เมื่อไม่นานมานี้มีสำนวนฮิต"ปิดประตูตีแมว" เขาว่ากันว่าจะเกิด
แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงมีจริง เพราะแทนที่จะเกิดการปิดประตูตีแมว
มันดันไปเกิด สำนวน"หมาจนตรอก"ขึ้นมาก่อนน่ะสิคะ
แรกๆก็ว่าแน่ กุมทุกอย่างไว้ในมือได้หมด ทั้งสามอำนาจเลยทีเดียว
แต่คนเราพอมีอำนาจมากๆก็ต้องเหลิงเป็นธรรมดา ให้ท้ายลูกน้อง
กันสุดเหงี่ยง
ไอ้ฝ่ายลูกน้องก็เหิมเกริมเต็มที่ เพราะคิดว่ามีแบ็คดี โกงกินกัน
อย่างย่ามใจ มึงหนุบกูหนับ ไม่มีใครกล้าออกมาโวย เพราะเป็นพวกเดียวกันแท้ๆ
แต่สถานการร์พลิกกลับ ข้อมูลหลั่งไหลมาเข้าทางคนที่เขาต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม
เมื่อก่อนใครจะไปกล้าโวย แต่เผอิญได้แบ็คดีเหมือนกัน แม้จะดูด้อยค่ากว่ามาก
แต่จากจำนวนแบ็ค ต่างกันลิบลับ ข้างฟากขะโน้น อย่างดีมีรับรองไม่เกินพัน
แม้จะตัวใหญ่ๆ เป้งๆกัน แต่เนื่องจากจำนวนน้อยกว่า เพราะขนาดมดแดงตัวเล็กๆ
แต่หากรวมฝูงกันได้ ล้มช้างก็เคยมีมาแล้ว
จากสำนวน"ปิดประตูตีแมว"จึงกลายเป็น"หมาจนตรอก"ไปจนได้ แต่โบราณว่า
อย่าไล่หมาให้ไปจนตรอก เพราะมันจะหันหมาสู้ จนตัวตาย เมื่อก่อนเขาก็ทำค่ะ
ไล่ล่าจนคุณทักษิณ เกิดอาการทนไม่ไหวต้องหันมาสู้ ที่รอดมาจนทุกวันนี้น่ะ
เป็นเพราะมีคนช่วยสู้นะคะ ไม่ได้เก่งเป็นเทวดา รอดได้เองหรอกค่ะ
ที่นี้ย้อนกลับ ไอ้ฝ่ายไล่ล่ากลับกลายเป็นถูกไล่ล่าเสียเอง จนถูกผลักให้
เข้าไปจนตรอกแล้วล่ะค่ะ ไหนจะเรื่องลูกน้องทุจริต ไหนจะเรื่องความ
ไม่เป็นธรรม เลยต้องตกเป็นจำเลยสังคม
แน่นอนค่ะ หมาจนตรอกมันต้องหันกลับมาสู้ แต่เผอิ๊ญเผอิญ จำนวนคน
ที่ไล่หมาไปจนตรอก ดันมีจำนวนมหาศาล เลยสงสัยจะเกิด การรุมตีหมาเสียล่ะมากกว่ามั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น