วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

โชวกวางโจว

โพสต์เมื่อ : 2009-01-18 10:40:23 _ ปิดข้อความ ex-link แก้ไข


ห่างหายบอร์ดไป เพราะมัวไปนั่งดู ซีรี่ย์เกาหลีน่ะค่ะ กำลังสนุก
เมื่อก่อนดูทางทรู มาดึกมาก ไม่ได้ดูตั้งแต่ต้นเรื่อง อ้อ มีข้อสังเกตด้วยว่า
เมื่อช่วงที่มีรายการ"ความจริงวันนี้" รายการจะเลิกประมาณ ห้าทุ่ม
ก็จะเปิดไปดูหนังต่อ แต่แปลกม้ากๆ หนังบ้าอะไรไม่รู้ ฉายตอน22.45บ้าง
22.50บ้าง ทำให้พะวักพะวงว่าจะทิ้งรายการไปดูหรือจะไปดูหนังขาดตอนต้นไปบ้าง
สับสนอยู่พักใหญ่ ไม่น่าเชื่อ พอรายการหายจากจอไป
หนังเกาหลี กลับเปลี่ยนเวลาฉายมาเป็นห้าทุ่มตรงได้
จะไม่ให้สงสัยก็ไม่ได้ ทำไมหนอ จึงทำกันได้ ที่คิดอย่างนี้
ก็เพราะทรูนี่แหละค่ะเอียงมากๆเวลาเสนอข่าว รัฐบาลก่อน
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะเลิกดูข่าวทางทีวี
มาตั้งแต่วันที่ 16ธันวา ตั้งแต่นั้นมาเลิกเปิดดูข่าวทุกช่อง
วิทยุก็เลิกฟังช่วงข่าว แม้แต่รายการคุยข่าวบ้าบอก็เลิกฟังเลิกดู

มีความสุขขึ้นมากตามอัตภาพ เลยในที่สุดสั่งซื้อหนังเกาหลีมาดูให้หายแค้น
อิอิ แล้วจะเล่าความเลวร้ายของคนที่รับส่งหนังให้ฟังวันหลังนะคะ
วันนี้ตั้งใจมาเล่าเรื่อง บัลลังค์จอมนาง ที่เคยเกริ่นไว้นานแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องในราชบัลลังค์เกาหลีนะคะ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าไม่ทราบ
แต่ก็สนุกดี

จ้าวเนี่ยไม่ว่าชาติใดในโลกก็เหมือนกันนะคะ มิน่าระบอบกษัตริย์จึง
ยืนยงไม่ได้ในโลกปัจจุบัน เมื่อก่อน เรามีกันอยู่น้อย ความรู้ก็ไม่มี
เราจึงต้องหาที่พึ่งทั้งทางใจและร่างกาย แต่เดี๋ยวนี้คนเริ่มมีความรู้
รู้จักต่อสู้เอาตัวรอดได้เอง เลยไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อระบอบเท่าไหร่นัก
ระบอบจึงค่อยๆลดความสำคัญลงไป ผิดกับบางประเทศที่ยังด้อยพัฒนาอยู่มาก
แม้จะพัฒนาแล้วทางวัตถุแต่ทางสมองคงยัง เลยหวังแต่จะพึ่งลูกเดียว
จนชักไม่รู้ว่าใครตกเป็นเครื่องมือของใครกันแน่

อุ๊ยพาไปไกล ลืมเล่าเรื่องที่จั่วหัวกระทู้ไว้เลย โชวกวางโจวเนี่ย
ตามท้องเรื่องเป็นข้าราชการหนุ่มนะคะ มีหัวก้าวหน้า ร่วมมือกับบัณฑิตหนุ่ม
คิดจะปฏิรูปการเมืองการปกครองของเกาหลี ในสมัยพระเจ้าชุนจอง
แรกๆ พระเจ้าชุนจองก็ชอบนะคะ แต่อย่างว่า โชวกวางโจวไม่รู้
จักคำสอนของไทย ที่ว่า "จงทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ใครเขาไม่อยากเห็น
เราเด่นเกิน" แกก็เลยฮึกเหิมน่าดู กราบทูลให้ทำโน่นทำนี่ เปลี่ยนแปลง
บ้านเมืองเสียยกใหญ่

ทีนี้ก็ไปกระทบกับพวกหัวเก่าที่นั่งกินนอนกินสิคะ เจอคนทำงานจริง
ก็เลยเดือดร้อนกันไปทั่ว ต้องคิดกำจัดขุนนางน้ำดีผู้นี้เสีย ข้อหาอะไรจะดีไปกว่า
การกล่าวว่าจะล้มล้างราชวงศ์ล่ะ มนุษยทุกคนก็คิดถึงแต่ตัวเองและพวกพ้องเท่านั้น
ชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องรอง ต่างก็คิดว่าหากตัวอยู่ไม่ได้ ชาติก็ไม่ต้องอยู่แล้วกัน
จึงคิดกำจัดขุนนางผู้นี้เสีย จึงออกเอกสารลับสั่งให้อดีตขุนนาง ไปชักชวนนายทหาร
มาร่วมมือกันขับไล่โชวกวางโจวเสีย

แปลกจริงๆนะคะ ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน เกิดณ ที่ใด ก็เหมือนกันทั่วโลก
เกิดจากกิเลสตัญหาทั้งนั้น หนังยังไม่จบหรอกค่ะ แต่ดูแล้วก็ให้นึกสงสาร
ทั้งๆที่มีคนไปบอกให้ลาออกล่าถอยเสียตั้งแต่ยังมีโอกาส แต่โชวกวางโจวกลับไม่เชื่อ
ไม่ทำ เพราะคิดแต่ว่าตัวเองทำเพื่อความเจริญของบ้านเมือง มีหรือจะถูกกำจัดได้
น่าสงสารตรงที่ว่าสมัยนั้นยังไม่เน็ตนะคะ โชวกวางโจวเลยถูกกำจัดไปเสียได้
โดยไม่นานประชาชนที่เคยเคารพรักจนกษัตริย์หวั่นไหว ว่าอาจมาแทนตัว
ก็เลยพากันลืมไปเสียสิ้น
แหะๆ บอกแล้วว่าไม่ว่าง มัวไปดูหนังอยู่ เพิ่งเข้าบอร์ดมานี่แหละค่ะ
โชวกวางโจว ในที่สุดก็เรียบร้อยโรงเรียนจ้าว (เกาหลี) ถูกเนรเทศ
ไปอยู่ชายแดนแล้ว ยังไม่เป็นที่พอใจของเหล่าขุนนาง จนในที่สุด
พระเจ้าชุนจองเลยต้องพระราชทานยาพิษให้ แดก เอ๊ยไม่ใช่ให้ดื่ม
ตายแหงแก๋ ก่อนตายยังจงรักภักดีอยู่เลย เห็นประกาศว่าจะถวายชีวิตเป็นราชพลี
คิดว่าการพระราชทานยาพิษนี้ ไม่ใช่ความคิดของเจ้า

โธ่ถังกาละมังเอ๋ย ช่างหน้ามืดตามัว หูหนวกตาบอดแท้ๆ หลงรักจนหัวปักหัวปำ
ไม่ยอมเชื่อว่า เขาไม่ได้รักตัวหรอก ประเทศชาติก็ไม่รัก เขารักแต่บัลลังค์
และเก้าอี้ของตัวเท่านั้น อะไรที่จะทำให้การครองตำแหน่งของตัวสั่นคลอน
ก็ต้องกำจัดเสียให้สิ้น ยอมแม้กระทั่งจุดไฟเผาบ้านตัวเอง ส่งสมุนเข้ายึด
จนเศรษฐกิจพังพินาจก็ไม่สน ขอให้อยู่รอดปลอดภัยเพียงพอ มีเอกสารลับ
ก่อการกบฎเพื่อให้ตนคงอยู่ก็ทำ แล้วในที่สุดไอ้เอกสารลับก็ย้อนมาข่มขู่ตนเอง
เลยต้องล้างเผ่าพันธ์ ฆ่าปิดปากกันไม่จบสิ้น ไม่ฆ่าก็ต้องปรนเปรอตำแหน่งหน้าที่
ให้จนพอใจไม่คิดล้มล้างอีก วนเวียนเป็นเหมือนการพายเรือในอ่างน้ำครำ โอ๋ยโหย
พูดเรื่องหนังเกาหลีอยู่หรือเปล่าเนี่ย ไปดูหนังต่อดีกว่าอิ๊อิ๊

ไม่มีความคิดเห็น: