วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ไอ้นี่ก็แปลกคน


หมดวาระเพราะอายุไปแล้ว แต่ไปยอมลุกจากเก้าอี้ ซึ่งเก้าอี้ตัวนี้ก็มีปัญหาการ
ครอบครองมาแต่แรกแล้ว

กล่าวคือ เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มีผลบังคับใช้ และกำหนดให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นองค์กรอิสระ โดยมีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) 10 คน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน 1 คน ทำหน้าที่คานอำนาจกัน คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา จึงสมัครเป็นกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

ในขณะนั้น การสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินประสบปัญหาล่าช้า เนื่องจากผู้สมัครขาดคุณสมบัติ จึงมีผู้เสนอชื่อให้คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นผู้ว่าการฯ และได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนแรก


คงจำกันได้ว่าเมื่อแรกนั้นก็มีปัญหา เพราะการเข้ามาไม่ถูกต้องจนทางสตง.เอากุญแจไปล้อกประตูไม่ให้เข้าทำงาน จนฟ้องร้องกันถึงศาลรัฐธรรมนูญ และคำตัดสินก็ออกมาว่าผิดแต่
ในที่สุด เรื่องกลับเป็นอย่างนี้ค่ะ "คุณหญิงจารุวรรณ" ปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณฯ หลัง คตง.คืนตำแหน่ง

คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเมตตาให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดีต่อแผ่นดินจนถึงที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาได้ยึดมั่นในพระบรมราชโองการมาโดยตลอด ตั้งแต่ได้รับความไว้วางใจ ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาการทำงานร่วมกับคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เนื่องจากเคยทำงานร่วมกันมา และตนเองไม่เคยมีปัญหากับใคร โดยขอขอบคุณคนไทยในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งข้าราชการ สตง.ที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด โดยหากเริ่มเข้าไปทำงานก็จะให้กำลังใจกับผู้ร่วมงานทุกคน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน โดยให้ยึดมั่นทำหน้าที่เพื่อแผ่นดิน

ดังนั้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่า "กระบวนการสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน" กระทั่งได้มาซึ่งนางจารุวรรณ เมณฑกา (ขณะนั้นยังมิเป็นคุณหญิง) เป็นการดำเนินการโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน และระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการสรรหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่น ดิน คุณหญิงจารุวรรณจึงต้องพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน

พูดให้ "ชาวบ้าน" เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ

กระบวนการสรรหาคุณหญิงจารุวรรณมาเป็นผู้ว่าสตง. นั้น "ทำผิดกฎหมาย"

ดังนั้น เมื่อทำผิดกฎหมายและองค์กรศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉับชี้ขาดยืนยันแล้วถึง 2 ครั้ง ในคำวินิจฉัยที่ 47/2547 และคำวินิจฉัยที่ 60/2548 จึงหมายความว่า

คุณหญิงจารุวรรณจึงต้องพ้นจากตำแหน่ง โดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ:เขียนโดยสโรช สันตะพันธุ์
นิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาวิชากฎหมายมหาชน


และแล้วในที่สุดเธอก็ได้กลับมาดำรงค์ตำแหน่งที่ไม่สมควรเป็นของเธอ
แอ่นแอ๊น พอเป็นแล้ว เธอก็แสดงฤทธิ์แสดงเดช มีเรื่องฟ้องร้องกันวุ่นไปหมด
ไม่ว่าจะตั้งซี9 ซึ่งศาลปกครองก็ออกมาบอกแล้วว่าผิด ไหนจะเรื่องตั้งบริษัท
เข้ามารับงานในสตง. (อันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างชัดเจน
โดยไม่ต้องใช้พจนานุกรมช่วย) ไหนจะเรื่องบ้านราคาปลูกสร้าง 4ล้านบาท
ที่ใหญ่โตประมาณว่าสัก40ล้านก็ไม่ปาน ไหนจะเรื่องเบิกเงินซื้อตั๋วเครื่องบิน
พาลูกและคณะไปเที่ยวความไม่ชอบมาพากล หาอ่านได้จากคอลัมน์ของคุณวาทะตะวัน
“จารุวรรณ เมณฑกา ใสซื่อหรือ...โสโครก!?”

ล่าสุด เมื่อกฤษฎีกาออกมาบอกว่าเธอต้องพ้นตำแหน่งไปตั้งแต่ปี 50แล้ว
เกิดอะไรขึ้น เธออ้างเหมือนเดิมค่ะ ข้อความที่ทำให้ได้รับตำแหน่งในครั้งแรก

ต้องมีพระบรมราชโองการจึงจะออก

“ไม่ต้องการอะไรที่ไม่ถูกต้อง ถ้าจะให้ไปอย่างเดียวที่เทิดทูนอยู่เสมอคือไปเอาพระบรมราชโองการมา ไม่ยึดติด เก็บของแล้วด้วย แต่ขอไปอย่างถูกต้อง” คุณหญิงจารุวรรณกล่าว


ฮา งวดนี้สงสัยได้อยู่ไปจนตาย

ไม่มีความคิดเห็น: