วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สมมุติว่า.........

โพสต์เมื่อ : 2009-02-21 18:35:30


อยู่ๆความคิดมันก็วนขึ้นมาในจิตใจ ลองทบทวนดูก็พบว่า
มันแฝงเร้นอยู่ในใจมานานแล้ว เพียงแต่วันนี้มันผลุดขึ้นมา
รบกวนหนัก เฝ้าคิดทบทวน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แล้วก็เลยนั่งคิดดูว่า สมมุตินะคะ สมมุติว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดในแผ่นดินนี้
ไม่ได้เกิดในแผ่นดินทองของไทย อะไรจะเกิดขึ้น เรื่องราวมันจะเป็น
อย่างที่เกิดเช่นทุกวันนี้ไหม

เอาแค่เรื่องง่ายๆที่เกิดขึ้น เมื่อปี2549 เกิดการปฏิรูปการปกครอง
เขี่ยนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งด้วยเสียงท่วมท้น เป็นวาระที่2
หลังจากบริหารประเทศมาครบเทอมเป็นครั้งแรกของนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง

จำได้ว่าเมื่อเริ่มสนใจการเมือง เคยนึกและเชื่ออยู่เลยว่าประเทศไทย
คนไทยชอบการเปลี่ยนแปลง เราจึงเบื่อรัฐบาลกันเร็วเหลือเกิน
อยู่ได้ป๊อบแป๊บก็เริ่มเห็นความผิดพลาด ไม่อยากให้ทำงานต่อเสียแล้ว
เคยคิดถึงขั้นว่า เราน่าจะระบุไปเลยในรัฐธรรมนูญนั่นแหละว่าให้
รัฐบาลมีอายุแค่สองปี คนยังไม่ทันเบื่อดี ก็เปลี่ยนใหม่เลือกตั้งกันใหม่
ก็น่าจะดี นี่เป็นความคิดของเด็กนะคะ เด็กที่เห็นการเมืองไทย
นักการเมืองไทยแล้วก็เบื่อ

แต่เมื่อโตขึ้น คิดได้มากขึ้น ก็เลยซาบซึ้งว่ารัฐบาลอยู่นานๆก็ดีเหมือนกัน
จะได้ทำงานทำการกันได้เต็มที่ แล้วยิ่งมาเจอนายกรัฐมนตรีที่ทุ่มเททำงาน
เพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองอย่างคุณทักษิณ ยิ่งอยากให้อยู่ไปจนเกินสองสมัยด้วยซ้ำ

แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นำมาสู่ความคิดที่ว่า หากการปฏิวัติเมื่อ 19กย.49
ไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองไทย มันจะเกิดขึ้นได้ไหม ประชาชน หรือแม้แต่คุณทักษิณเองจะยอมไหม
จะยอมสงบราบคาบจนเขาเอาไปคุยว่าเป็นการปฏิวัติที่ง่ายที่สุด เท่าที่เคยเกิดมา
คือไม่เสียเลือดเสียเนื้อแม้แต่สักหยด (ไม่นับรวมชีวิตของลุงนวมทอง ที่สังเวยไปเพราะไม่เห็นด้วย)
หากการยึดอำนาจครั้งนั้นเกิดในประเทศอื่น จะมีคนอย่างลุงนวมทองมากกว่านี้ไหม

ครั้นพอมีการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้เข้ามาบริหารประเทศ
ยังไม่ทันจะได้ทำการบริหารสักเท่าไหร่เลย ก็เกิดมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจ
มาขับไล่ ยึดทำเนียบที่ทำงานของรัฐบาลไว้เป็นเวลานมนาน ตำรวจหรือ
แม้แต่ทหารก็ไม่กล้าทำอะไร ปล่อยให้ข้าราชการการเมือง ต่อสู้โดยไม่มี
กำลังของคนที่มีอำนาจสนับสนุน เรียกว่าปล่อยให้ยึดกันไปตามสบาย
พยายามหาทางหลีกหนีกัน ในสภาพไม่กล้าแตะ (แปลกดีไหมล่ะคะ)

ในที่สุดนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งก็พ้นจากตำแหน่งไป โดยข้อหาน่างงเป็นอย่างยิ่ง
เรียกว่าต่างชาติฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก แค่นั้นไม่พอได้นายกใหม่มา
ยึดสนามบินมันเสียเลย สร้างความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองเท่าไหร่ไม่ว่า
เพียงเพื่อจะไล่ให้ไป จนในที่สุด กลับไปใช้วิธีเดิมที่ใช้ทำลายพรรคการเมือง
ที่ไม่ชอบ ด้วยการยุบพรรค ผลคือ นายกฯหลุดจากตำแหน่ง มารยอมออกจากสนามบิน
โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

ผ่านไป เกือบสามเดือน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่ทั่วโลกเห็นว่าทำผิด
ก็ยังลอยนวลต่อไป มีหน้าออกมาพูดออกสื่อแสดงความเห็นได้อีก เฮ้อ!
มิหนำซ้ำคนที่ทำผิดยังได้รับการปูนบำเหน็จรางวัล ให้เข้ามารับตำแหน่ง
ในรัฐบาลก็ยังได้

ถ้าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย มันจะมีหนึ่งมีสอง
สามสี่ห้าอย่างนี้ไหม เรื่องมันจะจบตั้งแต่ตอนไหน น่าคิดนะคะ ว่า
ประเทศอื่นๆเขาจะจัดการกับเรื่องนี้กันอย่างไร แล้วทำไมประเทศเราถึง
จัดการกันแบบนี้

ถ้าเปลี่ยนประเทศ วิธีการคงไม่เป็นแบบนี้ คิดดูเอาเองก็แล้วกันค่ะ
แล้วถึงเวลาหรือยังที่เราน่าจะเหมือนประเทศอื่นๆในโลกนี้ ไม่ใช่
มนุษย์พันธุ์พิเศษ อย่างที่เป็นทุกวันนี้ คนนะคะ มีเลือดมีเนื้อมีชีวิต
จิตใจ มีร้อนมีหนาว มีหิว มีอยาก ต้องการความยุติธรรมเหมือนๆกัน
ไม่ถึงกับต้องเสมอภาคหรอกค่ะ เอาแค่มีความยุติธรรมก็น่าจะพอแล้ว

เปลี่ยนกันสักทีดีไหมคะ?

ไม่มีความคิดเห็น: