แรกๆคิดว่าเป็นแค่เสี้ยนหนามของแผ่นดิน ริดออกเสียก็หมดเรื่อง
ที่ไหนได้ กำลังจะริดทิ้งแล้วเชียว ดั๊นแว่วเสียงว่าอย่าทำนะ
เอ้าไม่ทำก็ไม่ทำ คิดเพียงว่าวันหนึ่ง มันจะแห้ง เห ี่ยวไปได้เอง
ที่ไหนได้ยิ่งปล่อยยิ่งโตขึ้น จนใหญ่คับบ้านคับเมือง
ใครว่ากรรมไม่มีจริง ทำไว้กับประเทศชาติ เลวร้ายซะขนาดนั้น
ในที่สุด ก็ถลำลึกเข้าไปติดกับ ติดคุกในความคิดของตัวเอง(ขอยืม มาจาก
ข้อเขียนของคุณพ่อลูกสี่) เอาล่ะสิในที่สุดก็กลายเป็นสถานการณ์ที่"กลับตัวก็ไม่ได้
ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง" จะเอาอย่างไรล่ะทีนี้
ระดมสรรพอาวุธออกมาใช้คาดหวังว่าจะเผด็จศึกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
เสียให้ได้ พูดเองคนชักจะไม่ค่อยเชื่อ ทีนี้ก็ต้องใช้ตัวช่วยสินะ ไหนนจะอาจม
ไหนจะผู้ยิ่งหญ่ายในบ้านเมือง เดี๋ยวนี้ถึงขั้นใช้บริการนิสิต นักศึกษา คาดว่า
นักเรียนอนุบาลก็จะถูกนำมาใช้ในเร็วๆนี้
ดูไปดูมามันท่าจะไม่สำเร็จ เพราะยิ่งอยู่นานไป ควักออกมาทุกตัวช่วยแล้ว
(ไม่ว่าสวะ ฝ้ายแค้น ตาชั่ง ฯลฯ) ยังไม่บรรลุผลเสียที รัฐบาลลุงหมัก โดย
ลุงหมักก็พูดเสียคำเดียว(จริงๆหลายคำอยู่) ว่าไม่ลาออก ไม่ยุบสภา
แล้วจะทำไงเนี้ย เหนื่อยเหมือนกันนะ
ดูสิดูว่าถึงขนาดจะใช้เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนจะเอายังไงกัน
กลัวสินะกลัวความจริง เลยออกมาค้านกันยกใหญ่ แปลกจริงๆ
ถามประชาชนยังไม่กล้า โมเมจะคิดเองตัดสินใจเองซะอย่างนั้น
ทีนี้เห็นกันหรือยังว่า มันไม่ใช่แค่เสี้ยนหนามของแผ่นดิน ยิ่งปล่อยไว้นานไป
คนชักเริ่มเห็นเค้าลางว่ามันไม่ใช่แค่หนามนี่หว่า ที่แท้มันคือตอ ตออันใหญ่
เบ้อเริ่มเทิ่ม ที่ขวางทางของประชาธิปไตยอยู่ กบฎเป็นแค่เสี้ยนหนาม จะริด
ออกเสียเมื่อไหร่ก็คงได้ เพียงแต่มันติดอยู่ที่ตอเท่านั้นเอง ริดออกแล้วเดี๋ยว
ก็งอกมาใหม่ได้อีก อย่ากระนั้นเลย เรามาขุดราก ถอนโคนตอใหญ่นี้เสียที
จะดีไหม
แต่ก่อนจะขุดตอทิ้ง ต้องช่วยกัยเผยโฉมหน้าของตอก่อน เอาให้เห็นกันชัดๆ
ถึงเวลาหรือยังที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น