วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

ลองอ่านบทนำมติชนบ้าง

ID # 713228 - โพสต์เมื่อ : 2008-08-29 10:30:41 _ ปิดข้อความ


ชาติแพ้ - ล่มจม

บทนำมติชน



ท่า ทีแข็งกร้าวของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีที่สั่งการให้ใช้การปราบปรามผู้ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยในทำเนียบรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหานั้นได้สำแดงให้เห็นแล้วเมื่อ ตำรวจคอมมานโดซึ่งเข้าไปทำเนียบเมื่อตอนตี 3 ของวันที่ 27 สิงหาคมได้ใช้กระบองทุบตีมวลชนจนล้มและได้รับบาดเจ็บไปหลายคนซึ่งปรากฏเป็น ข่าวทางสถานีโทรทัศน์นั้น นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่า โอกาสเกิดการปะทะนองเลือดโดยการใช้อาวุธของตำรวจกระทำต่อผู้ชุมนุมที่จะมี ทั้งคนเจ็บและคนตายเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 17-19 พฤษภาคม 2535 มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมนำมาซึ่งความวิปโยคให้กับคนไทย แล้วฝ่ายใดเล่าที่ได้ชื่อว่าเป็นชนะและฝ่ายใดเล่าคือผู้แพ้

เมื่อ 15-16 ปีก่อน ในเหตุการณ์นองเลือด "พฤษภาทมิฬ" ที่ทหารปราบปรามประชาชนอย่างโหดร้าย ป่าเถื่อน มีสาเหตุมาจากมวลชนนำโดยสมาพันธ์ประชาธิปไตยรวมพลังกันต่อต้าน ขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องด้วยผิดสัจจะวาจาที่เคยประกาศต่อสาธารณชนว่า ในฐานะผู้นำ รสช.ซึ่งเข้ายึดอำนาจ 23 กุมภาพันธ์ 2534 โค่นล้มรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ จะไม่เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อมวลชนเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาถนนราชดำเนินในค่ำวันที่ 17 พฤษภาคมก็ถูกทหารขัดขวางและระดมยิง มีการจับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้นำการชุมนุมไปกักขังแต่ก็หาได้ทำให้มวลชนยอมแพ้ กลับเดินหน้าสู้ต่อโดยไม่กลัวตาย สุดท้าย พล.อ.สุจินดาก็ลาออกในวันที่ 24 พฤษภาคมภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสกับ พล.อ.สุจินดา พล.ต.จำลอง โดยนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรี เข้าเฝ้าฯในโอกาสเดียวกัน

ขออัญเชิญ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานกับคณะบุคคลดังกล่าว เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 20 พฤษภาคม 2535 มาบันทึกไว้เพื่อให้ทุกฝ่ายได้น้อมรับใส่เกล้าฯที่เผชิญหน้ากันอยู่เวลานี้ โดยรับสั่งว่า นอกจากเสียหายทั้งชีวิตเลือดเนื้อของคนจำนวนมากแล้วยังเสียหายทางวัตถุ ซึ่งของส่วนราชการและบุคคลมูลค่ามากมาย นอกจากนั้นยังเสียหายทางจิตใจและทางเศรษฐกิจของประเทศชาติอย่างที่จะนับคณา ไม่ได้ ถ้าหากว่าเผชิญหน้ากันแบบนี้ต่อไป เมืองไทยมีแต่ล่มจมลงไป

".. ขอให้ท่านโดยเฉพาะท่าน พล.อ.สุจินดา และ พล.ต.จำลอง ช่วยกันคิด คือหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เผชิญหน้ากัน เพราะว่าเป็นประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคน สองคน เป็นประเทศของทุกคน ต้องเข้าหากัน ไม่เผชิญหน้ากัน แก้ปัญหา เพราะว่าอันตรายมีอยู่เวลาคนเราเกิดความบ้าเลือด ปฏิบัติการรุนแรงต่อกัน มันลืมตัว ลงท้ายก็ไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทางชนะ อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วก็ที่แพ้ที่สุดก็คือ ประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ...ฉะนั้นจึงขอให้ทั้งสองท่านเข้ามา คือไม่เผชิญหน้า แต่ต้องหันหน้าเข้าหากัน...เชื่อว่าทั้งสองท่านก็เข้าใจว่าจะเป็นผู้ที่ได้ สร้างประเทศจากสิ่งปรักหักพัง แล้วก็จะได้ผลในส่วนตัวมากว่าได้ทำดี แก้อย่างไรก็แล้วแต่ที่จะปรึกษากัน..." พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อพระราชดำรัสได้มีไว้ เป็นแนวทางเมื่อ 15-16 ปีก่อน และบทสรุปที่ พล.อ.สุจินดาลาออกจากนายกรัฐมนตรีเพราะมวลชนรวมตัวกันขับไล่ แล้วเหตุใดรัฐบาลนายสมัครจึงจะสร้างประวัติศาสตร์เลือด "สิงหาทมิฬ" ขึ้นมาอีกครั้ง นายสมัครเองก็กำลังโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่ากำลังจัดงาน 116 จากวันแม่ถึงวันพ่อเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ นายสมัครจึงควรจะน้อมนำพระราชดำรัสเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ 2535" มาใส่เกล้าฯแล้วถือปฏิบัติ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารซึ่งถืออาวุธก็ควรตระหนักว่า มวลชนที่ไม่มีอาวุธนั้นเป็นคนไทยเหมือนกัน การปราบปรามจนเกิดนองเลือดหากเกิดขึ้นแล้ว คิดหรือว่าบ้านเมืองจะสงบ ในทางตรงข้ามอาจกลายเป็น "สงครามกลางเมือง" ที่ส่งผลเสียหายใหญ่หลวงเกินกว่าที่ใครคาดคิดไว้ก็ได้


เฮ้อ!!! ก็ถ้ามันมีคนคิดคนเขียนอย่างนี้ในบ้านเมืองนี้ มองไม่เห็นว่าอะไรคือความถูกต้อง
ท่องคาถาแต่ว่า เรามีสิทธิ์ เรียกร้องได้ ท่านนายกฯถึงได้บอกให้เลือกข้างไงคะ คือเลือก
คิดเลือกเขียนว่าอะไรถูก อะไรควร ไม่ใช่แต่จะตะบัน เขียนเชียร์พวกตัวเองไป จนไม่รู้
แล้วว่าความถูกต้องคืออะไร ปราบกบฎ มันจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองจริงหรือ

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องมันคงไม่ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ การปฏิวัติโดยประชาชนก็คงสำเร็จไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2551ค่ะ
ก็ในเมื่อมันไม่จบในวันนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาเลือกข้างแล้ว
เขาไม่เอาม้อบข้างถนนแล้ว ยังไม่เข้าใจกันอีกหรือคะ

ไม่มีความคิดเห็น: