจะช่วย ใช่ม้า

ไม่มีความคิดเห็น: