เริ่มต้นก็ต้องเตรียมส่วมผสม ขนมนี้ตามชื่อก็มีสองส่วน คือ บราวนี่ กับ ชีสเค้ก
แทนที่จะทำคนละที ก็เอาขนม 2ชนิดมารวมกัน หน้าตาเลยคล้ายกับเค้กหินอ่อน
รสชาดออกขมนะคะ แต่หากไม่ชอบความขม เรามีวิธีเลี่ยง
ส่วนผสมแยกออกเป็น ส่วนของบราวนี่ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ 1. ช้อคโคแล็ต อันนี้แหละค่ะมี 2ชนิดคือดาร์กช้อคโคแล็ต (หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ ราคาค่อนข้างแพง) 70 กรัม
2. ช้อคโคแล็ตนม อีก 30 กรัม อันนี้แหละค่ะ ที่ว่าจะลดความขมของขนมลงได้ โดยเพิ่มส่วนของช้อคดคแล็ตนมให้มากกว่าดาร์กช้อคโคแล็ต (เอาเป็นว่า ส่วนผสมของช้อคโคแล็ต รวมกันให้ได้100 กรัมก็แล้วกันนะคะ)
3.เนยสด (อันนี้ก็มีมีปัญหาอีกว่าจะใช้เนยจืด หรือเนยเค็ม) เอาอย่างนี้ค่ะ ตามธรรมดา
เรามักจะซื้อเนยเค็มมาใช้ทาขนมปังใช่ไหมคะ(สีทอง) เราก็ใช้อันนั้นแหละค่ะ
เหลือจะได้เก็บไว้ทาขนมปังกินได้ จำนวน 100 กรัม
4.เกลือ( หากใช้เนยเค็ม ก็งดเสียนะคะ) 1/4 ช้อนชา
5. ผงโกโก้ (ตราอะไรก็ได้ค่ะ) อีก 1 ช้อนโต๊ะ
6. ไข่ 1 ฟอง
7. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
8. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
9. แป้งเอนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง
ส่วนผสมของชีสเค้ก ก็มีดังนี้ 1.ครีมชีส (จะใช้ของยี่ห้ออะไรก็ได้ค่ะ ของฝรั่งก็ ฟิลลาเดลเฟีย ส่วนของไทยก็แคโลไรน่า) ใช้ 500 กรัม (แปลว่า 2ก้อนที่เขาขายกันตาม
ท้องตลาดนะคะ)
2.น้ำตาล 1/3 ถ้วย
3.ไข่ 1 ฟอง
4. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 50 กรัม (หนึ่งถ้วยในท้องตลาด มีปริมาณ 150กรัมนะคะ เราใช้แค่1/3ถ้วยที่เหลือก็ทานเสียให้หมด ไม่ต้องเก็บไว้นะคะ)
5. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
ได้อุปกรณ์ครบแล้วก็เริ่มลงมือทำ เริ่มแรกก็ต้องเอา ครีมชีสออกมาทิ้งไว้นอกตู้เย็นก่อนนะคะ ให้มันอ่อนตัวแล้วค่อยมาทำส่วนผสม ช้อคโคแล้ตก่อน โดยเอาเนยและช้อคโคแล็ต
(ทั้ง 2ชนิด)เข้าไปละลายในไมโครเวฟ ใช้เวลาแค่ 1-2นาที นะคะ พอช้อคโคแล็ตเริ่มละลาย ก็เอาออกมาคนเร็วๆให้ละลายหมด (อย่าทิ้งไว้ในไมโครเวฟนานเกินไป จะไหม้ได้)
2. เมื่อช้อคโคแล็ตและเนย เข้ากันดีแล้ว ให้ใส่ผงโกโก้ลงไป คนให้เข้ากัน พักไว้ก่อน
3. เริ่มมาตีไข่กับน้ำตาล ให้เข้ากัน
4. เทส่วนผสมของช้อคโคแล็ตลงไป คนให้เข้ากัน เติมกลิ่นวานิลลา
เสร็จแล้วพักไว้ ระหว่างนี้ก็ไปตั้งเตาอบ ที่อุณหภูมิ 180องศา นะคะ เพื่อว่าเมื่อจะอบ
เตาจะได้ร้อนตามอุณหภูมิที่ต้องการ
แล้วมาทำส่วนของชีสเค้กโดย 1.ตีครีมชีส ที่อ่อนตัวแล้วกับน้ำตาลจนเนียน
เป็นเนื้อเดียว
2. ใส่ไข่อีก 2ฟองที่เหลือลงไป ตามด้วยโยเกิร์ต และกลิ่นวานิลลา ตีทั้งหมดให้เข้ากัน
เมื่อเข้ากันดีแล้ว หน้าตาจะดูนวลเนียนแบบนี้ค่ะ
อันที่จริง แค่นี้หากอยากจะกินแค่ชีสเค้ก ก็เอาไปใส่ แป้งพาย(ที่เป็นแครกเกอร์
กับเนยกรุลงในถาด)เอาเข้าอบก็จะได้ชีสเค้กแล้วค่ะ แต่บอกแล้ววันนี้โลภ
กะจะทำสองอย่างในคราวเดียวกัน เลยต้องเอาไปผสมกับส่วนของบราวนี่ก่อนอบ
โดยเอาส่วนผสมของชีสเค้กเทลงถาดอบที่กรุไว้ด้วยกระดาษไข (ไม่ต้องทาเนยนะคะ เพราะสูตรนี้เนยเยอะอยู่แล้วเวลาอบขเนยจะทำให้ขนมไม่ติดถาดอยู่แล้วค่ะ)
เอาส่วนผสมของช้อคโคแล็ตใส่ลงไป ใช้ พายยาง หรือปลายมีดลากส่วนผสม
ของช้อคโคแล็ตไปในส่วนผสมของชีสเค้ก ลากเบาๆพอค่ะ ไม่ใช่กวนจนเข้่ากันเป็นเนื้อเดียว เราต้องการให้ส่วนผสมทั้งสอง เข้ากันแบบกลมกลืน ยอมรับในความแตกต่าง
ไม่เห็นต้องรวมเป็นเนื้อเดียวกันเลย(ว้ายแว่บไปการเมืองอีกแล้ว ก็ของมันเคยน่ะค่ะ
เขียนแต่เรื่องการเมืองจนชิน อิอิ)
ลืมถ่ายรูปตอนลากมีดนะคะ นึกได้อีกทีก็ตอนเอาเข้าเตาอบไปแล้ว เลยได้แต่รูปนี้มา
อันนี้เป็นรูปที่ลากให้พอกลมกลืนแล้วเอาเข้าไปไว้ในเตาแล้วนะคะ หน้าสวยงามดี
เห็นถึงความแตกต่างมีทั้งขาวและดำ แต่ก็อยู่ในถาดเดียวกัน ใส่ไปในเตาอบ
ประมาณ 30-ภ0นาทีนะคะ เวลาตั้งไว้ แค่30นาทีก่อนจะต้องต่อเวลหรือไม่
ขึ้นอยู่กับถาดที่ใช้อบ ตามธรรมดาต้องใช้ถาด ขนาด9*9นิ้ว ซึ่งจะใช้เวลา 40นาที
แต่ถ้าไม่มีถาดขนาดนั้น แล้วไม่คิดจะทำขายเป็นอาชีพ ก็หาถาดที่มีอยู่ในบ้านแหละค่ะ
วันนี้ได้ถาดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดสัก8*10นิ้ว ขนมก็จะบางหน่อย ใช้เวลาอบ
น้อยหน่อย แค่ 30 นาทีก็เสร้จแล้วค่ะ เมื่อลองเอาไม้จิ้มฟันจิ้มดูกลางขนม
ชักไม้ออกมาสะอาดแล้ว ไม่มีเศษขนมติดมาก็เป็นอันว่าใช้ได้ เอาออกมา
ทิ้งให้เย้นแล้วค่อยเอาไปใส่ตู้เย็นไว้อีกสัก 5ชม. (เพราะอย่าลืมว่าขนมมี
ส่วนผสมของชีสเค้ก เอาออกมาตั้งทิ้งไว้แบบบราวนี่ธรรมดาไม่ได้หรอกค่ะ
ผลพอเช้าเอาออกมาทานพบว่าขมและเค็มไปเล็กน้อย จึงได้แก้สูตรไว้ให้ข้างต้นนะคะ
สูตรดั้งเดิม เอามาจากหนังสือmay made (ขอขอบคุณ แต่มันไม่ค่อยอร่อย
คาดว่าเมื่อปรับปรุงสูตรแล้าน่าจะถูกปากมากกว่า)
ฉะนั้นอย่างน้อยการได้ทำอะไรสักอย่างให้คนที่เรารักและรักเรากินในวันหยุด
ก็คงทำให้ทุกคนมีความสุขนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น