วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ชักตื้น.. ติดกึก.. ชักลึก.. ติดกัก.


หัวข้อกระทู้วันนี้ล่ะค่ะ ก็จะอะไรเสียอีก ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ทางซาอุฯ
ออกมาแสดงความไม่สบายใจในการตั้ง พลตำรวจโทที่มีคดี
ขึ้นเป็นผช.ผบตร.

แล้วทีนี้จะทำอย่างไรต่อ หากรัฐ ยินดีพิจารณาระงับการแต่งตั้ง
ตามที่ทางซาอุฯตั้งข้อสังเกต เรามิเสียเกียรติภูมิประเทศไปหรือคะ
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในจริงๆของประเทศเรา การแต่งตั้งโยกย้าย
ข้าราชการตำรวจเป็นเอกสิทธิ์ ของแต่ละประเทศ อันเป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่
ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจล่วงล้ำมาขัดแย้งได้

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะเผอิญเป็นเรื่องที่ทางประเทศซาอุฯให้
ความสำคัญอย่างยิ่งยวด แถลงการณ์ที่ออกมาก็ระบุว่า ได้เฝ้าติดตาม
คดีนี้มานานนับ 20ปี จนเกือบจะหมดอายุความอยู่แล้ว

ทางซาอุฯมีเงินพอที่จะส่งสายสืบเข้ามาสืบจนได้ข้อเท็จจริงว่าการแจ้ง
ความดำเนินคดีพลตำรวจโทคนนี้มีมูล แม้ไทยจะไม่ดำเนินการอะไร
เขาก็สืบทราบจนรู้และแน่ใจว่าน่าจะเอาผิดได้

เรื่องก็ยังคาอยู่ในศาล จะพิจารณานัดแรกกันในวันที่ 25 พย. ปีนี้แหละค่ะ
โดยปกติ คนที่ต้องคดีฟ้องร้อง จริงอยู่ทุกคนที่ถูกฟ้อง ยังไม่อาจตัดสิน
กันเองได้ว่าผิดหรือถูก จนกว่ากระบวนการพิจารณาในศาลจะจบสิ้น และมี
คำพิพากษาออกมา แต่ส่วนใหญ่ เขาก็จะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินคดี ยิ่งคนที่ต้องคดีเป็นตำรวจ
โอกาสเข้าถึงข้อมูล หลักฐาน ก็น่าจะมีมากกว่าคนปกติ ดังนั้นเพื่อความ
สบายใจของผุ้ฟ้อง อย่างน้อยการแสดงความจริงใจด้วยการให้ออกจาก
ราชการเอาไว้ก่อน จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ

แต่เอาเถอะ ขั้นตอนนั้นมันผ่านไปแล้ว ไม่พักราชการก็ไม่ว่า(ทั้งๆที่ไม่ได้
ปลดออก แค่พักไว้ก่อน หากตัดสินว่าไม่ผิดก็กลับเข้ารับราชการใหม่ก็ย่อม
ได้ และก็เห็นทำกันออกบ่อยไป เงินเดือนเบี้ยหวัดก็เบิกย้อนหลังได้ไม่มีปัญหา)

แต่การตั้งขึ้นมาในตำแหน่งที่สูงขึ้น แม้จะอ้างว่าไม่มีอำนาจพิเศษในการที่จะ
ไปทำให้คดีเปลี่ยนแปลง แต่ผุ้ฟ้องและผู้เสียหายก็คงไม่สบายใจนัก ก็เมื่อยังไม่รู้
ว่าผิดหรือถูก จะไปอวยยศอวยศักดิ์กันอย่างไรได้ จึงเกิดอาการที่ทางซาอุฯแถลง
การณ์ความไม่สบายใจออกมาหลายครั้ง จนจะกลายเป็นการกระทบความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศไปใหญ่โตแล้ว

จะให้ระงับคำสั่งแต่งตั้งก็ดูจะเป็นการยอมซาอุฯมากไป ครั้นจะไม่ยอม(ด้่วยอ้างเหตุ
กฎหมายอะไรก็แล้วแต่) ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องที่รับฟังกันง่ายๆ

มันก็เลยเกิดอาการ ชักตื้น.. ติดกึก.. ชักลึก.. ติดกัก ตามหัวข้อกระทู้แหละค่ะ
ทีนี้จะหาทางออกกันอย่างไร ไม่ว่าจะออกทางไหนก็ดูจะเสียไปทุกทาง
ยิ่งการที่จะให้พลตำรวจนายนั้นลาออกยิ่งจะไปกันใหญ่

เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้นอกจากผุ้บริหาร ในที่นี้ก้หนีไม่พ้นไอ้ฆาตกรเด็ก
แม้จะอ้างว่าเรื่องนี้อยู่ในความดูแลของรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ทีดูแล
ตำรวจอยู่ก็ไม่ได้ แต่มันสะท้อนให้เห็นความอับปัญญของไทย ที่คิดไม่เป็น
สมองน้อย มองปัญหาไม่ลึกซึ้ง ไม่เข้าใจธรรมชาติของปัญหา เหมือนทุกเรื่อง
ที่ทำมาตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง เรื่องนี้หากคิดเป็น ต้องจัดการได้อย่างเงียบๆ
ไปตั้งนานแล้ว เช่นการแอบกระซิบกันว่าให้มันรอสักหน่อย รอการตัดสินที่ดู
เหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อายุราชการหรือก็ยังมี ใช่ว่าจะเกษียณปีนี้ปีหน้า
เสียเมื่อไหร่ จะตอบแทนกันเมื่อไหร่ก็ไม่น่าเป็นปัญหา เว้นแต่ว่าดีไม่พอที่จะ
ได้เป็นหากรัฐบาลนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจกระมัง

เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดเป็นที่สุด ผูกกันเองก็แก้กันเองก็แล้วกันนะเด็กปัญญาอ่อน

ไม่มีความคิดเห็น: