วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

เฮ้อ..ทั้งบ้าและโง่ มิหนำซ้ำหน้าด้านเกินทน

จะใครเสียอีกละคะ ก็ได้ดำมืดนี่ไง สุริยะใส กตะศิลา
จากข่าวนี้ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ เชื่อว่าคนเสื้อแดงจะไม่เคลื่อนไหวอย่างสันติ
เพราะเท่าที่ติดตามมีการปลุกระดมกันอย่างต่อเนื่อง และหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ชี้ชัดว่าไม่ประสงค์แนวทางสันติวิธี
ซึ่งแตกต่างจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

แหมเมิงไม่อายเลยเนอะ พูดออกมาได้ ภาพที่เมิงยิง กระทืบชาวบ้าน ขับรถทับตำรวจ
ก็ยังมีให้เห็นอยู่ เสือกออกมาบอกว่าชุมนุมอย่างไม่มีความรุนแรง

"อาวุธ บางส่วนที่หายไปจากคลังแสงค่ายทหารที่จังหวัดพัทลุงมีนัยสำคัญกับการปฏิบัติ การรุนแรง หลายฝ่ายคิดว่ากรุงเทพฯ
จะตกเป็นเป้า แต่พรรคการเมืองใหม่เห็นว่าไม่ใช่แค่กรุงเทพฯเท่านั้นที่เป็นเป้าหมายของการ ใช้ความรุนแรง เมืองใหญ่ในหลาย
จังหวัดและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญล้วนเป็นเป้าหมายทั้งสิ้น เพราะจากการข่าวทราบว่าลูกปืนชนิดต่างๆถูกซื้อจนขาดตลาดมาเป็น
เดือนแล้ว จึงน่าเป็นห่วง" นายสุริยะใสกล่าวและว่า หากแกนนำคนเสื้อแดงไม่ระมัดระวัง โอกาสเผชิญหน้าในหมู่ประชาชนด้วยกันมีสูง
เพราะต้องยอมรับความจริงว่าจะมีประชาชนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากการ ชุมนุมครั้งนี้ ทำให้ง่ายกับการก่อจลาจลนองเลือด
รวมทั้งการปิดสถานที่สำคัญๆ เช่น สถานที่ราชการ บ้านสี่เสาเทเวศร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ทำการสื่อมวลชน รวมไปถึง
พรรคการเมืองใหม่ด้วย ซึ่งได้ประสานเจ้าหน้าที่ให้มาดูแลแล้ว

เฮ่อ บิดา มารดาเมิงหรือที่บอกว่าเขาจะปิดสถานที่ราชการ หรือเอาสันดานตัวเอง
เข้าไปจับ ถึงได้พูดออกมาอย่างนี้

นาย สุริยะใสกล่าวอีกว่า เป้าหมายของคนเสื้อแดงไม่อยู่ที่การขับไล่รัฐบาลอย่างเดียว แต่อยู่ที่การล้มคำพิพากษา
ยึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย และการจะได้มาซึ่งเป้าหมายนั้นจำเป็นต้องพึ่งพิงอำนาจพิเศษคือการรัฐประหาร
รัฐบาลจึงควรตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

เฮ้ออีกที ชื่อเขาก็บอกอยู่แล้วว่าต่อต้านการรัฐประหาร เขาไม่เหมือนพวกเมิงร้อก
ที่หวังแต่จะให้เกิดรัฐประหาร การที่ตัวเองเคยทำ เรียกร้องบ่อย ก็คงคิดว่าคนอื่นเขา
จะคิดและทำอย่างตัวเอง

"กรณีที่ บุคคลใดหรือพรรคใดมีพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อัน มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 68 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ ต้องมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค
การที่พรรคเพื่อไทยปล่อยให้กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคขึ้นเวทีหรือ เกณฑ์คนเข้ามาอาจเข้าข่ายล้มล้าง
สำนักงานอัยการสูงสุดควรเข้ามาตรวจสอบ ตามมาตรา 68 วรรคสอง"นายสุริยะใสกล่าวพร้อมเรียกร้องให้คนกรุงเทพฯ
ล้มเลิกความคิดที่จะหนีการ ชุมนุมไปพักผ่อนต่างจังหวัด เพราะควรช่วยกันเป็นหูเป็นตา เฝ้าบ้านเมือง
อย่าปล่อยให้ใครทำลายทรัพย์ของทางราชการ

ตายๆ คงลืมไปแล้วมัง ว่าพวกเมิงไปทำอะไรไว้เมื่อปี 51 ทั้งยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน
ทำทำเนียบซะเละ คงลืมไปแล้วสิท่า โดนคดี กบฎในราชอาณาจักร จนต้องวิ่งหางจุกตูด
ไปขอให้เขาลดข้อกล่าวหาน่ะ จำไม่ได้แล้วหรือ หากกฎหมายมันบังคับใช้ได้จริง
อย่างตรงไปตรงมา ป่านนี้พวกแกคงไม่มีโอกาสมาเห่าให้หนวกหูอย่างนี้ไปแล้วสิ

ไม่มีความคิดเห็น: