จากข่าว
"เปรม"รับ"นายกฯ"ขอเข้าคารวะ คุยเรื่องความแตกแยก
วันนี้ (29 ก.ย.) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
กล่าวว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดต่อขอเข้าเยี่ยมคารวะแล้ว ซึ่งเมื่อนายสมชายเข้าพบ
คงพูดคุยในปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ
พล.อ.เปรม กล่าวต่อว่า ตนพูดเหมือนเดิมที่เคยพูดไว้ว่า
คนไทยอยากให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เมื่อคนไทยอยากให้
บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ผู้ที่มีหน้าที่ในการดูแลชาติบ้านเมือง
ทุกฝ่ายต้องตอบสนองความต้องการของคน ไทย แต่ว่าจะทำอย่างไร
ตนไม่ทราบ ทราบแต่ว่า นี่คือความต้องการของไทย
ที่อยากให้บ้านสงบเรียบร้อย ฉะนั้นผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
บ้านเมืองจะต้องไปคิดว่าจะทำอย่างไรบ้าน เมืองจึงจะสงบเรียบร้อย
ซึ่งคนไทยสามารถกลับมาปรองดองสมานฉันท์ได้.
เมื่อประกาศว่า ทำอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วเจือก
ออกมารับที่เขาขอเข้าพบทำไม หากรู้ตัวว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
พูดยังไม่คล่องเลย ติดๆขัด จะไปช่วยอะไรเขาได้ โดยตำแหน่งหน้าที่
ก็ไม่เห็นเกี่ยวข้อง แล้วไม่คิดหรือว่า ที่เขาขอเข้าพบ เป็นเพียงต้อง
การจับตัวเองแก้ผ้า เพราะเห็นก็ได้แต่ลือว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง
ความวุ่นวายทั้งหมด กิเลศมันหนาแน่จนตามืดบอด ไม่เห็นความจริง
ข้อนี้หรือไง ทางที่ดี ควรให้สัมภาษณืว่า "ผมก็เป็นแค่อดีตนายกฯ
อายุก็มากแล้ว เหตุการณ์สมัยนี้ ก็ต่างไปจากสมัยที่ผมปฏิบัติงาน
ผมคงไม่มีอะไรไปแนะนำ แต่ก็ขอให้กำลังใจนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง"
แค่นี่น่ะพูดไม่เป็นหรือไง หรือกลัวเขาจะไม่รู้ว่าเป็นคนบงการความวุ่นวาย
ทั้งหมดนี่เองฮึ
วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551
ข่าวออกมาอย่างนี้ แมลงสาบจะว่าไง
นายไพจิต ศรีวรขาน แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา
กล่าว วันนี้ (29 ก.ย.) กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เคลื่อนไหวขับไล่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในที่ต่างๆ
รวมทั้งระหว่างช่วยผู้สมัครผู้ว่าพรรคพลังประชาชนหาเสียง
ว่า ขอ โอกาสให้นายกรัฐมนตรีได้ทำงาน หากสถานการณ์
ยังคงเป็นเช่นนี้ อาจจะหยิบยกเข้าหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง
แม้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
จะปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตนเห็นว่าเป็นการพูดและปฏิบัติต่างกัน
เพราะมีความเชื่อมโยงชัดเจน ยืนยันได้ว่าเป็นฝีมือของพรรคใด
พรรคพลังประชาชนยืนยันว่าจะไม่จัดกลุ่มผู้ชุมนุมมาไล่หัว
หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ช่วยผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพ
มหานครของพรรคหาเสียง
ทำอย่างไรล่ะ เขาถึงปักใจเชื่ออย่างนั้น
ไม่ใช่แต่พรรคพปช.นา ชาวบ้านเขาก็เชื่อเหมือนกัน คิดน้อยจังนะ
แล้วไงล่ะ คิดว่าจะได้เสียงมากขึ้นหรือไง โธ่ถัง รู้ไหมมันสกปรก
คนเขาไม่ชอบ อ้อ แล้วการที่คนเขาเชื่อว่าแมลงสาบเป็นพวกเดียวกับ
กบฎในทำเนียบ เขาเห็นว่าเมื่อกบฎเขาบอกว่าเขาเป็นคนทำ
ตามตรรกะก็แปลว่า แมลงสาบทำน่ะสิ
โพสต์โดย : ป้าแปะ
icon ID # 1129083 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 16:31:03 _ ปิดข้อความ แก้ไข
โผล่อีกราย ที่เชียร์การเมืองใหม่ แปลกจริงจริ๊ง ไหงมีแต่หน้าเก่าๆ
ทั้งนั้นเลย
ประยุทธ์เชียร์การเมืองใหม่ อ้างหนทางหนึ่งทุกฝ่ายยอมรับ [29 ก.ย. 51 - 13:41]
พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ว่าที่ เสนาธิการทหารบก กล่าว วันนี้ (29 ก.ย.)
กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยติดตามความเคลื่อนไหว
และขับไล่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ตามสถานที่ต่างๆ
ว่า อยากฝากให้ทุกคนหันกลับมามองประโยชน์ของชาติ
เร่งเจรจาพูดคุยหาทางออกทางการเมือง ฝ่ายการเมือง
ต้องแก้ปัญหากันไป ส่วนข้อเสนอการปฏิรูปการเมืองใหม่นั้น
เป็นหนทางหนึ่งที่ดี หากทุกฝ่ายยอมรับฟังและยอมกัน
ทุกอย่างก็จะจบ
"ปัญหาความแตกแยกของ คนในสังคม เชื่อว่าในที่สุด
คนไทยจะกลับมารักกัน หากยึดประโยชน์ของประเทศชาติ
และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงควรเร่ง
การเจรจาเรื่องการเมืองใหม่ให้ได้ข้อยุติเพราะเป็นแนว
ทางหนึ่งที่ ทุกฝ่ายยอมรับ" ว่าที่ เสนาธิการทหารบก กล่าว
เอางั้นเลยนะ เวลาไอ้บ้าพวกนี้มันพล่าม
สิ่งหนึ่งที่มันไม่เคยทำเลย คือตำหนิ ว่าไอ้พวกนั้นเลวไอ้พวกนั้นผิด
ตราบใดที่พวกเมิงยังไม่รู้จักแยกผิดชอบชั่วดี กรูไม่ฟังเมิง
เมิงควรจะพูดออกมาว่าไอ้กบฎต้องมอบตัว ไม่ใช่จะออกมาบอกว่า
รัฐต้องทำตามที่มันเรียกร้อง กรูไม่เห็นว่ามันจะแก้ปัญหาได้อย่างไร
ตราบใดที่ยังมีกบฎที่ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
แล้วไม่เคยเห็นพวกแม่เมิงจะเคยพูดเรื่องนี้เลย อั้ยฟาย
กล่าว วันนี้ (29 ก.ย.) กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เคลื่อนไหวขับไล่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในที่ต่างๆ
รวมทั้งระหว่างช่วยผู้สมัครผู้ว่าพรรคพลังประชาชนหาเสียง
ว่า ขอ โอกาสให้นายกรัฐมนตรีได้ทำงาน หากสถานการณ์
ยังคงเป็นเช่นนี้ อาจจะหยิบยกเข้าหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง
แม้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
จะปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตนเห็นว่าเป็นการพูดและปฏิบัติต่างกัน
เพราะมีความเชื่อมโยงชัดเจน ยืนยันได้ว่าเป็นฝีมือของพรรคใด
พรรคพลังประชาชนยืนยันว่าจะไม่จัดกลุ่มผู้ชุมนุมมาไล่หัว
หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ช่วยผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพ
มหานครของพรรคหาเสียง
ทำอย่างไรล่ะ เขาถึงปักใจเชื่ออย่างนั้น
ไม่ใช่แต่พรรคพปช.นา ชาวบ้านเขาก็เชื่อเหมือนกัน คิดน้อยจังนะ
แล้วไงล่ะ คิดว่าจะได้เสียงมากขึ้นหรือไง โธ่ถัง รู้ไหมมันสกปรก
คนเขาไม่ชอบ อ้อ แล้วการที่คนเขาเชื่อว่าแมลงสาบเป็นพวกเดียวกับ
กบฎในทำเนียบ เขาเห็นว่าเมื่อกบฎเขาบอกว่าเขาเป็นคนทำ
ตามตรรกะก็แปลว่า แมลงสาบทำน่ะสิ
โพสต์โดย : ป้าแปะ
icon ID # 1129083 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 16:31:03 _ ปิดข้อความ แก้ไข
โผล่อีกราย ที่เชียร์การเมืองใหม่ แปลกจริงจริ๊ง ไหงมีแต่หน้าเก่าๆ
ทั้งนั้นเลย
ประยุทธ์เชียร์การเมืองใหม่ อ้างหนทางหนึ่งทุกฝ่ายยอมรับ [29 ก.ย. 51 - 13:41]
พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ว่าที่ เสนาธิการทหารบก กล่าว วันนี้ (29 ก.ย.)
กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยติดตามความเคลื่อนไหว
และขับไล่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ตามสถานที่ต่างๆ
ว่า อยากฝากให้ทุกคนหันกลับมามองประโยชน์ของชาติ
เร่งเจรจาพูดคุยหาทางออกทางการเมือง ฝ่ายการเมือง
ต้องแก้ปัญหากันไป ส่วนข้อเสนอการปฏิรูปการเมืองใหม่นั้น
เป็นหนทางหนึ่งที่ดี หากทุกฝ่ายยอมรับฟังและยอมกัน
ทุกอย่างก็จะจบ
"ปัญหาความแตกแยกของ คนในสังคม เชื่อว่าในที่สุด
คนไทยจะกลับมารักกัน หากยึดประโยชน์ของประเทศชาติ
และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงควรเร่ง
การเจรจาเรื่องการเมืองใหม่ให้ได้ข้อยุติเพราะเป็นแนว
ทางหนึ่งที่ ทุกฝ่ายยอมรับ" ว่าที่ เสนาธิการทหารบก กล่าว
เอางั้นเลยนะ เวลาไอ้บ้าพวกนี้มันพล่าม
สิ่งหนึ่งที่มันไม่เคยทำเลย คือตำหนิ ว่าไอ้พวกนั้นเลวไอ้พวกนั้นผิด
ตราบใดที่พวกเมิงยังไม่รู้จักแยกผิดชอบชั่วดี กรูไม่ฟังเมิง
เมิงควรจะพูดออกมาว่าไอ้กบฎต้องมอบตัว ไม่ใช่จะออกมาบอกว่า
รัฐต้องทำตามที่มันเรียกร้อง กรูไม่เห็นว่ามันจะแก้ปัญหาได้อย่างไร
ตราบใดที่ยังมีกบฎที่ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
แล้วไม่เคยเห็นพวกแม่เมิงจะเคยพูดเรื่องนี้เลย อั้ยฟาย
วิชา มหาคุณ
ID # 724079 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 11:06:38 _ ปิดข้อความ
เมื่อคืนดูข่าวเห็นวิชา มหาคุณออกมาให้สัมภาษณ์
คงจะเรื่องการเมืองใหม่มังคะ ได้ยินแต่ที่เขาตัดมา
ที่แกพูดว่า "คุณ(คงหมายถึงนักข่าว) ก็เห็นแล้วว่า
การเมืองมันถึงทางตัน เลือกตั้งมาแล้วก็บริหาร
ประเทศไม่ได้ มีคนไปตะโกนด่า ขับไล่ แม้ในถิ่นบ้าน
เกิดของตัวเอง"
อ้าว ฟังแล้วทีวีเกือบเสีย (ก็โดดถีบหน้าคนพูดสิคะ
ถามได้) ไหงพูดเอี้ยๆอย่างนี้นี่เล่า แทนที่จะด่าว่าไอ้
พวกเลวชั่วชาติที่กระทำการอันอุบาทว์ชาติชั่ว ดัน
มาโทษว่าการเลือกตั้ง การปกครองระบอบที่ใช้อยู่นี้มันไม่ดี
ต้องเปลี่ยนใหม่
บ้าหรือเปล่าวะ (ขอโทษที ได้เห็นได้ฟังข่าวไอ้พวกนี้ทีไร
ของขึ้นทุกที) มารดาทั่นบ้าไปแล้วแน่ๆ มีหน้าที่อะไรอยู่หรือ
เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง(เป็นศาลรธน.อยู่) ปากหมานจริงๆ
สมองฝ่อไปแล้วมังถึงได้แยกแยะไม่ออกว่าอะไรผิดอะไรถูก
การที่มีคนไปด่านายกฯ แทนที่จะเห็นว่ามันเลว มันทำผิด
(เอหรือเป็น ลูกหลาน เมียมัน) กลับมาหาว่าเป็นเพราะ
การเมืองผิด
เออหนอ เป็นไปได้ ถ่อยและโง่ได้ใจจริงๆ ทีนี้เชื่อหรือยัง
ว่าถ้าไม่ถ่อย ไม่โง่ ไม่เลว ไม่มีทางที่*****จะตั้งมาทำงาน
คุณสมบัติต้องครบเลยนะนั่น
D # 1129395 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 18:29:17 _ ปิดข้อความ แก้ไข
เพิ่มเติมด้วยข่าวนี้หน่อยค่ะ แล้วจะเห็นว่าระบบยุติธรรมไทย
กำลังทำทุกวิถีทางที่จะ ชิงตำแหน่งที่ 12 แน่นอน
เลื่อนสั่งคดีหลานปปช. เลี่ยงภาษีนำเข้าไวน์300ล. [29 ก.ย. 51 - 15:31]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ก.ย.) อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เลื่อนนัดสั่งคดี ที่บริษัทแคนนอน แปซิฟิก จำกัด และ
นายเอกชัย มหาคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัท หลานชายของ
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตกเป็นผู้ต้องหา คดีทำความผิด พ.ร.บ.
ศุลกากร ปี พ.ศ. 2469 มาตรา 27 และ 99 ที่ พนักงานกรม
สอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา
ทั้ง 2 ในข้อหาสำแดงเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรนำ
เข้าไวน์จากต่างประเทศ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ตั้งแต่ปี
2546 - ปี 2549 รวม 84 ครั้ง โดยสำแดงภาษีต่ำกว่าความ
เป็นจริง
นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษ ฝ่ายสำนักงานคดีพิเศษ 1
กล่าวว่า อัยการ ยังไม่สามารถมีความเห็นสั่งคดีได้ เนื่องจาก
พิจารณาสำนวนการสอบสวนแล้ว อัยการสั่งให้พนักงานสอบสวน
ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็น จึงนำผู้ต้องหามาฟัง
คำสั่งอีกครั้ง ในวันที่ 29 ต.ค. เวลา 10.00 น.
เมื่อคืนดูข่าวเห็นวิชา มหาคุณออกมาให้สัมภาษณ์
คงจะเรื่องการเมืองใหม่มังคะ ได้ยินแต่ที่เขาตัดมา
ที่แกพูดว่า "คุณ(คงหมายถึงนักข่าว) ก็เห็นแล้วว่า
การเมืองมันถึงทางตัน เลือกตั้งมาแล้วก็บริหาร
ประเทศไม่ได้ มีคนไปตะโกนด่า ขับไล่ แม้ในถิ่นบ้าน
เกิดของตัวเอง"
อ้าว ฟังแล้วทีวีเกือบเสีย (ก็โดดถีบหน้าคนพูดสิคะ
ถามได้) ไหงพูดเอี้ยๆอย่างนี้นี่เล่า แทนที่จะด่าว่าไอ้
พวกเลวชั่วชาติที่กระทำการอันอุบาทว์ชาติชั่ว ดัน
มาโทษว่าการเลือกตั้ง การปกครองระบอบที่ใช้อยู่นี้มันไม่ดี
ต้องเปลี่ยนใหม่
บ้าหรือเปล่าวะ (ขอโทษที ได้เห็นได้ฟังข่าวไอ้พวกนี้ทีไร
ของขึ้นทุกที) มารดาทั่นบ้าไปแล้วแน่ๆ มีหน้าที่อะไรอยู่หรือ
เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง(เป็นศาลรธน.อยู่) ปากหมานจริงๆ
สมองฝ่อไปแล้วมังถึงได้แยกแยะไม่ออกว่าอะไรผิดอะไรถูก
การที่มีคนไปด่านายกฯ แทนที่จะเห็นว่ามันเลว มันทำผิด
(เอหรือเป็น ลูกหลาน เมียมัน) กลับมาหาว่าเป็นเพราะ
การเมืองผิด
เออหนอ เป็นไปได้ ถ่อยและโง่ได้ใจจริงๆ ทีนี้เชื่อหรือยัง
ว่าถ้าไม่ถ่อย ไม่โง่ ไม่เลว ไม่มีทางที่*****จะตั้งมาทำงาน
คุณสมบัติต้องครบเลยนะนั่น
D # 1129395 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 18:29:17 _ ปิดข้อความ แก้ไข
เพิ่มเติมด้วยข่าวนี้หน่อยค่ะ แล้วจะเห็นว่าระบบยุติธรรมไทย
กำลังทำทุกวิถีทางที่จะ ชิงตำแหน่งที่ 12 แน่นอน
เลื่อนสั่งคดีหลานปปช. เลี่ยงภาษีนำเข้าไวน์300ล. [29 ก.ย. 51 - 15:31]
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ก.ย.) อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เลื่อนนัดสั่งคดี ที่บริษัทแคนนอน แปซิฟิก จำกัด และ
นายเอกชัย มหาคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัท หลานชายของ
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตกเป็นผู้ต้องหา คดีทำความผิด พ.ร.บ.
ศุลกากร ปี พ.ศ. 2469 มาตรา 27 และ 99 ที่ พนักงานกรม
สอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา
ทั้ง 2 ในข้อหาสำแดงเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรนำ
เข้าไวน์จากต่างประเทศ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ตั้งแต่ปี
2546 - ปี 2549 รวม 84 ครั้ง โดยสำแดงภาษีต่ำกว่าความ
เป็นจริง
นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษ ฝ่ายสำนักงานคดีพิเศษ 1
กล่าวว่า อัยการ ยังไม่สามารถมีความเห็นสั่งคดีได้ เนื่องจาก
พิจารณาสำนวนการสอบสวนแล้ว อัยการสั่งให้พนักงานสอบสวน
ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็น จึงนำผู้ต้องหามาฟัง
คำสั่งอีกครั้ง ในวันที่ 29 ต.ค. เวลา 10.00 น.
โอ๊ย...มันเจ็บ แทงเข้าไปถึงหัวใจ
ID # 724037 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 08:51:55 _ ปิดข้อความ แก้ไข
เห็นแล้วมันแทงใจดำ [29 ก.ย. 51 - 03:16]
"อย่างแรงเลย"
ในอารมณ์ดุเดือดเลือดพล่านของม็อบพันธมิตรฯปักษ์ใต้
ตั้งท่ารังเกียจนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี
ขัดขวางไม่ให้เดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ถึงขั้นต้องใช้ตำรวจปราบจลาจลมาคอยคุ้มกันความปลอดภัย
ร้อนแรงเกินห้ามใจ
แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครรับสมอ้างผลงานโบแดงกันเลย
"มหาจำลอง" พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ
รีบออกมาบอกปัด ม็อบนครฯไล่นายกฯสมชาย ไม่ได้ขึ้นกับม็อบ
พันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ
แค่คนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน
และก็รีบชิ่งเหมือนกัน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
ออกมาปฏิเสธกระแสข่าว พรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังของม็อบพันธมิตรฯ
นครศรีธรรมราช ต่อต้านการเดินทางกลับบ้านเกิดของนายกฯสมชาย
ย้ำเสียงแข็ง ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง
ถ้าไม่บังเอิญว่าก่อนหน้านี้ ก็เป็นนายเทพไทเองที่ออกมาส่งซิกเตือนไว้
ถ้านายกฯสมชายลงไปจังหวัดนครศรีธรรมราช จะโดนม็อบพันธมิตรฯ
ปักษ์ใต้ขับไล่
เป็นการพูดแบบข่มๆ กลบอาการนั่งไม่ติดของคนประชาธิปัตย์
เมื่อเห็นคนใต้ขึ้นป้ายแสดงความยินดีกับนายสมชาย
ความภาคภูมิใจในฐานะนายกฯคนปักษ์ใต้
เชียร์กันออกหน้าออกตา ถึงขั้นเปรียบบุคลิกกับนายชวน หลีกภัย
อดีตนายกรัฐมนตรี เทพเจ้าของพลพรรคประชาธิปัตย์
ถอดแบบพิมพ์เดียวกัน
"เด่น" จนโดน "เจ้าถิ่น" หมั่นไส้
ที่แน่ๆมันเป็นอะไรที่แปลก ในขณะที่นายกฯสมชายเจอ "เจ๊มหาภัย"
แหวกวงล้อมหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้าไปตะโกนด่า "สมชายขายชาติ"
มุกเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดน "ขบวนการเจ๊" หน่วยจรยุทธ์ของม็อบพันธมิตรฯดักด่าตามห้างดัง
เป็นข่าวใหญ่พาดหัวหนังสือพิมพ์
กระตุกขวัญจนหน้าเสีย
ตามราวีติดๆด้วยหน่วยเคลื่อนที่เร็วในชุดนักรบศรีวิชัยของม็อบพันธมิตรฯ
ไปรวมตัวประท้วงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี และขวางเส้นทางที่ขบวนรถ
ของนายกฯผ่าน ตะโกนด่ากันรายทาง ดักโห่ ไล่ทุกจุดที่แวะไป
ม็อบต้านออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่
แต่อีกภาพหนึ่งนายกฯสมชายกลับได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
จากประชาชนเรือนหมื่น ที่บ้านเกิดอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
แห่ห้อมล้อมเข้าจับไม้จับมือแสดงความชื่นชมยินดี
และจุดที่อารมณ์ขัดกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อคณะของนายสมชายได้
เดินทางเข้านมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
กลางเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีม็อบพันธมิตรฯประมาณ 100 คน
มายืนตะโกนด่า
ในขณะที่มวลชนนับพันที่มารอต้อนรับจนแน่นลานวัด โดยชาวบ้าน
บางส่วนถึงกับร้องไห้ที่นายสมชายถูกม็อบตะโกนด่าแบบเสียๆหายๆ
และก็เป็นนายสมชายที่ "แหลงใต้" พูดภาษาท้องถิ่นกับชาวบ้านที่มารอรับ
"รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดและอบอุ่นใจที่ได้รับการ
ต้อนรับ จะตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติจนสุดความสามารถ
ขอบคุณทุกท่านที่มาให้การต้อนรับในวันนี้ เมื่อมาที่วัดสวนขัน
ก็นึกถึงสมัยเป็นเด็กนักเรียน ทุกทีเคยวิ่งเล่นในวัดสมัยเด็กๆ
มีความรู้สึกว่าเป็นกันเอง
ถึงแม้จะเป็นนายกฯก็ตาม แต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกว่าห่างเหินกับที่นี่เลย
วันนี้ดีใจมากที่ได้มาไหว้พ่อท่านคล้าย ถ้ามีโอกาสจะมาอีก มีอะไรให้
ทางรัฐบาลช่วยเหลือขอให้แจ้งทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือ ส.ส.ในพื้นที่ได้เลย"
ลูกอ้อน "ชวน" ได้ผลยังไง "สมชาย" ก็เล่นเป็น
จริงอยู่ คงไม่สามารถพลิกแต้มได้
แต่โดยความเป็นเจ้าถิ่นที่ผูกขาดตีกิน อย่างน้อยๆก็ได้เห็นประชาธิปัตย์หวั่นไหว
เพราะไม่เคยเจอ โดยเฉพาะคนพะยี่ห้อ "ทักษิณ" ใกล้ตัวระดับน้องเขย
"นายใหญ่" ที่บุกถึงฐานใหญ่แล้วคนใต้ให้การต้อนรับเป็นเรือนหมื่น
ถึงกับร้องห่มร้องไห้
เห็นแล้วมันเสียดแทงใจ.
ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ รายงาน
แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2008-09-29 08:53:11
โพสต์โดย : ป้าแปะ
icon ID # 1127816 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 09:05:10 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ไปเจอรูปนี้ชอบค่ะ แต่เบื่อข้อเขียนอ่านแล้วปวดหัว
เลยเอาแต่รูปมาให้ดูจากเดลินิวส์ค่ะ
โพสต์โดย : jaewjah
icon ID # 1127819 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 09:06:01 _ ปิดข้อความ
สะจายยย... โสน้าน่าแมงสาป หุหุ
โพสต์โดย : ป้าแปะ
icon ID # 1127843 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 09:17:30 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ขอเพิ่มเติมข่าว จากมติชน สื่อที่เลวเสมอต้นเสมอปลาย
ลองอ่านดูนะคะ ว่าไอ้นี่มันเป็นสัตว์ชั้นต่ำขนาดไหน
"สนธิลิ้ม"ค้านวิธี24สถาบัน
เวลา 21.20 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร
กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า แนวคิดการเมืองใหม่ที่เสนอ
โดย 24 อธิการบดีนั้น เบื้องต้นเห็นด้วย แต่วิธีการ
ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการเสนอให้รัฐบาลเป็นผู้จัดตั้ง
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญนั้นไม่ถูก ต้อง
แนวทางที่ถูกต้องควรเริ่มจากประชาชน เพราะการ
เปิดให้โจรมาออกกฎระเบียบจับโจรนั้น คงไม่มีวันเกิด
ขึ้นได้ อ้อ เพิ่งรู้ เริ่มจากรัฐไม่ได้ ต้องเริ่มจากกบฎสินะ
ส่วนที่มีคนใช้มือตบขับไล่นายกรัฐมนตรีนั้น
มองว่าการใช้มือตบเป็นอารยะขัดขืนอย่างหนึ่ง
ต่อไปถ้าพบว่ามีใครใช้มือตบ ก็ถือว่าพันธมิตรขับไล่คนนั้น
เอ้า ฟังกันไว้นะ ไอ้ลอง เห็นเมิงปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น
ไม่ใช่พวกเมิงไง นี่พ่อเมิงเขาบอกเองเลยนะ
ฉันก็ว่าอย่างว่าแหละ ถ้าไม่ใช่พวกสมองกลวงอย่างพวกแก
คนที่มีความคิดอยู่บ้างใครเขาจะไปทำการอันเสียสติเช่นนั้น
โพสต์โดย : ป้าแปะ
icon ID # 1127865 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 09:23:46 _ ปิดข้อความ แก้ไข
สวัสดีค่ะคุณแจ๋วฯ ฝากอีกข่าว จากต่างประเทศค่ะ
เดโมแครต-รีพับลีกัน เห็นชอบ 700,000 ล้านเหรียญ กู้ชาติ
ข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักการเมืองของสหรัฐฯ ทั้งฝั่งเดโมแครต และรีพับลิกัน
ต่างเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง
สหรัฐฯใช้เงินจำนวนและสินเชื่อ มูลค่า 700,000 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ เพื่อเข้าไปซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา
ของประเทศ โดยมีเงื่อนไขว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องเข้าไปถือหุ้น
ในสถาบันการเงินเหล่านี้ และคาดว่าจะมีการโหวตเพื่อรับรองแผน
กู้วิกฤตฉบับนี้ในสภาคองเกรสในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ มาตราการดังกล่าว นับเป็นการเข้ามาแทรกแซงภาคการ
เงินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ นับตั้งแต่ทศวรรษ
ที่ 1930 เป็นต้นมา
อะไรดีๆอย่างนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นในประเทศ
ไทย ตราบใดที่พรรคฝ่ายค้านยังเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ที่พร้อมจะค้านตลอดศก ไม่เคยคิดเห็นประโยชน์ของชาติเอาเสียเลย
เห็นแล้วมันแทงใจดำ [29 ก.ย. 51 - 03:16]
"อย่างแรงเลย"
ในอารมณ์ดุเดือดเลือดพล่านของม็อบพันธมิตรฯปักษ์ใต้
ตั้งท่ารังเกียจนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี
ขัดขวางไม่ให้เดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ถึงขั้นต้องใช้ตำรวจปราบจลาจลมาคอยคุ้มกันความปลอดภัย
ร้อนแรงเกินห้ามใจ
แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครรับสมอ้างผลงานโบแดงกันเลย
"มหาจำลอง" พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ
รีบออกมาบอกปัด ม็อบนครฯไล่นายกฯสมชาย ไม่ได้ขึ้นกับม็อบ
พันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ
แค่คนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน
และก็รีบชิ่งเหมือนกัน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
ออกมาปฏิเสธกระแสข่าว พรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังของม็อบพันธมิตรฯ
นครศรีธรรมราช ต่อต้านการเดินทางกลับบ้านเกิดของนายกฯสมชาย
ย้ำเสียงแข็ง ไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง
ถ้าไม่บังเอิญว่าก่อนหน้านี้ ก็เป็นนายเทพไทเองที่ออกมาส่งซิกเตือนไว้
ถ้านายกฯสมชายลงไปจังหวัดนครศรีธรรมราช จะโดนม็อบพันธมิตรฯ
ปักษ์ใต้ขับไล่
เป็นการพูดแบบข่มๆ กลบอาการนั่งไม่ติดของคนประชาธิปัตย์
เมื่อเห็นคนใต้ขึ้นป้ายแสดงความยินดีกับนายสมชาย
ความภาคภูมิใจในฐานะนายกฯคนปักษ์ใต้
เชียร์กันออกหน้าออกตา ถึงขั้นเปรียบบุคลิกกับนายชวน หลีกภัย
อดีตนายกรัฐมนตรี เทพเจ้าของพลพรรคประชาธิปัตย์
ถอดแบบพิมพ์เดียวกัน
"เด่น" จนโดน "เจ้าถิ่น" หมั่นไส้
ที่แน่ๆมันเป็นอะไรที่แปลก ในขณะที่นายกฯสมชายเจอ "เจ๊มหาภัย"
แหวกวงล้อมหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้าไปตะโกนด่า "สมชายขายชาติ"
มุกเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดน "ขบวนการเจ๊" หน่วยจรยุทธ์ของม็อบพันธมิตรฯดักด่าตามห้างดัง
เป็นข่าวใหญ่พาดหัวหนังสือพิมพ์
กระตุกขวัญจนหน้าเสีย
ตามราวีติดๆด้วยหน่วยเคลื่อนที่เร็วในชุดนักรบศรีวิชัยของม็อบพันธมิตรฯ
ไปรวมตัวประท้วงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี และขวางเส้นทางที่ขบวนรถ
ของนายกฯผ่าน ตะโกนด่ากันรายทาง ดักโห่ ไล่ทุกจุดที่แวะไป
ม็อบต้านออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่
แต่อีกภาพหนึ่งนายกฯสมชายกลับได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
จากประชาชนเรือนหมื่น ที่บ้านเกิดอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
แห่ห้อมล้อมเข้าจับไม้จับมือแสดงความชื่นชมยินดี
และจุดที่อารมณ์ขัดกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อคณะของนายสมชายได้
เดินทางเข้านมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
กลางเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีม็อบพันธมิตรฯประมาณ 100 คน
มายืนตะโกนด่า
ในขณะที่มวลชนนับพันที่มารอต้อนรับจนแน่นลานวัด โดยชาวบ้าน
บางส่วนถึงกับร้องไห้ที่นายสมชายถูกม็อบตะโกนด่าแบบเสียๆหายๆ
และก็เป็นนายสมชายที่ "แหลงใต้" พูดภาษาท้องถิ่นกับชาวบ้านที่มารอรับ
"รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดและอบอุ่นใจที่ได้รับการ
ต้อนรับ จะตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติจนสุดความสามารถ
ขอบคุณทุกท่านที่มาให้การต้อนรับในวันนี้ เมื่อมาที่วัดสวนขัน
ก็นึกถึงสมัยเป็นเด็กนักเรียน ทุกทีเคยวิ่งเล่นในวัดสมัยเด็กๆ
มีความรู้สึกว่าเป็นกันเอง
ถึงแม้จะเป็นนายกฯก็ตาม แต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกว่าห่างเหินกับที่นี่เลย
วันนี้ดีใจมากที่ได้มาไหว้พ่อท่านคล้าย ถ้ามีโอกาสจะมาอีก มีอะไรให้
ทางรัฐบาลช่วยเหลือขอให้แจ้งทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือ ส.ส.ในพื้นที่ได้เลย"
ลูกอ้อน "ชวน" ได้ผลยังไง "สมชาย" ก็เล่นเป็น
จริงอยู่ คงไม่สามารถพลิกแต้มได้
แต่โดยความเป็นเจ้าถิ่นที่ผูกขาดตีกิน อย่างน้อยๆก็ได้เห็นประชาธิปัตย์หวั่นไหว
เพราะไม่เคยเจอ โดยเฉพาะคนพะยี่ห้อ "ทักษิณ" ใกล้ตัวระดับน้องเขย
"นายใหญ่" ที่บุกถึงฐานใหญ่แล้วคนใต้ให้การต้อนรับเป็นเรือนหมื่น
ถึงกับร้องห่มร้องไห้
เห็นแล้วมันเสียดแทงใจ.
ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ รายงาน
แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2008-09-29 08:53:11
โพสต์โดย : ป้าแปะ
icon ID # 1127816 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 09:05:10 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ไปเจอรูปนี้ชอบค่ะ แต่เบื่อข้อเขียนอ่านแล้วปวดหัว
เลยเอาแต่รูปมาให้ดูจากเดลินิวส์ค่ะ
โพสต์โดย : jaewjah
icon ID # 1127819 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 09:06:01 _ ปิดข้อความ
สะจายยย... โสน้าน่าแมงสาป หุหุ
โพสต์โดย : ป้าแปะ
icon ID # 1127843 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 09:17:30 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ขอเพิ่มเติมข่าว จากมติชน สื่อที่เลวเสมอต้นเสมอปลาย
ลองอ่านดูนะคะ ว่าไอ้นี่มันเป็นสัตว์ชั้นต่ำขนาดไหน
"สนธิลิ้ม"ค้านวิธี24สถาบัน
เวลา 21.20 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร
กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า แนวคิดการเมืองใหม่ที่เสนอ
โดย 24 อธิการบดีนั้น เบื้องต้นเห็นด้วย แต่วิธีการ
ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการเสนอให้รัฐบาลเป็นผู้จัดตั้ง
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญนั้นไม่ถูก ต้อง
แนวทางที่ถูกต้องควรเริ่มจากประชาชน เพราะการ
เปิดให้โจรมาออกกฎระเบียบจับโจรนั้น คงไม่มีวันเกิด
ขึ้นได้ อ้อ เพิ่งรู้ เริ่มจากรัฐไม่ได้ ต้องเริ่มจากกบฎสินะ
ส่วนที่มีคนใช้มือตบขับไล่นายกรัฐมนตรีนั้น
มองว่าการใช้มือตบเป็นอารยะขัดขืนอย่างหนึ่ง
ต่อไปถ้าพบว่ามีใครใช้มือตบ ก็ถือว่าพันธมิตรขับไล่คนนั้น
เอ้า ฟังกันไว้นะ ไอ้ลอง เห็นเมิงปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น
ไม่ใช่พวกเมิงไง นี่พ่อเมิงเขาบอกเองเลยนะ
ฉันก็ว่าอย่างว่าแหละ ถ้าไม่ใช่พวกสมองกลวงอย่างพวกแก
คนที่มีความคิดอยู่บ้างใครเขาจะไปทำการอันเสียสติเช่นนั้น
โพสต์โดย : ป้าแปะ
icon ID # 1127865 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-29 09:23:46 _ ปิดข้อความ แก้ไข
สวัสดีค่ะคุณแจ๋วฯ ฝากอีกข่าว จากต่างประเทศค่ะ
เดโมแครต-รีพับลีกัน เห็นชอบ 700,000 ล้านเหรียญ กู้ชาติ
ข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักการเมืองของสหรัฐฯ ทั้งฝั่งเดโมแครต และรีพับลิกัน
ต่างเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง
สหรัฐฯใช้เงินจำนวนและสินเชื่อ มูลค่า 700,000 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ เพื่อเข้าไปซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา
ของประเทศ โดยมีเงื่อนไขว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องเข้าไปถือหุ้น
ในสถาบันการเงินเหล่านี้ และคาดว่าจะมีการโหวตเพื่อรับรองแผน
กู้วิกฤตฉบับนี้ในสภาคองเกรสในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ มาตราการดังกล่าว นับเป็นการเข้ามาแทรกแซงภาคการ
เงินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ นับตั้งแต่ทศวรรษ
ที่ 1930 เป็นต้นมา
อะไรดีๆอย่างนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นในประเทศ
ไทย ตราบใดที่พรรคฝ่ายค้านยังเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ที่พร้อมจะค้านตลอดศก ไม่เคยคิดเห็นประโยชน์ของชาติเอาเสียเลย
วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551
ตำรวจไทย..มีไว้ทำไม
จากข่าวที่มีพวกป่วนไปตามรังควาญนายกรัฐมนตรีในทุกที่
ด่าทอด้วยกิริยาหยาบช้า ถือเป็นควมผิดซึ่งหน้า นายกฯอาจ
บอว่าไม่ถือ แต่ตำรวจไทยทำอะไร การที่จะปล่อยให้เรื่องอย่างนี้
เกิดขึ้นซ้ำซาก ไปทั่วประเทศ มันถูกหรือ
คนที่ไอ้พวกบ้านี่มายืนชี้หน้าด่า ก็ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆ
แต่เป็นถึงนายกรัฐมตรี ผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหาร แต่ตำรวจกลับ
นิ่งเฉย ปล่อยให้เรื่องอย่างนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก งงจริงๆค่ะ แล้วไอ้
คำที่ว่าทำผิดซึ่งหน้านี่มันหมายความว่าอย่างไร เขาด่าทอนายกฯ
ซึ่งๆหน้า กลับไม่ทำอะไรสักอย่าง
อย่างนี้ฉันจะไปฟ้องร้องเอาผิดที่ท่านละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
จนหลุดออกจากตำแหน่งได้ไหม เหมือนที่ไอ้พวกมาร
มันทำกับตำรวจที่ เซ็นทรัลเวิล์ด ที่ไม่จัดการให้พวกมัน
จนหลุดจากความเป็นตำรวจ
หากพวกท่านไม่จัดการอะไร เอาแต่ยืนเฉย ฟังเขาด่าทอนายกฯ
ซึ่งถือว่าเป็นนายโดยตรงของท่านได้ แล้วประชาชนธรรมดา
อย่างพวกฉันจะอยู่กันได้อย่างไร ไหน ร้องเพลงกันว่า ตำรวจอยู่ไหน
ประชาอุ่นใจไง นี่หรือคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ การด่าทอในที่สาธารณะ
มันก็ส่อให้เห็นแล้วว่าไร้ซึ่งสันติ
หากตำรวจกวดขันกว่านี้หน่อย จับเอาไปทำประวัติที่โรงพัก
ปรับมันคนละสัก500 ก็ยังดี ทีหลังจะได้หลาบจำ แต่นี่ไม่มี
เลย ปล่อยให้เกิดครั้งแล้วครั้งเล่า จะมาอ้างว่านายกฯไม่ถือโกรธ
มันถูกหรือ มีหน้าที่แต่ไม่ทำ จะต้องรอให้นายกฯเขาสั่งด้วยหรือ
อย่างนี้มากินเงินเดือนทำไม
ด่าทอด้วยกิริยาหยาบช้า ถือเป็นควมผิดซึ่งหน้า นายกฯอาจ
บอว่าไม่ถือ แต่ตำรวจไทยทำอะไร การที่จะปล่อยให้เรื่องอย่างนี้
เกิดขึ้นซ้ำซาก ไปทั่วประเทศ มันถูกหรือ
คนที่ไอ้พวกบ้านี่มายืนชี้หน้าด่า ก็ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆ
แต่เป็นถึงนายกรัฐมตรี ผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหาร แต่ตำรวจกลับ
นิ่งเฉย ปล่อยให้เรื่องอย่างนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก งงจริงๆค่ะ แล้วไอ้
คำที่ว่าทำผิดซึ่งหน้านี่มันหมายความว่าอย่างไร เขาด่าทอนายกฯ
ซึ่งๆหน้า กลับไม่ทำอะไรสักอย่าง
อย่างนี้ฉันจะไปฟ้องร้องเอาผิดที่ท่านละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
จนหลุดออกจากตำแหน่งได้ไหม เหมือนที่ไอ้พวกมาร
มันทำกับตำรวจที่ เซ็นทรัลเวิล์ด ที่ไม่จัดการให้พวกมัน
จนหลุดจากความเป็นตำรวจ
หากพวกท่านไม่จัดการอะไร เอาแต่ยืนเฉย ฟังเขาด่าทอนายกฯ
ซึ่งถือว่าเป็นนายโดยตรงของท่านได้ แล้วประชาชนธรรมดา
อย่างพวกฉันจะอยู่กันได้อย่างไร ไหน ร้องเพลงกันว่า ตำรวจอยู่ไหน
ประชาอุ่นใจไง นี่หรือคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ การด่าทอในที่สาธารณะ
มันก็ส่อให้เห็นแล้วว่าไร้ซึ่งสันติ
หากตำรวจกวดขันกว่านี้หน่อย จับเอาไปทำประวัติที่โรงพัก
ปรับมันคนละสัก500 ก็ยังดี ทีหลังจะได้หลาบจำ แต่นี่ไม่มี
เลย ปล่อยให้เกิดครั้งแล้วครั้งเล่า จะมาอ้างว่านายกฯไม่ถือโกรธ
มันถูกหรือ มีหน้าที่แต่ไม่ทำ จะต้องรอให้นายกฯเขาสั่งด้วยหรือ
อย่างนี้มากินเงินเดือนทำไม
ทำไมสนธิจึงไม่เคยเข้าประชุมเสวนาเรื่องการเมืองใหม่
ID # 723888 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-28 16:46:17 _ ปิดข้อความ แก้ไข
แปลกไหมคะ ไหนว่าเป็นแกนนำ เป็นคนดำเนินการวางแผนทำนู่นทำนี่สารพัด
เดี๋ยวจะเอาอย่างนั้นเดี๋ยวจะเอาอย่างนี้ เดี๋ยวจะเคลื่อนไปโน่นเดี๋ยวจะเคลื่อนไปนี่
แต่เรื่องใหญ่ในการเสนอการเมืองใหม่ จัดเสวนามาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกมีคน
(เอ๋หรือควาย) ร่วมประชุม 10ตัว ครั้งที่สอง มีเพิ่มมาอีก เป็น40ตัว เป็นที่น่า
สังเกตคือ ลิ้มไม่เข้าทั้งสองครั้ง ปล่อยแกนนำตัวอื่นๆบรรเลงแทน
ทำให้น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าเพราะอะไร ครั้งแรก อาจอ้างว่าป่วย แล้วครั้งที่สอง
เป็นอะไรอีก คิดไปคิดมา คิดได้ว่าอาจเป็นเพราะ
1.ลิ้มไม่เห็นด้วยกับการเมืองใหม่...ลิ้มเห็นว่ามันบ้าบอเกินเหตุ
ครั้นจะลงมาคลุกด้วยก็กลัวเสียฟอร์ม ลิ้มคงไม่คิดว่าจะมีคนบ้า
บอตามไปช่วยคิดกันยกใหญ่
2.ลิ้มกะว่าจะลอยตัว หากไม่เข้ามาร่วมสัมนา คนอาจมองว่า
ลิ้มเป็นกลาง ลิ้มไม่ได้เข้ามาเกลือกกลั้ว กะว่า อธิการบดี(สนช.)
เสนอประเวศ คนคงไม่เอา ตอนนี้แหละ ลิ้มจะได้กระโดดมา
เป็นประธานคณะกรรมการเอง ก็แหม เชาวลิตก็พวกกัน เขาคงเลือก
ลิ้มแน่ๆ เพราะอธิการบดี เขาสั่งไว้แล้วว่า นายกฯเลือกได้คนเดียว
คือประธาน ส่วนคณะกรรมการทั้งหมด ประธานจะเป็นคนมีอำนาจ
แต่งตั้งเอง งานนี้กะงาบเดือนละ แสนสี่พันอีกต่อคนอีกแน่ๆ
เพื่อนๆลองช่วยกันคิดหน่อยสิคะว่าทำไมมันไม่เข้าร่วมเสวนาด้วย
โพสต์โดย : สามพ.พาน
โพสต์เมื่อ : 2008-09-28 17:57:41
ถ้าเอาข้อมูลเชิงลึก คือ เกิดความแตกแยกในระหว่างพวกแกนนำเองอย่างรุนแรงในก่อนหน้านี้ ตามข่าวลือจริง และ 2 แกนนำระหว่างเจ้ากะทิ กับพลตรีของปลอม ทะเลาะกันเรื่องเงินบริจาค จนกระทั่งมีเรื่องที่ 2 คนใน 9 กบฎแอบออกไปนอนที่โรงแรมข้างนอก ที่รร. 4 4 อะไรนี่ล่ะ ข่าวนี้นอกจากที่หน้าเวปที่เราอ่านกันแล้ว คอนเฟริม์ด้วยข้อมูลจากปากของทีมงาน asstv ตัวสำคัญที่คุยข้อมูลให้พี่ชายผมฟัง เนื่องจากพี่ชายเคยเป็นหัวหน้างานของพวกนี้ตอนทำสื่อบางฉบับ ก่อนหน้าที่พวกทีมงานนี้จะย้ายเข้ามาร่วมกับ asstv ในปัจจุบัน
แปลกไหมคะ ไหนว่าเป็นแกนนำ เป็นคนดำเนินการวางแผนทำนู่นทำนี่สารพัด
เดี๋ยวจะเอาอย่างนั้นเดี๋ยวจะเอาอย่างนี้ เดี๋ยวจะเคลื่อนไปโน่นเดี๋ยวจะเคลื่อนไปนี่
แต่เรื่องใหญ่ในการเสนอการเมืองใหม่ จัดเสวนามาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกมีคน
(เอ๋หรือควาย) ร่วมประชุม 10ตัว ครั้งที่สอง มีเพิ่มมาอีก เป็น40ตัว เป็นที่น่า
สังเกตคือ ลิ้มไม่เข้าทั้งสองครั้ง ปล่อยแกนนำตัวอื่นๆบรรเลงแทน
ทำให้น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าเพราะอะไร ครั้งแรก อาจอ้างว่าป่วย แล้วครั้งที่สอง
เป็นอะไรอีก คิดไปคิดมา คิดได้ว่าอาจเป็นเพราะ
1.ลิ้มไม่เห็นด้วยกับการเมืองใหม่...ลิ้มเห็นว่ามันบ้าบอเกินเหตุ
ครั้นจะลงมาคลุกด้วยก็กลัวเสียฟอร์ม ลิ้มคงไม่คิดว่าจะมีคนบ้า
บอตามไปช่วยคิดกันยกใหญ่
2.ลิ้มกะว่าจะลอยตัว หากไม่เข้ามาร่วมสัมนา คนอาจมองว่า
ลิ้มเป็นกลาง ลิ้มไม่ได้เข้ามาเกลือกกลั้ว กะว่า อธิการบดี(สนช.)
เสนอประเวศ คนคงไม่เอา ตอนนี้แหละ ลิ้มจะได้กระโดดมา
เป็นประธานคณะกรรมการเอง ก็แหม เชาวลิตก็พวกกัน เขาคงเลือก
ลิ้มแน่ๆ เพราะอธิการบดี เขาสั่งไว้แล้วว่า นายกฯเลือกได้คนเดียว
คือประธาน ส่วนคณะกรรมการทั้งหมด ประธานจะเป็นคนมีอำนาจ
แต่งตั้งเอง งานนี้กะงาบเดือนละ แสนสี่พันอีกต่อคนอีกแน่ๆ
เพื่อนๆลองช่วยกันคิดหน่อยสิคะว่าทำไมมันไม่เข้าร่วมเสวนาด้วย
โพสต์โดย : สามพ.พาน
โพสต์เมื่อ : 2008-09-28 17:57:41
ถ้าเอาข้อมูลเชิงลึก คือ เกิดความแตกแยกในระหว่างพวกแกนนำเองอย่างรุนแรงในก่อนหน้านี้ ตามข่าวลือจริง และ 2 แกนนำระหว่างเจ้ากะทิ กับพลตรีของปลอม ทะเลาะกันเรื่องเงินบริจาค จนกระทั่งมีเรื่องที่ 2 คนใน 9 กบฎแอบออกไปนอนที่โรงแรมข้างนอก ที่รร. 4 4 อะไรนี่ล่ะ ข่าวนี้นอกจากที่หน้าเวปที่เราอ่านกันแล้ว คอนเฟริม์ด้วยข้อมูลจากปากของทีมงาน asstv ตัวสำคัญที่คุยข้อมูลให้พี่ชายผมฟัง เนื่องจากพี่ชายเคยเป็นหัวหน้างานของพวกนี้ตอนทำสื่อบางฉบับ ก่อนหน้าที่พวกทีมงานนี้จะย้ายเข้ามาร่วมกับ asstv ในปัจจุบัน
วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551
ความเป็นกลางไม่มีในโลก
ในโลกนี้มีใครเป็นกลางด้วยหรือคะ คนที่เป็นกลางจริงๆไม่ชอบสักฝ่ายเนี่ย
มีด้วยหรือ เห็นมีแต่คนที่นอนเป็นผักปลา ไม่รู้เรื่อง ไม่หือไม่อือ พวกนั้นแหละค่ะ
ถึงจะเรียกว่าเป็นกลาง เพราะได้รับรู้อะไร ข่าวสารก็ไม่เคยฟัง
แต่คนปกติ ที่ยังมีกิเลศอยู่ มีรัก โลภโกรธหลง มีหรือที่จะเป็นกลาง
ไม่เข้ากับฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งแน่นอน เพียงแต่เขาอาจไม่กล้าบอกใคร
เพราะมันขึ้นอยู่กับคนที่ถามด้วย เอาง่ายๆ ถ้าคุณไปเจอพวกอันธพาล
แล้วคุณอยู่คนเดียวเขาถามคุณว่าคุณอยู่ฝ่ายไหน ขอย้ำคุณอยู่คนเดียว
อันธพาลทั้งฝูง แม้ไม่กล้าพอที่จะบอกว่าคุณอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
คุณก็คงไม่ถึงกับบอกว่าคุณเชียร์พวกเขาอยู่ จริงไหมคะ
อย่างดีคุณก็จะบอกว่า ไม่รู้สิ คุณอยู่ตรงกลาง คุณเป็นกลาง
ไม่เข้ากับฝ่ายไหนทั้งนั้น เผลอๆคุณอาจทำหน้าตาเหรอหรา
แล้วบอกว่าพูดเรื่องอะไรกันอ้ะ ที่บ้านทีวีเสียไม่ได้รับข่าวสาร
มานานแล้ว แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่ก็หาทางหนีออกมา
เพราะฉะนั้นไม่มีหรอกค่ะ คนที่เป็นกลางน่ะ ไอ้ที่อธิการบดีสติเฟื่อง
ออกมาเสนอคนแก่ที่อ้าปากออกมาทีไรคนเขาก็รู้กันทั่ว ว่าอยู่ฝ่ายไหน
ว่าเป็นกลางใช้ได้น่ะ ทางฝ่ายเราก็คงไม่ยอมรับ ไอ้ครั้นฝ่ายเราเสนอไป
มันก็ตั้งแง่กันอีกว่าไม่เป็นกลาง ดังนั้นการที่ท่านนายกฯสมชายตอบไปนั้น
จึงถูกต้องที่สุด คือตอบว่าไม่ทราบยังไม่ศึกษารายละเอียด ขณะนี้ขอเวลา
ทำงานก่อน
เหอๆเป็นไงหน้าแตกไหมนั่น ออกมาขู่เหยงๆว่าต้องบรรจุเป็นวาระ
แห่งชาติให้เวลาแค่ 120วัน ป้าดโธ่เอ๋ยรัฐบาลจะอยู่ถึงหรือเปล่าไม่รู้
ถ้าจะรีบนะ เขาก็ต้องรีบแก้รัฐธรรมนูญก่อนเลยแหละ ไม่รู้หรือ
จะมาเสนอการเมืองใหม่บ้าบอตามคนบ้าในทำเนียบน่ะ
มันใช่เรื่องหรอกหรือ
ก่อนอื่นนะ ไม่ว่าใครก็ตาม จะเสนออะไรก็ตาม ต้องกล้าที่จะบอกว่า
ไอ้พวกบ้าในทำเนียบทำผิด โดนข้อหากบฎ รัฐต้องรีบจัดการ
ถ้ากล้าเปิดปากแบบนี้นะ คงจะมีคนหันมาสนใจคำพูดบ้าง
ถ้าหากยังไม่สามารถแยกผิดออกจากถูกได้
ก็อย่าหวังว่าจะมาเสนอหน้าบ้าบออยู่เลย
แล้วมันก็แปลกไหมล่ะ ไอ้พวกพันธมิตรนอกทำเนียบ ถึงกับออกอาการ
โดดงับเหยื่อกันเป็นแถวๆ ไม่ว่าสวะ หรือแมลงสาบ เหอๆ พวกเดียวกัน
นี่นา ช่วยกันหาทางออกให้เพื่อนกันยกใหญ่
จำไว้ ความเป็นกลางไม่มีในโลก การที่แกออกมาประสานเสียงยอม
รับการเมืองใหม่ มันก็แสดงแล้วว่าแกเป็นฝ่ายโน้น แล้วจะมาว่าเป็นกลาง
ตรงไหนวะ
มีด้วยหรือ เห็นมีแต่คนที่นอนเป็นผักปลา ไม่รู้เรื่อง ไม่หือไม่อือ พวกนั้นแหละค่ะ
ถึงจะเรียกว่าเป็นกลาง เพราะได้รับรู้อะไร ข่าวสารก็ไม่เคยฟัง
แต่คนปกติ ที่ยังมีกิเลศอยู่ มีรัก โลภโกรธหลง มีหรือที่จะเป็นกลาง
ไม่เข้ากับฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งแน่นอน เพียงแต่เขาอาจไม่กล้าบอกใคร
เพราะมันขึ้นอยู่กับคนที่ถามด้วย เอาง่ายๆ ถ้าคุณไปเจอพวกอันธพาล
แล้วคุณอยู่คนเดียวเขาถามคุณว่าคุณอยู่ฝ่ายไหน ขอย้ำคุณอยู่คนเดียว
อันธพาลทั้งฝูง แม้ไม่กล้าพอที่จะบอกว่าคุณอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
คุณก็คงไม่ถึงกับบอกว่าคุณเชียร์พวกเขาอยู่ จริงไหมคะ
อย่างดีคุณก็จะบอกว่า ไม่รู้สิ คุณอยู่ตรงกลาง คุณเป็นกลาง
ไม่เข้ากับฝ่ายไหนทั้งนั้น เผลอๆคุณอาจทำหน้าตาเหรอหรา
แล้วบอกว่าพูดเรื่องอะไรกันอ้ะ ที่บ้านทีวีเสียไม่ได้รับข่าวสาร
มานานแล้ว แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่ก็หาทางหนีออกมา
เพราะฉะนั้นไม่มีหรอกค่ะ คนที่เป็นกลางน่ะ ไอ้ที่อธิการบดีสติเฟื่อง
ออกมาเสนอคนแก่ที่อ้าปากออกมาทีไรคนเขาก็รู้กันทั่ว ว่าอยู่ฝ่ายไหน
ว่าเป็นกลางใช้ได้น่ะ ทางฝ่ายเราก็คงไม่ยอมรับ ไอ้ครั้นฝ่ายเราเสนอไป
มันก็ตั้งแง่กันอีกว่าไม่เป็นกลาง ดังนั้นการที่ท่านนายกฯสมชายตอบไปนั้น
จึงถูกต้องที่สุด คือตอบว่าไม่ทราบยังไม่ศึกษารายละเอียด ขณะนี้ขอเวลา
ทำงานก่อน
เหอๆเป็นไงหน้าแตกไหมนั่น ออกมาขู่เหยงๆว่าต้องบรรจุเป็นวาระ
แห่งชาติให้เวลาแค่ 120วัน ป้าดโธ่เอ๋ยรัฐบาลจะอยู่ถึงหรือเปล่าไม่รู้
ถ้าจะรีบนะ เขาก็ต้องรีบแก้รัฐธรรมนูญก่อนเลยแหละ ไม่รู้หรือ
จะมาเสนอการเมืองใหม่บ้าบอตามคนบ้าในทำเนียบน่ะ
มันใช่เรื่องหรอกหรือ
ก่อนอื่นนะ ไม่ว่าใครก็ตาม จะเสนออะไรก็ตาม ต้องกล้าที่จะบอกว่า
ไอ้พวกบ้าในทำเนียบทำผิด โดนข้อหากบฎ รัฐต้องรีบจัดการ
ถ้ากล้าเปิดปากแบบนี้นะ คงจะมีคนหันมาสนใจคำพูดบ้าง
ถ้าหากยังไม่สามารถแยกผิดออกจากถูกได้
ก็อย่าหวังว่าจะมาเสนอหน้าบ้าบออยู่เลย
แล้วมันก็แปลกไหมล่ะ ไอ้พวกพันธมิตรนอกทำเนียบ ถึงกับออกอาการ
โดดงับเหยื่อกันเป็นแถวๆ ไม่ว่าสวะ หรือแมลงสาบ เหอๆ พวกเดียวกัน
นี่นา ช่วยกันหาทางออกให้เพื่อนกันยกใหญ่
จำไว้ ความเป็นกลางไม่มีในโลก การที่แกออกมาประสานเสียงยอม
รับการเมืองใหม่ มันก็แสดงแล้วว่าแกเป็นฝ่ายโน้น แล้วจะมาว่าเป็นกลาง
ตรงไหนวะ
/
โพสต์เมื่อ : 2008-09-25 07:00:08
\"กระบวนการควบรวมระหว่างระบอบทักษิณกับอมาตยาธิปไตย\"
By ruarob
การ เข้ารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่พรรคพลังประชาชนคนใหม่ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นำไปสู่การเปิดศักราชใหม่ระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทักษิณกับกลุ่ม อำนาจดั้งเดิมของประเทศ จากการที่ยืนอยู่คนละฝั่งกันและระดมทุกขีดความสามารถห้ำหั่นกันจนประเทศดิ่ง จมลงทุกวัน กลับกลายเป็นการพบโอกาสทองในการประสานประโยชน์กันได้ระหว่างสองกลุ่ม โอกาสนี้จะถูกพัฒนาใช้อย่างสุดยอดหรือไม่ และจะมีตัวแปรใดสกัดขัดขวาง นั้นเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนสังคมต้องจับตามอง ด้วยลมหายใจของความหวังว่าประเทศไทยจะสงบสุขเสียที
กระบวนการ ก้าวเข้าสู่ความสงบสุขทางการแบบไทยๆ นั้น อาจเรียกว่าเป็น PAX THAILANDIA ที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศอันประกอบด้วย นายทุน ขุนศึกและศักดินา มีความลงตัวในผลประโยชน์ระหว่างกัน ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีไม่งามอะไรบ้าง ก็ไปอยู่ใต้พรมหรือละเลยกันไปบ้าง หากเรื่องนั้นมิใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แนวทาง peaceful coexistence แบบนี้บริบทหลักสังคมการเมืองไทยก่อนปี 2544 เต็มไปด้วยการเมืองน้ำเน่าก็จริง แต่ปราศจากความเกลียดชังกันถึงราก
ระบอบ ทักษิณ ถ้าหากจะมี ได้เข้ามาเปลี่ยนความสงบสุขแบบนี้ โดยนำระบบ winner takes all มาใช้ ซึ่งเป็นธรรมชาติหลักของทุนนิยมข้ามชาติอยู่แล้ว ในเมื่อไม่ชนะครองทั้งหมดก็ต้องแพ้แน่นอน ไม่มีที่เหลือให้คนเป็นกลาง การสู้รบกับอำนาจดั้งเดิมจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ และระบาดเละกันไปทั้งประเทศอย่างที่เราทุกคนได้รับผลกระทบกันอยู่ การมาถึงของนายสมชาย จึงเป็นความหวังของทุกฝ่ายที่ต้องการหยุดรบโดยไม่แพ้
การ ที่นายสมชายคลุกคลีกับโครงสร้างส่วนบนของสังคมมาทั้งชีวิต ทั้งยังเป็นคีย์แมนของระบอบทักษิณด้วย ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะยิ่งในการไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียหน้า และเขาทราบดีถึงธรรมชาติที่แท้จริงแล้ว คนในค่ายทักษิณและค่ายอมาตยานั้นมีความคล้ายคลึงกันเพียงไร
นาย ทุน ขุนศึก ศักดินานั้นมีอยู่ทั้งสองค่าย แม้จะมีความจงรักในผู้นำของตัวต่างกัน แต่วิถีการดำรงชีพและแสวงประโยชน์ล้วนเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเฉพาะนักการเมืองค่าย ก.เท่านั้นที่โกงเป็น ค่าย ข. ก็มีเช่นนี้ ไม่ใช่ พลเอกของค่ายนี้เท่านั้นที่คุณธรรมล้นเหลือ แต่ค่ายโน้นก็มีเช่นกัน มายาคติที่แบ่งขั้วว่าข้างฉันถูกทั้งหมด ข้างแกผิดทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องเลยเถิดของสังคมวันนี้จนต้องหาทางลงกันให้ได้ ก่อนที่จะถึงขั้นนองเลือด
เมื่อถูกบีบจนถึงขีดสุด คนในระบอบทักษิณต้องปรับตัวจึงกลายพันธุ์ เพราะเมื่อปราศจากผู้นำที่แข็งแกร่ง เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือนายสมัคร สุนทรเวช คนอื่นๆ ก็กลับไปสู่ระบบเดิมที่ตนเองคุ้นเคยก่อนปี 2544 ดีกว่า นั่นก็คือระบบที่นายทุน ขุนศึก ศักดินา อยู่กันได้อย่างเกื้อกูลกันดังที่ว่า เราจึงได้เห็นภาพนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อสายคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ขั้วตรงข้าม ซึ่งก็ได้รับไมตรีเป็นอย่างดี ยกเว้นพวกหัวรุนแรง
ไม่ใช่ว่าฝ่าย ระบอบทักษิณปรับตัวเป็นอย่างเดียว ฝ่ายอมาตยาก็ปรับตัวด้วย ไม่ใช่ว่าต้องทำลายฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซากแล้วตนเองก็บอบช้ำหนัก เพราะแนวทางหลายอย่างที่ไทยรักไทย-พลังประชาชน นำมาให้กับสังคมนั้น คือแนวทางของโลกยุคใหม่ที่ในห้วงต่อไป ใครต่อใครก็ต้องใช้แนวทางนี้ นั่นคือการสร้างประชานิยมแบบยั่งยืน และเสริมใยเหล็กด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
ระบอบ ทักษิณสามารถได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเพราะชนะใจคนชั้นล่าง พลังซึ่งชนชั้นสูงเคยละเลย หาว่าโง่เง่าเอาแต่รอรับของแจก แต่วันนี้คนชั้นล่างไม่ได้เป็นเช่นยุคห้าสิบปีก่อนอีกแล้ว พวกเขาฉลาดที่จะเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนตนเอง พร้อมทั้งพัฒนาโนว์ฮาวให้ดีขึ้นไปอีกโดยไม่มายึดติดกับเรื่องนามธรรมเช่น คุณธรรมดังที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง เรื่องเช่นนี้ฝ่ายอำนาจดั้งเดิมก็ทราบดี และปัจจุบัน ก็จะใช้แนวทางเดียวกันนี้ในการจูงใจชนชั้นล่างให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ผสานกับทุนภาพลักษณ์ดั้งเดิมของตนที่มีอยู่แล้ว คาดว่าแนวทางแบบนี้ในอนาคตระบอบอมาตยาธิปไตยจะทำได้เหนือกว่าทักษิณเสียด้วย ซ้ำ
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นข่าวทั้งสองฝ่ายเริ่มจูนเข้าหา กัน พยายามหาทางลงให้กัน ชะตากรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูจะเป็นเรื่องรองลงไป เพราะไม่ใช่ภัยคุกคามหลักของฝ่ายอมาตยาอีกต่อไป ที่น่าสนใจคือ ความแบ่งขั้วของประชาชนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตราบใดที่ชนชั้นโครงสร้างส่วนบนดีต่อกัน พลังของส่วนล่างก็จะไม่มีทางพลิกเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และถ้าสิ่งที่เขียนในพารากราฟที่แล้วเป็นจริง ทั้งสองชนชั้นจะใกล้ชิดและหลอมตัวเข้าหากัน เอื้อประโยชน์ต่อกันมากกว่ายุคใดๆ โครงสร้างเบื้องล่างของสังคมก็จะค่อยๆ ปรับตัวรับสภาพเช่นนี้ไปเอง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่ขัดขวางการหลอมรวมกันเป็นระบอบอมาตยาธิปไตยยุคใหม่อันทันสมัย นั้นก็คือ กลุ่มหัวรุนแรงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามนี่เอง ในเมื่อนายทัพเขาจับมือกัน แต่ลูกทัพไม่จับมือด้วย ศึกครั้งต่อไปก็จะเกิดขึ้นภายในทัพนั้นๆ เอง ประเด็นนี้เป็นประเด็นน่ากลัวทีเดียว
หากมีการรอมชอม ฝ่ายที่รอมชอมจะต้องมีทั้งได้ทั้งเสีย ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปหรือเสียบรรยากาศของความสมานฉันท์ กรณีเช่นนี้ Front ของทั้งสองฝ่ายจะยอมรับได้หรือไม่ ยอมรับว่าคนที่ตนเองชื่นชมว่าเป็นเสาหลักแบ็คอัพอยู่ของฝ่ายตัว ดันยอมลงให้กับข้อเสนอบางอย่างของฝ่ายตรงข้าม เช่น ระบอบประชาธิปไตยแบบสรรหาอย่างเต็มรูปแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ หรือคนที่เคยมีมลทินจากการกล่าวหาหรือถึงขั้นต้องคดีก็จะยังโลดแล่นอยู่บน เวทีการเมืองได้ เป็นต้น
ระบอบทักษิณสิ้นพลังไปแล้ว แต่ระบอบอมาตยาธิปไตยที่กำลังได้เปรียบก็จะนำแนวทางหลายอย่างของระบอบทักษิณ มาใช้ ไม่ต่างอะไรกับพม่าชนะมอญและรับธรรมเนียมหงสาวดีหลายอย่างมาเป็นของตัว ยิ่งไปกว่านั้น หากต้องใช้กำลังเพื่อปกป้องความยั่งยืนของตนตามแนวทางประยุกต์นี้ ฝ่ายอมาตยาก็พร้อมที่จะทำเหมือนที่เคยทำ ไม่ว่าปรปักษ์ในศึกหนหน้าจะเป็นผู้ที่เคยอยู่ใน line เดียวกันหรือไม่
การ พลิกผันของภาวการณ์นี้ ย่อมกระทบต่อคนธรรมดาอย่างพวกเราทุกคนด้วย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเตรียมพร้อมกับความเข้าใจว่า \"ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์ที่เป็นนิรันดร์\" ขนาดไหน
(ที่มา)
http://newsroom.bangkokbiznews.com/comment.php?id=4310&user=ruarob
โพสต์เมื่อ : 2008-09-25 08:52:17
เป็นคนหัวรุนแรง ไม่ชอบประนีประนอมอ้ะ ยอมมาตั้งนานแล้ว
ถึงจะเสียเลือดเสียเนื้อบ้าง ก็คงไม่แปลก เพราะเคยได้ยินว่า
ประชาธิปไตยไม่เคยได้มาเปล่าๆ ต้องเอาเลือดแลกมาทั้งนั้น
หากยอมครั้งนี้ เราก็ต้องจมปลักอยู่อีกไม่รู้กี่สิบปี ไม่เอาล่ะ
หากจะรบ ก็ต้องรบให้เต็มเหนี่ยว สมยอมกันอย่างนี้ รากหญ้าก็เหนื่อยเปล่า
หลอกใช้ประชาชน แล้วในที่สุดพอสมประโยชน์กัน
ก็เลิก ไม่ได้หรอก เชื่อว่าคนที่ทุ่มมาแล้วทั้งตัว คงไม่มีใครยอม
ไม่ว่าฝ่ายไหนล่ะ ที่อีกฝ่ายทำท่าเหมือยโอนอ่อนพร้อมแลก
ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคงแพ้แน่นอน ไม่งั้นมีหรือจะยอม
จะมาอ้างว่าประเทศบอบช้ำ ทำทีว่ารักชาติเสียเต็มประดา
บอกตรงๆไม่เชื่อ และไม่มีทางเชื่อ เพราะหากรักชาติจริง
คงไม่ลากลู่ถูกังมาจนจะสิ้นชาติอยู่แล้ว ได้กลิ่นความพ่ายแพ้
ลอยมาแต่ไกลล่ะสิ ถึงทำท่าว่ายอม ไม่มีอะไรวิน-วินหรอก
ในโลกนี้น่ะ จะบอกให้ มันต้องมีคนได้เปรียบ เสียเปรียบ
อยู่แล้ว นี่ก็แสดงว่าคงคิดว่าตัวเองจะได้เปรียบสิท่า
เลยทำยอมแลก
แต่ฉันไม่ยอมด้วยหรอก ถึงข้างบนสองฝั่งยอมกัน ก็อย่านึกว่า
คนที่ตาสว่างแล้ว จะยอมกลับไป มืดมิดอีก แม้เพียงใส่แว่นตา
ดำ บังตาได้บางส่วนก็เถอะ หลอกใครก็คงหลอกได้ แต่หลอก
คนอย่างพวกฉันไม่ได้หลอก ถ้าทักษิณไม่สู้ เพราะสมประโยชน์
ก็เรื่องของทักษิณ เพราะฉันไม่ได้สมประโยชน์ด้วย เราไม่ได้
สู้เพื่อใคร แต่สู้เพื่อประเทศชาติ ปลดปล่อยประเทศให้เป็นอิสระเสียที
ถึงวันนั้น คนอย่างทักษิณก็จะมีอีกมากมาย
หากยอมกันวันนี้ คนอย่างทักษิณไม่มีวันได้เกิดอีกเลยในประเทศ
นี้ อย่างน้อยๆอีกสิบ ยี่สิบปี หากทักษิณยอม พวกเราก็พร้อมจะ
ทิ้งทักษิณได้ เพราะบอกแล้วไม่ใช่บุคคลที่เราสู้เพื่อ แต่เป็นประเทศต่างหาก
\"กระบวนการควบรวมระหว่างระบอบทักษิณกับอมาตยาธิปไตย\"
By ruarob
การ เข้ารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่พรรคพลังประชาชนคนใหม่ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นำไปสู่การเปิดศักราชใหม่ระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทักษิณกับกลุ่ม อำนาจดั้งเดิมของประเทศ จากการที่ยืนอยู่คนละฝั่งกันและระดมทุกขีดความสามารถห้ำหั่นกันจนประเทศดิ่ง จมลงทุกวัน กลับกลายเป็นการพบโอกาสทองในการประสานประโยชน์กันได้ระหว่างสองกลุ่ม โอกาสนี้จะถูกพัฒนาใช้อย่างสุดยอดหรือไม่ และจะมีตัวแปรใดสกัดขัดขวาง นั้นเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนสังคมต้องจับตามอง ด้วยลมหายใจของความหวังว่าประเทศไทยจะสงบสุขเสียที
กระบวนการ ก้าวเข้าสู่ความสงบสุขทางการแบบไทยๆ นั้น อาจเรียกว่าเป็น PAX THAILANDIA ที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศอันประกอบด้วย นายทุน ขุนศึกและศักดินา มีความลงตัวในผลประโยชน์ระหว่างกัน ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีไม่งามอะไรบ้าง ก็ไปอยู่ใต้พรมหรือละเลยกันไปบ้าง หากเรื่องนั้นมิใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แนวทาง peaceful coexistence แบบนี้บริบทหลักสังคมการเมืองไทยก่อนปี 2544 เต็มไปด้วยการเมืองน้ำเน่าก็จริง แต่ปราศจากความเกลียดชังกันถึงราก
ระบอบ ทักษิณ ถ้าหากจะมี ได้เข้ามาเปลี่ยนความสงบสุขแบบนี้ โดยนำระบบ winner takes all มาใช้ ซึ่งเป็นธรรมชาติหลักของทุนนิยมข้ามชาติอยู่แล้ว ในเมื่อไม่ชนะครองทั้งหมดก็ต้องแพ้แน่นอน ไม่มีที่เหลือให้คนเป็นกลาง การสู้รบกับอำนาจดั้งเดิมจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ และระบาดเละกันไปทั้งประเทศอย่างที่เราทุกคนได้รับผลกระทบกันอยู่ การมาถึงของนายสมชาย จึงเป็นความหวังของทุกฝ่ายที่ต้องการหยุดรบโดยไม่แพ้
การ ที่นายสมชายคลุกคลีกับโครงสร้างส่วนบนของสังคมมาทั้งชีวิต ทั้งยังเป็นคีย์แมนของระบอบทักษิณด้วย ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะยิ่งในการไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียหน้า และเขาทราบดีถึงธรรมชาติที่แท้จริงแล้ว คนในค่ายทักษิณและค่ายอมาตยานั้นมีความคล้ายคลึงกันเพียงไร
นาย ทุน ขุนศึก ศักดินานั้นมีอยู่ทั้งสองค่าย แม้จะมีความจงรักในผู้นำของตัวต่างกัน แต่วิถีการดำรงชีพและแสวงประโยชน์ล้วนเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเฉพาะนักการเมืองค่าย ก.เท่านั้นที่โกงเป็น ค่าย ข. ก็มีเช่นนี้ ไม่ใช่ พลเอกของค่ายนี้เท่านั้นที่คุณธรรมล้นเหลือ แต่ค่ายโน้นก็มีเช่นกัน มายาคติที่แบ่งขั้วว่าข้างฉันถูกทั้งหมด ข้างแกผิดทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องเลยเถิดของสังคมวันนี้จนต้องหาทางลงกันให้ได้ ก่อนที่จะถึงขั้นนองเลือด
เมื่อถูกบีบจนถึงขีดสุด คนในระบอบทักษิณต้องปรับตัวจึงกลายพันธุ์ เพราะเมื่อปราศจากผู้นำที่แข็งแกร่ง เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือนายสมัคร สุนทรเวช คนอื่นๆ ก็กลับไปสู่ระบบเดิมที่ตนเองคุ้นเคยก่อนปี 2544 ดีกว่า นั่นก็คือระบบที่นายทุน ขุนศึก ศักดินา อยู่กันได้อย่างเกื้อกูลกันดังที่ว่า เราจึงได้เห็นภาพนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อสายคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ขั้วตรงข้าม ซึ่งก็ได้รับไมตรีเป็นอย่างดี ยกเว้นพวกหัวรุนแรง
ไม่ใช่ว่าฝ่าย ระบอบทักษิณปรับตัวเป็นอย่างเดียว ฝ่ายอมาตยาก็ปรับตัวด้วย ไม่ใช่ว่าต้องทำลายฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซากแล้วตนเองก็บอบช้ำหนัก เพราะแนวทางหลายอย่างที่ไทยรักไทย-พลังประชาชน นำมาให้กับสังคมนั้น คือแนวทางของโลกยุคใหม่ที่ในห้วงต่อไป ใครต่อใครก็ต้องใช้แนวทางนี้ นั่นคือการสร้างประชานิยมแบบยั่งยืน และเสริมใยเหล็กด้วยเศรษฐกิจพอเพียง
ระบอบ ทักษิณสามารถได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเพราะชนะใจคนชั้นล่าง พลังซึ่งชนชั้นสูงเคยละเลย หาว่าโง่เง่าเอาแต่รอรับของแจก แต่วันนี้คนชั้นล่างไม่ได้เป็นเช่นยุคห้าสิบปีก่อนอีกแล้ว พวกเขาฉลาดที่จะเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนตนเอง พร้อมทั้งพัฒนาโนว์ฮาวให้ดีขึ้นไปอีกโดยไม่มายึดติดกับเรื่องนามธรรมเช่น คุณธรรมดังที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง เรื่องเช่นนี้ฝ่ายอำนาจดั้งเดิมก็ทราบดี และปัจจุบัน ก็จะใช้แนวทางเดียวกันนี้ในการจูงใจชนชั้นล่างให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ผสานกับทุนภาพลักษณ์ดั้งเดิมของตนที่มีอยู่แล้ว คาดว่าแนวทางแบบนี้ในอนาคตระบอบอมาตยาธิปไตยจะทำได้เหนือกว่าทักษิณเสียด้วย ซ้ำ
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นข่าวทั้งสองฝ่ายเริ่มจูนเข้าหา กัน พยายามหาทางลงให้กัน ชะตากรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูจะเป็นเรื่องรองลงไป เพราะไม่ใช่ภัยคุกคามหลักของฝ่ายอมาตยาอีกต่อไป ที่น่าสนใจคือ ความแบ่งขั้วของประชาชนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตราบใดที่ชนชั้นโครงสร้างส่วนบนดีต่อกัน พลังของส่วนล่างก็จะไม่มีทางพลิกเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และถ้าสิ่งที่เขียนในพารากราฟที่แล้วเป็นจริง ทั้งสองชนชั้นจะใกล้ชิดและหลอมตัวเข้าหากัน เอื้อประโยชน์ต่อกันมากกว่ายุคใดๆ โครงสร้างเบื้องล่างของสังคมก็จะค่อยๆ ปรับตัวรับสภาพเช่นนี้ไปเอง
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่ขัดขวางการหลอมรวมกันเป็นระบอบอมาตยาธิปไตยยุคใหม่อันทันสมัย นั้นก็คือ กลุ่มหัวรุนแรงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามนี่เอง ในเมื่อนายทัพเขาจับมือกัน แต่ลูกทัพไม่จับมือด้วย ศึกครั้งต่อไปก็จะเกิดขึ้นภายในทัพนั้นๆ เอง ประเด็นนี้เป็นประเด็นน่ากลัวทีเดียว
หากมีการรอมชอม ฝ่ายที่รอมชอมจะต้องมีทั้งได้ทั้งเสีย ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปหรือเสียบรรยากาศของความสมานฉันท์ กรณีเช่นนี้ Front ของทั้งสองฝ่ายจะยอมรับได้หรือไม่ ยอมรับว่าคนที่ตนเองชื่นชมว่าเป็นเสาหลักแบ็คอัพอยู่ของฝ่ายตัว ดันยอมลงให้กับข้อเสนอบางอย่างของฝ่ายตรงข้าม เช่น ระบอบประชาธิปไตยแบบสรรหาอย่างเต็มรูปแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ หรือคนที่เคยมีมลทินจากการกล่าวหาหรือถึงขั้นต้องคดีก็จะยังโลดแล่นอยู่บน เวทีการเมืองได้ เป็นต้น
ระบอบทักษิณสิ้นพลังไปแล้ว แต่ระบอบอมาตยาธิปไตยที่กำลังได้เปรียบก็จะนำแนวทางหลายอย่างของระบอบทักษิณ มาใช้ ไม่ต่างอะไรกับพม่าชนะมอญและรับธรรมเนียมหงสาวดีหลายอย่างมาเป็นของตัว ยิ่งไปกว่านั้น หากต้องใช้กำลังเพื่อปกป้องความยั่งยืนของตนตามแนวทางประยุกต์นี้ ฝ่ายอมาตยาก็พร้อมที่จะทำเหมือนที่เคยทำ ไม่ว่าปรปักษ์ในศึกหนหน้าจะเป็นผู้ที่เคยอยู่ใน line เดียวกันหรือไม่
การ พลิกผันของภาวการณ์นี้ ย่อมกระทบต่อคนธรรมดาอย่างพวกเราทุกคนด้วย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเตรียมพร้อมกับความเข้าใจว่า \"ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์ที่เป็นนิรันดร์\" ขนาดไหน
(ที่มา)
http://newsroom.bangkokbiznews.com/comment.php?id=4310&user=ruarob
โพสต์เมื่อ : 2008-09-25 08:52:17
เป็นคนหัวรุนแรง ไม่ชอบประนีประนอมอ้ะ ยอมมาตั้งนานแล้ว
ถึงจะเสียเลือดเสียเนื้อบ้าง ก็คงไม่แปลก เพราะเคยได้ยินว่า
ประชาธิปไตยไม่เคยได้มาเปล่าๆ ต้องเอาเลือดแลกมาทั้งนั้น
หากยอมครั้งนี้ เราก็ต้องจมปลักอยู่อีกไม่รู้กี่สิบปี ไม่เอาล่ะ
หากจะรบ ก็ต้องรบให้เต็มเหนี่ยว สมยอมกันอย่างนี้ รากหญ้าก็เหนื่อยเปล่า
หลอกใช้ประชาชน แล้วในที่สุดพอสมประโยชน์กัน
ก็เลิก ไม่ได้หรอก เชื่อว่าคนที่ทุ่มมาแล้วทั้งตัว คงไม่มีใครยอม
ไม่ว่าฝ่ายไหนล่ะ ที่อีกฝ่ายทำท่าเหมือยโอนอ่อนพร้อมแลก
ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคงแพ้แน่นอน ไม่งั้นมีหรือจะยอม
จะมาอ้างว่าประเทศบอบช้ำ ทำทีว่ารักชาติเสียเต็มประดา
บอกตรงๆไม่เชื่อ และไม่มีทางเชื่อ เพราะหากรักชาติจริง
คงไม่ลากลู่ถูกังมาจนจะสิ้นชาติอยู่แล้ว ได้กลิ่นความพ่ายแพ้
ลอยมาแต่ไกลล่ะสิ ถึงทำท่าว่ายอม ไม่มีอะไรวิน-วินหรอก
ในโลกนี้น่ะ จะบอกให้ มันต้องมีคนได้เปรียบ เสียเปรียบ
อยู่แล้ว นี่ก็แสดงว่าคงคิดว่าตัวเองจะได้เปรียบสิท่า
เลยทำยอมแลก
แต่ฉันไม่ยอมด้วยหรอก ถึงข้างบนสองฝั่งยอมกัน ก็อย่านึกว่า
คนที่ตาสว่างแล้ว จะยอมกลับไป มืดมิดอีก แม้เพียงใส่แว่นตา
ดำ บังตาได้บางส่วนก็เถอะ หลอกใครก็คงหลอกได้ แต่หลอก
คนอย่างพวกฉันไม่ได้หลอก ถ้าทักษิณไม่สู้ เพราะสมประโยชน์
ก็เรื่องของทักษิณ เพราะฉันไม่ได้สมประโยชน์ด้วย เราไม่ได้
สู้เพื่อใคร แต่สู้เพื่อประเทศชาติ ปลดปล่อยประเทศให้เป็นอิสระเสียที
ถึงวันนั้น คนอย่างทักษิณก็จะมีอีกมากมาย
หากยอมกันวันนี้ คนอย่างทักษิณไม่มีวันได้เกิดอีกเลยในประเทศ
นี้ อย่างน้อยๆอีกสิบ ยี่สิบปี หากทักษิณยอม พวกเราก็พร้อมจะ
ทิ้งทักษิณได้ เพราะบอกแล้วไม่ใช่บุคคลที่เราสู้เพื่อ แต่เป็นประเทศต่างหาก
ไปค้นคำพิพากษาคุณสมัครมาเปรียบเทียบกัน
โพสต์เมื่อ : 2008-09-27 10:02:12
ศาล อุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว
ข้อเท็จจริงที่ได้จากการสืบในศาลชั้นต้นรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้
กล่าว ถึงการทุจริตโครงการก่อสร้างถนนลอดอุโมงค์ของกทม.
10 โครงการว่ามีการล็อคสเปค จากผู้รับเหมา โดยมีการกล่าวพาดพิง
ถึงโจทก์โดยใช้คำว่าผู้บริหาร กทม.เป็นการอำพราง ซึ่งเป็น
บทสนทนาของจำเลยทั้งสองกล่าวพาดพิงโจทก์ และได้มีการกล่าวซ้ำ
ในรายการทั้งสองรายการในวันที่ 12 มกราคม 2549
วันที่ 13 มกราคม 2549 และวันที่ 17 มกราคม 2549
ส่วน ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าการกล่าวในรายการเป็นการได้รับข้อมูล
มาจากบุคคลอื่นและเจ้าหน้าที่ กทม. ซึ่งเป็นการกล่าวไปตามนั้น
ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ และบทความในบทสนทนา
ไม่มีส่วนใดที่ระบุชื่อโจทก์ ขณะที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าการกล่าว
ในรายการจำเลยที่ 1 และ 2 ต่างคนต่างมีข้อมูล ซึ่งจำเลยที่ 2
ได้ข้อมูลมาจากผู้ชมรายการทางช่อง 5 และช่อง 9 ส่งมาให้
โดยจำเลยที่ 2 ไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบข้อมูล เพียงแต่จำเลยที่ 2
นำข้อมูลดังกล่าวมาถ่ายทอด เพื่อให้ผู้ชมได้ร่วมกันตรวจสอบต่อไป
โอ้หนอ เครื่องจักรศาลเมืองไทย โปรดสังเกตว่าไม่ใช่แม้แต่ จักสาน
ที่เมื่อทำไปจะเกิดความสวยงาม และเอาไปใช้เป็นภาชนะ มีประโยชน์ได้
แต่นี่อะไรหนอ ดลบันดาลให้ทำไปเหมือนเครื่องจักร เขาป้อนข้อมูลมา
ก็ตั้งหน้าตั้งตาปั๊มออกให้ตามต้องการ จะไปเรียนกันให้นมนานทำไมหนอ
อย่างนี้ เป็นใครก็ทำได้ แค่อ่านออก ก็แต่งตัวขึ้นไปนั่งอ่านเอาตามที่เขียนมา
เออหนอ ดุลยพินิจ มันบกพร่องไปหรือเปล่า ชื่อก็ไม่ได้เอ่ย
ร้อนตัวออกมารับเอง เครื่องจักรศาลยังรับไว้พิจารณา
หนอยแน่ พิจารณาว่าผิดจริงเสียอีก เท่ากับรับกันไปว่า ผู้บริหารกทม.
ที่ล้อกเสปก ก็คือคนคนนี้นี่เอง แถมออกมาบอกอีกว่า ภรรยาก็ไปซื้อรถบีเอ็ม
ซีรี่ส์ 7จริง ในช่วงนั้น ข่าวเขาตัดมาแค่นี้นะคะ แต่ในคำฟ้องเขามีราย
ละเอียดอย่างที่ว่า
ดูเอาเถอะค่ะ ไม่ได้เอ่ยชื่อ โดนโทษจำคุกสองปี ไม่รอลงอาญา
โปรดสังเกต อีกข้อ การตัดสินของศาลชั้นต้น กระทำในเดือน
เมษายน 2550 ซึ่งถ้าจำไม่ผิด เป็นช่วงที่น่าจะระแคะระคาย
แล้วว่าคุณสมัครจะมาถือธงให้พรรคพลังประชาน เมื่อนั้นเอง
เครื่องจักรศาล จึงเริ่มบรรเลงเพลงขู่ เมื่อได้ผล ศาลอุทธรณ์จึง
รับลูกต่อ ฟันซ้ำให้หลาบจำ อิ๊อิ๊ ทีหลังจะได้รู้ เวลาจะถือธงหัด
มองทิศทางลมก่อน สุ่มสี่สุ่มห้าไปถืออย่างนี้ ก็เลยเดี้ยงอย่างนี้แล
ส่วนอีกคดี ด่าเขาตรงๆ โต้งๆ รุนแรงร้ายกาจ ข้อหา ขายชาติ
ฉกาจฉกรรจ์ หลักฐานก็ยังไม่ชัด ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าผิดจริง
ตามข้อกล่าวหา ตามหลักสากล เขาต้องถือว่าผู้ถูกกล่าวหาทุกคน
ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะได้รับการพิพากษาว่าผิดจริง นี่อะไร
เป็นแค่คนกล่าวหา ดันเอาผู้ถูกกล่าวหาออกมาถลกหนัง ด่าเล่น
ถูกตัดสินว่าไม่มีมูล ยกฟ้อง ไม่มีมูลอย่างไรว้า ก็ด่าเขาโต้งๆ
ตรงๆ ดั๊นบอกว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่เจ็บไม่เสีญหาย
ไม่ได้ทำให้คนดูถูก ดูหมิ่น เกลียดชัง เอาละวะ ไอ้เครื่องจักรศาลเฮงซวย
พวกเมิงนั่นแหละที่ขายชาติตัวจริง ทำกันเข้าไป กะจะไปชิงแชมบ์
เอาอันดับ 12 ก็ไม่บอก ฮ่วย!
ศาล อุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว
ข้อเท็จจริงที่ได้จากการสืบในศาลชั้นต้นรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้
กล่าว ถึงการทุจริตโครงการก่อสร้างถนนลอดอุโมงค์ของกทม.
10 โครงการว่ามีการล็อคสเปค จากผู้รับเหมา โดยมีการกล่าวพาดพิง
ถึงโจทก์โดยใช้คำว่าผู้บริหาร กทม.เป็นการอำพราง ซึ่งเป็น
บทสนทนาของจำเลยทั้งสองกล่าวพาดพิงโจทก์ และได้มีการกล่าวซ้ำ
ในรายการทั้งสองรายการในวันที่ 12 มกราคม 2549
วันที่ 13 มกราคม 2549 และวันที่ 17 มกราคม 2549
ส่วน ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าการกล่าวในรายการเป็นการได้รับข้อมูล
มาจากบุคคลอื่นและเจ้าหน้าที่ กทม. ซึ่งเป็นการกล่าวไปตามนั้น
ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ และบทความในบทสนทนา
ไม่มีส่วนใดที่ระบุชื่อโจทก์ ขณะที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าการกล่าว
ในรายการจำเลยที่ 1 และ 2 ต่างคนต่างมีข้อมูล ซึ่งจำเลยที่ 2
ได้ข้อมูลมาจากผู้ชมรายการทางช่อง 5 และช่อง 9 ส่งมาให้
โดยจำเลยที่ 2 ไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบข้อมูล เพียงแต่จำเลยที่ 2
นำข้อมูลดังกล่าวมาถ่ายทอด เพื่อให้ผู้ชมได้ร่วมกันตรวจสอบต่อไป
โอ้หนอ เครื่องจักรศาลเมืองไทย โปรดสังเกตว่าไม่ใช่แม้แต่ จักสาน
ที่เมื่อทำไปจะเกิดความสวยงาม และเอาไปใช้เป็นภาชนะ มีประโยชน์ได้
แต่นี่อะไรหนอ ดลบันดาลให้ทำไปเหมือนเครื่องจักร เขาป้อนข้อมูลมา
ก็ตั้งหน้าตั้งตาปั๊มออกให้ตามต้องการ จะไปเรียนกันให้นมนานทำไมหนอ
อย่างนี้ เป็นใครก็ทำได้ แค่อ่านออก ก็แต่งตัวขึ้นไปนั่งอ่านเอาตามที่เขียนมา
เออหนอ ดุลยพินิจ มันบกพร่องไปหรือเปล่า ชื่อก็ไม่ได้เอ่ย
ร้อนตัวออกมารับเอง เครื่องจักรศาลยังรับไว้พิจารณา
หนอยแน่ พิจารณาว่าผิดจริงเสียอีก เท่ากับรับกันไปว่า ผู้บริหารกทม.
ที่ล้อกเสปก ก็คือคนคนนี้นี่เอง แถมออกมาบอกอีกว่า ภรรยาก็ไปซื้อรถบีเอ็ม
ซีรี่ส์ 7จริง ในช่วงนั้น ข่าวเขาตัดมาแค่นี้นะคะ แต่ในคำฟ้องเขามีราย
ละเอียดอย่างที่ว่า
ดูเอาเถอะค่ะ ไม่ได้เอ่ยชื่อ โดนโทษจำคุกสองปี ไม่รอลงอาญา
โปรดสังเกต อีกข้อ การตัดสินของศาลชั้นต้น กระทำในเดือน
เมษายน 2550 ซึ่งถ้าจำไม่ผิด เป็นช่วงที่น่าจะระแคะระคาย
แล้วว่าคุณสมัครจะมาถือธงให้พรรคพลังประชาน เมื่อนั้นเอง
เครื่องจักรศาล จึงเริ่มบรรเลงเพลงขู่ เมื่อได้ผล ศาลอุทธรณ์จึง
รับลูกต่อ ฟันซ้ำให้หลาบจำ อิ๊อิ๊ ทีหลังจะได้รู้ เวลาจะถือธงหัด
มองทิศทางลมก่อน สุ่มสี่สุ่มห้าไปถืออย่างนี้ ก็เลยเดี้ยงอย่างนี้แล
ส่วนอีกคดี ด่าเขาตรงๆ โต้งๆ รุนแรงร้ายกาจ ข้อหา ขายชาติ
ฉกาจฉกรรจ์ หลักฐานก็ยังไม่ชัด ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าผิดจริง
ตามข้อกล่าวหา ตามหลักสากล เขาต้องถือว่าผู้ถูกกล่าวหาทุกคน
ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะได้รับการพิพากษาว่าผิดจริง นี่อะไร
เป็นแค่คนกล่าวหา ดันเอาผู้ถูกกล่าวหาออกมาถลกหนัง ด่าเล่น
ถูกตัดสินว่าไม่มีมูล ยกฟ้อง ไม่มีมูลอย่างไรว้า ก็ด่าเขาโต้งๆ
ตรงๆ ดั๊นบอกว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่เจ็บไม่เสีญหาย
ไม่ได้ทำให้คนดูถูก ดูหมิ่น เกลียดชัง เอาละวะ ไอ้เครื่องจักรศาลเฮงซวย
พวกเมิงนั่นแหละที่ขายชาติตัวจริง ทำกันเข้าไป กะจะไปชิงแชมบ์
เอาอันดับ 12 ก็ไม่บอก ฮ่วย!
ขอโทษที ถอดปลั๊กไม่ได้..ตาแก่เขาว่าต้องช่วยกัน
ID # 723575 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-27 09:29:33 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ต้องช่วยกันจริงๆค่ะ ไม่งั้นเราเงียบเรายอมเราก็จะเจอไอ้คนแกบ้าๆ
มาปลุกปั่นอย่างนี้ เอ้อเฮอ มางวดนี้ ปลุกระดมมวลชน เรียกร้องให้ไป
ทำเนียบเอาเลยทีเดียว
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11158 มติชนรายวัน
การเมืองเก่าเน่าหนอนชอนไช การเมืองใหม่อารยะประชาธิปไตย
[/color]
โดย ประเวศ วะสี
การ เมืองเก่าเน่าหนอนชอนไชเป็นที่เอือมระอาน่ารังเกียจเบื่อหน่ายแก่ผู้รู้เห็น
ทั้งแผ่นดิน จึงพากันพูดถึงการเมืองใหม่ คนไทยทุกภาคส่วนทุกองค์กร
ควรเคลื่อนไหวทำความเข้าใจว่าการเมืองใหม่ที่เป็นอารยะประชาธิปไตย
นั้นเป็น อย่างไร
ในการมองระบบการเมืองเก่าและใหม่ควรมองทั้งระบบ เหมือนมองคน
ทั้งคนจะไปมองเฉพาะอวัยวะอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่ได้
การมองทั้งระบบต้องมองทั้งที่เป็นนามธรรม (จิต) รูปธรรม รูปลักษณ์
การทำหน้าที่และผลลัพธ์
ก.เปรียบเทียบการเมืองเก่ากับการเมืองใหม่
(1) จิตสำนึกประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องมีรากลึกอยู่ในจิตสำนึกที่ดีงาม
จะมีแต่กลไกไม่ได้ คนเราต้องมีจิตสำนึกแห่งศักดิ์ศรีและคุณค่าแห่งความเป็นคน
เคารพความถูกต้องดีงาม มีคุณธรรมจริยธรรม ไม่ใช่มี*****นจิตหรือจิตคับแคบ
ต่ำทราม มีอกุศลมูลที่เป็นที่ตั้งอันเป็นบ่อเกิดของการเมืองเก่าเน่าหนอนชอนไช
(2) ลักษณะสังคมประชาธิปไตย เป็นสังคมเปิด เป็นสังคมธรรมนิยม
ใช้ความรู้ ใช้เหตุผล ทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่สังคมปิดและสังคมอำนาจนิยม
ซึ่งเป็นเผด็จการไม่ใช่ประชาธิปไตย
(3) ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองสูง ระบอบเผด็จการจะปิดบทบา
ททางการเมืองของประชาชน ให้มีแต่การเลือกตั้งจอมปลอมในระบอบประชาธิปไตย
ประชาชนต้องมีจิตสำนึกทางการเมืองสูง และมีส่วนร่วม
ทางการเมืองในการกำหนดนโยบายทิศทางการพัฒนา และตรวจสอบ
อำนาจรัฐทุกระดับ การเมืองภาคประชาชนต้องเป็นวิสัยของระบอบ
ประชาธิปไตย
(4) องค์กรทางการเมือง ในการเมืองเก่าที่เน่าหนอนชอนไช องค์กร
ทางการเมืองเป็นองค์กรอัปลักษณ์ ประกอบด้วยเสือสิงห์กระทิงแรดอันธพาล
คนขี้คุกขี้ตะราง ขาดความรู้ขาดความสุจริตและการอุทิศเพื่อบ้านเมือง
เพราะถูกบงการโดยคนคนเดียวหรือกลุ่มเล็กๆ เป็นคณาธิปไตย หาใช่
ประชาธิปไตยไม่ ในระบอบอารยะประชาธิปไตย องค์กรทางการเมือง
ต้องเป็นองค์กรศุภลักษณ์ไม่ใช่องค์กรอัปลักษณ์
(5) หน้าที่ขององค์กรทางการเมือง ในการเมืองเก่าเป็นองค์กรแสวงประโยชน์
ในการเมืองใหม่เป็นองค์กรทำประโยชน์
(6) ลักษณะการทำงานขององค์กรทางการเมือง
ในการเมืองเก่าจะขัดขวาง
การมีส่วนร่วมของประชาชน แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่โปร่งใส
ปิดบังการตรวจสอบ พัฒนาผิดๆหรือมิจฉาพัฒนา ในการเมืองใหม่จะ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมความเข้มแข็งของกระบวน
การยุติธรรม มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ทำการพัฒนาที่ถูกต้องหรือ
สัมมาพัฒนา
โอ้แม่เจ้า มันหลงไปแล้วจริงๆด้วย ไหนใครที่ไหน
ไปตรวจสอบใครได้ ไอ้พวกที่คัดกันมาน่ะ ไม่เห็นมันตรวจสอบได้สักคน
พอรุกหนักๆก็หายหัวไปนั่นไง
(7) ผลลัพธ์ของการเมืองเก่ากับใหม่ เนื่องจากการเมืองเก่านำไปสู่มิจฉาพัฒนา
[b]จึงแก้ความยากจนของประชาชนไม่ได้ ขาดความเป็นธรรม
นำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรง ส่วนการเมืองใหม่อารยะประชาธิปไตยนำไปสู่สัมมาพัฒนา
ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก้ความยากจนได้ สร้างความเป็นธรรม
จึงนำไปสู่สมานฉันท์และสันติภาพ
ตายๆ มันพูดได้ไงวะเนี่ย ไอ้การไปกระทำการ
อุบาทว์ชาติชั่ว ทั้งในและนอกทำเนียบเนี่ยนะ ยังเห็นว่าเป็นการ
นำไปสู่ ความเป็นธรรม ที่จะนำไปสู่สมานฉันท์และสันติภาพ
ที่กล่าวข้างต้นเป็นตัวอย่างของการ มองการเมืองใหม่ทั้งระบบ
โดยยังไม่ได้ลงไปสู่กลไกขององค์กรทางการเมือง ควรจะระดม
ความคิดกันอย่างกว้างขวางว่าการเมืองใหม่อารยะประชาธิปไตย
นั้นคือ อย่างไร ควรเริ่มด้วยจินตนาการใหญ่ ซึ่งจะให้พลังมาก
อย่าลงไปสู่กลไกเร็วเกินไปซึ่งจะทำให้แคบ
ข.คนไทยทุกภาคส่วนร่วมสร้างการเมืองใหม่อารยะประชาธิปไตย
คน ไทยเป็นคนดี แต่ระบบการเมืองเก่าที่เน่าหนอนชอนไช
ทำให้บ้านเมืองเศร้าหมองหมดสง่าราศี เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
และวิกฤตมากขึ้นๆ ทุกๆ ทาง ถึงเวลาที่คนไทยทั้งมวลจะต้อง
ลุกขึ้นจับมือกันสร้างความความเป็นอารยะ ประชาธิปไตย
นี่แสดงว่ามันไม่เคยแหกตาดูเลนสิท่าว่าอะไร
หรือใครที่นำไปสู่ความแตกแยก นำไปสู่ความเสื่อม หมดสง่าราศรี
ไปทั้งประเทศ ตราบใดที่แกยังไม่กล้าที่จะคิดให้ตรง มองไม่ถูก
แกอย่าได้สะเออะมาเสนอความคิดอะไรเลย ขอร้อง ฉันอายแทนญาติๆ
ของแกจังเลย ทำไมไม่เตือนหรือห้ามกันบ้างน้อ ออกมาทีไรโดนเขาด่ากันยับ
ไม่เข็ดสักที นึกว่าคนชอบหรือไง เฮ้อ
คนไทยทุกภาคส่วน ทุกองค์กร ต้องเคลื่อนไหวคุยกันว่าอารยะประชาธิปไตย
นั้นคืออย่างไร ควรมีการสื่อสารทุกรูปแบบให้มีความตื่นตัวทางการเมือง
การเมืองไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มน้อยอีกต่อไป การเมืองต้องเป็นเรื่องของ
คนไทยทุกคน เมื่อประชาชนมีจิตสำนึกทางการเมืองสูง เคลื่อนไหวรวมตัว
อ้าว มาชวนไปรวมตัวกับพวกกบฎในทำเนียบหรือเปล่าเนี่ย
สถาปนาอารยะประชาธิปไตย ขบวนการมหาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
จะเป็นกรอบหรือระบอบประชาธิปไตยที่ทำให้ รัฐธรรมนูญและองค์กร
ทางการเมืองเป็นประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยไม่ได้ เกิดจากนักการเมือง ประชาธิปไตยเกิดจากประชาชน
ประชาธิปไตยต้องมาก่อนรัฐธรรมนูญ นักการเมืองเป็นผู้ปฏิบัติตามกรอบ
ที่ประชาชนวางไว้และกำกับให้มีความถูกต้อง ควรระดมความคิดว่าองค์กร
ทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยได้มาอย่างไร จึงจะเป็นองค์กร
ศุภลักษณ์ การเมืองภาคประชาชนเป็นปัจจัยชี้ขาดให้การเมืองมีคุณภาพ
ศิลปินทั่ว ประเทศควรเข้ามารณรงค์สร้างจินตนาการและจิตสำนึกประชาธิปไตย
มหาวิทยาลัยทั้งหมด นิสิตนักศึกษาทั้งหมด ผู้ใช้แรงงาน องค์กรภาคธุรกิจ
สื่อมวลชนทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรทางการแพทย์และสาธารณสุข
แม่บ้าน และคนไทยอื่นใดที่ต้องการเป็นความผาสุกในบ้านเมือง ต้องร่วม
รณรงค์อารยะประชาธิปไตย
ชัดเลย ปลุกระดมมวลชน น่าจะไปฟ้องร้องเอาผิด
ให้ไปตายในคุกจริงๆ
การเคลื่อนไหวเพื่ออารยะประชาธิปไตย ควรมีความหลากหลาย หลายรูปแบบ
หลายระดับ หลายผู้นำ แต่เมื่อเคลื่อนไหวไปๆ อะไรที่เป็นสัจจะและความถูกต้อง
ก็จะเข้ามาเชื่อมกันเอง อะไรที่ไม่ใช่ของจริงของแท้ก็จะตกหล่นไปตามทาง
อะไรที่เป็นกระบวนการสาธารณะจะทำให้เห็นแก่ตัวได้ยาก
พลังแห่งการ รวมตัวของมหาชนจะยุติความชั่วร้ายทั้งปวง เมื่อประชาชน
สถาปนาระบอบประชาธิปไตย และอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่าง
แท้จริง รัฐธรรมนูญและองค์กรทางการเมืองทั้งหลายก็จะเป็นระบบภายใต้
ระบอบประชาธิปไตย ของมวลชน เกิดศีลธรรมทางการเมือง
เมื่อการเมืองเป็นอารยะประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ศีลธรรม ความเจริญ
ความเข้มแข็ง ความผาสุกก็จักเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา
คน ไทยทั้งมวลจึงต้องรณรงค์สร้างอารยะประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง
เป็นกระบวนการที่ใจกว้าง รวมคนทั้งหมดเข้ามาด้วยกัน ไม่แยกข้างแยกขั้ว
ไม่มีการโค่นล้มอะไร เพราะเป็นการสร้างเหมือนการสร้างบ้านที่สวยงามน่าอยู่
ที่ทุกคนร่วมกันสร้าง
ระบอบอารยะประชาธิปไตยคือบ้านของเรา ที่เราจะอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก
ต้องช่วยกันจริงๆค่ะ ไม่งั้นเราเงียบเรายอมเราก็จะเจอไอ้คนแกบ้าๆ
มาปลุกปั่นอย่างนี้ เอ้อเฮอ มางวดนี้ ปลุกระดมมวลชน เรียกร้องให้ไป
ทำเนียบเอาเลยทีเดียว
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11158 มติชนรายวัน
การเมืองเก่าเน่าหนอนชอนไช การเมืองใหม่อารยะประชาธิปไตย
[/color]
โดย ประเวศ วะสี
การ เมืองเก่าเน่าหนอนชอนไชเป็นที่เอือมระอาน่ารังเกียจเบื่อหน่ายแก่ผู้รู้เห็น
ทั้งแผ่นดิน จึงพากันพูดถึงการเมืองใหม่ คนไทยทุกภาคส่วนทุกองค์กร
ควรเคลื่อนไหวทำความเข้าใจว่าการเมืองใหม่ที่เป็นอารยะประชาธิปไตย
นั้นเป็น อย่างไร
ในการมองระบบการเมืองเก่าและใหม่ควรมองทั้งระบบ เหมือนมองคน
ทั้งคนจะไปมองเฉพาะอวัยวะอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่ได้
การมองทั้งระบบต้องมองทั้งที่เป็นนามธรรม (จิต) รูปธรรม รูปลักษณ์
การทำหน้าที่และผลลัพธ์
ก.เปรียบเทียบการเมืองเก่ากับการเมืองใหม่
(1) จิตสำนึกประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องมีรากลึกอยู่ในจิตสำนึกที่ดีงาม
จะมีแต่กลไกไม่ได้ คนเราต้องมีจิตสำนึกแห่งศักดิ์ศรีและคุณค่าแห่งความเป็นคน
เคารพความถูกต้องดีงาม มีคุณธรรมจริยธรรม ไม่ใช่มี*****นจิตหรือจิตคับแคบ
ต่ำทราม มีอกุศลมูลที่เป็นที่ตั้งอันเป็นบ่อเกิดของการเมืองเก่าเน่าหนอนชอนไช
(2) ลักษณะสังคมประชาธิปไตย เป็นสังคมเปิด เป็นสังคมธรรมนิยม
ใช้ความรู้ ใช้เหตุผล ทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่สังคมปิดและสังคมอำนาจนิยม
ซึ่งเป็นเผด็จการไม่ใช่ประชาธิปไตย
(3) ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองสูง ระบอบเผด็จการจะปิดบทบา
ททางการเมืองของประชาชน ให้มีแต่การเลือกตั้งจอมปลอมในระบอบประชาธิปไตย
ประชาชนต้องมีจิตสำนึกทางการเมืองสูง และมีส่วนร่วม
ทางการเมืองในการกำหนดนโยบายทิศทางการพัฒนา และตรวจสอบ
อำนาจรัฐทุกระดับ การเมืองภาคประชาชนต้องเป็นวิสัยของระบอบ
ประชาธิปไตย
(4) องค์กรทางการเมือง ในการเมืองเก่าที่เน่าหนอนชอนไช องค์กร
ทางการเมืองเป็นองค์กรอัปลักษณ์ ประกอบด้วยเสือสิงห์กระทิงแรดอันธพาล
คนขี้คุกขี้ตะราง ขาดความรู้ขาดความสุจริตและการอุทิศเพื่อบ้านเมือง
เพราะถูกบงการโดยคนคนเดียวหรือกลุ่มเล็กๆ เป็นคณาธิปไตย หาใช่
ประชาธิปไตยไม่ ในระบอบอารยะประชาธิปไตย องค์กรทางการเมือง
ต้องเป็นองค์กรศุภลักษณ์ไม่ใช่องค์กรอัปลักษณ์
(5) หน้าที่ขององค์กรทางการเมือง ในการเมืองเก่าเป็นองค์กรแสวงประโยชน์
ในการเมืองใหม่เป็นองค์กรทำประโยชน์
(6) ลักษณะการทำงานขององค์กรทางการเมือง
ในการเมืองเก่าจะขัดขวาง
การมีส่วนร่วมของประชาชน แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่โปร่งใส
ปิดบังการตรวจสอบ พัฒนาผิดๆหรือมิจฉาพัฒนา ในการเมืองใหม่จะ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมความเข้มแข็งของกระบวน
การยุติธรรม มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ทำการพัฒนาที่ถูกต้องหรือ
สัมมาพัฒนา
โอ้แม่เจ้า มันหลงไปแล้วจริงๆด้วย ไหนใครที่ไหน
ไปตรวจสอบใครได้ ไอ้พวกที่คัดกันมาน่ะ ไม่เห็นมันตรวจสอบได้สักคน
พอรุกหนักๆก็หายหัวไปนั่นไง
(7) ผลลัพธ์ของการเมืองเก่ากับใหม่ เนื่องจากการเมืองเก่านำไปสู่มิจฉาพัฒนา
[b]จึงแก้ความยากจนของประชาชนไม่ได้ ขาดความเป็นธรรม
นำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรง ส่วนการเมืองใหม่อารยะประชาธิปไตยนำไปสู่สัมมาพัฒนา
ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก้ความยากจนได้ สร้างความเป็นธรรม
จึงนำไปสู่สมานฉันท์และสันติภาพ
ตายๆ มันพูดได้ไงวะเนี่ย ไอ้การไปกระทำการ
อุบาทว์ชาติชั่ว ทั้งในและนอกทำเนียบเนี่ยนะ ยังเห็นว่าเป็นการ
นำไปสู่ ความเป็นธรรม ที่จะนำไปสู่สมานฉันท์และสันติภาพ
ที่กล่าวข้างต้นเป็นตัวอย่างของการ มองการเมืองใหม่ทั้งระบบ
โดยยังไม่ได้ลงไปสู่กลไกขององค์กรทางการเมือง ควรจะระดม
ความคิดกันอย่างกว้างขวางว่าการเมืองใหม่อารยะประชาธิปไตย
นั้นคือ อย่างไร ควรเริ่มด้วยจินตนาการใหญ่ ซึ่งจะให้พลังมาก
อย่าลงไปสู่กลไกเร็วเกินไปซึ่งจะทำให้แคบ
ข.คนไทยทุกภาคส่วนร่วมสร้างการเมืองใหม่อารยะประชาธิปไตย
คน ไทยเป็นคนดี แต่ระบบการเมืองเก่าที่เน่าหนอนชอนไช
ทำให้บ้านเมืองเศร้าหมองหมดสง่าราศี เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
และวิกฤตมากขึ้นๆ ทุกๆ ทาง ถึงเวลาที่คนไทยทั้งมวลจะต้อง
ลุกขึ้นจับมือกันสร้างความความเป็นอารยะ ประชาธิปไตย
นี่แสดงว่ามันไม่เคยแหกตาดูเลนสิท่าว่าอะไร
หรือใครที่นำไปสู่ความแตกแยก นำไปสู่ความเสื่อม หมดสง่าราศรี
ไปทั้งประเทศ ตราบใดที่แกยังไม่กล้าที่จะคิดให้ตรง มองไม่ถูก
แกอย่าได้สะเออะมาเสนอความคิดอะไรเลย ขอร้อง ฉันอายแทนญาติๆ
ของแกจังเลย ทำไมไม่เตือนหรือห้ามกันบ้างน้อ ออกมาทีไรโดนเขาด่ากันยับ
ไม่เข็ดสักที นึกว่าคนชอบหรือไง เฮ้อ
คนไทยทุกภาคส่วน ทุกองค์กร ต้องเคลื่อนไหวคุยกันว่าอารยะประชาธิปไตย
นั้นคืออย่างไร ควรมีการสื่อสารทุกรูปแบบให้มีความตื่นตัวทางการเมือง
การเมืองไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มน้อยอีกต่อไป การเมืองต้องเป็นเรื่องของ
คนไทยทุกคน เมื่อประชาชนมีจิตสำนึกทางการเมืองสูง เคลื่อนไหวรวมตัว
อ้าว มาชวนไปรวมตัวกับพวกกบฎในทำเนียบหรือเปล่าเนี่ย
สถาปนาอารยะประชาธิปไตย ขบวนการมหาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
จะเป็นกรอบหรือระบอบประชาธิปไตยที่ทำให้ รัฐธรรมนูญและองค์กร
ทางการเมืองเป็นประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยไม่ได้ เกิดจากนักการเมือง ประชาธิปไตยเกิดจากประชาชน
ประชาธิปไตยต้องมาก่อนรัฐธรรมนูญ นักการเมืองเป็นผู้ปฏิบัติตามกรอบ
ที่ประชาชนวางไว้และกำกับให้มีความถูกต้อง ควรระดมความคิดว่าองค์กร
ทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยได้มาอย่างไร จึงจะเป็นองค์กร
ศุภลักษณ์ การเมืองภาคประชาชนเป็นปัจจัยชี้ขาดให้การเมืองมีคุณภาพ
ศิลปินทั่ว ประเทศควรเข้ามารณรงค์สร้างจินตนาการและจิตสำนึกประชาธิปไตย
มหาวิทยาลัยทั้งหมด นิสิตนักศึกษาทั้งหมด ผู้ใช้แรงงาน องค์กรภาคธุรกิจ
สื่อมวลชนทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรทางการแพทย์และสาธารณสุข
แม่บ้าน และคนไทยอื่นใดที่ต้องการเป็นความผาสุกในบ้านเมือง ต้องร่วม
รณรงค์อารยะประชาธิปไตย
ชัดเลย ปลุกระดมมวลชน น่าจะไปฟ้องร้องเอาผิด
ให้ไปตายในคุกจริงๆ
การเคลื่อนไหวเพื่ออารยะประชาธิปไตย ควรมีความหลากหลาย หลายรูปแบบ
หลายระดับ หลายผู้นำ แต่เมื่อเคลื่อนไหวไปๆ อะไรที่เป็นสัจจะและความถูกต้อง
ก็จะเข้ามาเชื่อมกันเอง อะไรที่ไม่ใช่ของจริงของแท้ก็จะตกหล่นไปตามทาง
อะไรที่เป็นกระบวนการสาธารณะจะทำให้เห็นแก่ตัวได้ยาก
พลังแห่งการ รวมตัวของมหาชนจะยุติความชั่วร้ายทั้งปวง เมื่อประชาชน
สถาปนาระบอบประชาธิปไตย และอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่าง
แท้จริง รัฐธรรมนูญและองค์กรทางการเมืองทั้งหลายก็จะเป็นระบบภายใต้
ระบอบประชาธิปไตย ของมวลชน เกิดศีลธรรมทางการเมือง
เมื่อการเมืองเป็นอารยะประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ศีลธรรม ความเจริญ
ความเข้มแข็ง ความผาสุกก็จักเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา
คน ไทยทั้งมวลจึงต้องรณรงค์สร้างอารยะประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง
เป็นกระบวนการที่ใจกว้าง รวมคนทั้งหมดเข้ามาด้วยกัน ไม่แยกข้างแยกขั้ว
ไม่มีการโค่นล้มอะไร เพราะเป็นการสร้างเหมือนการสร้างบ้านที่สวยงามน่าอยู่
ที่ทุกคนร่วมกันสร้าง
ระบอบอารยะประชาธิปไตยคือบ้านของเรา ที่เราจะอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก
ทนไม่ไหวล่ะค่ะ
ID # 723495 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-26 22:02:29 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ยกฟ้องคดีทักษิณ ฟ้องหมิ่น \'แก้วสรร-โพสต์ทูเดย์\' [26 ก.ย. 51 - 17:44]
วันนี้ (26 ก.ย.) ศาลอาญา รัชดาฯ ยกฟ้องในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายถาลัด สมบัติบุญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.)
บริษัท โพสต์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
และกรรมการผู้มีอำนาจ เป็นจำเลยที่ 1-10
ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 326, 328 กรณี คตส. ให้สัมภาษณ์ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ทำนอง ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำทุจริตต่อหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทในเครือชินคอร์ป โดยการแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต
ซึ่งเปรียบได้กับ
การขายชาติ
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า
การที่จำเลยออกมาแถลงข่าวตามฟ้อง เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ
คณะกรรมการ คตส. ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องความเสียหายของรัฐ
อีกทั้งถ้อยคำในคำแถลงข่าวของจำเลยไม่มีข้อความใดที่ทำให้
โจทก์ได้รับความ เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โอ้โอ๋ ไอ้สันขวาน พิจารณาได้สัตว์นรกจริงๆ ด่าว่าเขาว่าขายชาติ
ไม่เสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง มันเอาติ่งเนื้อที่ตูดคิดหรือไงวะ
(ขอโทษ จริงๆ มันสุดทนกับประเทศนี้จริงๆ) แล้วไอ้การเป็นคตส.เนี่ย
แปลว่าแม่งจะด่าใครก็ได้หรือไงวะ โอ๊ย เบื่อโว้ย
ยกฟ้องคดีทักษิณ ฟ้องหมิ่น \'แก้วสรร-โพสต์ทูเดย์\' [26 ก.ย. 51 - 17:44]
วันนี้ (26 ก.ย.) ศาลอาญา รัชดาฯ ยกฟ้องในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายถาลัด สมบัติบุญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.)
บริษัท โพสต์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
และกรรมการผู้มีอำนาจ เป็นจำเลยที่ 1-10
ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 326, 328 กรณี คตส. ให้สัมภาษณ์ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ทำนอง ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำทุจริตต่อหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทในเครือชินคอร์ป โดยการแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต
ซึ่งเปรียบได้กับ
การขายชาติ
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า
การที่จำเลยออกมาแถลงข่าวตามฟ้อง เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ
คณะกรรมการ คตส. ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องความเสียหายของรัฐ
อีกทั้งถ้อยคำในคำแถลงข่าวของจำเลยไม่มีข้อความใดที่ทำให้
โจทก์ได้รับความ เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โอ้โอ๋ ไอ้สันขวาน พิจารณาได้สัตว์นรกจริงๆ ด่าว่าเขาว่าขายชาติ
ไม่เสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง มันเอาติ่งเนื้อที่ตูดคิดหรือไงวะ
(ขอโทษ จริงๆ มันสุดทนกับประเทศนี้จริงๆ) แล้วไอ้การเป็นคตส.เนี่ย
แปลว่าแม่งจะด่าใครก็ได้หรือไงวะ โอ๊ย เบื่อโว้ย
รอ
ID # 723355 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-26 13:55:11 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ข่าวว่าหมาจำลอง (สงสัยสะกดผิดอีกแล้วอ้ะ) กำลังร้องเพลงนี้อย่างโหยหวนทีเดียว
ลองฟังดูนะคะ ปล่อยให้มันแห้งตายไปดีไหมเนี่ย จากข่าวที่ออกมาว่า ยังไม่มีใครจากรัฐบาลมาเจรจา เฝ้ารออยู่นะเนี่ย
รอ
ถ้าเธอมีหัวใจเหมือนฉันสักหน่อย เธอคงไม่ปล่อยให้ฉันต้องคอยอย่างนี้
เธอคงมองซึ้งถึงไมตรี เธอคงมองซึ้งถึงความหวังดีที่มีเรื่อยมา
สู้รอ รอแล้วรอ แล้วรอไม่สิ้น
รอจนใกล้ดับถมทับแผ่นดินแผ่นฟ้า เธอมองไม่ซึ้งถึงสายตา
เธอคงไม่ซึ้งว่าฉันศรัทธาเพียงใด
น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แต่หัวใจอ่อนๆของเธอทำด้วยสิ่งใด
ช่างไม่สะทกสะท้านสะเทือนเหมือนหัวใจ ช่างไม่หวั่นไหว ว่าใครเขารักเขารอ
สิ้นลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่ เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใครเฝ้าง้อ
ใครกันมีรัก มีรักเพียงพอ ใครกันรอแล้ว แล้วยังเฝ้ารอ เขารอ เขารอ เขารอ
อิ๊อิ๊ รออออออออออออยู่น้า เห็นใจหน่อย เดี๋ยวลองก็ต้องร้องว่า
สิ้นลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่ เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใครเฝ้าง้อ
ข่าวว่าหมาจำลอง (สงสัยสะกดผิดอีกแล้วอ้ะ) กำลังร้องเพลงนี้อย่างโหยหวนทีเดียว
ลองฟังดูนะคะ ปล่อยให้มันแห้งตายไปดีไหมเนี่ย จากข่าวที่ออกมาว่า ยังไม่มีใครจากรัฐบาลมาเจรจา เฝ้ารออยู่นะเนี่ย
รอ
ถ้าเธอมีหัวใจเหมือนฉันสักหน่อย เธอคงไม่ปล่อยให้ฉันต้องคอยอย่างนี้
เธอคงมองซึ้งถึงไมตรี เธอคงมองซึ้งถึงความหวังดีที่มีเรื่อยมา
สู้รอ รอแล้วรอ แล้วรอไม่สิ้น
รอจนใกล้ดับถมทับแผ่นดินแผ่นฟ้า เธอมองไม่ซึ้งถึงสายตา
เธอคงไม่ซึ้งว่าฉันศรัทธาเพียงใด
น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แต่หัวใจอ่อนๆของเธอทำด้วยสิ่งใด
ช่างไม่สะทกสะท้านสะเทือนเหมือนหัวใจ ช่างไม่หวั่นไหว ว่าใครเขารักเขารอ
สิ้นลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่ เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใครเฝ้าง้อ
ใครกันมีรัก มีรักเพียงพอ ใครกันรอแล้ว แล้วยังเฝ้ารอ เขารอ เขารอ เขารอ
อิ๊อิ๊ รออออออออออออยู่น้า เห็นใจหน่อย เดี๋ยวลองก็ต้องร้องว่า
สิ้นลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่ เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใครเฝ้าง้อ
ของหวานเคลือบยาพิษ
ID # 723307 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-26 10:51:59 _ ปิดข้อความ แก้ไข
เอาข่าวมาเพิ่มเติมนะคะ เพราะคนที่ยังนิยมของบางอย่าง
อาจเพราะเห็นบ่อย เห็นว่าวางเกลื่อนเมือง อาจหลงเชื่อว่า
เป็นของดี ที่แท้ยาพิษแท้ๆเลยนะคะ
งดขายขนมนำเข้าจากจีน 6 รายการ เสี่ยงปนเปื้อน [26 ก.ย. 51 - 06:33]
นาย วิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
กล่าววานนี้ (25 ก.ย.) ถึงมาตรการการคุมเข้มสารเมลามีนที่ปน
เปื้อนในนมผง ขนมและลูกอมที่มีส่วนผสมของนมที่ผลิตและนำเข้า
จากจีน ที่กำลังเป็นข่าวทั่วโลกว่า ได้เชิญผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า
ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีส่วน
ผสมของนมที่นำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งมีขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมด 4 บริษัท
โดยมีผลิตภัณฑ์ 6 ชนิด ดังนี้
1.ขนมปังกรอบและข้าวโอ๊ต
รสกาแฟตราเหมาฮวด หรือคอฟฟี่ โอทมีล แคร็กเกอร์
2.เวเฟอร์สติ๊กไวท์ช็อคโกแลต เวเฟอร์เคลือบช็อคโกแลตขาว
เครื่องหมายการค้าโอรีโอ
3.ช็อคโกแลตนมตราโดฟ
4.ช็อคโกแลตนมเคลือบน้ำตาลสีต่างๆ ตราเอ็มแอนด์เอ็ม
5.ถั่วลิสงคาราเมล และนูกัตเคลือบช็อคโกแลตนม ตราสนิกเกอร์ส
และ 6.เมน ทอส โยเกิร์ต มิกซ์ หรือลูกอมโยเกิร์ตกลิ่นผลไม้รวม
มาหารือเพื่อขอความร่วมมือหยุดจำหน่ายสินค้าเป็นการชั่วคราว
และนำผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในท้องตลาดมาตรวจวิเคราะห์
สารเมลามีนก่อน เพื่อความปลอดภัย
รมว.สธ. กล่าวว่า จะใช้เวลาตรวจสอบ 1-2 สัปดาห์
หากผลการตรวจไม่พบสารเมลามีนปนเปื้อน
ก็จะให้วางจำหน่ายได้ต่อไป ซึ่งทุกบริษัทให้ความร่วมมืออย่างดี
นอกจากนี้ 3 ห้างใหญ่ คือ ห้างเทสโก้ โลตัส ห้างท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต
และเซเว่น-อีเลฟเว่น ได้ให้ความร่วมมือเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
ออกจากชั้นวางในห้างทั้งหมด จนกว่าจะทราบผลวิเคราะห์
อย่างไรก็ดีตาม หากประชาชนพบเห็นสินค้าตามรายการที่ระบุข้างต้น
ขอให้งดบริโภคชั่วคราวก่อนจนกว่าจะมีผลตรวจยืนยัน
และหากไม่มั่นใจขอให้โทรแจ้งที่ 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตรวจสอบทันที
เอทีสารปนเปื้อนอย่างอื่น ไม่ยักให้เบอร์โทร.ไปฟ้องแฮะ!!!!!
เอาข่าวมาเพิ่มเติมนะคะ เพราะคนที่ยังนิยมของบางอย่าง
อาจเพราะเห็นบ่อย เห็นว่าวางเกลื่อนเมือง อาจหลงเชื่อว่า
เป็นของดี ที่แท้ยาพิษแท้ๆเลยนะคะ
งดขายขนมนำเข้าจากจีน 6 รายการ เสี่ยงปนเปื้อน [26 ก.ย. 51 - 06:33]
นาย วิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
กล่าววานนี้ (25 ก.ย.) ถึงมาตรการการคุมเข้มสารเมลามีนที่ปน
เปื้อนในนมผง ขนมและลูกอมที่มีส่วนผสมของนมที่ผลิตและนำเข้า
จากจีน ที่กำลังเป็นข่าวทั่วโลกว่า ได้เชิญผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า
ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีส่วน
ผสมของนมที่นำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งมีขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมด 4 บริษัท
โดยมีผลิตภัณฑ์ 6 ชนิด ดังนี้
1.ขนมปังกรอบและข้าวโอ๊ต
รสกาแฟตราเหมาฮวด หรือคอฟฟี่ โอทมีล แคร็กเกอร์
2.เวเฟอร์สติ๊กไวท์ช็อคโกแลต เวเฟอร์เคลือบช็อคโกแลตขาว
เครื่องหมายการค้าโอรีโอ
3.ช็อคโกแลตนมตราโดฟ
4.ช็อคโกแลตนมเคลือบน้ำตาลสีต่างๆ ตราเอ็มแอนด์เอ็ม
5.ถั่วลิสงคาราเมล และนูกัตเคลือบช็อคโกแลตนม ตราสนิกเกอร์ส
และ 6.เมน ทอส โยเกิร์ต มิกซ์ หรือลูกอมโยเกิร์ตกลิ่นผลไม้รวม
มาหารือเพื่อขอความร่วมมือหยุดจำหน่ายสินค้าเป็นการชั่วคราว
และนำผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในท้องตลาดมาตรวจวิเคราะห์
สารเมลามีนก่อน เพื่อความปลอดภัย
รมว.สธ. กล่าวว่า จะใช้เวลาตรวจสอบ 1-2 สัปดาห์
หากผลการตรวจไม่พบสารเมลามีนปนเปื้อน
ก็จะให้วางจำหน่ายได้ต่อไป ซึ่งทุกบริษัทให้ความร่วมมืออย่างดี
นอกจากนี้ 3 ห้างใหญ่ คือ ห้างเทสโก้ โลตัส ห้างท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต
และเซเว่น-อีเลฟเว่น ได้ให้ความร่วมมือเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
ออกจากชั้นวางในห้างทั้งหมด จนกว่าจะทราบผลวิเคราะห์
อย่างไรก็ดีตาม หากประชาชนพบเห็นสินค้าตามรายการที่ระบุข้างต้น
ขอให้งดบริโภคชั่วคราวก่อนจนกว่าจะมีผลตรวจยืนยัน
และหากไม่มั่นใจขอให้โทรแจ้งที่ 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตรวจสอบทันที
เอทีสารปนเปื้อนอย่างอื่น ไม่ยักให้เบอร์โทร.ไปฟ้องแฮะ!!!!!
ถ้าเก่งจริง...ป่านนี้คงเป็นรัฐบาลไปแล้ว
ID # 723161 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-25 18:42:59 _ ปิดข้อความ
เบื่อแมลงสาบเหลือเกิน ออกมาแถ-ลง หลังประชุมคณะรมต.เงาเสร็จ
สั่งสอนรัฐบาลจริงใหญ่ตามเคย ว่าต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ ไอ้ประธานที่ปรึกษา
ขนาดว่าไม่ขอวิจารณ์คณะรมต.ใหม่ แต่ก็ไม่วายบอกว่ากำลังเตรียมตัว
อภิปรายรัฐบาลในวันที่แถลงนโยบาย
โอ้โอ๋ ความคิดมีแค่นี้ เลยเป็นได้แค่รัฐบาลเงา(หรือหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน)
มาเนิ่นนาน นิสัยเดิมไม่เคยเปลี่ยน รู้ทั้งรู้ว่า ปัญหาขณะนี้ใหญ่โต
ทั้งในและนอกประเทศ อยากนักหนาที่จะจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่ไม่ยัก
บอกว่าอันที่จริงคืออยากเป็นนายกฯเอง เพราะหากมา-รกหวังดีต่อประเทศ
จริงดังที่พยายามสร้างภาพ ก็ต้องแสดงความคิดที่เป็นทางบวก ต้องให้
สัมภาษณ์ว่ายินดีจะช่วยเหลือให้คำแนะนำเรื่องที่จำเป็น เรื่องที่ตัวเองและ
พวกที่คุยนักคุยหนา ว่ามีความสามรถ ก็น่าจะเข้ามาให้คำปรึกษา(แทนที่จะ
คอยจ้องจับผิดและกระแนะกระแหนรัฐบาล)
การที่ออกมาเสนอนายกฯม.7 มาจนรัฐบาลแห่งชาติ(รัฐบาลพิเศษ)ก็เป็นเพียง
ความกระสันต์ ที่อยากได้เป็นนายกฯที่ไม่มีเสียงสนับสนุนมากพอเท่านั้นเอง
เบื่อแมลงสาบเหลือเกิน ออกมาแถ-ลง หลังประชุมคณะรมต.เงาเสร็จ
สั่งสอนรัฐบาลจริงใหญ่ตามเคย ว่าต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ ไอ้ประธานที่ปรึกษา
ขนาดว่าไม่ขอวิจารณ์คณะรมต.ใหม่ แต่ก็ไม่วายบอกว่ากำลังเตรียมตัว
อภิปรายรัฐบาลในวันที่แถลงนโยบาย
โอ้โอ๋ ความคิดมีแค่นี้ เลยเป็นได้แค่รัฐบาลเงา(หรือหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน)
มาเนิ่นนาน นิสัยเดิมไม่เคยเปลี่ยน รู้ทั้งรู้ว่า ปัญหาขณะนี้ใหญ่โต
ทั้งในและนอกประเทศ อยากนักหนาที่จะจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่ไม่ยัก
บอกว่าอันที่จริงคืออยากเป็นนายกฯเอง เพราะหากมา-รกหวังดีต่อประเทศ
จริงดังที่พยายามสร้างภาพ ก็ต้องแสดงความคิดที่เป็นทางบวก ต้องให้
สัมภาษณ์ว่ายินดีจะช่วยเหลือให้คำแนะนำเรื่องที่จำเป็น เรื่องที่ตัวเองและ
พวกที่คุยนักคุยหนา ว่ามีความสามรถ ก็น่าจะเข้ามาให้คำปรึกษา(แทนที่จะ
คอยจ้องจับผิดและกระแนะกระแหนรัฐบาล)
การที่ออกมาเสนอนายกฯม.7 มาจนรัฐบาลแห่งชาติ(รัฐบาลพิเศษ)ก็เป็นเพียง
ความกระสันต์ ที่อยากได้เป็นนายกฯที่ไม่มีเสียงสนับสนุนมากพอเท่านั้นเอง
พี่จิ๋ว
1)ถึงพี่จิ๋วหวานเจี๊ยบผมเรียบแปล้
เอาความแก่ความชรามาด้วยไหม?
พี่จิ๋วทิ้งตอนปลายพรรคไทยรักไทย
บอกว่าไปพักผ่อนนอนตีพุง
2)ไม่พบหน้าค่าตามานานแล้ว
ผ่านไปแถวบ้านพี่ผมก็ยุ่ง
หมดเวลามาพัวพันมันนังนุง
อยากกระทุ้งถามพี่ใหญ่ให้ตอบมา
3)ย้อนไปที่ปีก่อนเกิดเรื่องใหญ่
พี่แอบซ่อนซุกอยู่ไหนไม่เห็นหน้า
วันฤกษ์ดีที่สิบเก้าเดือนกันยา
ปีสองห้าสี่เก้าล้มรัฐบาล
4)เห็นบ้านเมืองฉิบหายไปต่อหน้า
สูญเงินตรามากมายมหาศาล
แถมเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ
เป็นค่าแรงรัฐประหารจ่ายให้ใคร?
5)เราไม่รับพวกอัปรีย์พี่ก็เฉย
ไม่มีเอ่ยออกมาบ้างอยู่ข้างไหน
ไม่กล้าออกความเห็น ไม่เป็นไร
หากพี่ไปเลยลับไม่กลับคืน
6)แล้วกลับมาทำไมให้คนด่า
วัยชะแรแก่ชราก็อย่าฝืน
เหลือกระบอกโบ๋ข้างในไร้ลูกปืน
แม้จุดยืนยังสั่นไหวไม่มั่นคง
7)จะมาทำอะไร?จะไหวเหรอ?
โรคเก่าอัลไซเมอร์ที่ลืมหลง
ไม่เชื่อว่าพี่จะกล้ามาแย่งธง
ที่กงกงตุ๊ดเฒ่าเอามานำ
8)มาเป็นรองนายกไร้ทำเนียบ
อย่ามาเลียบข้างคลองให้คนขำ
คิดอย่างไรเก้ากบฏก็รีบทำ
อย่าให้ซ้ำรอยเก่ามันน่ากลัว
9)นโยบายขายความสมานฉันท์
ไม่มีวันใช้ได้กับคนชั่ว
อย่าให้มันรอดพ้นแม้เพียงตัว
เอาเลือดหัวมันออกมาต้องกล้าจริง
10)พวกมันมีคดีความตามกฎหมาย
อย่าขี้คุยฉุยฉายหรือนั่งนิ่ง
หากรวบรัดตัดฉากแล้วช่วงชิง
จับเสือสิงห์ลิงค่างและวัวควาย
11)ดื้ออย่างไรต้องจับไปให้หมดสิ้น
ต้องใช้ลิ้นหลอกล่อเข้าสลาย
มิจฉาชนชุลมุนทำวุ่นวาย
ใช้กฎหมายสู้กฎหมู่เพื่อบ้านเมือง
12)ที่บอกมาพี่จะกล้ารึเปล่าหนอ
อยากจะขอร้องพี่เพียงหนึ่งเรื่อง
อย่ากังวลว่าใครจะขัดเคือง
เฒ่าประเทืองหากขอมาอย่าให้มัน
จบ
>ว่ากันไปพ่อใหญ่ทำไมมา
หรือเป็นว่าบ้านเมืองเรื่องต้องท่าน
กระนั้นเลยจับเลยพวกกบฎมาร
อันธพาลได้สิ้นแผ่นดินไทย
1)หากพี่จิ๋ว เจรจา หาทางออก
ก็ขอบอก เลยว่า อย่าโอนอ่อน
รู้ว่าพี่ มีเมตตา เอื้ออาทร
เจ๊กกะล่อน โจรจำลอง ต้องระวัง
2)หากพี่จิ๋ว ไม่จัดแจง ให้เรื่องจบ
พี่จะพบ กับฝูงควาย ที่คลุ้มคลั่ง
พวกมันมี ทีวี ที่เสียงดัง
แล้วพี่จิ๋ว จะพัง เพราะเมตตา
3)ท่านสอนว่า อย่าไว้ ใจกบฏ
มันคิดคด ทรยศ กันซึ่งหน้า
มิอาจแก้ ด้วยการ เจรจา
มันจะพา พี่หลง ออกทะเล
4)พี่เชื่อผม สักหน ไม่เสียหาย
ลูกผู้ชาย อย่างผมนี้ ไม่มีเล่ห์
หากเสียท่า ครานี้ พี่จะเซ
เป็นท่านรอง ทองเก๊ พเนจร
5)คอรอมอ ไร้ทำเนียบ มันน่าเศร้า
เหมือนพี่อยาก กินข้าว ไม่มีช้อน
ใช้มือเปิบ เปรอะเปื้อน ดูปอนปอน
เหมือนที่นอน ขาดหมอน ไม่เข้าที
6)ยึดทำเนียบ คืนมา ไม่น่ายาก
พวกกบฏ ก็ลำบาก กันเต็มที่
เป็นชุมโจร ยาบ้า และยาอี
ใบกระท่อม ก็มี อยู่ทั่วไป
7)นังตุ๊ดเฒ่า นายเก่า ของพี่นั้น
ก็ปล่อยมัน อย่างนั้น พี่วางไว้
มันเรียกหา ก็โปรดอย่า ไปใส่ใจ
พี่ปล่อยให้ มันแห้งตาย คงไม่นาน
8)เราชาวไทย คงภูมิใจ ในตัวพี่
ก่อนจะสิ้น ชีวี ละสังขาร
ได้สร้างคุณ เป็นอเนก นัปการ
ชาติจะพ้น ภัยพาล เพราะพี่เอย.
สวัสดีตอนบ่ายๆ คุณ สมฆ
ก็ไม่แน่ว่าจะลุ้นขึ้นอีกหรือเปล่า
หากพี่จิ๋วคิดจะใช้กาวใจยี่ห้อเก่าละก็
พี่จิ๋วเสียผู้เสียคนตอนแก่แน่ๆ
นังปองมันจ้องถลกหนังแล้ว ตาเป็นมันเยิ้มเชียว
เมื่อบิ๊กจิ๋ว ลิ่วโลด มาโปรดสัตว์
เต็มพิกัด น้องพี่ มีให้เห็น
อกระทึก ศึกนี้ มีลำเค็ญ
ตาเขม่น ลางร้าย ฝ่ายธุลี
๐ ก็ 50:50 ใครหยิบขึ้น
ฟ้าทะมึน โหมบุก รุกเต็มที่
เป็นแนวหน้า ท้านรก หมกอเวจี
อธิปไตย ครานี้ ถูกตีกิน
๐ ก็ลูกป๋า เห็นๆ เป็นประจักษ์
มิเหหัก ภักดี ฤดีถวิล
มิสงสัย ฝักใฝ่ ไร้มลทิน
ธุลีดิน สิ้นแล้ว แผ่วกำลัง
๐ ถึงจะปลอบ ใจตัว มั่วๆหน่อย
ตั้งตาคอย บันดานดล ให้ฝนหลั่ง
คงหลอกได้ ชั่วครู่ กู้พลัง
จะสร้างหวัง ทำไม ใจรู้ดี
1.ถึงชื่อจิ๋วจิ๋วนี้ก็มีชื่อ
ผู้คนถือคือพี่ใหญ่ใจห้าวหาญ
เดินมานานผ่านไปใจเบิกบาน
เขากล่าวขานวานกระพือคือคนจริง
2.อยากจะใหญ่ในตำแหน่งแห่งประเทศ
รู้จักเหตุเจตน์จำนงตรงทุกสิ่ง
ลาออกจากตำแหน่งไม่ท้วงติง
ไม่หลอกลิงหลอกเจ้าเข้าทำนอง
3.หัวหน้าพรรคการเมืองไม่เชื่องช้า
มีบุญญาได้นายกฯต้องฉลอง
ผิดคำพูดจึงลาน่าตรึกตรอง
ให้ท่านลองอีกทีอย่าตีกัน
4.ขออย่างเดียวอย่าพลาดบังอาจยก
พวกนรกพ้นผิดอย่าคิดฝัน
เจรจาอย่างไรไม่สำคัญ
แต่พวกมันต้องคดีมีภัยจริง
5.ทำอะไรให้ทำจำใจรับ
อย่าบังคับให้ยอมพวกผีสิง
แล้วจะให้โอกาสอาจช่วงชิง
อย่าทอดทิ้งความหวังปวงประชา
6.ต้องจัดการพวกมัน..ของขวัญนี้
ประชาชีที่ต้องการวานฟังหนา
แล้วจะยกท่านสุดใจไม่นินทา
ภรรยาอีกอย่างอย่าวางใจ
ไม่วางใจภรรยาออกน่ารัก
เธอมักจักโชว์ทองน้องเคลื่อนที่
หากไม่คิดช่วยชาติกับสามี
ระวังเถอะแม่ธรณีจะบีทา
ภรรยาน่ารักชักจะเชื่อ
แต่ยังเบื่อช้างน้อยคอยอุ้มหนา
ตัวก็กลมสมกับช้างที่อุ้มมา
รำคาญตาประชาราษฎร์อุบาทว์จริง
คนชื่อจิ๋วใจใหญ่ใครว่าแก่
เข้ามาแก้ชาติใกล้ม้วยด้วยความหวัง
ยึดทำเนียบปราบกบฎด้วยพลัง
หากสมหวังแม้เพียงหนึ่งชนพึงใจ
เอาความแก่ความชรามาด้วยไหม?
พี่จิ๋วทิ้งตอนปลายพรรคไทยรักไทย
บอกว่าไปพักผ่อนนอนตีพุง
2)ไม่พบหน้าค่าตามานานแล้ว
ผ่านไปแถวบ้านพี่ผมก็ยุ่ง
หมดเวลามาพัวพันมันนังนุง
อยากกระทุ้งถามพี่ใหญ่ให้ตอบมา
3)ย้อนไปที่ปีก่อนเกิดเรื่องใหญ่
พี่แอบซ่อนซุกอยู่ไหนไม่เห็นหน้า
วันฤกษ์ดีที่สิบเก้าเดือนกันยา
ปีสองห้าสี่เก้าล้มรัฐบาล
4)เห็นบ้านเมืองฉิบหายไปต่อหน้า
สูญเงินตรามากมายมหาศาล
แถมเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ
เป็นค่าแรงรัฐประหารจ่ายให้ใคร?
5)เราไม่รับพวกอัปรีย์พี่ก็เฉย
ไม่มีเอ่ยออกมาบ้างอยู่ข้างไหน
ไม่กล้าออกความเห็น ไม่เป็นไร
หากพี่ไปเลยลับไม่กลับคืน
6)แล้วกลับมาทำไมให้คนด่า
วัยชะแรแก่ชราก็อย่าฝืน
เหลือกระบอกโบ๋ข้างในไร้ลูกปืน
แม้จุดยืนยังสั่นไหวไม่มั่นคง
7)จะมาทำอะไร?จะไหวเหรอ?
โรคเก่าอัลไซเมอร์ที่ลืมหลง
ไม่เชื่อว่าพี่จะกล้ามาแย่งธง
ที่กงกงตุ๊ดเฒ่าเอามานำ
8)มาเป็นรองนายกไร้ทำเนียบ
อย่ามาเลียบข้างคลองให้คนขำ
คิดอย่างไรเก้ากบฏก็รีบทำ
อย่าให้ซ้ำรอยเก่ามันน่ากลัว
9)นโยบายขายความสมานฉันท์
ไม่มีวันใช้ได้กับคนชั่ว
อย่าให้มันรอดพ้นแม้เพียงตัว
เอาเลือดหัวมันออกมาต้องกล้าจริง
10)พวกมันมีคดีความตามกฎหมาย
อย่าขี้คุยฉุยฉายหรือนั่งนิ่ง
หากรวบรัดตัดฉากแล้วช่วงชิง
จับเสือสิงห์ลิงค่างและวัวควาย
11)ดื้ออย่างไรต้องจับไปให้หมดสิ้น
ต้องใช้ลิ้นหลอกล่อเข้าสลาย
มิจฉาชนชุลมุนทำวุ่นวาย
ใช้กฎหมายสู้กฎหมู่เพื่อบ้านเมือง
12)ที่บอกมาพี่จะกล้ารึเปล่าหนอ
อยากจะขอร้องพี่เพียงหนึ่งเรื่อง
อย่ากังวลว่าใครจะขัดเคือง
เฒ่าประเทืองหากขอมาอย่าให้มัน
จบ
>ว่ากันไปพ่อใหญ่ทำไมมา
หรือเป็นว่าบ้านเมืองเรื่องต้องท่าน
กระนั้นเลยจับเลยพวกกบฎมาร
อันธพาลได้สิ้นแผ่นดินไทย
1)หากพี่จิ๋ว เจรจา หาทางออก
ก็ขอบอก เลยว่า อย่าโอนอ่อน
รู้ว่าพี่ มีเมตตา เอื้ออาทร
เจ๊กกะล่อน โจรจำลอง ต้องระวัง
2)หากพี่จิ๋ว ไม่จัดแจง ให้เรื่องจบ
พี่จะพบ กับฝูงควาย ที่คลุ้มคลั่ง
พวกมันมี ทีวี ที่เสียงดัง
แล้วพี่จิ๋ว จะพัง เพราะเมตตา
3)ท่านสอนว่า อย่าไว้ ใจกบฏ
มันคิดคด ทรยศ กันซึ่งหน้า
มิอาจแก้ ด้วยการ เจรจา
มันจะพา พี่หลง ออกทะเล
4)พี่เชื่อผม สักหน ไม่เสียหาย
ลูกผู้ชาย อย่างผมนี้ ไม่มีเล่ห์
หากเสียท่า ครานี้ พี่จะเซ
เป็นท่านรอง ทองเก๊ พเนจร
5)คอรอมอ ไร้ทำเนียบ มันน่าเศร้า
เหมือนพี่อยาก กินข้าว ไม่มีช้อน
ใช้มือเปิบ เปรอะเปื้อน ดูปอนปอน
เหมือนที่นอน ขาดหมอน ไม่เข้าที
6)ยึดทำเนียบ คืนมา ไม่น่ายาก
พวกกบฏ ก็ลำบาก กันเต็มที่
เป็นชุมโจร ยาบ้า และยาอี
ใบกระท่อม ก็มี อยู่ทั่วไป
7)นังตุ๊ดเฒ่า นายเก่า ของพี่นั้น
ก็ปล่อยมัน อย่างนั้น พี่วางไว้
มันเรียกหา ก็โปรดอย่า ไปใส่ใจ
พี่ปล่อยให้ มันแห้งตาย คงไม่นาน
8)เราชาวไทย คงภูมิใจ ในตัวพี่
ก่อนจะสิ้น ชีวี ละสังขาร
ได้สร้างคุณ เป็นอเนก นัปการ
ชาติจะพ้น ภัยพาล เพราะพี่เอย.
สวัสดีตอนบ่ายๆ คุณ สมฆ
ก็ไม่แน่ว่าจะลุ้นขึ้นอีกหรือเปล่า
หากพี่จิ๋วคิดจะใช้กาวใจยี่ห้อเก่าละก็
พี่จิ๋วเสียผู้เสียคนตอนแก่แน่ๆ
นังปองมันจ้องถลกหนังแล้ว ตาเป็นมันเยิ้มเชียว
เมื่อบิ๊กจิ๋ว ลิ่วโลด มาโปรดสัตว์
เต็มพิกัด น้องพี่ มีให้เห็น
อกระทึก ศึกนี้ มีลำเค็ญ
ตาเขม่น ลางร้าย ฝ่ายธุลี
๐ ก็ 50:50 ใครหยิบขึ้น
ฟ้าทะมึน โหมบุก รุกเต็มที่
เป็นแนวหน้า ท้านรก หมกอเวจี
อธิปไตย ครานี้ ถูกตีกิน
๐ ก็ลูกป๋า เห็นๆ เป็นประจักษ์
มิเหหัก ภักดี ฤดีถวิล
มิสงสัย ฝักใฝ่ ไร้มลทิน
ธุลีดิน สิ้นแล้ว แผ่วกำลัง
๐ ถึงจะปลอบ ใจตัว มั่วๆหน่อย
ตั้งตาคอย บันดานดล ให้ฝนหลั่ง
คงหลอกได้ ชั่วครู่ กู้พลัง
จะสร้างหวัง ทำไม ใจรู้ดี
1.ถึงชื่อจิ๋วจิ๋วนี้ก็มีชื่อ
ผู้คนถือคือพี่ใหญ่ใจห้าวหาญ
เดินมานานผ่านไปใจเบิกบาน
เขากล่าวขานวานกระพือคือคนจริง
2.อยากจะใหญ่ในตำแหน่งแห่งประเทศ
รู้จักเหตุเจตน์จำนงตรงทุกสิ่ง
ลาออกจากตำแหน่งไม่ท้วงติง
ไม่หลอกลิงหลอกเจ้าเข้าทำนอง
3.หัวหน้าพรรคการเมืองไม่เชื่องช้า
มีบุญญาได้นายกฯต้องฉลอง
ผิดคำพูดจึงลาน่าตรึกตรอง
ให้ท่านลองอีกทีอย่าตีกัน
4.ขออย่างเดียวอย่าพลาดบังอาจยก
พวกนรกพ้นผิดอย่าคิดฝัน
เจรจาอย่างไรไม่สำคัญ
แต่พวกมันต้องคดีมีภัยจริง
5.ทำอะไรให้ทำจำใจรับ
อย่าบังคับให้ยอมพวกผีสิง
แล้วจะให้โอกาสอาจช่วงชิง
อย่าทอดทิ้งความหวังปวงประชา
6.ต้องจัดการพวกมัน..ของขวัญนี้
ประชาชีที่ต้องการวานฟังหนา
แล้วจะยกท่านสุดใจไม่นินทา
ภรรยาอีกอย่างอย่าวางใจ
ไม่วางใจภรรยาออกน่ารัก
เธอมักจักโชว์ทองน้องเคลื่อนที่
หากไม่คิดช่วยชาติกับสามี
ระวังเถอะแม่ธรณีจะบีทา
ภรรยาน่ารักชักจะเชื่อ
แต่ยังเบื่อช้างน้อยคอยอุ้มหนา
ตัวก็กลมสมกับช้างที่อุ้มมา
รำคาญตาประชาราษฎร์อุบาทว์จริง
คนชื่อจิ๋วใจใหญ่ใครว่าแก่
เข้ามาแก้ชาติใกล้ม้วยด้วยความหวัง
ยึดทำเนียบปราบกบฎด้วยพลัง
หากสมหวังแม้เพียงหนึ่งชนพึงใจ
เอาไม้กอล์ฟหวดเมียจนตาย
ID # 723023 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-25 10:49:27 _ ปิดข้อความ
ไม่เป็นไร เพราะเวลาตัดสิน ดันอ้างว่า จำเลยเป็นถึงครูบาอาจารย์
ทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติมาก่อน จึงให้ลงอาญาไว้
แต่ไม่ต้องไปกวาดถนน แค่ไปสอนหนังสือในห้องแอร์ก็พอ(เป็นงานถนัด
ถึงไม่สั่ง ก็ทำมาหากินด้วยวิธีนี้อยู่แล้ว)
ทุเรศไหมล่ะค่ะ คนตายไปทั้งคน เป็นถึงครูบาอาจารย์ ที่ต้องคอยสั่งสอนผู้อื่น
กลับลุแก่โทสะ ประหัตประหารชีวิตผู้อื่น (อันที่จริงเป็นเมียและแม่ของลูก)
กลับได้รับความเห็นใจ ตัดสินว่าด้วยความดีที่เคยทำมา ไม่สมควรเอาไปติดคุก
โอ้โอ๋อนาจแท้หนอ ประเทศนี้ อดีตนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ เป็นรัฐมนตรีมาเกือบ
ทุกกระทรวง เป็นอดีตผู้ว่าราชการเมืองหลวงของประเทศ ที่สำคัญตำแหน่งครั้ง
ล่าสุด ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สูงสุดของฝ่ายบริหาร
หาความดีไม่มีเลยหรือไง ไม่มีความดีพอที่ศาลจะพิจารณา ตัดสินให้รอลงอาญา
หรืออย่างไร เขียนไปน้ำตามันร่วง ไม่ได้เสียใจ แต่มันแค้น
ความแค้นมันแน่นหัวอก คนปากหมามีเต็มประเทศ ด่าทอคนอื่นทั้งที่
ไม่มีมูล กลับปล่อยให้ลอยนวล ยังไม่ทันได้ตัดสิน สั่งฟ้องแล้วยังถอนออกมา
เสียเฉยๆ ก็ยังทำกันได้ เขาว่าบีบมากๆ มันจะระเบิด ก็คงเป็นอย่างนี้เอง
ID # 1116599 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-25 11:25:25 _ ปิดข้อความ
ที่สำคัญ ท่านอดีตนายกฯ พูดครั้งเดียว เจ็บก็ครั้งเดียว
ไม่เหมือนคนตีเมีย คิดดูต้องกระหน่ำกี่ที เมียถึงตาย
ไม่ใช่เอาปืนยิงสักหน่อย ฝรั่งตัดสินตามวิธีการที่ทำผิด
การกระหน่ำตีจนตายหรือเกือบตาย แล้วมาตายทีหลัง
จะถือว่ากระทำโดยโทสะไม่ได้ เพราะ โทสะ ต้องเปรี้ยงเดียว
นี่หวดซ้ำไปซ้ำมา ถือว่าทำด้วยความแค้น แต่รอด เฮ้อ
ไม่เป็นไร เพราะเวลาตัดสิน ดันอ้างว่า จำเลยเป็นถึงครูบาอาจารย์
ทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติมาก่อน จึงให้ลงอาญาไว้
แต่ไม่ต้องไปกวาดถนน แค่ไปสอนหนังสือในห้องแอร์ก็พอ(เป็นงานถนัด
ถึงไม่สั่ง ก็ทำมาหากินด้วยวิธีนี้อยู่แล้ว)
ทุเรศไหมล่ะค่ะ คนตายไปทั้งคน เป็นถึงครูบาอาจารย์ ที่ต้องคอยสั่งสอนผู้อื่น
กลับลุแก่โทสะ ประหัตประหารชีวิตผู้อื่น (อันที่จริงเป็นเมียและแม่ของลูก)
กลับได้รับความเห็นใจ ตัดสินว่าด้วยความดีที่เคยทำมา ไม่สมควรเอาไปติดคุก
โอ้โอ๋อนาจแท้หนอ ประเทศนี้ อดีตนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ เป็นรัฐมนตรีมาเกือบ
ทุกกระทรวง เป็นอดีตผู้ว่าราชการเมืองหลวงของประเทศ ที่สำคัญตำแหน่งครั้ง
ล่าสุด ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สูงสุดของฝ่ายบริหาร
หาความดีไม่มีเลยหรือไง ไม่มีความดีพอที่ศาลจะพิจารณา ตัดสินให้รอลงอาญา
หรืออย่างไร เขียนไปน้ำตามันร่วง ไม่ได้เสียใจ แต่มันแค้น
ความแค้นมันแน่นหัวอก คนปากหมามีเต็มประเทศ ด่าทอคนอื่นทั้งที่
ไม่มีมูล กลับปล่อยให้ลอยนวล ยังไม่ทันได้ตัดสิน สั่งฟ้องแล้วยังถอนออกมา
เสียเฉยๆ ก็ยังทำกันได้ เขาว่าบีบมากๆ มันจะระเบิด ก็คงเป็นอย่างนี้เอง
ID # 1116599 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-25 11:25:25 _ ปิดข้อความ
ที่สำคัญ ท่านอดีตนายกฯ พูดครั้งเดียว เจ็บก็ครั้งเดียว
ไม่เหมือนคนตีเมีย คิดดูต้องกระหน่ำกี่ที เมียถึงตาย
ไม่ใช่เอาปืนยิงสักหน่อย ฝรั่งตัดสินตามวิธีการที่ทำผิด
การกระหน่ำตีจนตายหรือเกือบตาย แล้วมาตายทีหลัง
จะถือว่ากระทำโดยโทสะไม่ได้ เพราะ โทสะ ต้องเปรี้ยงเดียว
นี่หวดซ้ำไปซ้ำมา ถือว่าทำด้วยความแค้น แต่รอด เฮ้อ
โอละพ่อ
ID # 722885 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-24 19:15:38 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ข่าวดังวันนี้คงไม่มีข่าวใดเกินข่าวคลิปของนักร้องคู่ดูโอ้ ขวัญใจวัยโจ๋
เกิดการตามล่าคนทำกันจ้าละหวั่น แล้วจู่ๆก็มีข่าวนี้โผล่มา
ดูเหมือนจบแล้วนะคะ แต่มันดันไม่จบ เพราะบิ๊กปดส. พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร
ท่านออกมาให้สัมภาษณ์ NBT เกือบจะทันที ว่าเป็นการจัดฉาก หากเอาสามคนนี้
ไปมอบตัว ก็ต้องปล่อยตัวไป เพราะเอาผิดไม่ได้ โดยแจงว่าการจัดฉากนี้ทำเพื่อให้
คนทำผิดตัวจริงหลุดรอดไปได้
เอาล่ะสิคะ ทีนี้จะเชื่อใครดีล่ะ ทั้งคู่น่ะ มันๆทั้งนั้น แต่ถ้าถามป้า
ป้าไม่ค่อยเชื่อ มูลนิธิอ้ะ ป้าว่าแกใจเร็วด่วนได้ ทำงานแบบนักการเมือง
คือเอาหน้าไว้ก่อน เห็นพลาดหลายทีแล้ว แต่ไม่ปิดกั้นนะคะ เชิญ วิพากษ์
วิจารณ์กันได้ ผ่อนคลายจากการเมืองบ้างก็ดี
ID # 1114771 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-24 20:08:02 _ ปิดข้อความ แก้ไข
โอ้..โอ๋ คุณอินฯ อย่าเข้าใจผิด ป้ามิได้ต้องการรื้อฟื้นเรื่องเด็ก
เพียงแต่เห็นว่า เมืองไทยก็เป็นอย่างนี้หนอ แก่งแย่งชิงดีกัน
แย่งผลงานกัน ใครดีเกินหน้า ต้องถล่มมันไป ก็เท่านั้นเอง
ไม่ได้เกี๋ยวกับเรื่องเด็กจริงๆนะคะ ขอโทษทีที่ทำให้หงุดหงิด
หัวใจ ป้าเองก็เห็นว่าการไปอยากดูมันไม่ถูกอยู่แล้ว ต่อให้
วางอยู่ข้างหน้าก็ไม่ดู เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
เพียงแต่เขาเป็นเหยื่อ นอกจากจะกลายเป็นเหยื่อพวกโรคจิตแล้ว
ยังตกเป็นเหยื่อของผู้ใหญ่ที่ชอบทำงานเอาหน้าอีกด้วย
ID # 1117965 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-25 20:07:49 _ ปิดข้อความ
แหมตอบไม่ได้นะคะคุณหมอวี เพราะป้าไม่ได้ดู แล้วก็ไม่คิดจะดู
วันนี้ท่านวิสุทธิ์ออกมาแถลงข่าวก็น่าคิด ทำไมไม่ปฏิเสธเสียก็สิ้นเรื่อง
จะว่าจะได้จับคนผิดมาประจาน ตำรวจเขาก็ว่าทำทางลับได้อยู่แล้ว
แต่อาร์เอสกลับทำเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งๆที่ตำรวจแนะนำแล้วว่าให้ปฏิเสธไปว่าไม่ใช่
ข่าวดังวันนี้คงไม่มีข่าวใดเกินข่าวคลิปของนักร้องคู่ดูโอ้ ขวัญใจวัยโจ๋
เกิดการตามล่าคนทำกันจ้าละหวั่น แล้วจู่ๆก็มีข่าวนี้โผล่มา
เร่งล่าตัวอีก3ผู้ต้องหา ถ่ายคลิปโป๊\'โฟร์-มด\' [24 ก.ย. 51 - 17:23]
ความ คืบหน้าการตามล่าตัวมือดีที่แอบถ่ายคลิปวีดีโอขณะที่นักร้องสาววัยรุ่นดูโอ โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร และมด-คุณัชญา ชัยรัตน์ เปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องน้ำขณะเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น นั้น
ล่า สุด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (24 ก.ย.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำตัว นายธีรชัย หรืออู๊ด มูลรัตน์
เจ้าของโทรศัพท์มือถือ นายวิชาญ หรือโด้ ปะกิระนันท์ และนายรุ่งโรจน์
หรือตี๋ ตันศิริ พ่อครัวและพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมชื่อดังใน
จ.ขอนแก่น ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแอบบันทึกภาพขณะอาบน้ำของ 2 นักร้อง
สาว เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2550 ขณะที่ โฟร์-มด ไปแสดงคอนเสิร์ตที่ผับแห่งหนึ่ง
ใน จ.ขอนแก่น มาแถลงข่าว
นาย ธีรชัย ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคลิปดังกล่าว แต่ยอมรับว่าได้ให้ นายปิยะนัส หรือเนม กาบละคร อดีตพนักงานโรงแรม ยืมโทรศัพมือถือไปถ่ายภาพนักร้องสาว
มาทราบทีหลังว่าเอาไปแอบถ่ายนักร้องสาวโดยไม่ได้ลบทิ้ง และเมื่อเดือน ก.พ.
ได้ทำโทรศัพท์หาย
ส่วนนายวิชาญ และนายรุ่งโรจน์ รับว่าแค่ปีนแอบดู 2 สาวอาบน้ำ และสำนึกในการ
กระทำ พร้อมขอโทษที่ไปแอบดู โดยพร้อมให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งนี้ จะเร่งติดตามตัวนายปิยะนัส ซึ่งเป็นทหารเกณฑ์อยู่ที่ จ.ยะลา และตัวแฟนสาวนัก
ศึกษาที่นำคลิปไปโหลดลงคอมพิวเตอร์เผยแพร่ รวมทั้งนายโต พนักงานของ
โรงแรมอีกคนที่ร่วมปีนแอบดู มาสอบสวนเพื่อดำเนินคดี
ขณะ ที่ นายธิติ พูลนิติพร เจ้าของโรงแรม เพิ่งรู้ว่าห้องพักโรงแรมมีช่องที่สามารถแอบดูแขกที่เข้าพัก หลังตกเป็นข่าวโรงแรมได้รับผลกระทบ หลังจากนี้จะตรวจสอบและและปรับปรุงให้ปลอดภัย ส่วนพนักงานที่กระทำความผิด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ
จากนั้น ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ประสานพนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ปดส.) สอบสวนเพื่อแจ้งข้อหา ตามที่บริษัท อาร์เอส จำกัด มอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ความ คืบหน้าการตามล่าตัวมือดีที่แอบถ่ายคลิปวีดีโอขณะที่นักร้องสาววัยรุ่นดูโอ โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร และมด-คุณัชญา ชัยรัตน์ เปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องน้ำขณะเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น นั้น
ล่า สุด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (24 ก.ย.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำตัว นายธีรชัย หรืออู๊ด มูลรัตน์
เจ้าของโทรศัพท์มือถือ นายวิชาญ หรือโด้ ปะกิระนันท์ และนายรุ่งโรจน์
หรือตี๋ ตันศิริ พ่อครัวและพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมชื่อดังใน
จ.ขอนแก่น ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแอบบันทึกภาพขณะอาบน้ำของ 2 นักร้อง
สาว เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2550 ขณะที่ โฟร์-มด ไปแสดงคอนเสิร์ตที่ผับแห่งหนึ่ง
ใน จ.ขอนแก่น มาแถลงข่าว
นาย ธีรชัย ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคลิปดังกล่าว แต่ยอมรับว่าได้ให้ นายปิยะนัส หรือเนม กาบละคร อดีตพนักงานโรงแรม ยืมโทรศัพมือถือไปถ่ายภาพนักร้องสาว
มาทราบทีหลังว่าเอาไปแอบถ่ายนักร้องสาวโดยไม่ได้ลบทิ้ง และเมื่อเดือน ก.พ.
ได้ทำโทรศัพท์หาย
ส่วนนายวิชาญ และนายรุ่งโรจน์ รับว่าแค่ปีนแอบดู 2 สาวอาบน้ำ และสำนึกในการ
กระทำ พร้อมขอโทษที่ไปแอบดู โดยพร้อมให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งนี้ จะเร่งติดตามตัวนายปิยะนัส ซึ่งเป็นทหารเกณฑ์อยู่ที่ จ.ยะลา และตัวแฟนสาวนัก
ศึกษาที่นำคลิปไปโหลดลงคอมพิวเตอร์เผยแพร่ รวมทั้งนายโต พนักงานของ
โรงแรมอีกคนที่ร่วมปีนแอบดู มาสอบสวนเพื่อดำเนินคดี
ขณะ ที่ นายธิติ พูลนิติพร เจ้าของโรงแรม เพิ่งรู้ว่าห้องพักโรงแรมมีช่องที่สามารถแอบดูแขกที่เข้าพัก หลังตกเป็นข่าวโรงแรมได้รับผลกระทบ หลังจากนี้จะตรวจสอบและและปรับปรุงให้ปลอดภัย ส่วนพนักงานที่กระทำความผิด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ
จากนั้น ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ประสานพนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ปดส.) สอบสวนเพื่อแจ้งข้อหา ตามที่บริษัท อาร์เอส จำกัด มอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
ดูเหมือนจบแล้วนะคะ แต่มันดันไม่จบ เพราะบิ๊กปดส. พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร
ท่านออกมาให้สัมภาษณ์ NBT เกือบจะทันที ว่าเป็นการจัดฉาก หากเอาสามคนนี้
ไปมอบตัว ก็ต้องปล่อยตัวไป เพราะเอาผิดไม่ได้ โดยแจงว่าการจัดฉากนี้ทำเพื่อให้
คนทำผิดตัวจริงหลุดรอดไปได้
เอาล่ะสิคะ ทีนี้จะเชื่อใครดีล่ะ ทั้งคู่น่ะ มันๆทั้งนั้น แต่ถ้าถามป้า
ป้าไม่ค่อยเชื่อ มูลนิธิอ้ะ ป้าว่าแกใจเร็วด่วนได้ ทำงานแบบนักการเมือง
คือเอาหน้าไว้ก่อน เห็นพลาดหลายทีแล้ว แต่ไม่ปิดกั้นนะคะ เชิญ วิพากษ์
วิจารณ์กันได้ ผ่อนคลายจากการเมืองบ้างก็ดี
ID # 1114771 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-24 20:08:02 _ ปิดข้อความ แก้ไข
โอ้..โอ๋ คุณอินฯ อย่าเข้าใจผิด ป้ามิได้ต้องการรื้อฟื้นเรื่องเด็ก
เพียงแต่เห็นว่า เมืองไทยก็เป็นอย่างนี้หนอ แก่งแย่งชิงดีกัน
แย่งผลงานกัน ใครดีเกินหน้า ต้องถล่มมันไป ก็เท่านั้นเอง
ไม่ได้เกี๋ยวกับเรื่องเด็กจริงๆนะคะ ขอโทษทีที่ทำให้หงุดหงิด
หัวใจ ป้าเองก็เห็นว่าการไปอยากดูมันไม่ถูกอยู่แล้ว ต่อให้
วางอยู่ข้างหน้าก็ไม่ดู เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
เพียงแต่เขาเป็นเหยื่อ นอกจากจะกลายเป็นเหยื่อพวกโรคจิตแล้ว
ยังตกเป็นเหยื่อของผู้ใหญ่ที่ชอบทำงานเอาหน้าอีกด้วย
ID # 1117965 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-25 20:07:49 _ ปิดข้อความ
แหมตอบไม่ได้นะคะคุณหมอวี เพราะป้าไม่ได้ดู แล้วก็ไม่คิดจะดู
วันนี้ท่านวิสุทธิ์ออกมาแถลงข่าวก็น่าคิด ทำไมไม่ปฏิเสธเสียก็สิ้นเรื่อง
จะว่าจะได้จับคนผิดมาประจาน ตำรวจเขาก็ว่าทำทางลับได้อยู่แล้ว
แต่อาร์เอสกลับทำเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งๆที่ตำรวจแนะนำแล้วว่าให้ปฏิเสธไปว่าไม่ใช่
นโยบายก็คือนโยบาย
ID # 722877 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-24 18:58:49 _ ปิดข้อความ
เพ่มา-รก แกคงไม่รู้จักว่านโยบายคืออะไร เพราะอันที่จริงพรรคแมลงสาบ
ทั้งพรรคก็ไม่เคยรู้จักคำๆนี้มาด้วยซ้ำ เพิ่งมารู้จักคำนี้เอาเมื่อแพ้พรรคไทยรักไทย
อย่างหลุดลุ่ยเมื่อพรรคไทยรักไทยประกาศนโยบายโดนใจ และสามารถทำได้
สำเร็จมาในสมัยแรก และกลายเป็นพรรคการเมืองที่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
ได้เป็นครั้งแรก จนบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
เพ่มา-รก แก้ออกมาเพ้อว่า รัฐบาลของท่านสมชายควรเขียนนโยบายขึ้นมาใหม่
ไม่ควรจะไปท่องบ่นเอานโยบายที่เคยใช้มาเมื่อเจ็ดเดือนที่แล้ว แกว่ามันเชย
ไม่ทันสมัยแล้ว ปัญหาขณะนี้เปลี่ยนไปแล้ว
โอ้โอ๋มา-รกจ๋า มา-รกรู้จักนโยบายไหมเนี่ย นโยบายพรรคก็คล้ายกับรัฐธรรมนูญ
นั่นแหละ เอ หรือมา-รกเห็นว่ารธน. เราเปลี่ยนบ่อย แกเลยนึกว่านโยบายพรรค
ต้องเปลี่ยนแปลงบ่อยเหมือนกัน
ไอ้ที่ต้องปรับเปลี่ยนน่ะ เขาเรียกว่าแผนดำเนินการน่ะรู้ไหม ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนให้
ทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ มันไม่ใช่นโยบายพรรคนะมา-รกจ๋า
มีความเข้าใจน้อยอย่างนี้นี่เล่า ถึงได้แพ้เลือกตั้งเขาร่ำไป
ถ้ามา-รกไม่รู้ไม่เข้าใจ ใครช่วยเอานโยบายฉบับย่อของพรรคเขาไปลองอ่านดูนะ
ตามลิ้งค์นี้ไปนะนโยบายพรรคพปช.ฉบับย่อ
ลองดูข้อแรกก็ได้นะมา-รก จะได้รู้ว่ามันคงแก้ไม่ได้ล่ะ "1.สร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เป็นวาระแห่งชาติ
พรรคพลังประชาชน จะยึดหลักความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อนำความผาสุก
และศักดิ์ศรี กลับคืนสู่ประเทศไทย" เนี่ยๆอันนี้น่ะ ต่อให้อเมริกาเจ๊งไป
เราคงไปแก้ให้ทันสมัยตามเขาไม่ได้มั้ง
เฮ้อ มา-รกเนี่ยเมื่อไหร่จะหลุดจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคน้อ
เขาไม่รู้กันหรือว่าเวลแกพูดออกมา พรรคแมลงสาบดูย่ำแย่พิก๊ล
เพ่มา-รก แกคงไม่รู้จักว่านโยบายคืออะไร เพราะอันที่จริงพรรคแมลงสาบ
ทั้งพรรคก็ไม่เคยรู้จักคำๆนี้มาด้วยซ้ำ เพิ่งมารู้จักคำนี้เอาเมื่อแพ้พรรคไทยรักไทย
อย่างหลุดลุ่ยเมื่อพรรคไทยรักไทยประกาศนโยบายโดนใจ และสามารถทำได้
สำเร็จมาในสมัยแรก และกลายเป็นพรรคการเมืองที่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
ได้เป็นครั้งแรก จนบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
เพ่มา-รก แก้ออกมาเพ้อว่า รัฐบาลของท่านสมชายควรเขียนนโยบายขึ้นมาใหม่
ไม่ควรจะไปท่องบ่นเอานโยบายที่เคยใช้มาเมื่อเจ็ดเดือนที่แล้ว แกว่ามันเชย
ไม่ทันสมัยแล้ว ปัญหาขณะนี้เปลี่ยนไปแล้ว
โอ้โอ๋มา-รกจ๋า มา-รกรู้จักนโยบายไหมเนี่ย นโยบายพรรคก็คล้ายกับรัฐธรรมนูญ
นั่นแหละ เอ หรือมา-รกเห็นว่ารธน. เราเปลี่ยนบ่อย แกเลยนึกว่านโยบายพรรค
ต้องเปลี่ยนแปลงบ่อยเหมือนกัน
ไอ้ที่ต้องปรับเปลี่ยนน่ะ เขาเรียกว่าแผนดำเนินการน่ะรู้ไหม ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนให้
ทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ มันไม่ใช่นโยบายพรรคนะมา-รกจ๋า
มีความเข้าใจน้อยอย่างนี้นี่เล่า ถึงได้แพ้เลือกตั้งเขาร่ำไป
ถ้ามา-รกไม่รู้ไม่เข้าใจ ใครช่วยเอานโยบายฉบับย่อของพรรคเขาไปลองอ่านดูนะ
ตามลิ้งค์นี้ไปนะนโยบายพรรคพปช.ฉบับย่อ
ลองดูข้อแรกก็ได้นะมา-รก จะได้รู้ว่ามันคงแก้ไม่ได้ล่ะ "1.สร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เป็นวาระแห่งชาติ
พรรคพลังประชาชน จะยึดหลักความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อนำความผาสุก
และศักดิ์ศรี กลับคืนสู่ประเทศไทย" เนี่ยๆอันนี้น่ะ ต่อให้อเมริกาเจ๊งไป
เราคงไปแก้ให้ทันสมัยตามเขาไม่ได้มั้ง
เฮ้อ มา-รกเนี่ยเมื่อไหร่จะหลุดจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคน้อ
เขาไม่รู้กันหรือว่าเวลแกพูดออกมา พรรคแมลงสาบดูย่ำแย่พิก๊ล
ชอบรูปนี้น่ะค่ะ
ID # 722812 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-24 14:57:22 _ ปิดข้อความ

เห็นรอยยิ้มรอยแย้มแต้มความสุข
คงหมดทุกข์หมดโศกความโชคร้าย
ยิ้มอย่างนี้ที่หวังจะคืนกลาย
ยิ้มที่หมายจะได้เห็นเป็นสำคัญ
ให้ท่านมาพร้อมยิ้มที่พิมพ์จิต
ให้เจอมิตรแม้นห่างอย่าวางฝัน
อีกไม่นานคงจะคืนชื่นสักวัน
มายิ้มหยันยิ้มเยาะเพราะสุขใจ
เห็นรอยยิ้มรอยแย้มแต้มความสุข
คงหมดทุกข์หมดโศกความโชคร้าย
ยิ้มอย่างนี้ที่หวังจะคืนกลาย
ยิ้มที่หมายจะได้เห็นเป็นสำคัญ
ให้ท่านมาพร้อมยิ้มที่พิมพ์จิต
ให้เจอมิตรแม้นห่างอย่าวางฝัน
อีกไม่นานคงจะคืนชื่นสักวัน
มายิ้มหยันยิ้มเยาะเพราะสุขใจ
ขอเสนอวิธีเอาหมาออกจากทำเนียบ
ID # 722784 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-24 12:57:00 _ ปิดข้อความ
แหมก็หมามันน่ารำคาญนะคะ เห่าอยู่ 24ชั่วโมง ไอ้คนบ้าก็ไปคอยฟังว่า
หมาเห่าว่าอะไร แล้วรีบเอามาเสนอเป็นข่าว ทั้งๆที่พวกสื่อมันคงไม่เคยรู้
ว่าไม่มีใครเขาสนใจแล้ว แต่การเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง เลยทำให้เหมือน
กับว่ายังมีคนสนใจอยู่ ลองสื่อเลิกเสนอข่าวสักพักสิคะ ไม่ต้องมาก แค่
อาทิตย์เดียว ดูซิว่ามันจะตายหยังเขียดอยู่ในนั้นไหม
แต่วิธีนี้ไม่ใช่วธีที่จะเอามันออกมาหรอกนะคะ เพราะคงทำไม่ได้เบ็ดเสร็จ
เด็ดขาด เพราะสื่อชั่วยังมีอยู่อีกเยอะ คงสั่งไม่ได้ทั้งหมด หรือหากทำได้จริง
ไม่ต้องรอถึงอาทิตย์ แค่สามวัน มันต้องเผาไม่ก็ระเบิดตึก เรียกร้องความสนใจ
แน่นอน
วิธีที่จะนำเสนอต่อไปนี้รับรองได้ผล 100% ป้ารับประกัน พวกมันต้องออกมา
ทุกตัวเลย การที่คนไปคิดว่าถ้าทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันจะยอมถอย จึงเป็นความ
เข้าใจผิดทั้งเพ ไม่ว่าอย่างไรมันไม่ยอมออกแน่นอนเพราะ
1.คงกลัวหมายจับ อย่างว่า แต่ถึงถอนหมายจับให้
มันก็ไม่กล้าออกมาอยู่ดี เพราะ อะไรที่น่ากลัวกว่าหมายจับ
กำลังรออยู่ทุกหัวระแหง มันไม่กล้าเดินถนนหรอก
2.ถึงยอมทำการเมืองใหม่ให้ มันก็ไม่ไป เพราะประกาศแล้วว่า
จะยึดที่นี่ตลอดไป คาดว่าจะสถาปนาตัวเป็นคณะที่ปรึกษา
ของประเทศนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องขอเข้าพบ เพื่อปรึกษา
หารือ เผลอๆใหญ่กว่าสถาบันทั้งหมดทั้งปวงด้วย
เพราะสถาบันมีหน้าที่เซนอย่างเดียว พูด วิจารณ์แนะนำ
อย่างเปิดเผยไม่ได้ ส่วนพวกมันแน่กว่าทำได้ทุกอย่าง
จะด่าทอ สั่งถอดถอน แต่งตั้งก็ยังได้ อิ๊อิ๊ เห็นไหม ใหญ่กว่าตั้ง
เยอะ
ดังนั้นทางที่จะเอามันออกมาจากทำเนียบได้ มีทางเดียว
คือ ให้พระไปนำออกมา (ตอนที่วิญญาณออกจากร่างไปแล้ว)
นี่ไม่ได้พูดเล่น พูดจริงจริ๊ง ว่าแต่จะมีใครกล้าหรือเปล่าเท่านั้น
ป้าขออาสานิมนต์พระให้แทนก็แล้วกัน ใครกล้าๆ ทำก่อนนั้นเอาแล้วกันแฮ่!
แหมก็หมามันน่ารำคาญนะคะ เห่าอยู่ 24ชั่วโมง ไอ้คนบ้าก็ไปคอยฟังว่า
หมาเห่าว่าอะไร แล้วรีบเอามาเสนอเป็นข่าว ทั้งๆที่พวกสื่อมันคงไม่เคยรู้
ว่าไม่มีใครเขาสนใจแล้ว แต่การเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง เลยทำให้เหมือน
กับว่ายังมีคนสนใจอยู่ ลองสื่อเลิกเสนอข่าวสักพักสิคะ ไม่ต้องมาก แค่
อาทิตย์เดียว ดูซิว่ามันจะตายหยังเขียดอยู่ในนั้นไหม
แต่วิธีนี้ไม่ใช่วธีที่จะเอามันออกมาหรอกนะคะ เพราะคงทำไม่ได้เบ็ดเสร็จ
เด็ดขาด เพราะสื่อชั่วยังมีอยู่อีกเยอะ คงสั่งไม่ได้ทั้งหมด หรือหากทำได้จริง
ไม่ต้องรอถึงอาทิตย์ แค่สามวัน มันต้องเผาไม่ก็ระเบิดตึก เรียกร้องความสนใจ
แน่นอน
วิธีที่จะนำเสนอต่อไปนี้รับรองได้ผล 100% ป้ารับประกัน พวกมันต้องออกมา
ทุกตัวเลย การที่คนไปคิดว่าถ้าทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันจะยอมถอย จึงเป็นความ
เข้าใจผิดทั้งเพ ไม่ว่าอย่างไรมันไม่ยอมออกแน่นอนเพราะ
1.คงกลัวหมายจับ อย่างว่า แต่ถึงถอนหมายจับให้
มันก็ไม่กล้าออกมาอยู่ดี เพราะ อะไรที่น่ากลัวกว่าหมายจับ
กำลังรออยู่ทุกหัวระแหง มันไม่กล้าเดินถนนหรอก
2.ถึงยอมทำการเมืองใหม่ให้ มันก็ไม่ไป เพราะประกาศแล้วว่า
จะยึดที่นี่ตลอดไป คาดว่าจะสถาปนาตัวเป็นคณะที่ปรึกษา
ของประเทศนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องขอเข้าพบ เพื่อปรึกษา
หารือ เผลอๆใหญ่กว่าสถาบันทั้งหมดทั้งปวงด้วย
เพราะสถาบันมีหน้าที่เซนอย่างเดียว พูด วิจารณ์แนะนำ
อย่างเปิดเผยไม่ได้ ส่วนพวกมันแน่กว่าทำได้ทุกอย่าง
จะด่าทอ สั่งถอดถอน แต่งตั้งก็ยังได้ อิ๊อิ๊ เห็นไหม ใหญ่กว่าตั้ง
เยอะ
ดังนั้นทางที่จะเอามันออกมาจากทำเนียบได้ มีทางเดียว
คือ ให้พระไปนำออกมา (ตอนที่วิญญาณออกจากร่างไปแล้ว)
นี่ไม่ได้พูดเล่น พูดจริงจริ๊ง ว่าแต่จะมีใครกล้าหรือเปล่าเท่านั้น
ป้าขออาสานิมนต์พระให้แทนก็แล้วกัน ใครกล้าๆ ทำก่อนนั้นเอาแล้วกันแฮ่!
โหข่าวเศร้า....ของเคยชอบนะเนี่ย
อย.สั่งระงับนำเข้าลูกอมตรากระต่ายจากจีน
ขอตรวจหาสารเมลานีน คาดใช้เวลา 1 เดือน
น.พ.ชาตรี บานชื่น เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ( อย. ) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ด่านต่างๆ ระงับการนำเขาลูกอม ตรากระต่ายจากประเทศจีน และดำเนินการซุ่มตรวจที่วางจำหน่ายในท้องตลาดว่า มีส่วนผสมของเมลานีนปนเปื้อนหรือไม่ และขอเตือนประชาชนควรงดรับประทานลูกอมชนิดดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่าผลการตรวจสอบจะออกมาอย่างเป็นทางการโดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ1เดือน
สำหรับในส่วนของนมผงที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย น.พ.ชาตรี ระบุว่า ไม่พบวัตถุดิบที่นำเข้าจากประเทศจีน เพราะส่วนใหญ่จะนำเข้าวัตถุดิบจากยุโรป แต่ในผลิตภัณฑ์อาหารนม สำหรับผู้ใหญ่บางประเภท เช่น โยเกิร์ต มีการนำเข้าจากประเทศจีนแต่ไม่มาก โดยไม่ถึงร้อยละ 10
ไม่อยากให้พ่อเหนื่อย
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแมวคนเก่ง หาเพลงให้ได้ทันใจ เผอิญป้าได้ฟังแว้บๆ
เลยอยากเอามาแบ่งปันเพื่อนๆในห้องน่ะค่ะ ลองฟังดูนะคะ
ไม่อยากให้พ่อเหนื่อย
.........เหนื่อยนักพักก่อนได้..................คงดี
คุณสาระพาฯ เธอไปตอบไว้ในห้องนู้น ป้าชอบจริงๆ
ทนไม่ไหวต้องก๊อบมาให้ดูกันค่ะ
เลยอยากเอามาแบ่งปันเพื่อนๆในห้องน่ะค่ะ ลองฟังดูนะคะ
ไม่อยากให้พ่อเหนื่อย
.........เหนื่อยนักพักก่อนได้..................คงดี
เห็นพ่อเหนื่อยนานปี............................ยิ่งแล้ว
ทำงานเนิ่นนานที................................ควรพัก ผ่อนนา
คงค่าความเพริศแพร้ว........................คู้ฟ้าดินสลาย
หากเป็นเช่นพ่อแท้.............................ของเรา จริงจริง
คงไม่ปล่อยให้พ่อเฝ้า..........................ทุกข์แท้
คงต้องปล่อยพ่อเอา.............................แต่สุข แสวงหา
มัวพร่ำสอนสั่งแก้................................แน่แท้รำคาญ
คุณสาระพาฯ เธอไปตอบไว้ในห้องนู้น ป้าชอบจริงๆ
ทนไม่ไหวต้องก๊อบมาให้ดูกันค่ะ
เพียงพ่อพอเพียงเราเพียงพอ
ข่าว..สัพเพเหระเกี่ยวกับหมา
ID # 722756 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-24 11:12:51 _ ปิดข้อความ แก้ไข
เป็นการกระจายความทุกข์ยากอย่างเท่าเทียมกันจริงๆ
ก็นี่แหละวิธีรักชาติ...ทำงานถวายในหลวงของพวกมัน
กลัวว่าถ้าชาติก้าวหน้า เงินทองไหลมา เศรษฐกิจแบบพอเพียงจะไม่มีคน
สนใจ
แล้วนี่จะไปเก็บค่าไฟได้ที่ไหนละเนี่ย ตัดไฟไม่ได้หรือไง เอาเครื่องซักผ้าไปติดตั้งทั้งน้ำทั้งไฟ
ใครจะรับผิดชอบ รัฐบาลอย่าหน่อมแน้มหน่อยเลย เห็นว่ารวยนัก
ก็ให้มันปั่นน้ำไฟใช้เองสิ
แม่ค้าทำเนียบฯครวญขาดรายได้
ขณะ เดียวกัน นางเกสร รอดเพชรไทย อายุ 51 ปี แม่ค้าขายขนมหวาน ซึ่งเคยเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ในทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า จากการที่กลุ่มพันธมิตรฯเข้ามายึดในทำเนียบฯ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปขายของได้ เงินทุนที่สะสมมาจึงหมดลง ต้องดิ้นรนทำขนมหวานใส่ รถเข็นออกมาขายรอบทำเนียบฯ หารายได้จุนเจือครอบครัว ยอมรับว่าตอนนี้ขัดสนมาก เมื่อขายของในทำเนียบฯไม่ได้ทำให้ขาดรายได้หลักของครอบครัวไป ส่วนการออก มาเร่ขายขนมหวาน รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ถ้าเป็นไปได้อยากจะกลับไปขายของในที่เดิม ทราบมาว่าพ่อค้าแม่ค้าในทำเนียบฯกว่า 50 คน ก็ประสบปัญหา กลายเป็นคนว่างงานและไม่มีรายได้จุนเจือครอบครัวเช่นเดียวกัน
ขณะ เดียวกัน นางเกสร รอดเพชรไทย อายุ 51 ปี แม่ค้าขายขนมหวาน ซึ่งเคยเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ในทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า จากการที่กลุ่มพันธมิตรฯเข้ามายึดในทำเนียบฯ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปขายของได้ เงินทุนที่สะสมมาจึงหมดลง ต้องดิ้นรนทำขนมหวานใส่ รถเข็นออกมาขายรอบทำเนียบฯ หารายได้จุนเจือครอบครัว ยอมรับว่าตอนนี้ขัดสนมาก เมื่อขายของในทำเนียบฯไม่ได้ทำให้ขาดรายได้หลักของครอบครัวไป ส่วนการออก มาเร่ขายขนมหวาน รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ถ้าเป็นไปได้อยากจะกลับไปขายของในที่เดิม ทราบมาว่าพ่อค้าแม่ค้าในทำเนียบฯกว่า 50 คน ก็ประสบปัญหา กลายเป็นคนว่างงานและไม่มีรายได้จุนเจือครอบครัวเช่นเดียวกัน
เป็นการกระจายความทุกข์ยากอย่างเท่าเทียมกันจริงๆ
ไอซีจีฟัด พธม.ทำลายประชาธิปไตย
ด้าน อินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีจี) องค์กร ระหว่างประเทศที่เฝ้าระวังปัญหาความขัดแย้งและเหตุการณ์ ไม่สงบทั่วโลก เปิดเผยผลการศึกษาสถานการณ์ทางการเมืองไทยเมื่อวันที่ 23 ก.ย. หลังเฝ้าสังเกตการณ์การชุมนุม ประท้วงรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรฯนับจากเดือน พ.ค.เป็น ต้นมา โดยไอซีจีระบุว่า ประชาชนไทยกำลังเผชิญหน้ากับการแบ่งขั้วทางการเมืองที่ไม่อาจประสานรอยร้าว ได้ อย่างง่ายดาย และความตึงเครียดในสังคมไทยอาจนำไปสู่การรัฐประหารครั้งใหม่ เพราะรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังเป็นรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมในความ เห็นของกลุ่มพันธมิตรฯ
น. ส.รุ่งระวี เฉลิมศรีภิญโญรัตน์ เจ้าหน้าที่ไอซีจี ประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพีว่า การ ล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าผู้ต้องการล้มล้างรัฐบาลจะเป็น ทหารหรือว่าประชาชน ถือเป็นการฉุดให้ระบอบประชา-ธิปไตยย้อนหลังกลับไปด้วยกันทั้งคู่ นอกจากนี้ ผลการศึกษาของไอซีจียังระบุด้วยว่า ธุรกิจท่องเที่ยวและตลาด หลักทรัพย์ของไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง
ด้าน อินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีจี) องค์กร ระหว่างประเทศที่เฝ้าระวังปัญหาความขัดแย้งและเหตุการณ์ ไม่สงบทั่วโลก เปิดเผยผลการศึกษาสถานการณ์ทางการเมืองไทยเมื่อวันที่ 23 ก.ย. หลังเฝ้าสังเกตการณ์การชุมนุม ประท้วงรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรฯนับจากเดือน พ.ค.เป็น ต้นมา โดยไอซีจีระบุว่า ประชาชนไทยกำลังเผชิญหน้ากับการแบ่งขั้วทางการเมืองที่ไม่อาจประสานรอยร้าว ได้ อย่างง่ายดาย และความตึงเครียดในสังคมไทยอาจนำไปสู่การรัฐประหารครั้งใหม่ เพราะรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังเป็นรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมในความ เห็นของกลุ่มพันธมิตรฯ
น. ส.รุ่งระวี เฉลิมศรีภิญโญรัตน์ เจ้าหน้าที่ไอซีจี ประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพีว่า การ ล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าผู้ต้องการล้มล้างรัฐบาลจะเป็น ทหารหรือว่าประชาชน ถือเป็นการฉุดให้ระบอบประชา-ธิปไตยย้อนหลังกลับไปด้วยกันทั้งคู่ นอกจากนี้ ผลการศึกษาของไอซีจียังระบุด้วยว่า ธุรกิจท่องเที่ยวและตลาด หลักทรัพย์ของไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง
ก็นี่แหละวิธีรักชาติ...ทำงานถวายในหลวงของพวกมัน
กลัวว่าถ้าชาติก้าวหน้า เงินทองไหลมา เศรษฐกิจแบบพอเพียงจะไม่มีคน
สนใจ
ม็อบแอบใช้แอร์ตึกบัญชาการ
ผู้ สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงหัวค่ำ บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีผู้ชุมนุมมาฟังการปราศรัยอย่างบางตา การปราศรัยบนเวทีส่วนใหญ่เป็นการโจมตีโผ ครม.ชุดใหม่ที่มีชื่อนางอุไรวรรณ เทียนทอง ร่วมเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ยังติดคดีหวยบนดินอยู่ ขณะที่บริเวณด้านหน้าตึกสันติไมตรี กลุ่มผู้ชุมนุมได้ต่อไฟฟ้าจากแผงหม้อแปลงขนาดใหญ่ เดินสายไฟพาดผ่านต้นปาล์มที่ปลูกไว้บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อนำมาใช้ในพื้นที่ต่างๆบริเวณรอบการชุมนุม นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงหัวค่ำมีการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศและไฟฟ้าตามชั้นต่างๆภาย ในบริเวณตึกบัญชาการด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯระบุว่าไม่อนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุม เข้าไปภายในอาคารต่างๆ
ผู้ สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงหัวค่ำ บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีผู้ชุมนุมมาฟังการปราศรัยอย่างบางตา การปราศรัยบนเวทีส่วนใหญ่เป็นการโจมตีโผ ครม.ชุดใหม่ที่มีชื่อนางอุไรวรรณ เทียนทอง ร่วมเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ยังติดคดีหวยบนดินอยู่ ขณะที่บริเวณด้านหน้าตึกสันติไมตรี กลุ่มผู้ชุมนุมได้ต่อไฟฟ้าจากแผงหม้อแปลงขนาดใหญ่ เดินสายไฟพาดผ่านต้นปาล์มที่ปลูกไว้บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อนำมาใช้ในพื้นที่ต่างๆบริเวณรอบการชุมนุม นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงหัวค่ำมีการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศและไฟฟ้าตามชั้นต่างๆภาย ในบริเวณตึกบัญชาการด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯระบุว่าไม่อนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุม เข้าไปภายในอาคารต่างๆ
ใครจะรับผิดชอบ รัฐบาลอย่าหน่อมแน้มหน่อยเลย เห็นว่ารวยนัก
ก็ให้มันปั่นน้ำไฟใช้เองสิ
ธเนศวร์ เจริญเมือง : ประชาธิปไตยแบบอารยะ (Civilized democracy)
ธเนศวร์ เจริญเมือง : ประชาธิปไตยแบบอารยะ (Civilized democracy)
หลาย สิบปีมานี้ ประชาธิปไตยมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าสังคมหนึ่งจะแถลงว่าระบอบการปกครองของตนเองนั้นเป็นแบบใด แต่เนื่องจากประชาธิปไตยเป็นคำที่ฟังดูไพเราะเพราะแปลว่าอำนาจเป็นของ ประชาชน สังคมไหนก็อวดอ้างตนเองเป็นประชาธิปไตยทั้งสิ้น เพียงแต่เป็นจริงแค่ไหน และหากทนซ่อนเร้นบางอย่างไม่ได้ ก็จะต้องเติมสร้อยไว้ด้านหลังหรือเติมคำคุณศัพท์ไว้ข้างหน้า เพื่อให้คนในสังคมนั้นได้รู้ว่า นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็ม 100 หรอกนะ แต่ต้องดูที่คำข้างหน้าหรือที่ต่อท้ายเป็นสำคัญ เพราะนั่นแหละคือตัวจริง เสียงจริง
เมื่อ เป็นเช่นนี้ ผมเองก็ต้องเดินตามแฟชั่นดังกล่าวด้วย นั่นคือ ขอมีคำสร้อยต่อท้าย แต่จะขอย้ำว่าคำสร้อยที่เพิ่มเข้ามาจะไม่บิดเบือนหรือลดคุณค่าของระบอบ ประชาธิปไตย มีแต่จะตอกย้ำความสำคัญของระบอบนี้
วิชารัฐศาสตร์มักพูด เสมอว่า ประชาธิปไตยนั้นเป็นทั้งอุดมการณ์ (คือความอยากที่จะเป็น) เป็นทั้งสถาบัน (คือมีสถาบันต่างๆในทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย เช่น รัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง ศาลยุติธรรม ฝ่ายบริหารที่โปร่งใส สภาผู้แทนที่ยึดมั่นในหลักการไม่ใช่พวกมากลากไป สื่อมวลชนที่เสนอข่าวรอบด้าน ไม่ใช่เลือกเสนอข่าว และนำเอาความเห็นส่วนตัวไปปะปนกับเนื้อหาของข่าว มีสิทธิเสรีภาพของประชาชน มีการเลือกตั้ง และมีกิจกรรมการเมืองของประชาชนที่หลากหลาย ไม่ใช่มีแต่การเลือกตั้ง ฯลฯ) และเป็นทั้งวิถีชีวิต (คือสังคมมีค่านิยม และพฤติกรรมต่างๆแบบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่มีระบบอภิสิทธิ์ ไม่มีนอกกติกา ฯลฯ)
3 อย่างนี้ปรากฏในสังคมไหน ประชาธิปไตยก็ย่อมรุ่งเรืองและมั่นคง ไม่มีใครบิดเบือน หรือถูกฉีกทิ้งทำลายง่ายๆ แถมมีคนร่วมยินดีปรีดาอย่างที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบางประเทศ
สำหรับ ผม วิชารัฐศาสตร์ต้องไปให้ไกลกว่านั้นอีก นั่นคือ ประชาธิปไตยนั้นต้องเป็นทั้งจุดหมายและวิธีการ ตลอดประวัติศาสตร์การพัฒนาระบอบการเมืองในห้วง 2000 กว่าปีที่ผ่านมานับแต่ยุคกรีก ประชาธิปไตยคือเส้นทางการเดินของมนุษยชาติ บนเส้นทางสายนั้น จึงมีทั้งส่วนที่เป็นประชาธิปไตยและไม่เป็น มีทั้งประชาธิปไตยที่ถูกทำลายไปบางส่วนหรือมากส่วน หรือถูกบิดเบือนไปทั้งเนื้อหาและถ้อยคำ กระทั่งแต่งเติมคำข้างหน้าและข้างหลังเพื่อให้คุณค่าของคำว่าประชาธิปไตย ถูกลดทอนลงไป
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ประชาธิปไตยก็ยังจะเดินไปข้างหน้า เพราะตัวของมันเป็นทั้งเส้นทางและจุดหมายของมนุษยชาติ มันอาจจะหกล้มบ้าง แต่มันก็ลุกขึ้น ปัดฝุ่น ดึงเสี้ยนหนามออก ซับน้ำตา ปาดเหงื่อ ล้างหน้าตา หายใจลึกๆ แล้วก็เดินหน้าต่อไป
ใน การอภิปรายที่คณะรัฐศาสตร์ มช. (16 กันยา 51) คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ได้พูดถึงความขมขื่นของตนเองที่ได้เห็นนักการเมืองไทยแก่งแย่งผลประโยชน์ ช่วงชิงและต่อรองเพื่อตำแหน่งและงบประมาณ ทุจริตคอรัปชั่น และไม่เห็นหัวประชาชนมาปีแล้วปีเล่า
คำ ถามมีอย่างน้อย 2 ข้อ 1. มีแต่นักการเมืองเท่านั้นหรือที่ทุจริต อาชีพอื่นๆไม่มีหรือที่ทุจริตในสังคมไทย และ 2. อะไรเล่าที่ทำให้นักการเมืองเป็นเช่นนั้น
คำ ตอบก็คือในสังคมที่เป็นอำนาจนิยมและอภิสิทธิชนนิยมมานาน ผู้มีอำนาจไม่ว่าอาชีพใดก็ฉ้อฉลอำนาจทั้งนั้น และวัฒนธรรมอำนาจนิยมดังกล่าวได้แพร่เข้าไปในหมู่ประชาชนด้วย การก่นด่าว่าแต่นักการเมืองและพรรคการเมืองจึงเป็นการมองด้านเดียว คนด่าด้านเดียวแบบนี้ไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวว่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มอำนาจ นิยม
อีก ข้อหนึ่ง ที่พรรคการเมืองและนักการเมืองอ่อนแอ ด้อยคุณภาพ หรือชอบทุจริตคอรัปชั่นนั้น ข้อเท็จจริงก็ต้องมี ที่ใส่ไข่ใส่นมเพื่อหาเหตุทำรัฐประหารก็ย่อมมี แต่ที่ควรเป็นประเด็นคือ ก็เพราะประชาธิปไตยของไทยถูกทำลายบ่อยครั้งโดยรัฐประหาร และรัฐประหารแต่ละครั้งมิได้ลงโทษนำนักการเมืองที่ทำผิดขึ้นศาล แต่ได้ทำเพียงไล่เขาออกจากตำแหน่ง ยุบพรรค และฉีกรัฐธรรมนูญ ดังนั้น พอมีการเลือกตั้ง นักการเมืองก็กลับมาอีก เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง
การ ที่สภาล่มในวันที่ 12 กันยา เหตุผลหนึ่งก็คือ มีพรรคการเมืองมากเกินไป ทำให้เกิดการต่อรอง การช่วงชิงจากฝ่ายต่างๆทั้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มนอกระบบ ทำไมมีพรรคการเมืองมาก ก็เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ต้องการทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ กลัวรัฐบาลเข้มแข็งมากเกินไป
รัฐ ธรรมนูญ 2540 มาถูกทางแล้ว คือสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง มีจุดอ่อนบางข้อเช่น ปิดกั้นพรรคขนาดเล็กมากเกินไป แต่แทนที่สังคมไทยจะแก้ไขปัญหารัฐบาลเข้มแข็งเกินไปด้วยการถ่วงดุลรัฐบาล พรรคไทยรักไทย กลับใช้วิธีรัฐประหาร ล้มรัฐบาลและฉีกรัฐธรรมนูญ และสร้างรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ถอยหลังไปอีก การเมืองไทยจึงเวียนกลับไปที่เก่า
ประชาธิปไตย ที่หวนคืนแต่ละครั้งมีลักษณะอารยะเล็กๆที่เผยให้เห็น และควรจะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเพื่อให้การก้าวเดินไปข้างหน้ามีสิ่งที่ดีๆ เก็บไว้เป็นประเพณี
เช่น คืนวันที่ 23 ธันวาคม 2550 พรรคการเมืองที่พ่ายแพ้แสดงอาการฮึดฮัด ต้องการจัดตั้งรัฐบาลสู้กับพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมาก ในที่สุด ก็ถูกสอนมวยว่าต้องรู้จักเคารพกติกา ยอมรับผลการแข่งขัน ต้องแสดงความยินดีกับผู้ชนะ และแสดงความเต็มใจที่จะร่วมงานด้วยเพื่อรักษาและเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตย
สาย วันพุธที่ 17 กันยายน 2551 ทันที ที่นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เขาไม่ได้เสียเวลาขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่อยู่ข้างๆ แต่เดินอย่างรวดเร็ว ฝ่ากลุ่ม ส.ส. ไปยังฝั่งตรงข้าม ไปจับมือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯเช่นกัน จับมือกันเพื่อให้รู้ว่าความแตกต่างคือลักษณะธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย เราต้องเคารพความแตกต่าง เราต้องเคารพคะแนนเสียงของคนส่วนใหญ่ แล้วเราก็ร่วมมือกันทำงาน คนอยู่ฝ่ายค้านก็ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่อไป หลังจากนั้น นายสมชายจึงเข้าไปกราบขอบคุณนายบรรหาร และพลตรีสนั่น และ ส.ส. คนอื่นๆ ที่สนับสนุนตน
นี่ต่างหากที่เป็นประชาธิปไตยแบบอารยะ
จะ ชอบนายสมชายหรือไม่ก็ไม่สำคัญ จะออกเสียงหรือนายสมชายหรือนายอภิสิทธิ์ก็ไม่สำคัญ แต่สำคัญคือเราต้องเคารพกติกาของระบอบที่กำหนดขึ้น หากไม่ชอบ ก็ไปหาคะแนนเสียงมามากๆเพื่อแก้ไขระบอบดังกล่าว
นาย สมชายเป็นนอมินี เป็นญาติ เป็นน้องเขยของนายกฯในอดีต แล้วยังไง ถ้าพ่อของผมเป็นนักโทษประหาร เพราะปล้น 10 ธนาคาร ฆ่าคนตาย 100 กว่าศพ แล้วสังคมจะต้องลงโทษผมที่ไม่ได้มีส่วนเหล่านั้นด้วยหรือ
นาย สมชายจะเป็นอะไร ประเด็นที่สังคมไทยจะต้องพิจารณาก็คือเขาจะทำอะไรต่อไปนี้ เขาจะทำเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ หรือของครอบครัว หรือญาติและพวกพ้อง
วิธี การตัดสินคนจากการเป็นญาติ การเกี่ยวดอง ก็คือวิธีคิดแบบอำนาจนิยมของสังคมเก่า ไม่ได้ดูคุณค่าของความเป็นคนที่แต่ละคนมีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน ไม่ได้ดูคนที่ผลงานของเขา แต่กลับไปดูถูกคนเหนือคนอีสานที่ตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งว่าเพราะพวก เขาขายเสียง
เป็น วิธีคิดแบบเดิมๆ คือคิดว่าตนเองเก่ง พรรคที่ตนเองชอบจะต้องได้เป็นรัฐบาล ใครคิดไม่เหมือนตนเอง เป็นคนโง่ เป็นพวกขายเสียง ถูกครอบงำ ตนเอง พรรคพวกของตัวเองก็ดี ญาติพี่น้องของตนเองก็ดี แต่อะไรที่เป็นของคนอื่นเลวหมด
การ เมืองใหม่จะต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของทุกๆคน ต้องเคารพกฎหมายเหมือนกันหมด ถ้าศาลตัดสินว่านายสมัครเป็นลูกจ้างต้องออกจากตำแหน่ง คนอื่นๆเช่น นายจรัล หรือคุณหญิงจารุวรรณ ที่ทำงานเป็นลูกจ้างแบบนายสมัครก็ต้องออกจากตำแหน่งเหมือนกันด้วย
หากกลุ่ม ของนายกฯ ทักษิณถูกฟ้องและถูกลงโทษครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คนอื่นๆ ที่มีการกระทำคล้ายๆกันกลับลอยนวลอยู่เช่นนี้ เมื่อไหร่ บ้านเมืองนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่าความเป็นธรรม?
การ เดินไปหาหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอย่างรวดเร็วเป็นก้าวใหญ่ๆ ก้าวหนึ่งในสังคมที่มีประชาธิปไตยเล็กๆและโหยหาประชาธิปไตยแบบอารยะตลอดมา เช่นสังคมไทย
ถ้า จะให้ดี ผู้แพ้ในการลงคะแนนควรจะก้าวเร็วกว่าไปหา เพื่อแสดงความยินดีและเสนอตัวร่วมมือกันหาทางทำให้สภาผู้แทนที่มาจากประชาชน ทำงานรับใช้ประชาชนมากขึ้น
ที่ สำคัญควรจะคิดให้มากๆ ว่าส.ส. คนหนึ่งไปเป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตร นำการชุมนุมขับไล่รัฐบาลตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาลได้ไม่กี่วัน กระทั่งนำเรื่องราวการประชุมสภาไปเล่าแบบเย้ยหยันทุกค่ำคืนหน้าทำเนียบนั้น คนๆนี้กำลังทำอะไรให้กับการเมืองในสภาฯ ถ้าเขาชิงชังสาหัสขนาดนั้น เขายังรักษาสมาชิกภาพไว้เพื่อสิ่งใด รับเงินเดือนจำนวนมากไปทำไม และพรรคการเมืองที่บอกว่ายึดมั่นกับระบบรัฐสภามาตลอดนั้นคิดอะไรในใจที่ ปล่อยให้เกิดภาวะทวิมาตรฐานเช่นนี้
นี่ ถ้ามี ส.ส.พรรคฝ่ายค้านจำนวนหนึ่งออกเสียงเลือกนายสมชายเป็นนายกฯ ในวันนี้ คนพวกนั้นยังจะได้เป็นสมาชิกของพรรคนี้ต่อไปอีกหรือไม่ หรือว่าเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวเช่นเดียวกับ ส.ส. คนหนึ่งที่นำประชาชนส่วนหนึ่งไปยึดครองทำเนียบรัฐบาล
การเมืองใหม่-รัฐบาลใหม่และทางเลือกใหม่ของสังคมไทย
อย่า ลืมว่าระบอบประชาธิปไตยของไทยที่ล้มลุกคลุกคลานมา 61 ปี (พ.ศ. 2490-2551) เป็นผลพวงของอำนาจฝ่ายความมั่นคงและความคิดเก่าในสังคมที่จะต่อสู้กับประเทศ เพื่อนบ้านและการพยายามเก็บการเมืองเก่าเอาไว้ มันเนิ่นนานมากจนเกิดความเคยชินว่ายึดอำนาจได้แล้ว ทุกอย่างก็จบ มันเนิ่นนานจนทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ขาดการพัฒนา นักการเมืองไม่เคยต้องคำพิพากษา ขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่ได้รับผลพวงจากรัฐประหารก็ไม่เคยต้องคำพิพากษาใดๆในการทำลายระบอบ ประชาธิปไตยแต่ละครั้ง ทั้งสองจึงสะสมนิสัยบางอย่างที่ไม่เคยมีการแก้ไขตลอดมา
ใน ห้วง 61 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มการเมืองอำนาจนิยม กลุ่มการเมืองแบบประชาธิปไตยตัวแทน (พรรคการเมือง) และกลุ่มประชาธิปไตยฝ่ายประชาชน สองกลุ่มแรกต่อสู้กันมา 60 กว่าปีแล้ว(อย่างน้อย)ยังไม่ยุติ กลุ่มที่ 3 ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาเป็นต้นมา
100 กว่าวันมานี้ มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาโจมตีกลุ่มประชาธิปไตยแบบตัวแทน แล้วเรียกหาการเมืองใหม่ แต่วิธีการทำงานหลายอย่างของพวกเขากลับสร้างความสงสัยเพิ่มขึ้น เช่น การเมืองใหม่เพื่อประชาชนใยจึงเลือกเคารพกฎหมาย แต่ไม่เคารพระบอบการปกครองโดยกฎหมาย (Rule of Law) เช่น ดีใจตัวสั่นเมื่อคุณหญิงพจมานติดคุก ไม่พอใจที่นายกฯทักษิณหนีศาล เรียกร้องให้กลับมาฟังศาล เฮลั่นเมื่อสมัครหลุดจากตำแหน่ง ไชโยเมื่อจักรภพและนพดลก็หลุดจากตำแหน่ง แต่กลับเงียบเมื่อถูกหมายจับกรณียึดทำเนียบ หรือฝ่าย นปก.เจ็บกับตาย แต่พันธมิตรไม่เป็นอะไร หรือกรณียึด NBT หรือกรณีคนในศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นลูกจ้าง ฯลฯ
สังคมไทยต้องก้าวไปสู่ประชาธิปไตยแบบอารยะ
แน่ นอนที่สุด ด้วยข้อจำกัดทางการเมืองคืออำนาจนอกระบบแทรกแซงระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน ตลอดมาเป็นเวลานานถึง 6 ทศวรรษ (ขนาดทั่วทั้งโลกนึกว่าเมืองไทยจะไม่มีรัฐประหารแล้ว ยังกลับมาอีกในปี 2549 แล้วยังสร้างกลไกทิ้งไว้อีกมาก) ประชาธิปไตยแบบตัวแทนย่อมมีจุดอ่อนหลายด้าน ยิ่งนักการเมืองจำนวนมากถูกตัดสิทธิถึง 5 ปี บุคลากรการเมืองก็ยิ่งขาดแคลนหนัก การสัมผัสมือกันระหว่างนายกฯคนใหม่กับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยิ่งเป็นจุดเริ่ม ต้นที่น่าชื่นชมมาก
ที่ต้องปรบมือให้อย่างยิ่งก็คือคำยืนยันของแม่ทัพบก และนายทหารสำคัญๆ ที่จะไม่ทำรัฐประหารอีกเพราะว่าหมดสมัยแล้ว
หน ทางที่เหลืออยู่ก็คือ การจัดความสัมพันธ์ระหว่างประชาธิปไตยแบบตัวแทน (Representative Democracy) ในสภา และประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Democracy) นอก สภา จะเรียกว่าการเมืองใหม่ให้ฟังดูตื่นเต้นก็ได้ แต่ในความเป็นจริง นั่นก็คือ ประชาธิปไตยแบบอารยะที่หลายประเทศก็ยอมรับแล้วว่า เมื่อประชาชนตื่นตัวทางการเมือง มีความเป็นพลเมืองที่เอาการเอางาน (Active citizenship) ไม่ หลงติดอยู่แต่การเลือกตั้ง แต่สนใจและมีบทบาทในกิจการสาธารณะทุกๆด้าน โดยเฉพาะการกำหนดนโยบาย การออกกฎหมาย การบริหารงานของภาครัฐ การติดตามพฤติกรรมและการทำงานของส.ส. และการถอดถอนนักการเมืองที่ด้อยคุณภาพและทุจริต ฯลฯ
สังคม สมัยใหม่มีความหลากหลาย ต้องเคารพความหลากหลายและไม่ใช่ดึงดันจะเอาชนะให้ฝ่ายอื่นๆพ่ายแพ้หมด มีแต่ฝ่ายของตนเองชนะเท่านั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะมีแต่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้า เกิดความตึงเครียด การลงทุนหดหาย เศรษฐกิจฟุบ ประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศ การต่อสู้ต้องทำให้ทุกฝ่ายได้ ให้ส่วนรวมอยู่ได้ ต้องมีการหยุด
ใน สังคมสมัยใหม่ที่มีประชากรจำนวนมาก ประชาธิปไตยแบบตัวแทนมีความจำเป็น แต่ประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมก็ไม่อาจขาดได้ ในความเป็นจริง คนที่ไปจากการแต่งตั้งส่วนหนึ่งที่วุฒิสภานั่นเองก็คือตัวแทนจากกลุ่มสาขา อาชีพต่างๆที่ต่อไปควรปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม ขณะเดียวกัน สภาผู้แทนก็สามารถขยายบทบาทไปจัดการประชุมร่วมกับภาคประชาชน การเมืองภาคประชาชนสามารถจัดตั้งสภาของตนเองขึ้นได้ สามารถรวบรวมเงินกันเองหรือของบประมาณมาสร้างที่ทำการเอง ไม่ใช่ไปแย่งทำเนียบรัฐบาลมาเป็นของตน
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่จริงก็ควรเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองภาคประชาชน นำมาปรับปรุงโครงสร้างและบทบาทเสียใหม่
ประชาธิปไตย แบบอารยะที่ควรจะเกิดขึ้นนับจากวันนี้เป็นต้นไปควรเป็นการพบปะเจรจาภาคส่วน ต่างๆ ระดมความคิดเห็นจากหลายๆ ส่วน ไม่ใช่เฉพาะจากฝ่ายที่เผชิญหน้ากัน ด้วยการถอยจากจุดเดิม
บัด นี้ ประชาธิปไตยแบบตัวแทนก็ถอยแล้ว เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีแล้ว กองทัพก็ประกาศแล้วว่าจะไม่แทรกแซงระบอบประชาธิปไตย และสนับสนุนการเจรจา
บัด นี้ ประชาธิปไตยแบบอารยะใกล้จะมาถึงแล้ว รอแต่ว่ากลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมจะเสนอทางออกอย่างสร้าง สรรค์ได้อย่างไร ด้วยการถอยเช่นเดียวกับกลุ่มอื่นๆ
17 กันยายน 2551
หลาย สิบปีมานี้ ประชาธิปไตยมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าสังคมหนึ่งจะแถลงว่าระบอบการปกครองของตนเองนั้นเป็นแบบใด แต่เนื่องจากประชาธิปไตยเป็นคำที่ฟังดูไพเราะเพราะแปลว่าอำนาจเป็นของ ประชาชน สังคมไหนก็อวดอ้างตนเองเป็นประชาธิปไตยทั้งสิ้น เพียงแต่เป็นจริงแค่ไหน และหากทนซ่อนเร้นบางอย่างไม่ได้ ก็จะต้องเติมสร้อยไว้ด้านหลังหรือเติมคำคุณศัพท์ไว้ข้างหน้า เพื่อให้คนในสังคมนั้นได้รู้ว่า นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็ม 100 หรอกนะ แต่ต้องดูที่คำข้างหน้าหรือที่ต่อท้ายเป็นสำคัญ เพราะนั่นแหละคือตัวจริง เสียงจริง
เมื่อ เป็นเช่นนี้ ผมเองก็ต้องเดินตามแฟชั่นดังกล่าวด้วย นั่นคือ ขอมีคำสร้อยต่อท้าย แต่จะขอย้ำว่าคำสร้อยที่เพิ่มเข้ามาจะไม่บิดเบือนหรือลดคุณค่าของระบอบ ประชาธิปไตย มีแต่จะตอกย้ำความสำคัญของระบอบนี้
วิชารัฐศาสตร์มักพูด เสมอว่า ประชาธิปไตยนั้นเป็นทั้งอุดมการณ์ (คือความอยากที่จะเป็น) เป็นทั้งสถาบัน (คือมีสถาบันต่างๆในทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย เช่น รัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง ศาลยุติธรรม ฝ่ายบริหารที่โปร่งใส สภาผู้แทนที่ยึดมั่นในหลักการไม่ใช่พวกมากลากไป สื่อมวลชนที่เสนอข่าวรอบด้าน ไม่ใช่เลือกเสนอข่าว และนำเอาความเห็นส่วนตัวไปปะปนกับเนื้อหาของข่าว มีสิทธิเสรีภาพของประชาชน มีการเลือกตั้ง และมีกิจกรรมการเมืองของประชาชนที่หลากหลาย ไม่ใช่มีแต่การเลือกตั้ง ฯลฯ) และเป็นทั้งวิถีชีวิต (คือสังคมมีค่านิยม และพฤติกรรมต่างๆแบบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่มีระบบอภิสิทธิ์ ไม่มีนอกกติกา ฯลฯ)
3 อย่างนี้ปรากฏในสังคมไหน ประชาธิปไตยก็ย่อมรุ่งเรืองและมั่นคง ไม่มีใครบิดเบือน หรือถูกฉีกทิ้งทำลายง่ายๆ แถมมีคนร่วมยินดีปรีดาอย่างที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบางประเทศ
สำหรับ ผม วิชารัฐศาสตร์ต้องไปให้ไกลกว่านั้นอีก นั่นคือ ประชาธิปไตยนั้นต้องเป็นทั้งจุดหมายและวิธีการ ตลอดประวัติศาสตร์การพัฒนาระบอบการเมืองในห้วง 2000 กว่าปีที่ผ่านมานับแต่ยุคกรีก ประชาธิปไตยคือเส้นทางการเดินของมนุษยชาติ บนเส้นทางสายนั้น จึงมีทั้งส่วนที่เป็นประชาธิปไตยและไม่เป็น มีทั้งประชาธิปไตยที่ถูกทำลายไปบางส่วนหรือมากส่วน หรือถูกบิดเบือนไปทั้งเนื้อหาและถ้อยคำ กระทั่งแต่งเติมคำข้างหน้าและข้างหลังเพื่อให้คุณค่าของคำว่าประชาธิปไตย ถูกลดทอนลงไป
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ประชาธิปไตยก็ยังจะเดินไปข้างหน้า เพราะตัวของมันเป็นทั้งเส้นทางและจุดหมายของมนุษยชาติ มันอาจจะหกล้มบ้าง แต่มันก็ลุกขึ้น ปัดฝุ่น ดึงเสี้ยนหนามออก ซับน้ำตา ปาดเหงื่อ ล้างหน้าตา หายใจลึกๆ แล้วก็เดินหน้าต่อไป
ใน การอภิปรายที่คณะรัฐศาสตร์ มช. (16 กันยา 51) คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ได้พูดถึงความขมขื่นของตนเองที่ได้เห็นนักการเมืองไทยแก่งแย่งผลประโยชน์ ช่วงชิงและต่อรองเพื่อตำแหน่งและงบประมาณ ทุจริตคอรัปชั่น และไม่เห็นหัวประชาชนมาปีแล้วปีเล่า
คำ ถามมีอย่างน้อย 2 ข้อ 1. มีแต่นักการเมืองเท่านั้นหรือที่ทุจริต อาชีพอื่นๆไม่มีหรือที่ทุจริตในสังคมไทย และ 2. อะไรเล่าที่ทำให้นักการเมืองเป็นเช่นนั้น
คำ ตอบก็คือในสังคมที่เป็นอำนาจนิยมและอภิสิทธิชนนิยมมานาน ผู้มีอำนาจไม่ว่าอาชีพใดก็ฉ้อฉลอำนาจทั้งนั้น และวัฒนธรรมอำนาจนิยมดังกล่าวได้แพร่เข้าไปในหมู่ประชาชนด้วย การก่นด่าว่าแต่นักการเมืองและพรรคการเมืองจึงเป็นการมองด้านเดียว คนด่าด้านเดียวแบบนี้ไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวว่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มอำนาจ นิยม
อีก ข้อหนึ่ง ที่พรรคการเมืองและนักการเมืองอ่อนแอ ด้อยคุณภาพ หรือชอบทุจริตคอรัปชั่นนั้น ข้อเท็จจริงก็ต้องมี ที่ใส่ไข่ใส่นมเพื่อหาเหตุทำรัฐประหารก็ย่อมมี แต่ที่ควรเป็นประเด็นคือ ก็เพราะประชาธิปไตยของไทยถูกทำลายบ่อยครั้งโดยรัฐประหาร และรัฐประหารแต่ละครั้งมิได้ลงโทษนำนักการเมืองที่ทำผิดขึ้นศาล แต่ได้ทำเพียงไล่เขาออกจากตำแหน่ง ยุบพรรค และฉีกรัฐธรรมนูญ ดังนั้น พอมีการเลือกตั้ง นักการเมืองก็กลับมาอีก เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง
การ ที่สภาล่มในวันที่ 12 กันยา เหตุผลหนึ่งก็คือ มีพรรคการเมืองมากเกินไป ทำให้เกิดการต่อรอง การช่วงชิงจากฝ่ายต่างๆทั้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มนอกระบบ ทำไมมีพรรคการเมืองมาก ก็เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ต้องการทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ กลัวรัฐบาลเข้มแข็งมากเกินไป
รัฐ ธรรมนูญ 2540 มาถูกทางแล้ว คือสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง มีจุดอ่อนบางข้อเช่น ปิดกั้นพรรคขนาดเล็กมากเกินไป แต่แทนที่สังคมไทยจะแก้ไขปัญหารัฐบาลเข้มแข็งเกินไปด้วยการถ่วงดุลรัฐบาล พรรคไทยรักไทย กลับใช้วิธีรัฐประหาร ล้มรัฐบาลและฉีกรัฐธรรมนูญ และสร้างรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ถอยหลังไปอีก การเมืองไทยจึงเวียนกลับไปที่เก่า
ประชาธิปไตย ที่หวนคืนแต่ละครั้งมีลักษณะอารยะเล็กๆที่เผยให้เห็น และควรจะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเพื่อให้การก้าวเดินไปข้างหน้ามีสิ่งที่ดีๆ เก็บไว้เป็นประเพณี
เช่น คืนวันที่ 23 ธันวาคม 2550 พรรคการเมืองที่พ่ายแพ้แสดงอาการฮึดฮัด ต้องการจัดตั้งรัฐบาลสู้กับพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมาก ในที่สุด ก็ถูกสอนมวยว่าต้องรู้จักเคารพกติกา ยอมรับผลการแข่งขัน ต้องแสดงความยินดีกับผู้ชนะ และแสดงความเต็มใจที่จะร่วมงานด้วยเพื่อรักษาและเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตย
สาย วันพุธที่ 17 กันยายน 2551 ทันที ที่นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เขาไม่ได้เสียเวลาขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่อยู่ข้างๆ แต่เดินอย่างรวดเร็ว ฝ่ากลุ่ม ส.ส. ไปยังฝั่งตรงข้าม ไปจับมือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯเช่นกัน จับมือกันเพื่อให้รู้ว่าความแตกต่างคือลักษณะธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย เราต้องเคารพความแตกต่าง เราต้องเคารพคะแนนเสียงของคนส่วนใหญ่ แล้วเราก็ร่วมมือกันทำงาน คนอยู่ฝ่ายค้านก็ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่อไป หลังจากนั้น นายสมชายจึงเข้าไปกราบขอบคุณนายบรรหาร และพลตรีสนั่น และ ส.ส. คนอื่นๆ ที่สนับสนุนตน
นี่ต่างหากที่เป็นประชาธิปไตยแบบอารยะ
จะ ชอบนายสมชายหรือไม่ก็ไม่สำคัญ จะออกเสียงหรือนายสมชายหรือนายอภิสิทธิ์ก็ไม่สำคัญ แต่สำคัญคือเราต้องเคารพกติกาของระบอบที่กำหนดขึ้น หากไม่ชอบ ก็ไปหาคะแนนเสียงมามากๆเพื่อแก้ไขระบอบดังกล่าว
นาย สมชายเป็นนอมินี เป็นญาติ เป็นน้องเขยของนายกฯในอดีต แล้วยังไง ถ้าพ่อของผมเป็นนักโทษประหาร เพราะปล้น 10 ธนาคาร ฆ่าคนตาย 100 กว่าศพ แล้วสังคมจะต้องลงโทษผมที่ไม่ได้มีส่วนเหล่านั้นด้วยหรือ
นาย สมชายจะเป็นอะไร ประเด็นที่สังคมไทยจะต้องพิจารณาก็คือเขาจะทำอะไรต่อไปนี้ เขาจะทำเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ หรือของครอบครัว หรือญาติและพวกพ้อง
วิธี การตัดสินคนจากการเป็นญาติ การเกี่ยวดอง ก็คือวิธีคิดแบบอำนาจนิยมของสังคมเก่า ไม่ได้ดูคุณค่าของความเป็นคนที่แต่ละคนมีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน ไม่ได้ดูคนที่ผลงานของเขา แต่กลับไปดูถูกคนเหนือคนอีสานที่ตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งว่าเพราะพวก เขาขายเสียง
เป็น วิธีคิดแบบเดิมๆ คือคิดว่าตนเองเก่ง พรรคที่ตนเองชอบจะต้องได้เป็นรัฐบาล ใครคิดไม่เหมือนตนเอง เป็นคนโง่ เป็นพวกขายเสียง ถูกครอบงำ ตนเอง พรรคพวกของตัวเองก็ดี ญาติพี่น้องของตนเองก็ดี แต่อะไรที่เป็นของคนอื่นเลวหมด
การ เมืองใหม่จะต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของทุกๆคน ต้องเคารพกฎหมายเหมือนกันหมด ถ้าศาลตัดสินว่านายสมัครเป็นลูกจ้างต้องออกจากตำแหน่ง คนอื่นๆเช่น นายจรัล หรือคุณหญิงจารุวรรณ ที่ทำงานเป็นลูกจ้างแบบนายสมัครก็ต้องออกจากตำแหน่งเหมือนกันด้วย
หากกลุ่ม ของนายกฯ ทักษิณถูกฟ้องและถูกลงโทษครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คนอื่นๆ ที่มีการกระทำคล้ายๆกันกลับลอยนวลอยู่เช่นนี้ เมื่อไหร่ บ้านเมืองนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่าความเป็นธรรม?
การ เดินไปหาหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอย่างรวดเร็วเป็นก้าวใหญ่ๆ ก้าวหนึ่งในสังคมที่มีประชาธิปไตยเล็กๆและโหยหาประชาธิปไตยแบบอารยะตลอดมา เช่นสังคมไทย
ถ้า จะให้ดี ผู้แพ้ในการลงคะแนนควรจะก้าวเร็วกว่าไปหา เพื่อแสดงความยินดีและเสนอตัวร่วมมือกันหาทางทำให้สภาผู้แทนที่มาจากประชาชน ทำงานรับใช้ประชาชนมากขึ้น
ที่ สำคัญควรจะคิดให้มากๆ ว่าส.ส. คนหนึ่งไปเป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตร นำการชุมนุมขับไล่รัฐบาลตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาลได้ไม่กี่วัน กระทั่งนำเรื่องราวการประชุมสภาไปเล่าแบบเย้ยหยันทุกค่ำคืนหน้าทำเนียบนั้น คนๆนี้กำลังทำอะไรให้กับการเมืองในสภาฯ ถ้าเขาชิงชังสาหัสขนาดนั้น เขายังรักษาสมาชิกภาพไว้เพื่อสิ่งใด รับเงินเดือนจำนวนมากไปทำไม และพรรคการเมืองที่บอกว่ายึดมั่นกับระบบรัฐสภามาตลอดนั้นคิดอะไรในใจที่ ปล่อยให้เกิดภาวะทวิมาตรฐานเช่นนี้
นี่ ถ้ามี ส.ส.พรรคฝ่ายค้านจำนวนหนึ่งออกเสียงเลือกนายสมชายเป็นนายกฯ ในวันนี้ คนพวกนั้นยังจะได้เป็นสมาชิกของพรรคนี้ต่อไปอีกหรือไม่ หรือว่าเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวเช่นเดียวกับ ส.ส. คนหนึ่งที่นำประชาชนส่วนหนึ่งไปยึดครองทำเนียบรัฐบาล
การเมืองใหม่-รัฐบาลใหม่และทางเลือกใหม่ของสังคมไทย
อย่า ลืมว่าระบอบประชาธิปไตยของไทยที่ล้มลุกคลุกคลานมา 61 ปี (พ.ศ. 2490-2551) เป็นผลพวงของอำนาจฝ่ายความมั่นคงและความคิดเก่าในสังคมที่จะต่อสู้กับประเทศ เพื่อนบ้านและการพยายามเก็บการเมืองเก่าเอาไว้ มันเนิ่นนานมากจนเกิดความเคยชินว่ายึดอำนาจได้แล้ว ทุกอย่างก็จบ มันเนิ่นนานจนทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ขาดการพัฒนา นักการเมืองไม่เคยต้องคำพิพากษา ขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่ได้รับผลพวงจากรัฐประหารก็ไม่เคยต้องคำพิพากษาใดๆในการทำลายระบอบ ประชาธิปไตยแต่ละครั้ง ทั้งสองจึงสะสมนิสัยบางอย่างที่ไม่เคยมีการแก้ไขตลอดมา
ใน ห้วง 61 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มการเมืองอำนาจนิยม กลุ่มการเมืองแบบประชาธิปไตยตัวแทน (พรรคการเมือง) และกลุ่มประชาธิปไตยฝ่ายประชาชน สองกลุ่มแรกต่อสู้กันมา 60 กว่าปีแล้ว(อย่างน้อย)ยังไม่ยุติ กลุ่มที่ 3 ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาเป็นต้นมา
100 กว่าวันมานี้ มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาโจมตีกลุ่มประชาธิปไตยแบบตัวแทน แล้วเรียกหาการเมืองใหม่ แต่วิธีการทำงานหลายอย่างของพวกเขากลับสร้างความสงสัยเพิ่มขึ้น เช่น การเมืองใหม่เพื่อประชาชนใยจึงเลือกเคารพกฎหมาย แต่ไม่เคารพระบอบการปกครองโดยกฎหมาย (Rule of Law) เช่น ดีใจตัวสั่นเมื่อคุณหญิงพจมานติดคุก ไม่พอใจที่นายกฯทักษิณหนีศาล เรียกร้องให้กลับมาฟังศาล เฮลั่นเมื่อสมัครหลุดจากตำแหน่ง ไชโยเมื่อจักรภพและนพดลก็หลุดจากตำแหน่ง แต่กลับเงียบเมื่อถูกหมายจับกรณียึดทำเนียบ หรือฝ่าย นปก.เจ็บกับตาย แต่พันธมิตรไม่เป็นอะไร หรือกรณียึด NBT หรือกรณีคนในศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นลูกจ้าง ฯลฯ
สังคมไทยต้องก้าวไปสู่ประชาธิปไตยแบบอารยะ
แน่ นอนที่สุด ด้วยข้อจำกัดทางการเมืองคืออำนาจนอกระบบแทรกแซงระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน ตลอดมาเป็นเวลานานถึง 6 ทศวรรษ (ขนาดทั่วทั้งโลกนึกว่าเมืองไทยจะไม่มีรัฐประหารแล้ว ยังกลับมาอีกในปี 2549 แล้วยังสร้างกลไกทิ้งไว้อีกมาก) ประชาธิปไตยแบบตัวแทนย่อมมีจุดอ่อนหลายด้าน ยิ่งนักการเมืองจำนวนมากถูกตัดสิทธิถึง 5 ปี บุคลากรการเมืองก็ยิ่งขาดแคลนหนัก การสัมผัสมือกันระหว่างนายกฯคนใหม่กับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยิ่งเป็นจุดเริ่ม ต้นที่น่าชื่นชมมาก
ที่ต้องปรบมือให้อย่างยิ่งก็คือคำยืนยันของแม่ทัพบก และนายทหารสำคัญๆ ที่จะไม่ทำรัฐประหารอีกเพราะว่าหมดสมัยแล้ว
หน ทางที่เหลืออยู่ก็คือ การจัดความสัมพันธ์ระหว่างประชาธิปไตยแบบตัวแทน (Representative Democracy) ในสภา และประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Democracy) นอก สภา จะเรียกว่าการเมืองใหม่ให้ฟังดูตื่นเต้นก็ได้ แต่ในความเป็นจริง นั่นก็คือ ประชาธิปไตยแบบอารยะที่หลายประเทศก็ยอมรับแล้วว่า เมื่อประชาชนตื่นตัวทางการเมือง มีความเป็นพลเมืองที่เอาการเอางาน (Active citizenship) ไม่ หลงติดอยู่แต่การเลือกตั้ง แต่สนใจและมีบทบาทในกิจการสาธารณะทุกๆด้าน โดยเฉพาะการกำหนดนโยบาย การออกกฎหมาย การบริหารงานของภาครัฐ การติดตามพฤติกรรมและการทำงานของส.ส. และการถอดถอนนักการเมืองที่ด้อยคุณภาพและทุจริต ฯลฯ
สังคม สมัยใหม่มีความหลากหลาย ต้องเคารพความหลากหลายและไม่ใช่ดึงดันจะเอาชนะให้ฝ่ายอื่นๆพ่ายแพ้หมด มีแต่ฝ่ายของตนเองชนะเท่านั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะมีแต่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้า เกิดความตึงเครียด การลงทุนหดหาย เศรษฐกิจฟุบ ประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศ การต่อสู้ต้องทำให้ทุกฝ่ายได้ ให้ส่วนรวมอยู่ได้ ต้องมีการหยุด
ใน สังคมสมัยใหม่ที่มีประชากรจำนวนมาก ประชาธิปไตยแบบตัวแทนมีความจำเป็น แต่ประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมก็ไม่อาจขาดได้ ในความเป็นจริง คนที่ไปจากการแต่งตั้งส่วนหนึ่งที่วุฒิสภานั่นเองก็คือตัวแทนจากกลุ่มสาขา อาชีพต่างๆที่ต่อไปควรปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม ขณะเดียวกัน สภาผู้แทนก็สามารถขยายบทบาทไปจัดการประชุมร่วมกับภาคประชาชน การเมืองภาคประชาชนสามารถจัดตั้งสภาของตนเองขึ้นได้ สามารถรวบรวมเงินกันเองหรือของบประมาณมาสร้างที่ทำการเอง ไม่ใช่ไปแย่งทำเนียบรัฐบาลมาเป็นของตน
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่จริงก็ควรเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองภาคประชาชน นำมาปรับปรุงโครงสร้างและบทบาทเสียใหม่
ประชาธิปไตย แบบอารยะที่ควรจะเกิดขึ้นนับจากวันนี้เป็นต้นไปควรเป็นการพบปะเจรจาภาคส่วน ต่างๆ ระดมความคิดเห็นจากหลายๆ ส่วน ไม่ใช่เฉพาะจากฝ่ายที่เผชิญหน้ากัน ด้วยการถอยจากจุดเดิม
บัด นี้ ประชาธิปไตยแบบตัวแทนก็ถอยแล้ว เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีแล้ว กองทัพก็ประกาศแล้วว่าจะไม่แทรกแซงระบอบประชาธิปไตย และสนับสนุนการเจรจา
บัด นี้ ประชาธิปไตยแบบอารยะใกล้จะมาถึงแล้ว รอแต่ว่ากลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมจะเสนอทางออกอย่างสร้าง สรรค์ได้อย่างไร ด้วยการถอยเช่นเดียวกับกลุ่มอื่นๆ
17 กันยายน 2551
ฝาแฝด...คู่นี้
ID # 722445 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-23 10:11:28 _ ปิดข้อความ
จะมีใครซะอีกคะ ก็คุณสุวิทย์ คุณกิตติไง้ ชักเลือนๆว่าแกเป็นหัวหน้าพรรค
อะไรน้อ ฟังโฆษกพรรคที่ชื่อไชยยศ แต่นามสกุลไม่ใช่สะสมทรัพย์นะคะ
เขาให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ เรื่องการที่นายสุวิทย์ไม่รับตำแหน่ง ในรัฐบาล
สมชาย1. ฟังแล้วต๊กกะใจนึกว่าเป็นหัวหน้าพรรรคประชาวิบัติเสียอีก
ก็แกเล่นให้เหตุผลว่าถึงแม้จะมีการทาบทามให้กลับไปดำรงตำแหน่ง แกก็
จะไม่รับ ด้วยเหตุผล......ทะแล้น.....
ฟังดูคุ้นๆไหมคะ โธ่ไอ้ฟาย ความจริงมีก็ไม่พูด ก็ทำไมไม่บอกไปเล้า
ว่าที่ไม่รับเพราะได้รับการต่อต้านจากทั้งในพรรคและนอกพรรค
ที่ได้รับการต่อต้านเพราะทำตัวเป็นไม้หลักปักขี้เลน ชักเข้าชักออก
จำไม่ได้หรือไงในวันที่รัฐบาลซวนเซ ทำท่าจะล้ม รีบประกาศลาออก
จากการเป็นรมต. เพียงหวังจะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง
แต่ลูกพรรคเขาไม่เอาด้วยน่ะ จำได้ไหม แต่มันก็มีผลสมความตั้งใจ
ของบ่างเหมือนกันนา ไอ้คนเสี้ยมน่ะ แต่นายสุวิทย์นึกว่าล้มเหลวที่
ลูกพรรคไม่เล่นด้วย แต่จริงๆ
เห็นว่านักการเมืองมันไม่ดี มันยึดติดกับตำแหน่ง มันไม่มีอุดมการณ์
ข้อนี้น่ะมันสำเร็จไปแล้ว เมื่อลูกพรรคเขาออกมาแถ-ลงว่าแกจะไป
ก็ไปเถอะ พวกเราอยู่ดีมีสุขแล้ว เป็นไงล่ะ แห้วน่ะกินอร่อยไหม
ยังๆไม่จบ แกหาโอกาสป่วนต่อ เมื่อเขามีการประชุมร่วมเพื่อหาทาง
แก้ไขวิกฤตเรื่องกบฎ (จำได้ไหมคะ ทีคุณสมัครจับแก้ผ้ากันล่อนจ้อนในสภาน่ะ)
ไม่นึกว่าจะมีคนชิงแก้ก่อนเปิดสภาเสียอีก (แต่อย่างว่าน่ะนะ สส.ก็ไม่ได้เป็น
รมต.ก็ชิงลาออกเสียนี่) เลยหมดโอกาสเหยียบสภาอีก หนอยดันนัดประชุม
พรรคหารือเรื่องการถอนตัวจากรัฐบาล(อีกแล้ว) เหอๆ ลูกพรรคเขาก็ไม่เอาด้วย
(อีกแล้ว) คราวนี้แค่แห้วก็ไม่พอ ดันต้องไปแย่งระกำของมา-รกมากินอีก
เห็นหรือยังล่ะค่ะ ไอ้นิสัยชักเข้าชักออกนี่น่ะ ไม่มีใครเขาเอาด้วย แต่ยังหน้าด้าน
ขอกลับมากินตำแหน่งเดิมอีก ใครเขาจะไปเอาแก เดี๋ยวพอแกกลับมา
แกก็จะเข้ามาป่วนอีก เสียเวลาทำงานของรัฐบาล
แทนที่จะอ้างเหตูผลอื่นๆว่าทำไมไม่รับ ดั๊นให้โฆษกออกมาบอกว่าเพื่อเป็น
แบบอย่างที่ดีของนักการเมือง มันเป็นแบบอย่างที่ดีตรงไหนว้า คิดไม่ออกเลยอ้ะ
ไม่เอามาร่วมด้วยน่ะดีแล้ว เพราะคนที่มีสันดานชอบทิ้งเพื่อนเวลาเกิดปัญหา
(ก็ดูจากการที่ทิ้งไทยรักไทยไปก่อนสิคะ) การที่พร้อมจะหักหลังเพื่อนได้ทุกเวลา
คุณสมชายอาจคิดว่ามีเพื่อนเป็นแสน แต่มีศัตรูเพียงหนึ่งคนก็มากเกินไปแล้ว
แต่ขอบอกตรงๆ อย่างแฝดชั่วคู่นี้ ให้มันเป็นศัตรูน่ะดีแล้วค่ะ เพราะอย่างน้อย
ก็จะได้รู้ๆและระแวดระวังตัว ดีกว่าปล่อยให้มาเป็นมิตรที่พร้อมจะแทงข้างหลัง
อยู่ข้างกาย
ID # 1110379 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-23 11:18:36 _ ปิดข้อความ
มีอะไรแปลกๆมาให้ดูเพิ่มค่ะ ข้อมูลของพรรคเพื่อแผ่นดิน
จะมีใครซะอีกคะ ก็คุณสุวิทย์ คุณกิตติไง้ ชักเลือนๆว่าแกเป็นหัวหน้าพรรค
อะไรน้อ ฟังโฆษกพรรคที่ชื่อไชยยศ แต่นามสกุลไม่ใช่สะสมทรัพย์นะคะ
เขาให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ เรื่องการที่นายสุวิทย์ไม่รับตำแหน่ง ในรัฐบาล
สมชาย1. ฟังแล้วต๊กกะใจนึกว่าเป็นหัวหน้าพรรรคประชาวิบัติเสียอีก
ก็แกเล่นให้เหตุผลว่าถึงแม้จะมีการทาบทามให้กลับไปดำรงตำแหน่ง แกก็
จะไม่รับ ด้วยเหตุผล......ทะแล้น.....
เพื่อเป็นแบบอย่างอันดีแก่นักการเมือง
ฟังดูคุ้นๆไหมคะ โธ่ไอ้ฟาย ความจริงมีก็ไม่พูด ก็ทำไมไม่บอกไปเล้า
ว่าที่ไม่รับเพราะได้รับการต่อต้านจากทั้งในพรรคและนอกพรรค
ที่ได้รับการต่อต้านเพราะทำตัวเป็นไม้หลักปักขี้เลน ชักเข้าชักออก
จำไม่ได้หรือไงในวันที่รัฐบาลซวนเซ ทำท่าจะล้ม รีบประกาศลาออก
จากการเป็นรมต. เพียงหวังจะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง
แต่ลูกพรรคเขาไม่เอาด้วยน่ะ จำได้ไหม แต่มันก็มีผลสมความตั้งใจ
ของบ่างเหมือนกันนา ไอ้คนเสี้ยมน่ะ แต่นายสุวิทย์นึกว่าล้มเหลวที่
ลูกพรรคไม่เล่นด้วย แต่จริงๆ
บ่าง
เขาแค่อยากจะแสดงให้ประชาชนเห็นว่านักการเมืองมันไม่ดี มันยึดติดกับตำแหน่ง มันไม่มีอุดมการณ์
ข้อนี้น่ะมันสำเร็จไปแล้ว เมื่อลูกพรรคเขาออกมาแถ-ลงว่าแกจะไป
ก็ไปเถอะ พวกเราอยู่ดีมีสุขแล้ว เป็นไงล่ะ แห้วน่ะกินอร่อยไหม
ยังๆไม่จบ แกหาโอกาสป่วนต่อ เมื่อเขามีการประชุมร่วมเพื่อหาทาง
แก้ไขวิกฤตเรื่องกบฎ (จำได้ไหมคะ ทีคุณสมัครจับแก้ผ้ากันล่อนจ้อนในสภาน่ะ)
ไม่นึกว่าจะมีคนชิงแก้ก่อนเปิดสภาเสียอีก (แต่อย่างว่าน่ะนะ สส.ก็ไม่ได้เป็น
รมต.ก็ชิงลาออกเสียนี่) เลยหมดโอกาสเหยียบสภาอีก หนอยดันนัดประชุม
พรรคหารือเรื่องการถอนตัวจากรัฐบาล(อีกแล้ว) เหอๆ ลูกพรรคเขาก็ไม่เอาด้วย
(อีกแล้ว) คราวนี้แค่แห้วก็ไม่พอ ดันต้องไปแย่งระกำของมา-รกมากินอีก
เห็นหรือยังล่ะค่ะ ไอ้นิสัยชักเข้าชักออกนี่น่ะ ไม่มีใครเขาเอาด้วย แต่ยังหน้าด้าน
ขอกลับมากินตำแหน่งเดิมอีก ใครเขาจะไปเอาแก เดี๋ยวพอแกกลับมา
แกก็จะเข้ามาป่วนอีก เสียเวลาทำงานของรัฐบาล
แทนที่จะอ้างเหตูผลอื่นๆว่าทำไมไม่รับ ดั๊นให้โฆษกออกมาบอกว่าเพื่อเป็น
แบบอย่างที่ดีของนักการเมือง มันเป็นแบบอย่างที่ดีตรงไหนว้า คิดไม่ออกเลยอ้ะ
ไม่เอามาร่วมด้วยน่ะดีแล้ว เพราะคนที่มีสันดานชอบทิ้งเพื่อนเวลาเกิดปัญหา
(ก็ดูจากการที่ทิ้งไทยรักไทยไปก่อนสิคะ) การที่พร้อมจะหักหลังเพื่อนได้ทุกเวลา
คุณสมชายอาจคิดว่ามีเพื่อนเป็นแสน แต่มีศัตรูเพียงหนึ่งคนก็มากเกินไปแล้ว
แต่ขอบอกตรงๆ อย่างแฝดชั่วคู่นี้ ให้มันเป็นศัตรูน่ะดีแล้วค่ะ เพราะอย่างน้อย
ก็จะได้รู้ๆและระแวดระวังตัว ดีกว่าปล่อยให้มาเป็นมิตรที่พร้อมจะแทงข้างหลัง
อยู่ข้างกาย
ID # 1110379 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-23 11:18:36 _ ปิดข้อความ
มีอะไรแปลกๆมาให้ดูเพิ่มค่ะ ข้อมูลของพรรคเพื่อแผ่นดิน
บุคคลสำคัญอื่นๆ
*
*
* พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก
* นายพินิจ จารุสมบัติ
* นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ
*
* นายวิจิตร สุพินิจ
* นายศุภชัย พิศิษฐวานิช
* นายบรรพต หงษ์ทอง
* นายวิเชียร เตชะไพบูลย์
* นายนิทิต พุกกะณะสุต
*
* นายสุชาติ ตันเจริญ
*
* สุระ แสนคำ (เขาทราย กาแล็คซี่)
ความสัมพันธ์กับพรรคอื่น
*
* พรรคพลังประชาชน : แกนนำพรรคเคยทำงานร่วมกันในพรรคไทยรักไทย และแยกตัวออกมา
*
ม.ร.ว. กิติวัฒนา ปกมนตรี
*
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
* พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก
* นายพินิจ จารุสมบัติ
* นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ
*
นายวัฒนา อัศวเหม
* นายวิจิตร สุพินิจ
* นายศุภชัย พิศิษฐวานิช
* นายบรรพต หงษ์ทอง
* นายวิเชียร เตชะไพบูลย์
* นายนิทิต พุกกะณะสุต
*
นายแพทย์วัลลภ ไทยเหนือ
* นายสุชาติ ตันเจริญ
*
นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ
* สุระ แสนคำ (เขาทราย กาแล็คซี่)
ความสัมพันธ์กับพรรคอื่น
*
พรรคประชาธิปัตย์ : มีแนวโน้มจัดตั้งรัฐบาล
* พรรคพลังประชาชน : แกนนำพรรคเคยทำงานร่วมกันในพรรคไทยรักไทย และแยกตัวออกมา
คนที่ถูกฟ้องว่า เรียกร้องให้มีการปฎิวัติ
ID # 722233 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-22 13:43:46 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ไม่ทราบว่าได้ไปแก้ต่างคดีของตัวเองที่ถูกฟ้องเรียบร้อยหรือยัง
ได้ข่าวว่าคนฟ้องเขาไปขอให้อาจารย์ที่จุฬาฯมาเป็นพยานให้
ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เขายินดีมาเป็นพยานเอาผิดทั่น
มากมายเกินความคาดหมาย
แล้วมาพล่ามอะไรอย่างนี้อีกเล่า
ฉันว่าถ้าทหารคิดอย่างเดียวกับที่ทั่นขอร้องและให้ข้อคิด
ประเทศคงไม่ตกอยู่ในหลุมดำ วนเวียนอยู่แต่กับการแย่งชิงอำนาจ
และจ้องทำปฏิวัติอยู่ร่ำไป ซึ่งทำให้ประเทศย่อยยับตกต่ำกว่านักการเมือง
ที่ทั่นกล่าวหาว่าเขาโกงกินกันทั้งสมัยเสียอีกนะฉันว่า
เพราะคนที่ไปกล่าวหาว่าเขาโกงกิน
ก็บริหารประเทศได้อย่างดี ประชาชีมีความสุข
ลืมตาอ้าปากได้ เทียบกับหลังจากที่ทหารบ้าลากรถถังออกมายึดอำนาจน่ะ
ลองกลับไปทบทวนดูซิว่า ประเทศย่อยยับไปเท่าไหร่ ยังไม่นับรวม
เงินค่าปฏิวัติที่แอบมาเบิกเอาไปแบ่งกันอีกน่ะนะ
จะเกษียณอีกไม่กี่วันแล้ว อย่าปากพล่อยนักเลย
เดี๋ยวจะโดนคดีต้องไปแก้ตลอด
ระยะเวลาที่อยู่นอกราชการเสียเปล่าๆ แทนทีจะได้นอนกินบำนาญ
สบายๆอยู่ที่บ้าน
ไม่ทราบว่าได้ไปแก้ต่างคดีของตัวเองที่ถูกฟ้องเรียบร้อยหรือยัง
ได้ข่าวว่าคนฟ้องเขาไปขอให้อาจารย์ที่จุฬาฯมาเป็นพยานให้
ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เขายินดีมาเป็นพยานเอาผิดทั่น
มากมายเกินความคาดหมาย
แล้วมาพล่ามอะไรอย่างนี้อีกเล่า
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม
และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช.เมื่อถามว่า
มองว่าระบอบทักษิณยังครอบงำสังคมไทยและการเมืองไทยอยู่หรือไม่
พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า สังคมไทยนับถือเงินเป็นพระเจ้า
และเห็นผลประโยชน์ ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม
"รู้สึกสงสารประเทศ ไทยที่ไม่เดินหน้า ติดอยู่ในวังวน
หลุม ทะเลาะเบาะแว้งไม่จบสิ้น นักการเมืองยังเป็น
นักกินเมืองไม่จบสิ้น ยังคอรัปชันเหมือนเดิม
ยังแก่งแย่งผลประโยชน์ เลือกนักการเมืองที่มีมลทิน
นักการเมืองที่ประชาชนไม่ให้การยอมรับเข้ามา
โดยไม่เกรงคำครหา ไม่เกรงใจความรู้สึกประชาชน
เพราะถือว่าประชาชนเลือกผมมาแล้ว
ผมจะทำอะไรก็ได้ตามความต้องการของผม
เอาคนเลวมาเป็นรัฐมนตรีก็เรื่องของผม
ประเทศก็ไปไม่รอด นักการ เมืองลองถามตัวเองมา
ตัวเองโกงหรือไม่ ถ้าไม่โกงทำไมข่าวที่ออกมาเป็นอย่างนั้น
ข่าวทะเลาะเบาะแว้งแย่งอำนาจ กินโครงการโน้นโครงการนี้
หากนักการเมืองทำอะไรที่คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติ
และไม่ทำอะไรเพื่อ ประโยชน์ส่วนตน คิดว่าไม่มีอะไรไปทำ
อะไรนักการ เมืองได้" พล.อ.สมเจตน์กล่าว
และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช.เมื่อถามว่า
มองว่าระบอบทักษิณยังครอบงำสังคมไทยและการเมืองไทยอยู่หรือไม่
พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า สังคมไทยนับถือเงินเป็นพระเจ้า
และเห็นผลประโยชน์ ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม
"รู้สึกสงสารประเทศ ไทยที่ไม่เดินหน้า ติดอยู่ในวังวน
หลุม ทะเลาะเบาะแว้งไม่จบสิ้น นักการเมืองยังเป็น
นักกินเมืองไม่จบสิ้น ยังคอรัปชันเหมือนเดิม
ยังแก่งแย่งผลประโยชน์ เลือกนักการเมืองที่มีมลทิน
นักการเมืองที่ประชาชนไม่ให้การยอมรับเข้ามา
โดยไม่เกรงคำครหา ไม่เกรงใจความรู้สึกประชาชน
เพราะถือว่าประชาชนเลือกผมมาแล้ว
ผมจะทำอะไรก็ได้ตามความต้องการของผม
เอาคนเลวมาเป็นรัฐมนตรีก็เรื่องของผม
ประเทศก็ไปไม่รอด นักการ เมืองลองถามตัวเองมา
ตัวเองโกงหรือไม่ ถ้าไม่โกงทำไมข่าวที่ออกมาเป็นอย่างนั้น
ข่าวทะเลาะเบาะแว้งแย่งอำนาจ กินโครงการโน้นโครงการนี้
หากนักการเมืองทำอะไรที่คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติ
และไม่ทำอะไรเพื่อ ประโยชน์ส่วนตน คิดว่าไม่มีอะไรไปทำ
อะไรนักการ เมืองได้" พล.อ.สมเจตน์กล่าว
ฉันว่าถ้าทหารคิดอย่างเดียวกับที่ทั่นขอร้องและให้ข้อคิด
ประเทศคงไม่ตกอยู่ในหลุมดำ วนเวียนอยู่แต่กับการแย่งชิงอำนาจ
และจ้องทำปฏิวัติอยู่ร่ำไป ซึ่งทำให้ประเทศย่อยยับตกต่ำกว่านักการเมือง
ที่ทั่นกล่าวหาว่าเขาโกงกินกันทั้งสมัยเสียอีกนะฉันว่า
เพราะคนที่ไปกล่าวหาว่าเขาโกงกิน
ก็บริหารประเทศได้อย่างดี ประชาชีมีความสุข
ลืมตาอ้าปากได้ เทียบกับหลังจากที่ทหารบ้าลากรถถังออกมายึดอำนาจน่ะ
ลองกลับไปทบทวนดูซิว่า ประเทศย่อยยับไปเท่าไหร่ ยังไม่นับรวม
เงินค่าปฏิวัติที่แอบมาเบิกเอาไปแบ่งกันอีกน่ะนะ
จะเกษียณอีกไม่กี่วันแล้ว อย่าปากพล่อยนักเลย
เดี๋ยวจะโดนคดีต้องไปแก้ตลอด
ระยะเวลาที่อยู่นอกราชการเสียเปล่าๆ แทนทีจะได้นอนกินบำนาญ
สบายๆอยู่ที่บ้าน
อภิสิทธิ์ ไม่ได้หนีทหาร
ไปตอบกระทู้ห้องโน้นมา เลยคิดว่า คงมีคนเข้าใจผิดอีกมาก
ว่ามา-รก แกหนีทหาร เดี๋ยวจะไปห่วงหาว่าอายุความหมดไปหรือยัง
จริงๆแล้วถ้าหนีทหารนะคะ คาดว่าอายุความคงขาดไปนานแล้ว
แต่ที่สำคัญที่ต้องรู้แกไม่ได้หนีทหารนะคะ วิธีการของแกเนี่ย
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรเหมือนกัน ลองอ่านดูเถอะค่ะ แล้วจะรู้
ว่าถ้าแกหนีทหารจริงๆก็ไม่น่ารังเกียจเท่านี้ ลองอ่านดูค่ะ
คุณมา-รก แกไม่ได้หนีทหารนะคะ
เดี๋ยวจะเข้าใจผิด เพราะอันที่จริง แกทำตัวสมเป็นชายชาติหมา
(ว้ายๆ ป้าพิมพ์ผิด) เมื่อเรียนจบกลับมาตุภูมิ แกได้แสดง
ความองอาจ (คล้ามไพบูลย์) อันนี้ป้าก็ไม่รู้ว่าใครไปแนะนำแกนะคะ
จริงๆแล้วไปว่าแกฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก ต้องลากคุณพ่อ
คุณแม่ของแกมาถามด้วยว่า คิดอย่างไรถึงปล่อยให้ลูกชายทำอย่างนี้
แกสมัครเข้าไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ในโรงเรียนนายร้อย
จปร.นะคะ แต่แหม อย่างที่บอก กุนซือแก ก็หน้าด้านเหลือประมาณ
ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบเล้ย แทนที่จะออกมาช่วยกันบ้าง
กลับทำเงียบเฉย ปล่อยให้มา-รก ถูกตุ๊ยอยู่คนเดียว
การสมัครไปเป็นอาจารย์นะคะ ก็ต้องเป็นทหารด้วยนะคะ ดูพี่ป๊อบ (อารียา นางสาวไทยสิคะ)
ต้องไปฝึกทหารด้วยนะคะ ของพี่ป๊อบน่ะ เขาถ่ายรูปมาลงหน้าหนึ่งเลยนะคะ
เท้เท่ห์ สมเป็นทหารหาญจริงๆ แม้จะไม่ใช่ผู้ชาย ส่วนน้ามา-รกของหนูหนอนน่ะ
เขาลือกันว่าแกไม่เคยไปนอนที่ไหนโดยไม่มีหมอนข้างเก่าของแกเลยนะคะ
ใช้มาตั้งแต่เด็ก แกเลยไปฝึกทหารไม่ได้(ก็แหมจ่าแก
ไม่ยอมน่ะสิคะ คงต่อรองแล้วล่ะ)
หลังจากนั้นแก ก็ใช้กรรมวิธีที่ค่อนข้างจะหน้าด้านนะคะ คือลามัน
ทุกประเภทที่ลาได้ แล้วพอหมดวันลา แกก็ลาออก
สรุปยังไม่ทั้งฝึกและสอนเลยนะคะ
แต่ก็ยังหน้าด้าน หาเสียงครั้งแรกยังกล้าใส่ยศนำหน้าชื่อว่า
ว่าที่ร้อยตรี โอ้โห เรื่องความหน้าด้าน ถ้าขาดคุณสมบัติสำคัญ
ข้อนี้ พรรคนี้เขาไม่รับเข้าพวกนะคะ
วิธีการที่มา-รกใช้เนี่ยจะเรียกวิธีการนี้ว่าไงป้าก็ไม่รู้นะคะ
เพราะเท่าที่รู้คนอื่นๆเขาก็ใช้วิธีไปคัดเลือก นะคะ
มีเพื่อนฝูงก็ถามว่าหน่วยไหนที่มีคนสมัครเยอะๆ
พอไปคัดเลือก ก็เต็มเสียแล้ว โชคดีไปไม่ต้องเป็นทหาร
ไม่ได้ชื่อว่าหนี เพราะไปรับการเกณฑ์เรียบร้อยถูกต้อง
เพียงแต่ตุกติกนิดหน่อย บางทีเขาก็รู้กันกับสัสดี
มีวิธีจับใบดำใบแดง โดยเขาว่าเขาจะซ่อนไอ้ใบที่
ไม่โดนเกณฑ์ ไว้ที่ปากไหที่ให้จับ นัดแนะกัน แล้วก็ควานไปหยิบมา
รอดทุกราย ส่วนพวกที่ไม่รู้ ก็เสี่ยงดวงเอาตามปกติ 50/50
ส่วนพี่มา-รก แก โลภน่ะค่ะ สันดานของพรรคนี้เหมือนกัน
กะจะหนีด้วยแต่ก็อยากได้ยศเอามาใช้ด้วย เลยไม่รู้จะเรียก
ว่าเป็นคนอย่างไรดี ที่แน่ๆ หน้าด้านอย่างไร้ยางอายเป็นที่สุด
ว่ามา-รก แกหนีทหาร เดี๋ยวจะไปห่วงหาว่าอายุความหมดไปหรือยัง
จริงๆแล้วถ้าหนีทหารนะคะ คาดว่าอายุความคงขาดไปนานแล้ว
แต่ที่สำคัญที่ต้องรู้แกไม่ได้หนีทหารนะคะ วิธีการของแกเนี่ย
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรเหมือนกัน ลองอ่านดูเถอะค่ะ แล้วจะรู้
ว่าถ้าแกหนีทหารจริงๆก็ไม่น่ารังเกียจเท่านี้ ลองอ่านดูค่ะ
คุณมา-รก แกไม่ได้หนีทหารนะคะ
เดี๋ยวจะเข้าใจผิด เพราะอันที่จริง แกทำตัวสมเป็นชายชาติหมา
(ว้ายๆ ป้าพิมพ์ผิด) เมื่อเรียนจบกลับมาตุภูมิ แกได้แสดง
ความองอาจ (คล้ามไพบูลย์) อันนี้ป้าก็ไม่รู้ว่าใครไปแนะนำแกนะคะ
จริงๆแล้วไปว่าแกฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก ต้องลากคุณพ่อ
คุณแม่ของแกมาถามด้วยว่า คิดอย่างไรถึงปล่อยให้ลูกชายทำอย่างนี้
แกสมัครเข้าไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ในโรงเรียนนายร้อย
จปร.นะคะ แต่แหม อย่างที่บอก กุนซือแก ก็หน้าด้านเหลือประมาณ
ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบเล้ย แทนที่จะออกมาช่วยกันบ้าง
กลับทำเงียบเฉย ปล่อยให้มา-รก ถูกตุ๊ยอยู่คนเดียว
การสมัครไปเป็นอาจารย์นะคะ ก็ต้องเป็นทหารด้วยนะคะ ดูพี่ป๊อบ (อารียา นางสาวไทยสิคะ)
ต้องไปฝึกทหารด้วยนะคะ ของพี่ป๊อบน่ะ เขาถ่ายรูปมาลงหน้าหนึ่งเลยนะคะ
เท้เท่ห์ สมเป็นทหารหาญจริงๆ แม้จะไม่ใช่ผู้ชาย ส่วนน้ามา-รกของหนูหนอนน่ะ
เขาลือกันว่าแกไม่เคยไปนอนที่ไหนโดยไม่มีหมอนข้างเก่าของแกเลยนะคะ
ใช้มาตั้งแต่เด็ก แกเลยไปฝึกทหารไม่ได้(ก็แหมจ่าแก
ไม่ยอมน่ะสิคะ คงต่อรองแล้วล่ะ)
หลังจากนั้นแก ก็ใช้กรรมวิธีที่ค่อนข้างจะหน้าด้านนะคะ คือลามัน
ทุกประเภทที่ลาได้ แล้วพอหมดวันลา แกก็ลาออก
สรุปยังไม่ทั้งฝึกและสอนเลยนะคะ
แต่ก็ยังหน้าด้าน หาเสียงครั้งแรกยังกล้าใส่ยศนำหน้าชื่อว่า
ว่าที่ร้อยตรี โอ้โห เรื่องความหน้าด้าน ถ้าขาดคุณสมบัติสำคัญ
ข้อนี้ พรรคนี้เขาไม่รับเข้าพวกนะคะ
วิธีการที่มา-รกใช้เนี่ยจะเรียกวิธีการนี้ว่าไงป้าก็ไม่รู้นะคะ
เพราะเท่าที่รู้คนอื่นๆเขาก็ใช้วิธีไปคัดเลือก นะคะ
มีเพื่อนฝูงก็ถามว่าหน่วยไหนที่มีคนสมัครเยอะๆ
พอไปคัดเลือก ก็เต็มเสียแล้ว โชคดีไปไม่ต้องเป็นทหาร
ไม่ได้ชื่อว่าหนี เพราะไปรับการเกณฑ์เรียบร้อยถูกต้อง
เพียงแต่ตุกติกนิดหน่อย บางทีเขาก็รู้กันกับสัสดี
มีวิธีจับใบดำใบแดง โดยเขาว่าเขาจะซ่อนไอ้ใบที่
ไม่โดนเกณฑ์ ไว้ที่ปากไหที่ให้จับ นัดแนะกัน แล้วก็ควานไปหยิบมา
รอดทุกราย ส่วนพวกที่ไม่รู้ ก็เสี่ยงดวงเอาตามปกติ 50/50
ส่วนพี่มา-รก แก โลภน่ะค่ะ สันดานของพรรคนี้เหมือนกัน
กะจะหนีด้วยแต่ก็อยากได้ยศเอามาใช้ด้วย เลยไม่รู้จะเรียก
ว่าเป็นคนอย่างไรดี ที่แน่ๆ หน้าด้านอย่างไร้ยางอายเป็นที่สุด
นี่ก็อีกตัว
D # 722222 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-22 13:11:16 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ห้องเงี๊ยบๆ ไปไหนกันหมดไม่ทราบ หรือห้องนี้ไปเตรียมรับตำแหน่งกันหมดแล้ว
เลยขอเอาอีกข่าวที่แสดงความเป็นตัวตนของพรรคแมลงสาบมาให้อ่านกันค่ะ
ใค ร้จะไปปกป้องได้ กระบวนการนี้น่ะ เขารู้กันไปทั่วโลกแล้ว ว่ามีสภาพอย่างไร ทำตัวเองให้ดีก่อนเถอะ จะได้ไม่ต้องเรียกร้องให้ใครมาปกป้อง
ห้องเงี๊ยบๆ ไปไหนกันหมดไม่ทราบ หรือห้องนี้ไปเตรียมรับตำแหน่งกันหมดแล้ว
เลยขอเอาอีกข่าวที่แสดงความเป็นตัวตนของพรรคแมลงสาบมาให้อ่านกันค่ะ
ปชป.ชำแหละ ครม.สมชายวังวนเก่า [21 ก.ย. 51 - 03:50]
ที่ พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. กล่าววานนี้ (20 ก.ย.) กรณีการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีของรัฐบาล "สมชาย 1" ว่า จากการติดตามการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พบว่ายังอยู่ในวังวนแบบเก่าๆ คือลักษณะแบ่งเค้ก เป็นไปตามโควตาและผลประโยชน์มากกว่าที่จะพิจารณาหาคนที่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับการทำงาน หากจะพิจารณาการจัดสรรตำแหน่ง แบ่งได้เป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. แบ่งตามกลุ่ม ก๊วน มากกว่าแบ่งตามความรู้ความสามารถ ของบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่าทำไมถึงนำรัฐมนตรีท่านนี้มานั่งอยู่กระทรวง นี้ เพราะอะไร แต่มักได้ยินว่ามาอยู่กระทรวงนี้เพราะเป็นเด็กของเจ้าของก๊วนนี้ก๊วนนั้น หรือเป็นตัวแทนของอดีตนักการเมืองที่ไม่สามารถเล่นการเมืองได้ 2. คำนึงถึงกระทรวงใหญ่เป็นหลัก โดย เฉพาะกระทรวงที่ร่ำลือว่ามีผลประโยชน์มากมายมหาศาล 3. คำนึงนายทุนของพรรคมากกว่า คนทำงานของพรรคที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่ง
นายองอาจ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่วิกฤติในขณะนี้ อยากเรียกร้องนายกฯไม่ควรใช้วิธีการจัดสรรตำแหน่งแบบเก่าๆ ควรหลีกหนีวังวนน้ำเน่าแบบเก่าๆให้ หลุดพ้นออกไป หากนายกฯยังใช้วิธีการแบบเก่าๆ เท่ากับว่านายสมชายกำลังซ้ำเติมวิกฤติประเทศไทยมากไปอีก ขณะนี้ประชาชนกำลังรอคอยโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ ว่าจะเป็นความหวังของประเทศชาติ ประชาชนหรือไม่ ดังนั้น นายกฯไม่ควรทำให้ประชาชนผิดหวัง ควรหาคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงมาดำรงตำแหน่ง นายกฯ ควรจะตั้งรัฐมนตรี ไม่ให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าเป็น รมต.ขี้เหร่
อุ๊ย ฉันว่า การไม่มีนักการเมืองจากพรรคแมลงสาบ ก็นับว่าหน้าตาดีใช้ได้เลยนะ เพราะหากคนในพรรคแมลงสาบได้เข้ามาเป็นรมต.สิ ถึงจะเรียกได้ว่าไม่ใช่แค่ขี้เหร่ แต่ถึงขั้นอุบาทว์เลยทีเดียว) จริงไหมอ้ะ
" จากการติดตามการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี พบ เห็นพฤติกรรมหลายส่วนมีความพยายามต่อสายจากนายใหญ่ ที่ประเทศอังกฤษ มาถึงหัวหน้าก๊วนต่างๆ ในประเทศไทย และมีรายงานข่าวว่า หัวหน้าก๊วนบางคนเดินทางไปเจรจาพูดคุยแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรี กับนายใหญ่ถึง ลอนดอน เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าภาพหรือพฤติกรรมที่ ปรากฏอยู่นั้นไม่เกิดผลดีต่อนายกฯสมชายแต่อย่างใด จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล รัฐมนตรี และที่สำคัญที่สุดจะก่อให้เกิดปัญหากับตัวนายกฯเอง ดังนั้น อยากฝากนายกฯว่าอย่าทำให้ภาพการแต่งตั้งรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งตาม คำสั่งจากลอนดอน ขอให้ตั้งแต่งเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตนเองและครอบครัวเท่านั้น" นายองอาจกล่าว
ส่วน กล่าวกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ นั้น นายองอาจตอบว่า จากคำสัมภาษณ์ของอดีตนายกฯนั้น ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และเป็นการพูดในด้านลบต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยจึงก่อให้เกิดความ เสียหาย อยากเรียกร้องรัฐบาลไทยควรออกมาปกป้องกระบวนการยุติธรรมไทย ออกมารักษาศักดิ์ศรีของกระบวนการยุติธรรมของไทย
อยาก เรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมไทย ทำตัวให้สมกับเป็นคนรักษาความยุติธรรมตามตัวบทกฎหมายมากกว่า ไม่อยากให้กระบวนการยุติธรรมไทยเป็นกระบวนการ ที่ยุติ ความเป็นธรรมเสียเอง โดยการตัดสินอย่างปราศจากธง ตัดสินตามใบสั่ง ตัดสินตามพจนานุกรม องอาจน่าไปเรียกร้องอย่างนี่มากกว่าเนอะ
"ทุกคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครอบครัว และพวกพ้องควรจบด้วยกระบวนการยุติธรรมมากกว่าที่จะแก้ไข หรือจบลงด้วยวิธีทางการเมืองอ้าวก็ทุกคดีมันเป็นคดีที่เกิดจากการเมือง แล้วไหงจะไปให้กระบวนการตาชั่งเอียงจัดการล่ะ ฮึ เชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรม ตุลาการของไทยยังเป็นที่พึ่งของสังคมและประชาชนได้ เหมือนเดิม วันนี้จึงเป็นวันที่ต้องพิสูจน์จุดยืนของนาย สมชาย ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่ได้ประกาศไว้ ในวันที่ได้รับตำแหน่งนายกฯ ว่านายสมชายจะออกมาปกป้องตุลาการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมหรือจะออกมาปกป้องพี่ภรรยาของตัวเอง" นายองอาจกล่าว
ที่ พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. กล่าววานนี้ (20 ก.ย.) กรณีการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีของรัฐบาล "สมชาย 1" ว่า จากการติดตามการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พบว่ายังอยู่ในวังวนแบบเก่าๆ คือลักษณะแบ่งเค้ก เป็นไปตามโควตาและผลประโยชน์มากกว่าที่จะพิจารณาหาคนที่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับการทำงาน หากจะพิจารณาการจัดสรรตำแหน่ง แบ่งได้เป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. แบ่งตามกลุ่ม ก๊วน มากกว่าแบ่งตามความรู้ความสามารถ ของบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่าทำไมถึงนำรัฐมนตรีท่านนี้มานั่งอยู่กระทรวง นี้ เพราะอะไร แต่มักได้ยินว่ามาอยู่กระทรวงนี้เพราะเป็นเด็กของเจ้าของก๊วนนี้ก๊วนนั้น หรือเป็นตัวแทนของอดีตนักการเมืองที่ไม่สามารถเล่นการเมืองได้ 2. คำนึงถึงกระทรวงใหญ่เป็นหลัก โดย เฉพาะกระทรวงที่ร่ำลือว่ามีผลประโยชน์มากมายมหาศาล 3. คำนึงนายทุนของพรรคมากกว่า คนทำงานของพรรคที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่ง
นายองอาจ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่วิกฤติในขณะนี้ อยากเรียกร้องนายกฯไม่ควรใช้วิธีการจัดสรรตำแหน่งแบบเก่าๆ ควรหลีกหนีวังวนน้ำเน่าแบบเก่าๆให้ หลุดพ้นออกไป หากนายกฯยังใช้วิธีการแบบเก่าๆ เท่ากับว่านายสมชายกำลังซ้ำเติมวิกฤติประเทศไทยมากไปอีก ขณะนี้ประชาชนกำลังรอคอยโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ ว่าจะเป็นความหวังของประเทศชาติ ประชาชนหรือไม่ ดังนั้น นายกฯไม่ควรทำให้ประชาชนผิดหวัง ควรหาคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงมาดำรงตำแหน่ง นายกฯ ควรจะตั้งรัฐมนตรี ไม่ให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าเป็น รมต.ขี้เหร่
อุ๊ย ฉันว่า การไม่มีนักการเมืองจากพรรคแมลงสาบ ก็นับว่าหน้าตาดีใช้ได้เลยนะ เพราะหากคนในพรรคแมลงสาบได้เข้ามาเป็นรมต.สิ ถึงจะเรียกได้ว่าไม่ใช่แค่ขี้เหร่ แต่ถึงขั้นอุบาทว์เลยทีเดียว) จริงไหมอ้ะ
" จากการติดตามการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี พบ เห็นพฤติกรรมหลายส่วนมีความพยายามต่อสายจากนายใหญ่ ที่ประเทศอังกฤษ มาถึงหัวหน้าก๊วนต่างๆ ในประเทศไทย และมีรายงานข่าวว่า หัวหน้าก๊วนบางคนเดินทางไปเจรจาพูดคุยแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรี กับนายใหญ่ถึง ลอนดอน เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าภาพหรือพฤติกรรมที่ ปรากฏอยู่นั้นไม่เกิดผลดีต่อนายกฯสมชายแต่อย่างใด จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล รัฐมนตรี และที่สำคัญที่สุดจะก่อให้เกิดปัญหากับตัวนายกฯเอง ดังนั้น อยากฝากนายกฯว่าอย่าทำให้ภาพการแต่งตั้งรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งตาม คำสั่งจากลอนดอน ขอให้ตั้งแต่งเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตนเองและครอบครัวเท่านั้น" นายองอาจกล่าว
ส่วน กล่าวกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ นั้น นายองอาจตอบว่า จากคำสัมภาษณ์ของอดีตนายกฯนั้น ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และเป็นการพูดในด้านลบต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยจึงก่อให้เกิดความ เสียหาย อยากเรียกร้องรัฐบาลไทยควรออกมาปกป้องกระบวนการยุติธรรมไทย ออกมารักษาศักดิ์ศรีของกระบวนการยุติธรรมของไทย
อยาก เรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมไทย ทำตัวให้สมกับเป็นคนรักษาความยุติธรรมตามตัวบทกฎหมายมากกว่า ไม่อยากให้กระบวนการยุติธรรมไทยเป็นกระบวนการ ที่ยุติ ความเป็นธรรมเสียเอง โดยการตัดสินอย่างปราศจากธง ตัดสินตามใบสั่ง ตัดสินตามพจนานุกรม องอาจน่าไปเรียกร้องอย่างนี่มากกว่าเนอะ
"ทุกคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครอบครัว และพวกพ้องควรจบด้วยกระบวนการยุติธรรมมากกว่าที่จะแก้ไข หรือจบลงด้วยวิธีทางการเมืองอ้าวก็ทุกคดีมันเป็นคดีที่เกิดจากการเมือง แล้วไหงจะไปให้กระบวนการตาชั่งเอียงจัดการล่ะ ฮึ เชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรม ตุลาการของไทยยังเป็นที่พึ่งของสังคมและประชาชนได้ เหมือนเดิม วันนี้จึงเป็นวันที่ต้องพิสูจน์จุดยืนของนาย สมชาย ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่ได้ประกาศไว้ ในวันที่ได้รับตำแหน่งนายกฯ ว่านายสมชายจะออกมาปกป้องตุลาการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมหรือจะออกมาปกป้องพี่ภรรยาของตัวเอง" นายองอาจกล่าว
ใค ร้จะไปปกป้องได้ กระบวนการนี้น่ะ เขารู้กันไปทั่วโลกแล้ว ว่ามีสภาพอย่างไร ทำตัวเองให้ดีก่อนเถอะ จะได้ไม่ต้องเรียกร้องให้ใครมาปกป้อง
นับถือ..นับถือ
D # 722197 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-22 11:34:31 _ ปิดข้อความ แก้ไข
นับถือพรรคแมลงสาบจริงๆค่ะ ไม่น่าเชื่อไม่ว่าใคร
ถ้าหลุดเข้ามาพรรคนี้เขาสามารถเปลี่ยนให้ออกมา
ปากหมาเหมือนกันทุกคน ไม่มีเว้น
ไม่เชื่อลองอ่านข่าวนี้ดูสิคะ เห็นหลายครั้งแล้ว
ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งมา แกไม่เคยทำให้พรรคผิดหวังเลย
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นพ. บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลใช้โอกาสในการตั้ง ครม.เพื่อสร้างศรัทธากลับคืน
สู่สังคมไทยและสังคมโลก การจะให้การเมืองและเศรษฐกิจเดินหน้าได้นั้น
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ต้องส่งสัญญาณอย่างเป็นรูปธรรม
พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความช่วยเหลือในการฟื้นคืนความเชื่อมั่น
แต่เรารู้สึกเสียดายที่จุดทดสอบสำคัญที่นายกฯจะให้ความมั่นใจต่อประชาชน
ใน การปกป้องกระบวนการยุติธรรมหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์แล้วก่อให้เกิดความเสียหายต่อ
กระบวนการยุติธรรม ซึ่งสถาบันตุลาการก็รู้สึกผิดหวัง
นายกฯจึงสอบตกในเรื่องนี้
โธ่ถัง ไอ้หมอบ้า ก็แค่ที่นายสมชาย ได้เข้า
มาดำรงตำแหน่งนี้ได้ เพราะ ระบบการตัดสินที่เขาหัวเราะเยาะ
กันทั่วโลก ลืมไปแล้วหรือ แล้วจะให้ไปแก้ตัวว่าไง ฮึ
ขวางตั้งคนมีชนัก-นอมินี-นายทุน
นพ. บุรณัชย์กล่าวอีกว่า ขอเสนอหลักในการแต่งตั้งบุคคลเข้ามา
ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 5 ข้อคือ 1. กระทรวงที่มีบทบาทในเรื่อง
การฟื้นความเชื่อมั่นคือกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์
และกระทรวงการต่างประเทศ ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ความสามารถ
ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน อยากให้คนนอกเข้ามา ครม.จะได้ไม่ขี้เหร่
ไม่เช่นนั้นจะเป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของประชาชน
2. รัฐมนตรีเดิมที่มีปัญหาติดคดีหวยบนดิน เขาพระวิหาร
หรือการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินมีปัญหา ไม่ควรมารับตำแหน่ง อีก
3. การเป็นรัฐมนตรีเพียงเพราะเป็นคู่สมรส ญาติพี่น้องของคนที่ถูกตัดสิทธิ
ทางการเมืองซึ่งในสังคมโลกไม่ยอมรับเท่าไหร่ ควรที่จะเสียสละไม่รับตำแหน่ง
4. รัฐมนตรี ที่เข้ามาเพราะเป็นนายทุนพรรค ซึ่งข้อกล่าวหาเรื่องการซื้อขาย
ตำแหน่งเป็นข้อหาที่รุนแรง บุคคลเหล่านี้ไม่ควรรับตำแหน่ง
5. ไม่ควรปูนบำเหน็จให้บุคคลที่เคยเป็นหรือจะมาเป็นรัฐมนตรี
ที่มีส่วนในการนำ นปช.มาสร้างความรุนแรง
เอ่อ...ข้อเสนอแนะของแกเนี่ย เก็บเอาไว้ใช้
ตอนที่พรรคแกได้จัดตั้งรัฐบาลเสียก่อนนะ ข้อเสนอของแกน่ะ
ฉันขอเสนอกลับได้บ้างไหมอ้ะ เอาเป็นว่าสมมุตินะ ถ้าพรรคแก
(ก็ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่นะ) แต่เอาเถอะสมมุติว่าได้เป็นนะ
1.ไอ้คนที่มีปัญหา เรื่องโกงกินปรส.น่ะ อย่าเอาเข้ามาเป็น
คณะรัฐมนตรีนา ประชาชนเขาไม่ไว้ใจ
2.ไอ้คนที่มีปัญหาเรื่องสปก4-01นะ อย่าเอาเข้ามาด้วยล่ะ
ประชาชนเขารังเกียจ
3.ไอ้คนที่สั่งเอาหมามากัดม้อบน่ะ ก็อย่าให้เข้ามายุ่งล่ะ
มันจิตใจโหดร้าย
4.ไอ้คนที่ชอบแย่งเมียชาวบ้านน่ะ ก็อย่าเอาเข้ามา
เพราะมันไม่ใช่แค่ขาดจริยธรรมแต่มันผิดศีลเอาเลยนะ
5.แล้วไอ้พวกที่ชอบพูดจาส่อเสียดน่ะ ยิ่งแย่ใหญ่ มันผิดทั้ง
ศีล และธรรม เห็นไหมแค่ห้าข้อเท่ากับข้อเสนอของแก
แกก็คงรู้แล้วสินะว่าทำไมพรรคของแกถึงขาดคุณสมบัติ
ในการที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล จริงๆแล้วมีเป็นร้อยเป็นพันข้อนา
แต่เกรงใจคนอ่าน เขาจะเบื่อเสียก่อน แค่หัวหน้าพรรคแก
หนีทหารก็แสดงความขลาด และหน้าด้าน ยากที่จะหาใครเหมือน
ค้านแก้ รธน.ออก ก.ม.นิรโทษกรรม
โฆษก พรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีความรับผิดชอบสูงสุด
ในการปลดชนวนความขัดแย้ง แต่การเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ
อาจจะล้มเหลวหากยังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหนีคดียุบพรรค
และทำให้คดี พ.ต.ท.ทักษิณตกไป ที่น่าเป็นห่วงคือนายกฯออกมาบอกว่า
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของสภาฯ นอกจากนั้น ยังมีกระบวนการ
นิรโทษกรรมและการใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมือง
และใช้มวลชนมาชนมวลชน เรื่องเหล่านี้นายกฯจะไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้
นอกจากนี้ การเจรจาจะลุล่วงไม่ได้ถ้ามีคนใกล้ชิดรัฐบาลหรือ
คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณออกมาบิดเบือน
เช่นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกมาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์
และพันธมิตรฯเป็นพวกเดียวกัน ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ถ้าสิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์พูดมาหมายถึงการเป็นพวกเดียวกันเพื่อต่อต้าน
ระบอบทักษิณที่ทำลายชาติบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์ก็ยินดีจะ
เป็นพวกเดียวกัน แต่อย่าใส่ร้ายว่าเรามีส่วนรู้เห็นมีผลประโยชน์ร่วมกัน
เพราะเป็นการทำลายการเมืองภาคประชาชน คุณหญิงสุดารัตน์ก็
เป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณที่ใช้การเมืองแบบเก่า
ไม่ทราบว่าความพยายามทั้งหมดเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐานที่ปรากฏว่า
รมช.คนหนึ่งในรัฐบาลชุดก่อนซึ่งจะดำรงตำแหน่งอีกในรัฐบาลชุดใหม่
มีส่วนจ้าง วานมวลชนเข้ามาใช้ความรุนแรงเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
จนเป็นเหตุให้มีการสูญเสียชีวิตของคนไทยด้วยกันหรือไม่
เฮ้อ เอาเถอะ แกจะพูดอย่างไร คนเขาก็เข้าใจลึกซึ้ง
ถึงสันดอนที่ขุดไม่ไหวของพรรคแกดีแล้วล่ะ เอาเถอะ ฉันขออวยพร
ให้พรรคแกได้ตั้งคณะรัฐบาลเงาให้ประสบความสำเร็จนะ
อย่าลืม ห้าข้อที่ฉันเสนอไปล่ะ ไม่งั้นแค่เงาคนเขายังรังเกียจเลย
นับถือพรรคแมลงสาบจริงๆค่ะ ไม่น่าเชื่อไม่ว่าใคร
ถ้าหลุดเข้ามาพรรคนี้เขาสามารถเปลี่ยนให้ออกมา
ปากหมาเหมือนกันทุกคน ไม่มีเว้น
ไม่เชื่อลองอ่านข่าวนี้ดูสิคะ เห็นหลายครั้งแล้ว
ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งมา แกไม่เคยทำให้พรรคผิดหวังเลย
ปชป.ค้านแก้ รธน.ออก กม.นิรโทษกรรม
[22 ก.ย. 51 - 04:31]เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นพ. บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลใช้โอกาสในการตั้ง ครม.เพื่อสร้างศรัทธากลับคืน
สู่สังคมไทยและสังคมโลก การจะให้การเมืองและเศรษฐกิจเดินหน้าได้นั้น
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ต้องส่งสัญญาณอย่างเป็นรูปธรรม
พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความช่วยเหลือในการฟื้นคืนความเชื่อมั่น
แต่เรารู้สึกเสียดายที่จุดทดสอบสำคัญที่นายกฯจะให้ความมั่นใจต่อประชาชน
ใน การปกป้องกระบวนการยุติธรรมหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์แล้วก่อให้เกิดความเสียหายต่อ
กระบวนการยุติธรรม ซึ่งสถาบันตุลาการก็รู้สึกผิดหวัง
นายกฯจึงสอบตกในเรื่องนี้
โธ่ถัง ไอ้หมอบ้า ก็แค่ที่นายสมชาย ได้เข้า
มาดำรงตำแหน่งนี้ได้ เพราะ ระบบการตัดสินที่เขาหัวเราะเยาะ
กันทั่วโลก ลืมไปแล้วหรือ แล้วจะให้ไปแก้ตัวว่าไง ฮึ
ขวางตั้งคนมีชนัก-นอมินี-นายทุน
นพ. บุรณัชย์กล่าวอีกว่า ขอเสนอหลักในการแต่งตั้งบุคคลเข้ามา
ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 5 ข้อคือ 1. กระทรวงที่มีบทบาทในเรื่อง
การฟื้นความเชื่อมั่นคือกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์
และกระทรวงการต่างประเทศ ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ความสามารถ
ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน อยากให้คนนอกเข้ามา ครม.จะได้ไม่ขี้เหร่
ไม่เช่นนั้นจะเป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของประชาชน
2. รัฐมนตรีเดิมที่มีปัญหาติดคดีหวยบนดิน เขาพระวิหาร
หรือการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินมีปัญหา ไม่ควรมารับตำแหน่ง อีก
3. การเป็นรัฐมนตรีเพียงเพราะเป็นคู่สมรส ญาติพี่น้องของคนที่ถูกตัดสิทธิ
ทางการเมืองซึ่งในสังคมโลกไม่ยอมรับเท่าไหร่ ควรที่จะเสียสละไม่รับตำแหน่ง
4. รัฐมนตรี ที่เข้ามาเพราะเป็นนายทุนพรรค ซึ่งข้อกล่าวหาเรื่องการซื้อขาย
ตำแหน่งเป็นข้อหาที่รุนแรง บุคคลเหล่านี้ไม่ควรรับตำแหน่ง
5. ไม่ควรปูนบำเหน็จให้บุคคลที่เคยเป็นหรือจะมาเป็นรัฐมนตรี
ที่มีส่วนในการนำ นปช.มาสร้างความรุนแรง
เอ่อ...ข้อเสนอแนะของแกเนี่ย เก็บเอาไว้ใช้
ตอนที่พรรคแกได้จัดตั้งรัฐบาลเสียก่อนนะ ข้อเสนอของแกน่ะ
ฉันขอเสนอกลับได้บ้างไหมอ้ะ เอาเป็นว่าสมมุตินะ ถ้าพรรคแก
(ก็ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่นะ) แต่เอาเถอะสมมุติว่าได้เป็นนะ
1.ไอ้คนที่มีปัญหา เรื่องโกงกินปรส.น่ะ อย่าเอาเข้ามาเป็น
คณะรัฐมนตรีนา ประชาชนเขาไม่ไว้ใจ
2.ไอ้คนที่มีปัญหาเรื่องสปก4-01นะ อย่าเอาเข้ามาด้วยล่ะ
ประชาชนเขารังเกียจ
3.ไอ้คนที่สั่งเอาหมามากัดม้อบน่ะ ก็อย่าให้เข้ามายุ่งล่ะ
มันจิตใจโหดร้าย
4.ไอ้คนที่ชอบแย่งเมียชาวบ้านน่ะ ก็อย่าเอาเข้ามา
เพราะมันไม่ใช่แค่ขาดจริยธรรมแต่มันผิดศีลเอาเลยนะ
5.แล้วไอ้พวกที่ชอบพูดจาส่อเสียดน่ะ ยิ่งแย่ใหญ่ มันผิดทั้ง
ศีล และธรรม เห็นไหมแค่ห้าข้อเท่ากับข้อเสนอของแก
แกก็คงรู้แล้วสินะว่าทำไมพรรคของแกถึงขาดคุณสมบัติ
ในการที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล จริงๆแล้วมีเป็นร้อยเป็นพันข้อนา
แต่เกรงใจคนอ่าน เขาจะเบื่อเสียก่อน แค่หัวหน้าพรรคแก
หนีทหารก็แสดงความขลาด และหน้าด้าน ยากที่จะหาใครเหมือน
ค้านแก้ รธน.ออก ก.ม.นิรโทษกรรม
โฆษก พรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีความรับผิดชอบสูงสุด
ในการปลดชนวนความขัดแย้ง แต่การเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ
อาจจะล้มเหลวหากยังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหนีคดียุบพรรค
และทำให้คดี พ.ต.ท.ทักษิณตกไป ที่น่าเป็นห่วงคือนายกฯออกมาบอกว่า
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของสภาฯ นอกจากนั้น ยังมีกระบวนการ
นิรโทษกรรมและการใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมือง
และใช้มวลชนมาชนมวลชน เรื่องเหล่านี้นายกฯจะไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้
นอกจากนี้ การเจรจาจะลุล่วงไม่ได้ถ้ามีคนใกล้ชิดรัฐบาลหรือ
คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณออกมาบิดเบือน
เช่นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกมาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์
และพันธมิตรฯเป็นพวกเดียวกัน ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
ถ้าสิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์พูดมาหมายถึงการเป็นพวกเดียวกันเพื่อต่อต้าน
ระบอบทักษิณที่ทำลายชาติบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์ก็ยินดีจะ
เป็นพวกเดียวกัน แต่อย่าใส่ร้ายว่าเรามีส่วนรู้เห็นมีผลประโยชน์ร่วมกัน
เพราะเป็นการทำลายการเมืองภาคประชาชน คุณหญิงสุดารัตน์ก็
เป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณที่ใช้การเมืองแบบเก่า
ไม่ทราบว่าความพยายามทั้งหมดเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐานที่ปรากฏว่า
รมช.คนหนึ่งในรัฐบาลชุดก่อนซึ่งจะดำรงตำแหน่งอีกในรัฐบาลชุดใหม่
มีส่วนจ้าง วานมวลชนเข้ามาใช้ความรุนแรงเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
จนเป็นเหตุให้มีการสูญเสียชีวิตของคนไทยด้วยกันหรือไม่
เฮ้อ เอาเถอะ แกจะพูดอย่างไร คนเขาก็เข้าใจลึกซึ้ง
ถึงสันดอนที่ขุดไม่ไหวของพรรคแกดีแล้วล่ะ เอาเถอะ ฉันขออวยพร
ให้พรรคแกได้ตั้งคณะรัฐบาลเงาให้ประสบความสำเร็จนะ
อย่าลืม ห้าข้อที่ฉันเสนอไปล่ะ ไม่งั้นแค่เงาคนเขายังรังเกียจเลย
นแปลง โพสต์โดย : ป้าปากเกร็ด icon ID # 722118 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-21 23:31:29 _ ปิดข้อความ เมือคืนไปเขาใหญ่ เขามีงานเลี้ยง ร้องคาราโอเกะกั
ID # 722118 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-21 23:31:29 _ ปิดข้อความ เมือคืนไปเขาใหญ่ เขามีงานเลี้ยง ร้องคาราโอเกะกันค่ะ เขาร้องเพลงนี้ ฟังแล้วคิดถึงใครคนหนึ่งจังเลยค่ะ ตอนนี้ ไปอยู่เสียไกล เขาว่าโผล่มาแว้บๆ ในรายการถ่ายทอดฟุตบอล แมนซิเสียด้วย ไม่ได้ดูหรอกค่ะ เพราะมัวแต่ดูรายการโปรด "ความจริงวันนี้" ลูกชายเขาเล่าให้ฟัง เลยไปค้นเพลงนี้มาแบ่งปัน กันฟังก่อนนอน ไปค้นถึงได้พบว่ามีคนร้องตั้งหลายคน เลยเอามาเผื่อทุกเวอร์ชั่นเลยนะคะ เริ่มจากต้นฉบับก่อน ติ๊ก ชีโร่ อัสนี นิโคล Suvath เวอรชั่นเขมรอันนี้ต้องฟังให้ได้นะคะ มันสุดๆ |
ถ้าคุณเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน?
ID # 722040 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-21 18:48:57 _ ปิดข้อความ
หากคุณเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน แห่งประเทศสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
เกิดปํญหาภัยธรรมชาติ อุทกภัย น้ำท่วมในหลายจังหวัด ของประเทศ คุณจะทำ
อย่างไร
แน่นอน คุณควรทำอะไรสักอย่าง จะเป็นเพราะความสำนึก หรือเพียงเพราะอยากสร้างภาพก็เถอะ
อะไรจะดีไปกว่าการเดินทางไปยังสถานที่ที่เกิดน้ำท่วมสิคะ
แล้วต้องเตรียมของไปแจกชาวบ้านด้วยนะคะ การไปเยี่ยมชาวบ้านที่กำลังมีความทุกข์
ไม่ผิดหรอกค่ะ ดูดี มีน้ำใจดีออก ได้ทั้งความสุขใจและหน้า
นักข่าวก็ต้องตามไปทำข่าว (อย่าไปทำลำพังเงียบๆโดยไม่แจ้งนักข่าวเป็นอันขาด)
เมื่อไปแจกแล้วนักข่าวก็ต้องสัมภาษณ์สิคะ ตอนนี้แหละเป็นเวลาที่จะแสดง
วิสัยทัศน์ สร้างชื่อ เป็นคุณ คุณจะให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่าคุณมาเยี่ยมชาวบ้านและแจกของทำไม
1. คุณต้องบอกว่า"ผมทุกข์ใจที่เห็นชาวบ้านเดือดร้อน ผมทนไม่ไหว ผมต้องออกมาช่วย"
(อันนี้เป็นเหตุผลที่คนที่ความคิดเป็นปกติ เขาคิดกันได้
2.คุณต้องบอกว่า "ผมเป็นห่วงพี่น้องร่วมชาติ อะไรที่พอช่วยเหลือกันได้ ผมต้องรีบทำ
คนไทยด้วยกัน ผมต้องรีบช่วย"(อันนี้ เหมาะควร ดูดี มีวิสัยทัศน์)
3.คุณบอกว่า "ผมไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่แน่ใจว่าจะทำงานช่วยเหลือชาวบ้านได้ทั่วถึงหรือเปล่า
คิดว่าการช่วยเหลือคงไม่ทั่วถึง"(อันนี้เป็นวิสัยทัศน์ที่เลวร้าย ของคนที่มองโลกในแง่ร้าย)
เอาล่ะค่ะ เลือกคำตอบได้ แต่คงไม่ต้องเฉลยนะคะ ว่านายกฯเงาเขาเลือกข้อไหน วิสัยทัศน์อย่างนี้นี่เองที่ทำให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ดำรงตำแหน่งนายกฯเงาของประเทศนี้ ได้ยาวนาน และคาดว่าคงเป็นไปชั่วนิรันด์
จนกว่าจะตาย หรือ พรรคคิดได้ และปรับเปลี่ยน หัวหน้าพรรคเสียที
ID # 1106045 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-21 20:05:11 _ ปิดข้อความ
สำหรับท่านที่อาจไม่เชื่อว่าเพ่มา-รก แกเลือกพูดข้อสาม
ป้าขอแนะนำให้ไปหาภาพข่าวดูได้จากรู้สึกจะเป็นช่อง
NBT ข่าวช่วงเย็น แกฑุดให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
ที่หาไม่เจอจากหน้าสื่อหนังสือพิมพ์เพราะเขาคงคิดว่า
ถ้าเอาไปลงมีแต่เสียกับเสีย
ส่วนช่องNBT ถึงได้กล้าเอามาออกเป็นภาพข่าว
เวลานึกถึงการให้สัมภาษณ์ ต้องอมยิ้มน้อยด้วยนะคะ
ยักหน้ายักตาเล็กน้อย พร้อมทั้งต้องคอยยิ้มให้กล้อง
เวลาไม่ได้ให้สัมภาษณ์
อย่าลืมต้องแจกของไป ยกมือตบหลังตบไหล่ผู้รับแจกไปด้วย
เรื่องจริงนะคะนี่ เห็นจากภาพข่าวทีวีจริง ไม่ได้เสกสรรปั้นแต่ง
เอาเองนะคะ หากไปเปิดเวปที่ย้อนดูได้ คงเป็นข่าวเมื่อวาน
แหละค่ะ จำเวลาไม่ชัดอาจเป็นข่าวช่วงเย็นๆมังคะ ลองไปหาดูเถอะ
รับรองไม่ผิดหวัง เห็นหน้าแล้วอยากเอาอะไรปาจอทีวีล่ะค่ะ
หากคุณเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน แห่งประเทศสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
เกิดปํญหาภัยธรรมชาติ อุทกภัย น้ำท่วมในหลายจังหวัด ของประเทศ คุณจะทำ
อย่างไร
แน่นอน คุณควรทำอะไรสักอย่าง จะเป็นเพราะความสำนึก หรือเพียงเพราะอยากสร้างภาพก็เถอะ
อะไรจะดีไปกว่าการเดินทางไปยังสถานที่ที่เกิดน้ำท่วมสิคะ
แล้วต้องเตรียมของไปแจกชาวบ้านด้วยนะคะ การไปเยี่ยมชาวบ้านที่กำลังมีความทุกข์
ไม่ผิดหรอกค่ะ ดูดี มีน้ำใจดีออก ได้ทั้งความสุขใจและหน้า
นักข่าวก็ต้องตามไปทำข่าว (อย่าไปทำลำพังเงียบๆโดยไม่แจ้งนักข่าวเป็นอันขาด)
เมื่อไปแจกแล้วนักข่าวก็ต้องสัมภาษณ์สิคะ ตอนนี้แหละเป็นเวลาที่จะแสดง
วิสัยทัศน์ สร้างชื่อ เป็นคุณ คุณจะให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่าคุณมาเยี่ยมชาวบ้านและแจกของทำไม
1. คุณต้องบอกว่า"ผมทุกข์ใจที่เห็นชาวบ้านเดือดร้อน ผมทนไม่ไหว ผมต้องออกมาช่วย"
(อันนี้เป็นเหตุผลที่คนที่ความคิดเป็นปกติ เขาคิดกันได้
2.คุณต้องบอกว่า "ผมเป็นห่วงพี่น้องร่วมชาติ อะไรที่พอช่วยเหลือกันได้ ผมต้องรีบทำ
คนไทยด้วยกัน ผมต้องรีบช่วย"(อันนี้ เหมาะควร ดูดี มีวิสัยทัศน์)
3.คุณบอกว่า "ผมไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่แน่ใจว่าจะทำงานช่วยเหลือชาวบ้านได้ทั่วถึงหรือเปล่า
คิดว่าการช่วยเหลือคงไม่ทั่วถึง"(อันนี้เป็นวิสัยทัศน์ที่เลวร้าย ของคนที่มองโลกในแง่ร้าย)
เอาล่ะค่ะ เลือกคำตอบได้ แต่คงไม่ต้องเฉลยนะคะ ว่านายกฯเงาเขาเลือกข้อไหน วิสัยทัศน์อย่างนี้นี่เองที่ทำให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ดำรงตำแหน่งนายกฯเงาของประเทศนี้ ได้ยาวนาน และคาดว่าคงเป็นไปชั่วนิรันด์
จนกว่าจะตาย หรือ พรรคคิดได้ และปรับเปลี่ยน หัวหน้าพรรคเสียที
ID # 1106045 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-21 20:05:11 _ ปิดข้อความ
สำหรับท่านที่อาจไม่เชื่อว่าเพ่มา-รก แกเลือกพูดข้อสาม
ป้าขอแนะนำให้ไปหาภาพข่าวดูได้จากรู้สึกจะเป็นช่อง
NBT ข่าวช่วงเย็น แกฑุดให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
ที่หาไม่เจอจากหน้าสื่อหนังสือพิมพ์เพราะเขาคงคิดว่า
ถ้าเอาไปลงมีแต่เสียกับเสีย
ส่วนช่องNBT ถึงได้กล้าเอามาออกเป็นภาพข่าว
เวลานึกถึงการให้สัมภาษณ์ ต้องอมยิ้มน้อยด้วยนะคะ
ยักหน้ายักตาเล็กน้อย พร้อมทั้งต้องคอยยิ้มให้กล้อง
เวลาไม่ได้ให้สัมภาษณ์
อย่าลืมต้องแจกของไป ยกมือตบหลังตบไหล่ผู้รับแจกไปด้วย
เรื่องจริงนะคะนี่ เห็นจากภาพข่าวทีวีจริง ไม่ได้เสกสรรปั้นแต่ง
เอาเองนะคะ หากไปเปิดเวปที่ย้อนดูได้ คงเป็นข่าวเมื่อวาน
แหละค่ะ จำเวลาไม่ชัดอาจเป็นข่าวช่วงเย็นๆมังคะ ลองไปหาดูเถอะ
รับรองไม่ผิดหวัง เห็นหน้าแล้วอยากเอาอะไรปาจอทีวีล่ะค่ะ
วันนี้ไปสนามหลวงมาด้วยค่ะ
ID # 721715 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-20 00:07:11 _ ปิดข้อความ
สองปีทหารบ้าเข้ายึดครองประเทศ เลยต้องไปพบปะ
เพื่อนร่วมอุดมการณ์เสียหน่อย ไปถึงเกือบหนึ่งทุ่ม
ฝนเทลงมาอย่างหนัก ลงจากรถไม่ได้เลย ได้แต่นั่งอยู่บนรถ
จนมีสองสาวที่จอดรถติดกัน เธอเดินกลับมาที่รถ ยิ้มแย้มแจ่มใส
ทักทายกันเธอว่าไม่ไหว ฝนหนักมาก เมื่อแรกคิดว่าสองสาวจะถอดใจ
กลับบ้าน แต่ก็เปล่า กลับมานั่งหลบฝนอยู่ในรถ พอฝนเริ่มซา
เห็นคนเขาเอาแผ่นพลาสติกที่ใช้รองนั่ง คลุมหัวเดินมา
เลยนึกได้ว่าเออดีเหมือนกันแฮะ กันได้ทั้งตัว แทนร่มพอได้
เสียดายที่ต้องถือไว้สองมือ แต่เพื่อนที่ไปด้วยเขามีเสื้อฝน
เลยอาสาลงไปหาหนุ่มรายนั้น ถามว่าไปซื้อมาจากตรงไหน
เขาว่าอยู่แถวๆหน้าเวที เลยวานว่าไปซื้อให้หน่อย เขาก็ดีใจหาย
เดินฝ่าสายฝนไป สักพักกลับมาพร้อมคนขาย น่ารักจริงๆค่ะ
เขาอุตส่าห์เดินไปตามคนขายมาให้ อุดหนุนไปสามผืน ถือคลุมหัวไป
เริ่มออกเดินไปให้ใกล้เวทีหน่อย พอดีฝนซาลงมากแล้ว และขาดเม็ดในที่สุด
เราไปกันสี่คนค่ะ สามีเพื่อนขับรถไปให้ ได้ยืนฟังอยู่จนสามทุ่มกว่า
ก็เลยกลับ พบว่า คนมากพอสมควร ตามสภาพฝนที่ตกหนักขนาดนั้น
คนขนาดนี้ก็ไม่ขี้เหร่แล้วค่ะ พบว่าคนที่ไป ไปเพราะใจรักจริงๆ
เพราะเห็นหน้ากันแม้นไม่รู้จัก ก็ยิ้มทักทายกันได้ เพราะใจตรงกัน
ถึงฝนจะตก พื้นจะแฉะ แต่ก็มุ่งมั่น ไป เพื่อจะระลึกถึงวันที่แสนจะเจ็บช้ำ
วันที่ประชาธิปไตยถูกปล้นไป เหลือไว้แต่ความเลวร้าย
ทรากปรักหักพังของสิทธิ์เสรี สองปีที่ผ่านไป ที่นึกว่าจะได้ประชาธิปไตย
มาเต็มใบจากการเลือกตั้ง แต่กลับพบกับกับดักทางการเมือง
ที่พวกกบฎ ฝากทิ้งไว้ เหมือนทุ่นระเบิด ในคิลลิ่งฟิลด์ ที่ไม่ว่า
จะเดินไปทางไหน ก็พร้อมจะระเบิดเปรี้ยงปร้าง คร่าชีวิตคนดีๆ
ที่เป็นประชาธิปไตย ไปไม่รู้กี่คนแล้ว นี่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะกู้คืน
มาสู่สภาพปกติได้เมื่อใด
เข้ามาเล่าบรรยากาศให้ฟังเฉยๆค่ะ เพราะพรุ่งนี้ก็จะไม่อยู่
กว่าจะกลับก็วันอาทิตย์แหละค่ะ แล้วจะเข้าประจำการใหม่นะคะ
ID # 1105500 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-21 16:10:21 _ ปิดข้อความ
กลับมาจากเขาใหญ่แล้วค่ะ เข้ามาชื่นชมรูปของคุณว ฒ น สวยจังค่ะ
ทัก หนูมะแขว่นหน่อย ที่หนูเจอใช่ป้าแม่นแล้วค่ะ เพราะเพื่อนคนนั้นไปที่ไหนใครก็จำได้นิ ขนาดนั้นยังใจกล้า เข้าไปทำเนียบมาแล้วนะนั่น เขาว่าอยากไปดู ยังว่าเลยว่า เฮ้ย หน้าอย่างเธอใครเห็นก็จำได้ว่าเป็นพวกรัประชาธิปไตย แล้วเข้าไปในนั้นคนไม่อัดเอาหรือ เขาว่าไม่กลัวเขาเข้าไปกับทหาร เล่าว่ากว่าจะเข้าไปถึงด้านหน้าได้ ผ่านด่านเอกซ์เรย์ถี่ยิบ เสียหกด่าน ยังไม่ทันคุยว่าเข้าไปเจอไรบ้างแยกย้ายกันกลับก่อน ไว้วันหลังจะโทร.ไปคุย แล้วเอามเล่าต่อนะคะ โชคดีที่คนในนั้น(เอ๋หรืไม่ใช่คน มันโง่ จำหน้าเพื่อนป้าไม่ได้) ขนาดหนูมะแขว่นยังจำได้เลยนิ แต่น่าตีหนูจริงๆ ตอนที่เจอป้าฝนก็หยุดแล้วนี่นา น่าจะเดินออกมาทักกันเสียหน่อย
ไปเจอทีมหาเสียงของคุณประพัฒน์ เบอร์สิบ เพื่อนป้าเขาบ่นว่า
ไม่ เห็นรูปหน้าปากซอยบ้านเขา ทีมงานว่าจะรีบหาไปติด ป้าก็อยากบอกว่าปากซอยบ้านป็าก็ไม่มี แต่ไม่ต้องไปติดหรอก บอกที่มา เดี๋ยวตามไปเอาไปติดเอง (ก็บ้านป้าอยู่ปากเกร็ด) แต่อยากได้รูปนั่งฮาเลย์มาดูเล่น ก็น่ารักออกอย่างนั้น จริงไหมอ้ะ
สองปีทหารบ้าเข้ายึดครองประเทศ เลยต้องไปพบปะ
เพื่อนร่วมอุดมการณ์เสียหน่อย ไปถึงเกือบหนึ่งทุ่ม
ฝนเทลงมาอย่างหนัก ลงจากรถไม่ได้เลย ได้แต่นั่งอยู่บนรถ
จนมีสองสาวที่จอดรถติดกัน เธอเดินกลับมาที่รถ ยิ้มแย้มแจ่มใส
ทักทายกันเธอว่าไม่ไหว ฝนหนักมาก เมื่อแรกคิดว่าสองสาวจะถอดใจ
กลับบ้าน แต่ก็เปล่า กลับมานั่งหลบฝนอยู่ในรถ พอฝนเริ่มซา
เห็นคนเขาเอาแผ่นพลาสติกที่ใช้รองนั่ง คลุมหัวเดินมา
เลยนึกได้ว่าเออดีเหมือนกันแฮะ กันได้ทั้งตัว แทนร่มพอได้
เสียดายที่ต้องถือไว้สองมือ แต่เพื่อนที่ไปด้วยเขามีเสื้อฝน
เลยอาสาลงไปหาหนุ่มรายนั้น ถามว่าไปซื้อมาจากตรงไหน
เขาว่าอยู่แถวๆหน้าเวที เลยวานว่าไปซื้อให้หน่อย เขาก็ดีใจหาย
เดินฝ่าสายฝนไป สักพักกลับมาพร้อมคนขาย น่ารักจริงๆค่ะ
เขาอุตส่าห์เดินไปตามคนขายมาให้ อุดหนุนไปสามผืน ถือคลุมหัวไป
เริ่มออกเดินไปให้ใกล้เวทีหน่อย พอดีฝนซาลงมากแล้ว และขาดเม็ดในที่สุด
เราไปกันสี่คนค่ะ สามีเพื่อนขับรถไปให้ ได้ยืนฟังอยู่จนสามทุ่มกว่า
ก็เลยกลับ พบว่า คนมากพอสมควร ตามสภาพฝนที่ตกหนักขนาดนั้น
คนขนาดนี้ก็ไม่ขี้เหร่แล้วค่ะ พบว่าคนที่ไป ไปเพราะใจรักจริงๆ
เพราะเห็นหน้ากันแม้นไม่รู้จัก ก็ยิ้มทักทายกันได้ เพราะใจตรงกัน
ถึงฝนจะตก พื้นจะแฉะ แต่ก็มุ่งมั่น ไป เพื่อจะระลึกถึงวันที่แสนจะเจ็บช้ำ
วันที่ประชาธิปไตยถูกปล้นไป เหลือไว้แต่ความเลวร้าย
ทรากปรักหักพังของสิทธิ์เสรี สองปีที่ผ่านไป ที่นึกว่าจะได้ประชาธิปไตย
มาเต็มใบจากการเลือกตั้ง แต่กลับพบกับกับดักทางการเมือง
ที่พวกกบฎ ฝากทิ้งไว้ เหมือนทุ่นระเบิด ในคิลลิ่งฟิลด์ ที่ไม่ว่า
จะเดินไปทางไหน ก็พร้อมจะระเบิดเปรี้ยงปร้าง คร่าชีวิตคนดีๆ
ที่เป็นประชาธิปไตย ไปไม่รู้กี่คนแล้ว นี่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะกู้คืน
มาสู่สภาพปกติได้เมื่อใด
เข้ามาเล่าบรรยากาศให้ฟังเฉยๆค่ะ เพราะพรุ่งนี้ก็จะไม่อยู่
กว่าจะกลับก็วันอาทิตย์แหละค่ะ แล้วจะเข้าประจำการใหม่นะคะ
ID # 1105500 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-21 16:10:21 _ ปิดข้อความ
กลับมาจากเขาใหญ่แล้วค่ะ เข้ามาชื่นชมรูปของคุณว ฒ น สวยจังค่ะ
ทัก หนูมะแขว่นหน่อย ที่หนูเจอใช่ป้าแม่นแล้วค่ะ เพราะเพื่อนคนนั้นไปที่ไหนใครก็จำได้นิ ขนาดนั้นยังใจกล้า เข้าไปทำเนียบมาแล้วนะนั่น เขาว่าอยากไปดู ยังว่าเลยว่า เฮ้ย หน้าอย่างเธอใครเห็นก็จำได้ว่าเป็นพวกรัประชาธิปไตย แล้วเข้าไปในนั้นคนไม่อัดเอาหรือ เขาว่าไม่กลัวเขาเข้าไปกับทหาร เล่าว่ากว่าจะเข้าไปถึงด้านหน้าได้ ผ่านด่านเอกซ์เรย์ถี่ยิบ เสียหกด่าน ยังไม่ทันคุยว่าเข้าไปเจอไรบ้างแยกย้ายกันกลับก่อน ไว้วันหลังจะโทร.ไปคุย แล้วเอามเล่าต่อนะคะ โชคดีที่คนในนั้น(เอ๋หรืไม่ใช่คน มันโง่ จำหน้าเพื่อนป้าไม่ได้) ขนาดหนูมะแขว่นยังจำได้เลยนิ แต่น่าตีหนูจริงๆ ตอนที่เจอป้าฝนก็หยุดแล้วนี่นา น่าจะเดินออกมาทักกันเสียหน่อย
ไปเจอทีมหาเสียงของคุณประพัฒน์ เบอร์สิบ เพื่อนป้าเขาบ่นว่า
ไม่ เห็นรูปหน้าปากซอยบ้านเขา ทีมงานว่าจะรีบหาไปติด ป้าก็อยากบอกว่าปากซอยบ้านป็าก็ไม่มี แต่ไม่ต้องไปติดหรอก บอกที่มา เดี๋ยวตามไปเอาไปติดเอง (ก็บ้านป้าอยู่ปากเกร็ด) แต่อยากได้รูปนั่งฮาเลย์มาดูเล่น ก็น่ารักออกอย่างนั้น จริงไหมอ้ะ
วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551
ครบรอบ2ปี...ปฏิญญาเสรีที่ประกาศ
ID # 721509 - โพสต์เมื่อ : 2008-09-19 09:38:33 _ ปิดข้อความ แก้ไข
1.สิบเก้ากันยามาบรรจบ
เป็นวันครบความเสื่อมกระเพื่อมไหว
วันที่เราชาวประชาได้เข้าใจ
ความเป็นไปในแดนดินแผ่นดินทอง
2.เป็นผืนแผ่นแดนดินถิ่นคนชั่ว
ที่เมามัวหัวหางกร่างผยอง
คิดว่าครองแผ่นดินกินเนืองนอง
เป็นเจ้าของแม้หัวใจไทยจำนน
3.เข้ารุกไล่ใจคนจนเจ็บช้ำ
ทั้งกระหน่ำซ้ำเติมเพิ่มสับสน
คิดว่าผิดคิดว่าชั่วทั้งตัวตน
ต้องจำทนก่นด่าอยู่ภายใน
4.ขอบคุณนะจะจำย้ำวันนี้
เป็นวันที่มีแสงสุกไสว
ส่องให้เห็นความเป็นจริงของหัวใจ
ต่อนี้ไปใจสว่างอย่างกลางวัน
5.ไม่มีวันวันนี้ที่อุบาทว์
ไทยทั้งชาติอาจไม่ตื่นไม่คืนขวัญ
คงโง่งมจมภาพอาบแสงจันทร์
ที่แท้มันไม่แท้แค่จอมปลอม
6.สิบเก้ากันยามาถึงแล้ว
ด้วยใจแน่วแกล้วกล้ามาหล่อหลอม
ประกาศตนประกาศใจไม่ยินยอม
จะไม่ค้อมน้อมนำคำหลอกลวง
1.สิบเก้ากันยามาบรรจบ
เป็นวันครบความเสื่อมกระเพื่อมไหว
วันที่เราชาวประชาได้เข้าใจ
ความเป็นไปในแดนดินแผ่นดินทอง
2.เป็นผืนแผ่นแดนดินถิ่นคนชั่ว
ที่เมามัวหัวหางกร่างผยอง
คิดว่าครองแผ่นดินกินเนืองนอง
เป็นเจ้าของแม้หัวใจไทยจำนน
3.เข้ารุกไล่ใจคนจนเจ็บช้ำ
ทั้งกระหน่ำซ้ำเติมเพิ่มสับสน
คิดว่าผิดคิดว่าชั่วทั้งตัวตน
ต้องจำทนก่นด่าอยู่ภายใน
4.ขอบคุณนะจะจำย้ำวันนี้
เป็นวันที่มีแสงสุกไสว
ส่องให้เห็นความเป็นจริงของหัวใจ
ต่อนี้ไปใจสว่างอย่างกลางวัน
5.ไม่มีวันวันนี้ที่อุบาทว์
ไทยทั้งชาติอาจไม่ตื่นไม่คืนขวัญ
คงโง่งมจมภาพอาบแสงจันทร์
ที่แท้มันไม่แท้แค่จอมปลอม
6.สิบเก้ากันยามาถึงแล้ว
ด้วยใจแน่วแกล้วกล้ามาหล่อหลอม
ประกาศตนประกาศใจไม่ยินยอม
จะไม่ค้อมน้อมนำคำหลอกลวง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)