วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

จดหมายถึงมาร์ก

เคยเขียนจดหมายมาแล้วสองฉบับ ฉบับแรกถึงสุรยุทธ์
ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามันเลวขนาดยึดเขายายเที่ยง หลงไปเรียก
มันว่านายกฯ แต่ก็เอาเถอะเห็นว่ามันอย่างน้อยครั้งหนึ่ง
ในชีวิตก็เคยได้รับการแต่งตั้งจากคณะปฏิวัติ(เพราะหาก
เป็นนักการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้ง คนพรรณอย่างนี้
ชาติหน้าคงไม่ได้เป็น)

ฉบับที่สองเขียนถึงไอ้ป๊อก หลังจากเห็นมันออกทีวีไล่
นายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง วันนี้เลยขอเขียนอีกสักฉบับ
คราวนี้จะเรียกว่าจดหมายถึงนายกฯ ก็ทำใจไม่ได้ เพราะ
ไม่เคยคิดเลยว่ามันเป็นนายกฯ เลยเอาเป็นว่าเป็นจดหมาย
ถึงนายอภิสิทธิ์ก็แล้วกัน เป็นจดหมายจากคนไทยถึงคนไทยอีกคน

อภิสิทธิ์,

เป็นเวลาปีเศษแล้วที่มีคนอุ้มคุณขึ้นมานั่งบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ของประเทศไทย คุณจะเอ่ยอ้างว่าคุณมาจากระบอบประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม ภายในใจลึกๆ คุณเองต้องรู้ดี ทุกวันทุกคืน ทุกลม
หายใจที่คุณสูดเอาออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงชีวิตคุณ คุณต้องรู้ว่า
มันไม่จริง การมาตามระบอบประชาธิปไตย หมายถึงคุณต้องได้
รับเสียงข้างมากให้เข้ามาจัดตั้งรัฐบาล แต่การมาของคุณ มาด้วย
วิธีใดก็รู้ๆกันอยู่

เอาเถอะ เมื่อคุณเข้ามานั่งในเก้าอี้ตัวนี้ จะโดยวิธีใดก็ตามเถอะ
ลองหัดคิดทบทวนดูว่าในตำแหน่งนี้ที่คุณคิดว่ามันเป็นเกียรติประวัติ
ต่อตัวคุณและวงศ์ตระกูล คุณได้ทำอะไรฝากไว้ในแผ่นดินนี้บ้าง

ลองคิดทบทวนว่าวันหนึ่งที่คุณต้องลุกจากเก้าอี้นี้ไป ไม่ว่าจะโดยเต็มใจ
หรือไม่ก็ตาม คุณได้ทิ้งอะไรไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้จดจำ ลองคิดดู
บ้างว่าเขาจะจำคุณในแง่ใดบ้าง หากคุณคิดไม่ออก ฉันจะไล่เรียง
ให้อ่านดู

1.คุณเป็นนายกฯที่มาจากการแต่งตั้งของทหาร จัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร
อันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

2.คุณเป็นนายกฯคนแรกของประเทศนี้ที่ไม่ได้แถลงนโยบายในรัฐสภา
อันเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาช้านานและได้ตราเป็นกฎหมายไว้ด้วยซ้ำ
คุณเป็นนายกฯที่ต้องหนีกระเซอะกระเซิงไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการ
ต่างประเทศ มีสมาชิกรัฐสภาครบหรือไม่ก็ยังเป็นที่สงสัย

3.คุณเป็นนายกฯที่ใช้การคุ้มครองป้องกันตัวเองที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์
รัฐต้องเสียงบประมาณในการดูแลความปลอดภัยของคุณและคณะมากมาย
มากที่สุดตั้งแต่มีรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมา

4.คุณเป็นนายกฯที่สร้างหนี้สินให้กับประเทศมากมาย โดยไม่มีสักครั้งที่จะ
บอกวิธีการหาเงินมาใช้หนี้นั้น นอกจากการขึ้นราคาน้ำมัน(เพื่อได้ภาษี) รีดไถภาษี
ต่างๆ (ซึ่งเป็นวิธีที่หาเงินง่ายที่สุด)

5.คุณเป็นนายกฯที่จะไปไหนมาไหน แบบคนปกติไม่ได้ การต้องหนีหัวซุกหัวซุน
คงเป็นความภาคภูมิใจของคุณสินะ ดูจากการต้องใช้เฮลิคอปเตอร์หลบออกมา
จากค่ายทหารที่คุณไปหลบซ่อนตัว มันดูดีมากสิท่า ค่าเชื้อเพลิง มันคุ้มกับ
การเก็บคุณไว้ในตำแหน่งหรือ

จริงๆยังมีอีกมาก ที่คุณต้องรู้ว่าคนเขาจะเอ่ยถึงคุณว่าอย่างไร
ในวันที่พ้นตำแหน่งไป จดหมายฉบับนี้ เพียงเขียนขึ้นเพื่อสะกิด
เตือนสติคุณเป็นครั้งสุดท้าย เลือกเอาเถิดว่าจะให้เขาคิดถึงคุณ
ในแบบไหน

นายกฯที่ขาดความชอบธรรมที่จะยั่งอยู่ในตำแหน่ง หรือนายกฯสุภาพ
บุรุษที่รับฟังเสียงประชาชน แล้วคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจว่า
คุณจะได้กลับมานั่งในตำแหน่งนี้อีกหรือไม่
เลือกเอาเองนะคุณ

ปราศจากซึ่งความเคารพ

ป้าปากเกร็ด

กิมมิคค่ะกิมมิค

การประกาศสละเลือดครั้งนี้มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ใจจริงอยากให้มองว่าเป็นเพียงกิมมิค (gimmic) ซึ่งแปลว่า
a trick or device used to attract business or attention

สำหรับม้อบไม่มีเส้น ก็เห็นจะมีวิธีนี้วิธีเดียว ที่จะเรียกร้องความสนใจ
จากสังคมได้ หากมองเป็นการตลาด ก็นับว่าเปรี้ยงเดียว กระตุกใจได้

หากมองเป็นทางไสยศาสตร์ก็ถือเป็นการแก้เคล็ด แทนที่จะให้เลือด
นองแผ่นดินด้วยคมหอกคมดาบของพวกมัน การเอาเลือดเราทาแผ่นดิน
ก็นับเป็นความคิดที่ดี

เป็นการตบหน้าไอ้เด็กเวรที่เคยพูดว่า "ท่านจะเดินย่ำกองเลือดของ
พี่น้องประชาชนเข้ามาทำงานอย่างนั้นหรือ" สมัยเมื่อเหตุการณ์ 7ตุลา 51
คราวนี้ก็ลองให้มันลิ้มลองการเยียบย่ำมาบนกองเลือดของประชาชน
เข้ามาทำงานในทำเนียบก็ลองดู

แต่อีกใจหนึ่งก็เสียดายนะคะ เลือดตั้ง 1ล้านซีซี คงช่วยชีวิตทหารกล้า
และประชาชนได้อีกมาก น่าจะจัดให้กาชาดมารับบริจาคไปเลย แล้วเรา
ค่อยเอาเลือหมูไปราดแทน ดีไหมคะ

เอาทีละน้อย แล้วค่อยๆรุกคืบ

เห็นโวยวายกันใหญ่ว่าเรียกคนมาได้มากมายขนาดนี้
แล้วขอแค่ยุบสภา มันไม่น้อยไปหน่อยหรือ

ขนาดขอแค่น้อยที่สุดยังไม่ได้เลยค่ะ ได้ข่าวว่าไอ้เด็กเวร
ออกมาแถ-ลงแล้วว่าไม่ยุบ

จะขออะไรมากกว่านี้ล่ะคะ ค่อยๆคืบไม่ดีหรือคะ ข้อเรียกร้อง
น้อยนิดแค่นี้ คนทั่วไป ก็ต้องรู้ว่าไม่ยากเย็นอะไรนักหนา
แม้มันไม่ให้ เราก็เท่ากับได้แล้ว เพราะคนจะเห็นว่ามันดื้อ ยื้ออยู่
โดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมือง คนมาเรียกร้องมากมายขนาดนี้
ยังให้ไม่ได้

ตอนนี้มันเสียโอกาสทองที่จะเป็นพระเอก สุภาพบุรุษ ทางการเมือง
ไปเรียบร้อย ใจน่ะนึกหวั่นๆอยู่ว่ามันจะโอเค ตกลงประกาศยุบวันนี้
ด้วยซ้ำไป

คิดดูถ้ามันทำจริงอย่างนั้น คิดดูสิคะ มวลชนตั้งมากมายจะทำอย่างไร
ไปกันไม่ถูกเลยล่ะค่ะงานนี้

เราก็รู้มันก็รู้ว่ามันไม่มีทางยอมง่ายๆ มันไม่ยอมก็ดีแล้ว
เราก็เปลี่ยนข้อเรียกร้องไปเรื่อยๆ ให้มันปฏิเสธไปเรื่อยๆ
จนหมดความชอบธรรมไปเองในที่สุด

อย่าหวังจะเผด็จศึกในวันนี้พรุ่งนี้เลยคะ เรามามือเปล่า
อาวุธยุทโธปกรณ์อะไรก็ไม่มี ได้แสดงออกแค่นี้ก็พอแล้ว
จริงไหมคะ อากาศก็ร้อน ใจอย่าร้อนตามไปเลยค่ะ

เขาว่า

เปิดทีวีฟังทหารคุยผ่านกระจายเสียงกับคุณวีระ แปลกดีนะคะ
แต่จะเข้ามาเล่าเรื่องที่สุดจะทน คือ อย่างที่เล่า เมื่อวานต้อง
ไปรับตัวเพื่อนออกมาจากรงของเมียและแม่ยาย หึๆ

แว่วๆว่าเขาเหลืองอ๋อย สงสารเพื่อนมากๆ เข้าไปสวัสดี ทักทาย
เมียเขาถามว่าจะไปจริงๆหรือ เลยตอบไปว่าจริงสิ เขาว่าเป็นห่วง
กลัวอันตราย เลยต้องถามว่า "กลัวอะไรล่ะคะ" คุณแม่ยายรีบ
บอกว่า "ได้ข่าวว่าคืนนี้รัฐบาลจะชิงลงมือก่อน" โห เลือดขึ้นหน้า
เป็นริ้วๆ อุตส่าห์เงียบสักพักแล้วบอกว่า"ออกไปนั่งฟังการปราศรัย
เฉยๆ เขาจะเข้ามาปราบได้อย่างไร" ทีนี้ก็เรื่องยาว เขาว่า
" ก็ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้พวกเสื้อแดงจะไปบุกยึดบริษัทซิโนไทย"

โอ้แม่เจ้า กรูอยากจะบ้าตาย อดกลั้นแทบตายถามไปว่า"ไปเอาข่าวมาจากไหนล่ะคะ"
เขาว่า "เขาออกข่าวทีวีเมื่อเช้าตอนสิบโมง" เลยถามต่อว่า"แล้วเขาจะไปยึด
ทำไมล่ะคะ" "อ้าว ก็ไม่รู้หรือว่าบริษัทนี้เป้นของคุณชวรัตน์"(ฮั่นแน่ทำเป็นรู้ดี)
เลยถามต่อว่า"แล้วเขาจะไปยึดให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะคะ" อุตส่าห์พูดดีๆด้วย
แต่สีหน้าและแววตาพร้อมสำเนียงมันคงกร้าวน่าดู ต่อไปให้อีกหน่อยว่า
"ก็ดูสิคะ ว่าหาว่าจะระเบิดแบงค์กรุงเทพ จนป่านนี้จับได้หรือยัง"

"เราไม่ทำหรอกค่ะ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับเรา แม้จะรู้ว่าเขาสนับสนุนพันธมิตร
แต่เราไม่เห็นประโยชน์" เห็นแกเงียบๆไป แต่ใจคงนึกเป็นห่วงกลัวลูกสาวจะเป็นหม้าย
ก่อนออกมาเมียเขาถามว่า"แล้วนี่จะอยู่กันถึงเช้าเลยหรือคะ " เหอๆ บอกว่าไม่หรอก
สักพักก็จะกลับแล้ว แต่ในใจคิดว่าอยากจะตอบว่า "แหมนี่ก็กะว่าจะกินนอนที่ที่ชุมนุม
หลายวันนะคะเพราะเสื้อผ้าก็เตรียมพร้อมมาหลายชุดแล้ว) แต่กลัวแกจะกระโดดกอด
ขาสามีแล้วไม่ยอมปล่อยให้ออกมา หุหุ

อนิจจังอนิจจา ลืมถามไปว่าที่ว่าทีวีออกข่าวต่างๆที่ว่านั้น ดูมาจากช่องไหนหรือ
(สงสัยว่าจะเป็นทีวีตูด เอหรือเดี๋ยวนี้ไอ้รัฐบวมนี่มันบ้าขนาดออกข่าวหลอกลวง
โป้ปดมดเท็จกันทางสื่อฟรีทีวี) ออกข่าวบ้าๆบอๆ แล้วมีคนบวมๆเชื่อเสียอีก
คนพวกนี้ก็เหลือเกิน ฟังเสร็จแล้วไม่รู้จักกรอง เชื่อปั๊บทันที

อย่างไรก็ตามในที่สุดก็ออกมากันได้ ได้แต่นึกสงสารเพื่อนสามีเป็นที่ยิ่งที่
ต้องทนอยู่กับคนที่คิดอย่างนี้อยู่ชั่วนาตาปี ถ้าไม่กลัวบาปกรรม เป็นได้ยุ
ให้หย่าเสียให้รู้แล้วรู้รอด ฮา

เมื่อวานนี้

ป้าปากเกร็ด's picture

ไปร่วมชุมนุมกับเขามาด้วย พลาดได้ไงคะ
แต่กว่าจะไปก็บ่ายคล้อยใกล้เย็นแล้ว ก็แหม
อายุมาก ผิวก็บาง หน้าไม่ทน กลัวแดด

เื่พื่อนสามีมารับออกจากบ้านประมาณ3โมงกว่าๆ
ทำไมต้องให้เขามารับ (งงกันใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวเฉลย)
ครั้งแรกว่าจะไปโดยแท้กซี่ ไปๆมามีรถมารับถึงบ้าน
ดีเหมือนกัน แต่ต้องเสียเวลาเอารถไปจอดถึงบ้านเขา

แหะๆ ไม่ใกล้ไม่ไกล โน่นเอกมัยโน่น มาค่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังว่าทำไม
เหตุก็เป็นเพราะ เพื่อนคนนี้(เพื่อนเจ้าบ่าวเลยนะคะ รู้จักกันมานาน
แต่สงสัยกันล่ะซี้ว่าทำไมไม่ไปกับสามี ก็สามีไม่อยู่ค่ะ ไปเดิน
ตามหาลูกกอล์ฟอยู่โน่นพัทยา)

ออกจากบ้านไปกับเพื่อนสามีและลูกชายอีก2คน ไปถึงบ้านเขา
พบว่าสามีมาถึงเรียบร้อยแล้ว จอดรถกันเอาไว้ที่บ้านเขา นั่งแท็กซี่
ไปกันห้าคน เบียดกันดีพิลึก แต่แหมน่ะนะ ไปคนละคันเดี๋ยวก็หลงกันพอดี

ขึ้นทางด่วนกะว่าจะไปลงยมราชแล้วไปทางเก่าที่เคยไปวันก่อน
คือที่ผ่านสะพานผ่านฟ้า แต่แท็กซี่รู้ดี บอกว่าทางนั้นเข้าไม่ได้
วันนี้พาไปสองรายแล้ว แหมไอ้เราก็เชื่อใจคิดว่าคงรู้ทางดี
พอลงยมราช โน่นเลยพาตรงไปเลยไม่เบี่ยงซ้าย โน่นไปปล่อย
ข้างทำเนียบ โอ้โห เดินกันเมื่อยเลย

พบว่าทำเนียบถูกยึดไว้เรียบร้อยแล้ว รั้วลวดหนามพันทธนาการไว้แน่นหนา
ยังมีทหารยืนเฝ้า กันทำเนียบหนีไปชุมนุมอีก ดูไปดูมา เหมือนทหารเองนั่น
แหละที่ถูกขังไว้

อ้อลืมเล่าว่าทำไมต้องไปจอดรถไกลถึงเอกมัย ก็เพื่อนคนนี้เขา
เพิ่งไปร่วมชุมนุมเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีนัก ก็โหโต
แล้วนี่นา ไยต้องประคบประหงมไปด้วยกันขนาดนั้น ไปถึงได้รู้ว่า
ที่บ้านผู้ปกครองเขา(ทั้งเมียและแม่ยาย ไม่อยากให้ไป เดี๋ยวตั้งอีกกระทู้
จะเล่าให้ฟังว่าทำไม) ต้องเอาป้าไปยืนยันว่าการชุมนุมไม่มีอะไร
ไม่น่ากลัว ไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ จริงๆ หากล่ามไว้ได้ เขาก็คงทำแล้ว
แต่นี่เกรงใจเพื่อนสามี เลยทำไม่ได้ ในที่สุดก็ออกมาจนได้

กลับมาเล่าต่อ ลงที่ข้างทำเนียบ ก็เดินไปเรื่อย คนไม่หนาแน่นนัก
ไม่ได้ยินเสียงจากเวที พี่น้องเราที่อยู่แถวนั้น ส่วนใหญ่มาจากทางภาคเหนือ
เพราะเหนทะเบียนรถเช่น น่าน เห็นป้ายประเภท หางดง เชียงใหม่
เห็นกำลังตำส้มตำกันสนุกสนาน

แถบลานพระรูปก็คนไม่มากนะคะ มีแต่รถจอดกันอยู่เกือบเต็มพื้นที่
เพื่อนที่มาก่อนหน้านี้ โทร.ว่าเขาได้ชัยภูมิดีที่ไม่ร้อน ฟังเสียงจากเวทีชัดเจน
เสียแต่ไม่เห็นหน้าเท่านั้นเอง เขาว่าเขาอยู่หน้าเวทีเลย(ในร้านกาแฟ
ที่อยู่เชิงสะพานผ่านฟ้า) คิดดูสิคะ เดินมาจากทำเนียบ ไกลไหมล่ะคะ
(ก็แหม เคยเดินทางไกลขนาดนี้เสียที่ไหนล่ะ โชคดีใส่ผ้าใบไป นานๆใส่ที
เพราะมันไม่เอื้ออำนวยต่อความสูง ดีใจที่ไม่ได้ใส่รองเท้าซ่นสูงมา
ไม่งั้นคงหันหลังกลับเสียแล้ว)

ยิ่งเดินมาใกล้เวที พอได้ยินเสียง คนยิ่งแน่นขึ้น (แกนนำน่าแก้ไขนะคะ
เพราะถ้าเสียงไปถึง เขาก็จะได้ไม่ต้องไปแออัดยัดเยียดกันหน้าเวที)
เพื่อนเขาอยู่ในทำเลที่ดีจริงๆค่ะ เดี๋ยวจะบอกให้ว่าอยู่ตรงไหน
ขอยืมรูปมาจากคุณRED MEMBER

เห็นตึกสีครีมๆสี่ชั้นด้านขวามือของรูปไหมคะ ตรงนั้นแหละค่ะ
มีร้านกาแฟ ไม่เห็นป้ายชื่อ อยู่ตรงหัวมุม แต่สงสัยเจ้าของร้าน
จะไม่ใช่พวกเรา แม้จะใส่เสื้อแดง แต่อาการยึกๆยักๆมันพิกล
เดี๋ยวเปิดให้ออกไปนั่งข้างนอก(กลางแจ้ง ในบริเวณร้าน)
เดี่ยวก็ปิด ร้านก็เปิดบ้างปิดบ้าง บ้าที่สุด คนไทยขี้เกรงใจ ใคร
จะเข้าไปนั่งในร้านเฉยๆ เขาก็สั่งกาแฟ ซื้อเค้กกินกันจนเห็นหมดตู้
ทางที่ดี ทำข้าวไข่เจียวขายจานละ25บาทก็ได้ ก็จะขายดิบขายดีไปเสียอีก
นี่อะไร อารมณ์เสียใส่ลูกค้าอยู่เรีือย ห้องน้ำก็ล้อกกลอนไว้ไม่ให้ใช้
บ๊ะ ขายกาแฟ ดื่มเสร็จก็ต้องปวดฉี่ แล้วปิดห้องน้ำ เห็นทั้งหนุ่มทั้งแก่
ไปช่วยรดน้ำต้นไม้กันในสวนเป็นแถว รับรองกลิ่นจรุงใจแน่ๆ

ร้านอยู่ในทำเลดีแท้ๆ ทำให้ดีๆ ขายดิบขายดีไม่รู้เรื่อง อ้อ เดี๋ยวจะ
หาว่าไม่ดีไปหมด ในร้าน(ห้องแอร์)เขาก็เปิดทีวีให้ดูนะคะ คนนั่งดู
กันเต็มไปหมด แต่ด้านนอก(โอเพิ่นแอร์) ยังมีที่ว่างอีกตั้งมาก
หากปล่อยให้คนเข้ามานั่งก็จะดีไม่น้อย

หน้าร้าน มีรถโมบายล์ ถ่ายข่าวของช่องเจ็ดสีจอดอยู่ มีนักข่าวหน้า
เป็นตูดอยู่คน คอยรายงานข่าวไปตอนต้นชั่วโมง ช่วงที่ป้าอยู่
พี่โอ๋ (อดีตนายพลตำรวจ) ตะโกนเสียงนำว่า"อภิสิทธ์)เท่านั้นแหละ
"ออกไป"ก็สนั่นตามมา คนที่ดูทางบ้านคงได้ยิน กิ๊ดกิ้ว

พออีกช่วงไอ้นักข่าวเลยย่องขึ้นไปรายงานบนรถหลังคารถโมบาล์
ฮาเสียไม่มี คงกลัวเสียงไปรบกวน ชอบมาก

ไม่นานนัก ป้าลุงแก่ๆ ก็แยกย้ายกันกลับ แวะไปกินเป็ดพูลสิน
ระลึกความหลังกันหน่อย นั่งแท็กซี่กลับ เขาเปิดวิทยุให้ฟังถ่ายทอดสด
การปราศัยด้วย เป็นอันจบวันชุมนุมอย่างมีความสุขค่ะ

เปิดกระทู้ไว้รอ อัพเดตรูปนะคะ











ติดตามสถานการณ์ การไปรับเพื่อนพ้องน้องพี่ที่วังน้อย

กลับมาแล้วค่ะ ออกเดินทางไปทางวิภาวดี ไปพบขบวนรถเพื่อนพ้องน้องพี่
ตรงประมาณรังสิต ขับเรื่อยไปเจอด่านแรกที่ประตูน้ำพระอินทร์
ทหารตำรวจเพียบ แต่รถก็ไหลผ่านไปเรื่อยๆ ด่านใหญ่คือที่วังน้อย
แต่ก็ไม่เห็นปัญหาอะไร

เลี้ยวเข้าบ้านภาชี ไปอยุทธยา หากุ้งเผากินกัน แล้วออกไปถนนสายเอเซีย
กะว่าจะไปเจอพวกที่มาจากทางเหนือ ไม่ผิดหวังค่ะ ขบวนรถยาวเหยียด
แวะทักทายกันตามประสาคนรู้ใจ พี่รถกระบะทีลงไปคุยด้วยเขามาจากแพร่
แล้วขับต่อมาเรื่อยๆ เจอขบวนรถที่ไม่ทราบว่าหัวขบวน ท้ายขบวนอยู่ที่ใด


พวกที่มาจากเหนือ แวะพักกันตามปั๊มน้ำมันข้างทางค่ะ

ขับกลับไปออกบนเส้นที่มาจากอิสานอีก คราวนี้เจออีกเพียบ คราวนี้ไปอยู่ฝั่งเดียวกับ
ด่าน เปิดกระจกคุยกับทหารว่า"เหนื่อยไหม ร้อนรึเปล่า เหนื่อยหน่อยนะ" เขาก็ยิ้มแย้ม
แจ่มใสดี เพื่อเล่าว่ามีแต่นายทหารที่นั่งอยู่ในด่าน คงเป็นหัวหน้า นั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว
คงกำลังกลุ้มใจว่า แล้วนี่กรูจะไปรายงานว่าไงดีว้า

ที่น่าตื่นตาตื่นใจ คือ ตลอดทางมีพี่น้องออกมาตั้งแถวรับขบวนรถอยู่เป็นกลุ่มๆ
บนสะพานลอยข้ามทาง คนมายืนคอยโบกมือ ร้องตะโกนต้อนรับทุกสะพาน
เห็นแล้วหนาวแทนจริงๆ ไหนใครว่าคนกรุงเทพฯไม่ต้อนรับ


ที่แน่นที่สุด เห็นจะเป็นที่ห้าแยกลาดพร้าว รถแท้กซี่จอดเต็มพื้นที่
ไม่ต้องขับหาผู้โดยสารกันล่ะโชเฟอร์ออกมายืนโบกมือต้อนรับขบวนกันแน่น

จะกลับบ้านก็ดูยังไม่น่าจะสมบูรณ์ จึงตัดสินใจขึ้นทางด่วนไปลงยมราช
พบว่าคนเรื่มมากันบ้างแล้ว พบห้องน้ำ เรียงรายเต็มไปหมด แถบวัดมกุฎ
กั้นเป็นผ้าพลาสติกสีขาว สะอาดสะอ้าน แยกกันระหว่างชาย-หญิง

มีทั้งห้องอาบน้ำ ห้องน้ำห้องส้วม ที่เก๋ไก๋คือห้องส้วมปิดชื่อไว้ว่าอุจจาระชาย
อุจจาระหญิง เรียกได้ว่า หากจะเอาไปกำนัลใครก็เลือกใช้ได้ตามต้องการ
และความเหมาะสม ฮา

ขากลับผ่านไปทางลานพระบรมรูปฯ พบว่ารถจอดเต็มแน่นลานพระรูปแล้ว
เพื่อนกลับบ้านไป โทร.มาแจ้งว่ายังเจอขบวนรถเข้าเมืองยังไม่หมด เหอๆ
ใครหนอว่าคงมีคนมาร่วมไม่มาก หากไปเห็นขบวนรถที่ไหลมาเป็นสายเห็นท่าว่าจะหนาว

จบการรายงานแค่นี้ก่อนนะคะ รูปมีน้อย เพราะเป็นคนขับรถเอง ถ่ายลำบาก
รอสักครู่ เพื่อนที่ไปด้วยจะอัพรูปมาให้แล้วจะนำมาให้ดูอีกที่ค่ะ

ทหาร 2คนนี้ยืนอยู่แถว...อย่ารู้เลย เปิดกระจกคุยด้วย เขาว่า"ผมทหารแตงโมครับ"
ฮั่นนั่นแน่ แสดงว่าเป็นแฟนคุณณัฐวุฒิซะด้วย ฮา

คิดมุกใหม่ๆไม่เป็นรึไง

โหยตื่นเต้นกันใหญ่ ออกมาโหมกระพือข่าว นายกฯทักษิณ ถูก ดูไบตะเพิด
ถามจริงๆ เมิงไม่รู้หรือ ว่าต่อให้เป็นข่าวจริง การชุมนุมก็ไม่เปลี่ยนแปลง
พวกเมิงยังคิดได้แค่นี้เองหรือ ถึงได้ออกข่าวมาตอนนี้ โถน่าสังเวชจริงๆเชียว

วิชามารของเนชั่ว

อิอิ ลองโคว์ต้าใหม่น่ะค่ะ อิ๊อิ๊ เพิ่งเห็นคลิปที่เนชั่วเผยแพร่
หากทางฝ่ายเราดูก็จะเกิดปัญหามากมายในใจ คือมีการรวม
ตัวกันที่ปทุมธานีด้วยหรือ เท่าที่ได้ยินมา ไม่เห็นเคยได้ยิน
แล้วจากภาพ เป็นรถกระบะมาคันเดียว มีคนยืนบนกระบะแค่หนึ่งคน
แล้วอยู่ดีๆก็กระโดดลงไปตะลุมบอนกันคนที่เดินมาใส่เสื้อสีชมพู
(ฮั่นแน่ ทำไมต้องชมพูด้วย) แล้วทำไมกล้องถึงได้จับทัน
เสียงในฟิล์มดังว่า มีคนเรียกตำรวจ พร้อมพูดว่าเร็วทำร้าย
ประชาชนแล้ว เร็วตำรวจ ซ้ำๆ แปลกมากๆ เวลาเห็นคนต่อยกัน
เขาตะโกนกันอย่างนี้หรือ แหมชัดถ้อยชัดคำ "ทำร้ายประชาชน"

ที่สำคัญ ออกช่องเนชั่ว ใครจะไปไว้ใจ สันดานเป็นอย่างไรก็รู้ๆอยู่
ชอบบิดเบือนข้อเท็จจริง ตกแต่งรูปภาพก็เคยทำมาแล้ว ออกข่าว
บิดเบือนก็ทำจนถูกล้อม ทำเป็นลืม

เสียดายที่ว่า ไอ้พวกที่เอียงข้างโน้นดูแล้วก็จะเชื่อทันที
เว้นแต่พวกเราเท่านั้นที่ไม่เชื่อ เฮ้อ

http://76.nationchannel.com/playvideo.php?id=84246

เมื่ออาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆไปเยี่ยมUN

เมื่ออาจารย์จากจุฬาฯ,ธรรมศาสตร์และมหิดล นำหนังสือไปยื่น
เพื่อชี้แจงให้ทราบว่าการชุมนุมมีเพื่ออะไร เพื่อนเล่าว่าฝรั่งสนใจมาก
จากที่เข้าใจผิดมาตลอด จึงจะทำเรื่องส่งไปนิวยอร์คเพื่อให้การสนับสนุน
โดยส่งคนของยูเอ็นประเทศไทยไปสังเกตการณ์การชุมนุมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เพื่อนยังเล่าให้ฟังอีกว่า ทหารเต็มถนนราชดำเนิน เพื่อนชะโงกหน้าถามว่า
"กระบองนี้จะเอามาตีใครหรือ" เขาเล่าว่าทหารไม่ตอบเอาแต่ยิ้ม แต่แหวะอกเสื้อ
ให้ดูว่าข้างในใส่เสื้อแดงอยู่ คงไม่แพ้แล้วนะคะงวดนี้

รายงานแค่นี้ก่อนนะคะ

คำเตือน...ก่อนเข้าสู่การเรียกร้องประชาธิปไตย

หึกเหิมกันมากนะคะ ที่จะไปชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งนี้
โดยส่วนตัวจะไปวันที่ 14มีนา แต่ก็ทราบว่ามีการซ้อมการเคลื่อนพล
ในเที่ยงวันนี้ คงไม่ช้าไปที่จะออกคำเตือนนี้ไปยังเพื่องพ้องน้องพี่
เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน คำเตือนมีดังนี้ค่ะ

1. อย่าขนระเบิดเข้าไปในที่ชุมนุม หากขนไปกรุณาอย่าไปทำการ
ต่อสัญญาณระเบิดนะคะ เพราะหากเกิดใครโทร.เข้ามา มันจะกลาย
เป็นการจุดระเบิด เป็นอันตรายมาก ตับ ไต ไส้ พุงจะขอลาออกจากร่าง
แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ดูน่าสังเวช และทุเรศตาแก่ผู้พบเห็นนะคะ

2. หากถูกขว้างด้วยแก็ซน้ำตา ห้ามเอาจั๊กกะแร้หนีบไว้เด็ดขาดนะคะ
เพราะหากเกิดระเบิดขึ้นมา อาจเข้าไปทำลายอวัยวะภายในเสียหายได้

3.เมื่อมีการยิงระเบิดแก็ซน้ำตา ห้ามเอามือรับคว้าเอาไว้ หรือใช้เท้าเหยียบ
โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้มือและเท้าขาดได้ อย่าไปเชื่อว่า งวดนี้เขาจะ
ใช้แก็ซน้ำตาจากอเมริกา แล้วจะไม่ระเบิดนะคะ เพราะ หากเอามือหรือเท้า
ไปจัดการ ต่อให้มาจากนอกโลกก็อันตรายค่ะ

4.หากเขาเอาปืนยิง ไม่ต้องหลบเพราะรัฐเขาว่าใช้แต่กระสุนยาง คราวที่แล้ว
ก็เหมือนกัน เห็นไหมคะ ไม่เห็นเป็นไรสักคน(ตามที่รัฐบอก)

เอ หรือว่าตำรวจทำลายหลักฐานไม่เก่งหว่า ถึงได้มีคนเจ็บมากมาย
แขนขาขาดกันเยอะแยะทั้งๆที่ยืนยันว่าใช้แต่แก็ซน้ำตา ไม่เหมือนรัฐบวมนี้
เขาใช้กระสุนจริง แต่ยิงแล้วไม่เห็นศพ แปลกมากๆ

อย่างไรก็ตาม หากปฏิบัติตามคำเตือนนี้คงรอดปลอดภัยบ้าง
เพื่อจะได้มาฉลองชัยชนะอิสระเสรีที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง(อุ๊ย ทั้งลิ้มทั้งลอง เลยวุ้ย)
โชคดีทุกท่านค่ะ แล้วเจอกัน

ดูท่ามันจะบ้าจริงๆ

แค่ประชาชนเขาจะออกมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย
ให้ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน เรียกร้องให้บ้านนี้เมืองนี้
มีความยุติธรรม การบังคับกฎหมายเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม

แค่นี้เอง เขาก็ประกาศออกมาชัดเจน ทำไปโดยสุจริตและ
เปิดเผย ด้วยสันติปราศจากอาวุธ ซึ่งเป็นที่ยอมรับตามรัฐธรรมนูญ
แล้วมันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้เต้นผางๆกันไปหมด

รัฐบวมก็บ้าไปทุกตัว ถึงขนาดไอ้เตี้ยหมาตื่นออกมาบอกว่า
กลัวพวกเสื้อแดงไปยึดสถานีโทรทัศน์ มันไม่บ้าแล้วจะเรียก
ว่าอะไร ใครบอกแกหรือว่าเขาจะไปยึด แล้วเขาจะยึดไปทำไม
สถานีเขาก็มีอยู่แล้ว พวกแกเล่นเอาความคิดของไอ้พวกมารที่
เคยทำมาก่อนไปจับหรือไง ถึงได้บ้าบอคอแตกขนาดนี้

ยังๆไม่พอไอ้ผู้ก่อการร้ายที่ไปได้ดิบได้ดี อวยยศอวยศักดิ์ให้เป็นรมต.
ออกมาเรียกทูตทุกประเทศเข้าชี้แจง ก็ไม่รู้ว่ามันจะไปบอกเขาว่าอย่างไร
แต่ที่ตอบผู้สื่อข่าว มันก็สุดทน นักข่าวถามว่า กลัวว่าครั้งนี้จะมีการยึดสนามบิน
หรือไม่ สนามบินจะปลอดภัยหรือเปล่า ดูมันตอบกันเถิดค่ะ มันว่า
"คงไม่มีการยึดสนามบิน เพราะผมไม่ได้ไปร่วมด้วย" โอ้แม่เจ้าฟังมันพูดสิ
นักข่าวก็เหลือเกิน ฟังมันได้ ไม่ตบปากมันสักที เพราะมันรับเองแล้วว่า
มันนั่นแหละที่ทำความเดือดร้อน ทำความเสียหายกับประเทศชาตินับแสนล้าน

ไอ้รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงก็โหมกระพือข่าวความรุนแรงทุกวัน
ปูดว่าจะมีระเบิดที่โน่นที่นี่ ไม่หยุดหย่อน การข่าวน่ะ เขามีเอาไว้
ให้ระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้เกิด นี่อะไรเอามาปูดเสียเอง สร้างความ
ตื่นตระหนกไปทั่วบ้านทั่วเมือง

ไอ้ที่บ้าที่สุด เห็นจะเป็นฑูดติ่ม เอ๊ยไม่ใช่ฑูตอังกฤษที่เข้าพบพรรคเพื่อไทย
แล้วออกมาแถลงว่าไม่อยากให้เกิดความรุนแรง อภิโธ่อภิถังเอ๊ย
เมื่อวันที่ไอ้พวกมารป่วนบ้านป่วนเมือง ทำร้ายตำรวจ ยึดสนามบิน
แม่งไม่ไปหาพรรคประชาธิปัตย์แล้วบอกให้มันหยุดสนับสนุนพวกเวรนี่บ้างเลยเนอะ

เฮ้อ..ทั้งบ้าและโง่ มิหนำซ้ำหน้าด้านเกินทน

จะใครเสียอีกละคะ ก็ได้ดำมืดนี่ไง สุริยะใส กตะศิลา
จากข่าวนี้ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ เชื่อว่าคนเสื้อแดงจะไม่เคลื่อนไหวอย่างสันติ
เพราะเท่าที่ติดตามมีการปลุกระดมกันอย่างต่อเนื่อง และหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ชี้ชัดว่าไม่ประสงค์แนวทางสันติวิธี
ซึ่งแตกต่างจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

แหมเมิงไม่อายเลยเนอะ พูดออกมาได้ ภาพที่เมิงยิง กระทืบชาวบ้าน ขับรถทับตำรวจ
ก็ยังมีให้เห็นอยู่ เสือกออกมาบอกว่าชุมนุมอย่างไม่มีความรุนแรง

"อาวุธ บางส่วนที่หายไปจากคลังแสงค่ายทหารที่จังหวัดพัทลุงมีนัยสำคัญกับการปฏิบัติ การรุนแรง หลายฝ่ายคิดว่ากรุงเทพฯ
จะตกเป็นเป้า แต่พรรคการเมืองใหม่เห็นว่าไม่ใช่แค่กรุงเทพฯเท่านั้นที่เป็นเป้าหมายของการ ใช้ความรุนแรง เมืองใหญ่ในหลาย
จังหวัดและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญล้วนเป็นเป้าหมายทั้งสิ้น เพราะจากการข่าวทราบว่าลูกปืนชนิดต่างๆถูกซื้อจนขาดตลาดมาเป็น
เดือนแล้ว จึงน่าเป็นห่วง" นายสุริยะใสกล่าวและว่า หากแกนนำคนเสื้อแดงไม่ระมัดระวัง โอกาสเผชิญหน้าในหมู่ประชาชนด้วยกันมีสูง
เพราะต้องยอมรับความจริงว่าจะมีประชาชนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากการ ชุมนุมครั้งนี้ ทำให้ง่ายกับการก่อจลาจลนองเลือด
รวมทั้งการปิดสถานที่สำคัญๆ เช่น สถานที่ราชการ บ้านสี่เสาเทเวศร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ทำการสื่อมวลชน รวมไปถึง
พรรคการเมืองใหม่ด้วย ซึ่งได้ประสานเจ้าหน้าที่ให้มาดูแลแล้ว

เฮ่อ บิดา มารดาเมิงหรือที่บอกว่าเขาจะปิดสถานที่ราชการ หรือเอาสันดานตัวเอง
เข้าไปจับ ถึงได้พูดออกมาอย่างนี้

นาย สุริยะใสกล่าวอีกว่า เป้าหมายของคนเสื้อแดงไม่อยู่ที่การขับไล่รัฐบาลอย่างเดียว แต่อยู่ที่การล้มคำพิพากษา
ยึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย และการจะได้มาซึ่งเป้าหมายนั้นจำเป็นต้องพึ่งพิงอำนาจพิเศษคือการรัฐประหาร
รัฐบาลจึงควรตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

เฮ้ออีกที ชื่อเขาก็บอกอยู่แล้วว่าต่อต้านการรัฐประหาร เขาไม่เหมือนพวกเมิงร้อก
ที่หวังแต่จะให้เกิดรัฐประหาร การที่ตัวเองเคยทำ เรียกร้องบ่อย ก็คงคิดว่าคนอื่นเขา
จะคิดและทำอย่างตัวเอง

"กรณีที่ บุคคลใดหรือพรรคใดมีพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อัน มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 68 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ ต้องมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค
การที่พรรคเพื่อไทยปล่อยให้กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคขึ้นเวทีหรือ เกณฑ์คนเข้ามาอาจเข้าข่ายล้มล้าง
สำนักงานอัยการสูงสุดควรเข้ามาตรวจสอบ ตามมาตรา 68 วรรคสอง"นายสุริยะใสกล่าวพร้อมเรียกร้องให้คนกรุงเทพฯ
ล้มเลิกความคิดที่จะหนีการ ชุมนุมไปพักผ่อนต่างจังหวัด เพราะควรช่วยกันเป็นหูเป็นตา เฝ้าบ้านเมือง
อย่าปล่อยให้ใครทำลายทรัพย์ของทางราชการ

ตายๆ คงลืมไปแล้วมัง ว่าพวกเมิงไปทำอะไรไว้เมื่อปี 51 ทั้งยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน
ทำทำเนียบซะเละ คงลืมไปแล้วสิท่า โดนคดี กบฎในราชอาณาจักร จนต้องวิ่งหางจุกตูด
ไปขอให้เขาลดข้อกล่าวหาน่ะ จำไม่ได้แล้วหรือ หากกฎหมายมันบังคับใช้ได้จริง
อย่างตรงไปตรงมา ป่านนี้พวกแกคงไม่มีโอกาสมาเห่าให้หนวกหูอย่างนี้ไปแล้วสิ

ต้องโค่นไอ้เด็กเวรลงอย่างเดียวเท่านั้น

อย่าไปมัวรอมันยุบสภาเลย เพราะมองแล้วยาก
ยิ่งมันบอกว่าข้อแม้ สามข้อที่มันจะยุบสภาคือ

1.ทำให้เกิดความสมานฉันท์ ...โดนมุกนี้เชื่อได้
แน่นอนว่ายาก ก็เพราะมันรู้ว่าถึงยุบสภา เลือกตั้งใหม่
พวกมันแพ้ มันก็คงไม่ยอม คงไปหาพวกมาป่วนแบบที่ี
ทำกับรัฐบาลท่านนายกฯสมัครที่ชนะการเลือกตั้งมา
วินาทีนี้ แม้แต่พวกมันก็รู้ว่า โอกาสที่จะชนะเลือกตั้งมาไม่มีทาง
ดังนั้นไอ้เด็กเวรจึงไม่ยอมยุบสภาเด็ดขาด เพราะรู้แก่ใจว่า"กรูจะป่วนแน่ๆ"

2.เศรษฐกิจต้องดี...โธ่พ่อง ไหนคุยว่าเศรษฐกิจยุคเมิงจัดการ
ดีวันดีคืนไงล่ะ แต่แปลกชาวบ้านเขากลับไม่ยักรู้สึกว่ามันดี
มันคงดีเฉพาะในหมู่พวกเมิงมั้ง ทำมาหารับประทานกันสนุก
เศรษฐกิจดีจริงๆเลย จับได้กี่ครั้งกี่หนก็ทำหน้าเซ่อ ไม่รู้ไม่ชี้
หากรอให้เศรษฐกิจดีจึงจะยุบสภา ก็บอกได้เลยว่าชาติหน้า
ตอนบ่ายๆก็ไม่มีทาง ช่างตรงกันข้ามกับที่พวกเมิงพูดจริงๆ
ปากก็ว่าเศรษฐกิจดีแล้ว จีดีพีจะขึ้นไปโน่น 5.8 คุยว่าจะดีที่สุด
ในโลกอีกแล้ว ก็ถ้ามันดีขนาดนั้น ทำไม เมิงไม่ยุบสภาเสียทีล่ะ

3.ต้องมีความชัดเจนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ...เจอข้อนี้ก็จบกัน
ก็พวกเมิงไม่ใช่หรือที่คอยยื้อยู่น่ะ เขาก็อยากจะแก้กันทั้งนั้น
แหละ แต่พรรคเฮงซวยนี่แหละที่ตั้งเงื่อนไขต่างๆนาๆเพื่อจะ
ได้ไม่ต้องแก้ คนเขาอุตส่าห์บอกว่าไม่ต้องแก้ก็เอา เลือกตั้งใหม่
ในรัฐธรรมนวยของพวกแกนี่แหละ (เพราะเคยพิสูจน์มาแล้ว
ว่าแม้จะเลือกตั้งภายใต้รธน.นี้ มีทหารคอยช่วย ยังเอาชนะ
ไม่ได้เลย) แล้วค่อยมาแก้ทีหลังก็ได้ แก็ไม่กล้า

จึงสรุปได้ว่าอย่าไปหวังการยุบสภาดีๆของพวกมันเลย
ทางที่ดี ไปโค่นมันให้หลุดจากวงโคจรเลยดีกว่า

14 มีนา เจอกัน

เมื่อนาธานทำงานอีกแล้ว

ครั้งก่อน ออกมากุข่าว เรื่องเงินที่ถูกส่งมาจากตะวันออกกลาง
เขาปฏิเสธกันแล้วก็ยังไม่ฟัง จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาต้อง
ออกมาปฏิเสธ ว่าไม่มี กลับไม่เคยได้ยินคำขอโทษที่ออกข่าวผิดๆ
ไปเลยแม้แต่น้อย คนบ้าหน้าด้าน มีตำแหน่งแห่งหน ผิดแล้วไม่กล้า
ยอมรับว่าปากหมา คราวนี้มาอีกแล้วค่ะ จากข่าวนี้

"ปณิธาน"โหมกระแสรุนแรงอ้างมีคนคิดงัดคลังอาวุธในกทม.

โฆษก รัฐบาลโหมกระแสว่าจะเกิดความรุนแรงในการชุมนุมทางการเมือง
ระบุอาวุธที่หายจากคลังแสงของทหารในจังหวัดพัทลุงเกี่ยวข้องกับการเมือง
เพราะมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่อยู่ และคนที่ลงมือทำอาจเป็นคนในเพราะรู้ระบบ
ต่างๆเป็นอย่างดี อ้างมีรายงานพบความพยายามเข้างัดคลังแสงเพื่อขโมยอาวุธ
ของหน่วยทหารใน กรุงเทพฯด้วย ตำรวจพัทลุงเผยถูกงัดตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. ที่
ผ่านมาแต่เรื่องถูกปิด ตรวจที่เกิดเหตุพบกระสุนเอ็ม 16 และเอชเคหาย 2,000 นัด
กระสุน 11 มม. 1,000 นัด และระเบิดสังหารเอ็ม 29 และเอ็ม 67 หายประมาณ 20 ลูก

โธ่ไอ้เวร จะทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปถึงไหน ฉันก็เห็นมีแต่รัฐบวมนี่แหละ
ที่โหมกระแสรุนแรง นปช.เขาก็บอกซ้ำบอกซากมาจะมาชุมนุมโดยสงบ
และปราศจากอาวุธ มีแต่พวกแกนั่นแหละที่พล่ามอยู่ตลอดว่าจะมีความ
รุนแรง ฉันก็เชื่อแหละว่าคงมีความรุนแรงจริง เพราะดูจากเหตุการณ์เมื่อ
สงกรานต์เลือด ที่แกสร้างสถานการณ์กันไง

70 ล้านบาท/วัน..น้อยไปมั้ง

รัฐบวมกล่าวว่า งบประมาณในการชุมนุมของเสื้อแดงต้องมีวันละ70ล้านบาท
โห น้อยไปไหมเพ่ คิดดูถ้ามากันล้านคน ก็ตกใช้กันคนละ 70บาท เท่านั้นเอง

70บาทจะพอกินหรือเพ่ เวลาไปชุมนุมเอง ค่ารถไปก็เกินแล้ว ไหนยังต้องซื้อ
ของที่ระลึก หนังสือหนังหา เสื้อแสงอีกล่ะ เอาล่ะซื้อไปเยอะ ไม่ซื้อแล้วก็ได้
แต่มันต้องกินต้องใช้นา เช่นว่าถั่วต้มเนี่ย ขาดไม่ได้เลยเชียว ถุงหนึ่งก็ปาเข้าไป
ถุงละ 20บาท แล้ว กินถั่วมากๆก็หิวน้ำ เอาเถอะกินน้ำเปล่า ก็ขวดละอย่างน้อย
10บาทเข้าไปแล้ว พอหิวขึ้นมา เดินหา ไปเจอเอาของกินต่างๆนาๆ ไหนจะข้าวไข่
เจียว อีก 10บาท บางทีก็กินหมูปิ้ง ไข่เผาบ้าง รวมๆกันแล้ว มันเกินคนละ 70บาท
นา

ดังนั้น งบประมาณ (คือการที่คนเขาเอาเงินไปใช้ในแต่ละวันมากกว่า) รัฐควร
จะดีใจด้วยซ้ำ ที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ต้องลงมือ แล้วรายได้ตกถึงมือ
พ่อค้ารายย่อยตรงๆเลย แค่นี้ก็คิดไม่ออก ควรรีบประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมให้มากัน
มากๆด้วยซ้ำ จริงมะ

เร้วพ่อมาก ป้าหาวิธีหาเงินได้ง่ายๆแล้ว

รีบเอาไปทำเร็วๆเข้า ก็พวกเรียกร้องประชาธิปไตยเขาจะมาขับไล่มาก
เดินทางกันวันที่12 กะมาทวงวันที่14 มีนา ที่ในกรุงเทพฯนะ เห็นว่า
จะมากันเป็นล้าน เอาพาหนะมากันทุกชนิดเลยเชียว ทั้งรถทั้งเรือ รถก็
มีต่างๆ ไม่ว่ารถเก๋งรถกระบะ รถหกล้อ สิบล้อ อีแต๋น อะไรๆก็เอามาหมดแหละ
ขาดแต่รถถังยังขอยืมไม่ได้ ฮา

ก็รถรา (ไม่ใช่ลา) มันก็ต้องใช้น้ำมันใช่ม้า มากรีบขึ้นราคาน้ำมันเร้ว
จะได้เก็บภาษีน้ำมันเยอะๆ ไม่ต้องไปรอกลไกตล่งตลาดหรอก เพราะ
ทุกวันนี้มากก็ขึ้นมันไปเรื่อเปื่อยอยู่แล้ว น้ำมันโลกลงมากก็ขึ้น น้ำมัน
โลกขึ้นมากก็ยิ่งขึ้น ไม่เห็นเหมือนที่คุยไว้ตอนเป็นฝ่ายค้านเลยอ้ะ
ที่ว่าถ้าเป็นรัฐบาลมากจะงดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทันที ซึ่งจะทำ
ให้ราคาน้ำมันลดลงตั้งเยอะหลายบาทต่อลิตรน่ะ ชาวบ้านเขายังจำกันได้น้า
แต่อย่างว่าเด็กปัญญาอ่อนอย่างมาก จำชื่อพ่อชื่อแม่ได้ก็บุญแล้ว
(ได้ข่าวว่าชื่อเมียยังจำไม่ค่อยได้ไม่ใช่รึ)

เอาเลยนะมากงวดนี้ได้เงินเข้ารัฐบานตะโก้เลยเชียว อย่าช้าล่ะ แล้ว
อย่าไปเชื่อใครนะที่ให้ปิดปั๊มน้ำมันน่ะ เสียดายโอกาสทองแย่เลย
เศรษฐกิจจะดีขึ้นทันตาเห็น เงินฝืดไม่มีทางเกิด เป็นการกระตุ้นการ
ใช้เงินอย่างดีเลยเชียว

รักนะจึงได้บอก ฮาอีกที

เล่าเรื่องของกิ๋น

อ๊ะ ออกเสียงของกิ๋นก็ต้องของกินเมืองเหนือสิคะ
บ้านเมืองน่าเบื่อ วุ่นวาย ควายไม่รู้จักอาย(เดินแก้
ผ้ากันล่อนจ้อน)

เลยหนีไปแอ่วเมืองเหนือ วันที่เขาปิดประเทศปล้นนั่นแหละค่ะ
ขับรถกันไปทั้งบ้าน (7ชีวิต) เอารถไปสองคัน ลูกๆขับไปทั้งนั้น
คนโตเอารถตัวเองไป มีภรรยาและน้องชายนั่งไปด้วยรวมสี่ชีวิต
คันที่ป้าไป ก็ลูกสาวขับไปกันพ่อ-แม่ลูก อีกสามชีวิต

เลือกเดินทางวันศุกร์ เพื่อหนีสภาพการจราจร ซึ่งคาดว่า(เชื่อได้ว่า)
โหทันสมัยซะไม่มี อันว่าวันเสาร์คนคงจะเดินทางมากเพราะเป็นการหยุด
ติดต่อกันสามวัน ได้ผลดีตามคาด รถราไม่มาก ขับได้สบายๆ(เร็วมาก
เวลาไม่เจอตำรวจตั้งด่านตรวจ)

ใช้เวลาอยู่ที่เชียงใหม่(เมืองหลวงของคนเสื้อแดง) สี่วันสามคืน
อากาศยังไม่ร้อนเท่าใด ผิดกับเมืองนนท์ร้อนเป็นบ้า อุตส่าห์เลือก
เดินทางวันตัดสิน เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้รับฟังอะไรที่เดาได้แล้ว
ไม่น่าเชื่อ โทรศัพท์ดังเป็นระยะ เมื่อเย็นๆ ต่างโทร.มาถามกันว่าผลเป็น
อย่างไร(ป้าดโธ่ ป้าไม่ได้เขียนคำตัดสินให้สักหน่อย มาถามได้)

ได้ความว่า ต่างคนต่างอยากรู้(แม้จะคาดเดาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว)
แต่ไม่มีใครยอมฟังเอง ทั้งๆที่เขาอุตส่าห์ออกอากาศให้ตั้งสี่พัน
กว่าสถานี แปลกแฮะ ไม่ยักมีคนฟัง เอาเป็นว่าผลออกมาไม่เกิน
ความคาดหมาย ลืมๆไปเถอะ เล่าเรื่องของกินดีกว่า

คืนแรก เราเดินไปหาร้านกินเอาแถวๆที่พักนั่นแหละค่ะ(นิมมานเหมินทร์)
ไปเจอร้านพิซ่าเกาะลันตา อะฮ้าร้านนี้แหละ ง่ายดี พิซ่าอร่อยพอใช้ได้
เส้นไม่ได้เรื่องสักอย่าง ที่อร่อยพอคุยก็เห็นจะมีแต่ซีซาส์สลัด (ตัวชี้
วัดฝีมือ) ไปร้านอิตาเลี่ยนที่ไหน เป็นต้องสั่งมาลอง พบว่ารสชาติดี
เลยสั่งเสียสองจาน

เช้าขึ้นมาคุณลุงพาไปกินโจ๊ก กะต้มเลือดหมูที่กาดต้นพยอม (ป้าไม่ได้ไป มัวไปทำผม อิอิ)
กลางวันไปกินกันที่ร้านกาแล(ข้างอ่างเก็บน้ำ) ที่นี่แกงโฮะอร่อยมาก
อันว่าแกงโฮะก็คือจับฉ่ายเมืองเหนือละม้าง เห็นว่ามีอะไรก็ใส่ๆลงไป
ลูกว่าแล้วแต่ว่าเมื่อวานคนกินอะไรเหลือมาก แฮ่ๆไม่ใช่อย่างนั้นมั้ง
อย่างอื่นๆก็พอกินได้ทั้งสิ้น ได้ลิ้มรสอาหารเมืองเหนือครบถ้วน

พอบ่าย ไฟต์บังคับต้องไปกินเค้กกันที่ Love At First Bite ไม่รู้ทำไม
ใครมาเชียงใหม่ต้องไปกิน เดี๋ยวนี้ขนาดซื้อที่เอาไว้ให้ลูกค้าจอดรถได้เลย
ก็แล้วกัน(น่าชื่นใจ) นึกไปถึงคำว่า"รู้อะไรให้เชี่ยวเถิดจะเกิดผล"ขึ้นมาทันที

ตกค่ำ อ๊ะๆ ต้องไปเดินถนนคนเดินสิคะ วันเสาร์เขามีที่ถนนวัวลาย
ข้าวของเยอะแยะ แต่ที่สำคัญเขาไปเดินกินกัน ไปเจอ"ข้าวจี่" ติดใจมากๆ
อร่อยขนาดต้องกลับมาเปิดหาวิธีทำกันเลยทีเดียว วิธีทำก็ง่ายๆไม่มีอะไรยุ่งยาก
แค่เอาข้าวเหนียวคลุกกับน้ำกะทิละลายเกลือ แล้วปั้นเป็นก้อน เสียบไม้แล้วกดให้แบน
เอาไปปิ้งพอเหลืองๆก็เอามาชุบไข่ แล้วเอากลับไปปิ้งต่อจนหอมเหลือง
อร่อยดี เป็นของกินเล่นเวลาเดิน(แต่ที่เจอ เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้เสียบไม้แล้ว
เห็นทำเป็นก้อนแบนๆ ใหญ่กว่าขนมแป้งจี่เพียงเล็กน้อย ก็กินพอดี ไม่ใหญ่
จนเกินไป)

ของกินอื่นๆที่เห็นก็มีไข่ป่าม แปลว่าอะไรไม่รู้ แต่ใส่สารพัด(เลือกได้)
มาเมืองเหนือทั้งทีก็ต้องนี่เลย ใส่ไข่มดแดง ใส่ตัวอ่อนผึ้ง (ช่างสรรหา
มากินโดยแท้) ลักษณะเป็นเหมือนไข่เจียว(เพราะใส่ไข่) แต่เขาเอา
ไปปิ้งแทน ใส่อยู่ในกระทงใบตอง อร่อยแปลกๆล่ะค่ะ

ส่วนอื่นๆก็มีให้เห็นทั่วไปไม่แตกต่าง เลยไม่ต้องเล่า บนถนนวัวลาย คนไม่มาก
ร้านรวงก็ไม่เยอะ เดินสบายๆ แต่ที่ไหนได้ วันอาทิตย์เขามีต้นตำรับถนนคนเดินที่ท่าแพ
โอ้โห ตรงกับวันมาฆะบูชาด้วยมั้ง คนมาเวียนเทียน ตามวัดที่อยู่ข้างทาง กันมากมาย
ร้านก็เยอะมากๆ พอคนแน่นก็เลยไม่ต้องดูอะไรกัน เพราะอาศัยไหลไปอย่างเดียว
ถนนก็ไกลเสียเหลือเกิน รถตู้เอามาส่งที่ประตูท่าแพ นัดมารับที่วัดสิงห์ โอ้แม่เจ้า
เดินกันขาแทบหลุด ร้อนก็ร้อน คนก็เยอะ จะถอยกลับก็ไม่ได้ ต้องไหลตามกันไป
เฮ้อ เหนื่อย อ้อ ไข่ป่ามลุงคำปัน น่าจะเป็นแฟรนไชส์ เพราะเห็นมีขายทั่วๆไป
ใช้ชื่อเดียวกันหมด น่าเสียใจที่ไม่มีข้าวจี่ให้กิน หาไม่ได้เลย นอกนั้นมีเหมือนๆกัน


อันนี้ไม่ใช่จากถนนคนเดินนะคะ เป็นภาพประกอบให้ดูหน้าตาเฉยๆ

เล่าข้ามไป วันอาทิตย์ เช่ารถตู้มาหนึ่งวัน เช้าเลยไปกินโจ๊กสมเพชร อร่อยดี


กลางวันขึ้นไปกินที่"โป่งแยงแอ่งดอย" ขอแนะนำ ยำแฮม อร่อยมากๆ


บ่ายๆขับขึ้นไปถึงสะเมิงไปเที่ยวชมไร่สตรอว์แบรี่ ร้อนตับแล่บ



นึกไปถึงว่าจะให้ลงไปเก็บกินเองแบบที่ญี่ปุ่นหรืออังกฤษได้อย่างไร เห็นแดดก็ลาแล้ว
เลยได้แต่ซื้อที่เขาเก็บมาวางขาย อ้อ เขาขายที่ด้วยนะคะ ไร่ละสี่แสนเอง
แต่เอ่อ กว่าจะขึ้นมาถึง ขอโทษโคตรไกลเลย

ลงเขามาก้นี่เลยแวะดื่มกาแฟวาวี สาขาแม่ริม ร้านสวยบรรยากาศดี
เค็กก็อร่อยใช้ได้ แล้วไปจบวันที่ถนนคนเดิน อย่างที่เล่า วันจันทร์วันเดินทางกลับ
สายๆก็ไปกินอาหารที่"เฮือนเพ็ญ" สั่งมาเต็มโต๊ะ ราคา500บาท

ลูกๆงงคิดเป็นเงินยูโรแค่ 10ยูโร ที่สเปน แค่นี้ แมคโดแนลยังแทบกินไม่พอ
เหอๆ เมืองไทยนี้ดี มีดินสมเป็นนาสวน อาหารการกินเพรียบพร้อมสมบูรณ์
ราคาไม่แพง ฝรั่งถึงได้มาเต็มเมือง เสียอย่างเดียวผู้บริหารมันห่วย(อิอิ เอาเสียหน่อย)

ตกลงทริปไปเที่ยวเชียงใหม่งวดนี้ ไม่ได้พบแกนนำ(ก็ไปกับครอบครัว)
กะจะไปซื้อที่ แต่ลูกๆไม่เอา เราจะไปซื้อทำไมถ้าลูกเขาไม่มา สิ่งที่ได้มาก็เลยมีแต่น้ำหนัก
เพราะกินตลอดวัน ที่ยังไม่ได้เล่าอีกเยอะแยะ แล้วจะกลับไปอีกค่ะ ยังไม่ได้ไปกิน
ข้าวซอย"เสมอใจ"เลย อดนั่งสบตากับท่านายกฯ ก็ที่ร้านนี้เขาติดรูปคุณทักษิณ
ไว้เต็มฝา ไปกินแล้วมีความสุขมาก

ทำไมยึดทรัพย์พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร

เห็นประโคมข่าวกันตลอด 24ชม. ทั้งทีวี วิยุ หนังสือพิมพ์เรื่อง
การยึดทรัพย์ คุณทักษิณ

อภิโธ่อภิถังเอ๋ย ก็เงินจำนวนดังกล่าว มันเป็นเงินขายหุ้นไม่ใช่หรือ
แล้วหุ้นดังกล่าวมันก็อยู่ในชื่อของลูกๆ สองคน คุณโอ๊คกับคุณเอม
รวมทั้งมีที่เป็นชื่อของคุณบรรณพจน์ ดามาพงศ์ แล้วมาประโคมข่าว
กันใหญ่โต ว่าจะยึดทรัพย์คุณทักษิณ สามคนนั้นเขาไม่ใช่นักการเมือง
เขาจะเกี่ยวข้องโดยส่วนตัวกับคุณทักษิณ ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะต่าง
ก็เป็นลูก เป็นพี่เมีย แต่เขาก็ไม่ใช่นักการเมือง เขาไม่ได้เล่นการเมือง

หุ้นที่ได้มาก็ได้มาก่อนที่คุณทักษิณจะรับตำแหน่งทางการเมือง
จะปล้นเขาได้อย่างไร ลองช่วยกันคิดหน่อยเถิด ไอ้ทฤษฎีบ้าบอ
"วัวกินหญ้า ม้ากินเมือง" อะไรน่ะ ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับเงินขายหุ้น

จะอ้างว่าการที่คุณทักษิณออกกฎระเบียบ ทำให้หุ้นมีราคาสูง
ก็เห็นควรไปยึดทรัพย์ของผุ้ถือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการนี้ด้วย
กล้าไหมล่ะ

จะยึดเอาหน้าด้านๆ ก็ยึดไปเถอะ คนเขาเข้าใจได้ ขออย่างเดียว
อย่าประโคมข่าวว่ายึดทรัพย์คุณทักษิณ เพราะมันไม่ใช่ เข้าใจไหม
ไอ้ควาย

ไม่เคยมีมาก่อน

เห็นทนายแมกไซไซ ออกมาบอกว่า"การที่คุณทักษิณบอกว่า
หากถูยึดทรัพย์จะเอาเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก นั้นทำไม่ได้ เพราะไม่
เคยมีมาก่อน"

โธ่เพ่ แล้วไอ้การยึดทรัพย์ที่เป็นของลูกเขาเนี่ย เคยมีมาในยุคไหนล่ะ
ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ ฟ้องเขาว่าร่ำรวยผิดปกติ หาว่าโกงกินแผ่นดิน
กะจะปล้นทรัพย์เขา ใครๆก็รู้ว่าเงินเขาได้มาจากการขายหุ้น

ซึ่งจำนวนหุ้นก็ไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไป มีเพียงราคาที่ผันแปรไปตามตลาดหลักทรัพย์
ที่สำคัญ มันก็ไม่ใช่หุ้นของคุณทักษิณด้วยซ้ำ ก็ไอ้กฎหมายมันบังคับไว้แต่ไหนแต่ไร
เขาก็โอนให้ลุกๆไปหมดแล้ว การจะปล้นครั้งนี้ก้ไม่ได้ปล้นคุทักษิณแต่ปล้นลูกๆเขาต่างหาก

แล้วอย่างนี้ทองใบไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นบ้างหรือ ว่ามันเคยมีธรรมเนียม
การปล้นกลางแดดแบบนี้ การกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกตินั้นใครๆก็รู้ว่ามันตลก
เขามีหุ้นจำนวนนี้มาตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ ราคาหุ้นมันขึ้น ลูกเขาก็ขาย แล้วมาหา
ร่ำรวยผิดปกติได้อย่างไร

การกล่าวหานักการเมืองว่าร่ำรวยผิดปกติน่ะ เคยมี แต่เป็นนักการเมืองที่ไม่เคยมี
อาชีพเป็นหลักเป็นแหล่ง เวลากรอกอาชีพก็กรอกว่า "นักการเมือง"แต่อยู่ดีๆมาเล่น
การเมืองพักเดียว รวยเอารวยเอา นั่นแหละน่าสงสัย แต่กลับไม่สงสัยกัน

คนเราจะพูดอะไร ก็ต้องคิดหน้าคิดหลังมากๆหน่อย ไม่งั้นไอ้รางวัลที่ได้มา
มันก็ไม่การันตีว่าเป็นคนคิดถูกคิดดีไปได้หรอก

Unter's picture

สวัสดียามสายคุณป้าปากเกร็ดคนส

สวัสดียามสายคุณป้าปากเกร็ดคนสวย

หากพี่ทองใบของกระผมได้รู้ซึ้งถึงโลกมนุษย์อึเหม็นใบนี้
ก็จะตรัสรู้ได้ว่า ไม่มีอะไรเคยมีมาก่อน

ชีวิตของพี่ทองใบ ก็ไม่เคยมีมาก่อน
การศึกษาของพี่ทองใบ ก็ไม่เคยมีมาก่อน
อาชีพทนายความ ก็ไม่เคยมีมาก่อน
ใบอนุญาติประกอบวิชาชีพทนายความของพี่ทองใบ ก็ไม่เคยมีมาก่อน
รางวัลแม็กไซไซ ก็ไม่เคยมีมาก่อน
รางวัลแม็กไซไซของพี่ทองใบ ก็ไม่เคยมีมาก่อน
ลูกความของพี่ทองใบ ก็ไม่เคยมีมาก่อน
การเดินทางในชีวิตของพี่ทองใบ ก็ไม่เคยมีมาก่อน
จุดจบในชีวิตของพี่ทองใบ ก็ไม่เคยมีมาก่อน

ทุกสิ่งทุกอย่างที่บังเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์อึเหม็นใบนี้
ล้วนมีครั้งแรก และครั้งต่อๆไป

แก่ๆกันแล้วนะพี่ทองใบ
พี่อย่าได้ตกอกตกใจกับ "ครั้งแรก"
ทำตัวเหมือนหนุ่มเพิ่งจะแตกพาน

บ้าไปแล้วพี่

โหนต่องแต่ง

จากคอลัมน์โหราพยากรณ์ ในนสพ.โลกวันนี้ ประจำวันจันทร์ที่ 22กพ.53
มาอีกแล้วนะคะไอ้โหนเวรที่ชื่อ กรหริศ บัวสรวง ไอ้คนนี้เขียนถึงหลายทีแล้ว
ว่าจะไม่อ่าน แต่เผอิญมันอยู่ในหน้าข่าว เปิดอ่านข่าวทีไรเป็นต้องเจอ

หมอดูในนสพ.นี้ก็มีหลายคนสลับผลัดเปลี่ยนกันเขียนไปในแต่ละวัน
อ่านเอาสนุกก็พอได้ แต่เจอไอ้บ้านี่ทีไรอารมณ์เสียทุกที ก็วันนี้มันจ่า
หัวว่า"คนเก่งคนดีที่มีอยู่" แล้วมีรูปไอ้นาธานเอ๊ยไม่ใช่ ปณิธานต่างหากประกอบ

ลองดูที่มันเขียนถึงนะคะ แล้วค่อยว่าเห็นด้วยไหมที่ต้องด่า
"ดูเหมือนว่าในสังคมไทยบางส่วนในวันนี้ไม่นิยมชื่นชมคนดี คนเก่ง
(อ๊ะๆฟังดูดี มีส่วนถูก) แต่กลับสนับสนุนคนโกงชาติบ้านเมือง คนถ่อย
คนเลว ให้ออกมาแสดงบทบาทดังที่ปรากฎเป็นข่าว(อาส่วนนี้ก็ถูกอีก
แหมมันเข้าใจชีวิตแล้วนี่นา)เรื่องโกหกมดเท็จได้ยินได้ฟังจนเป็นเรื่องธรรมดา
แม้ไม่มีใครเชื่อถือ แต่ก็น่ารำคาญ (เข้าเค้าแฮะ)

ต่อไปมันก็ลามปามพระสงฆ์องคเจ้าต่อไปอีกเล็กน้อย ช่างมันเถอะ
อ่านมาถึงตอนนี้ เกือบเชื่อปแล้วว่ามันเกิดดวงตาเห็นธรรมเข้าใจความเป็นจริง
แล้วกระมัง จนมาถึงบางอ้อว่าโธ่ถังกาละมังแตก แม่งตามืดบอด จิตใจต่ำช้า
มองหาความจริงไม่เห็น เพราะมันดันเขียนต่อไปว่า

"คนเก่งคนดีในสายตาของผู้เขียนมีอยู่มากแต่ก็ถูกโจมตีอย่างไม่เป็นธรรม
ทั้งที่เป็นผู้ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ อย่างรศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร
(จบกัน ดั๊นไปเห็นว่าไอ้โฆษกขี้โกหกเป็นคนดีไปได้)

มันเขียนต่อว่า"เป็นคนมีเชื้อสาย มีชาติตระกูลที่ดีสืบเนื่องมาหลายชั่วอายุคน
มีการสึกษาสูง และเป็นนักวิชาการระดับผุ้เชี่ยวชาญในหลายด้าน"(โอ้โฮ แล้ว
ไม่เคยได้ยินมันโกหกตอแหล เรื่องต่างๆบ้างหรือไง คนโกหก ก็คือคนโกหก
สร้างเรื่องตอหลดตอแหลไปวันๆ อันนี้มันไม่เกี่ยวกับชาติตระกูล หรือการศึกษานะ
ใครๆก็รู้)

"ทั้งยังมีความุขุมรอบคอบ สุภาพเรียบร้อย มีสติปัญญา ความรอบรู้
และไหวพริบอย่างครบถ้วน(มิน่าถึงได้ใช้ออกมาโกหกอย่างหน้าด้านๆ
มิหนำซ้ำพอถูกจับได้ไล่ทัน ถึงได้แอบมุดไปทำท่าสุภาพเรียบร้อย
แล้วอมสากไว้ในปากแทน คำน้อยก็ไม่เคยออกมาขอโทษสังคม)

ต่อจากนั้นไอ้โหนเวรนี่ก็พร่ำพรรณนาดวงเกิดของไอ้นาธานว่าดีอย่างโน้น
ดีอย่างนี้ กล่าวคือก็เลียไปเรื่อยๆจบลงที่ว่า"จะมีชื่อเสียง เกียรติคุณจะ
ร่ำลือในหมู่ชนรุ่นหลัง"(โอ้โหแม่นอย่างกับตาเห็น ไม่ต้องรอไปรุ่นหลัง
รุ่นนี้ล่ะเขากรู้ว่าไอ้คนที่หน้าตาท่าทางดีนี่แหละโกหกเก่งเป็นไฟ โกหกเนียนๆ
โดยนึกว่าหน้าตาท่าทางที่ดีจะทำให้คนเชื่อถือมากขึ้น)

แล้วอีกอย่างดวงน่ะนะ มันช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่หรอก หากการกระทำ
มันเลว ต่อให้ดวงดี มันก็ร่วงลงมาได้ไม่รู้หรือ

แน่ะยังจบด้วยว่า"ดังนั้นการจะวิพากษ์ วิจารณ์ใครโดยไม่เป็นธรรมให้เสื่อมเสีย
หรีอกระแนะกระแหนเพื่อความสะใจของตัวเองนั้น ต้องศึกษาถึงภูมิหลังประวัติ
ความเป็นมาของคนนั้น รวมถึงต้องมีความรู้ในด้านต่างๆให้ครบถ้วน และที่สำคัญ
ต้องมีจิตใจที่เป็นกุศล รู้ถูก รู้ผิด มีศีลธรรมประจำใจ" (โอ๊ยอยากจะบ้าตาย
อยากพิมพ์ตัวโตๆไปแจกให้พวกมันได้อ่านและท่องให้ขึ้นใจ ฝ่ายตัวเห็นผิด
เป็นชอบมาเนิ่นนานไม่รู้สำนึก ดั๊นมากล่าวหาคนอื่น เฮ้อ เวรกรรมจริงๆ)

หนอยแน่

"ขอยืนยันอีกครั้งว่าจะไม่มีการปฏิวัติ และยุบสภา" เทือก พูดเมื่อ 18 กพ.53
ข้างบนเป็นการพูดกับนักข่าวหลังไปกินข้าวกับพรรคร่วมฯ

แต่ไม่ได้พูดครั้งเดียว เพราะ ยังได้ให้ความมั่นใจกับกลุ่มโบรกเกอร์และนักลงทุน
ว่าจะไม่มีทั้งรัฐประหารและยุบ สภาขณะนี้แน่นอน เพราะเชื่อมั่นว่ารัฐบาลยังอยู่ได้
มากกว่า 1 ปี หมายความว่ารัฐบาลนี้จะอยู่จนครบวาระ

ต้องอุทานว่าหนอยแน่จริงๆ มันเป็นใครถึงกล้ารับรองขนาดนั้น จำไม่ได้หรือไง
เมื่อก่อนวันที่ 19กย.48 ไอ้บังก็ยืนยัยอย่างนี้ ว่าจะไม่มีปฏิวัตฺ ถึง 3ครั้งกับนายกฯ
ทักษิณ มันยังทำเลยเว้ย

แก กุมชะตา ความคิด และจิตใจของทหารได้หรือไง เมื่อทุกอย่างมันรุมเร้า
หาทางออกไม่ได้ไอ้พวกบ้านี่คิดอะไรไม่ออกหรอก นอกจากใช้วิธีลัดขั้นตอน
ตอนนี้น่ะ ทุกอย่างมันจี้มาจนไม่รู้จะหาทางไปทางไหนแล้ว ไหนจะถูกจับได้
เรื่องการโกงกิน ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไหนเจ้านายจะถูกจี้เรื่องต่างๆ
หาทางออกไม่ได้เดี๋ยวมันก็ต้องออกเอกเซอร์ไซส์แน่นอน เป็นการตัดตอน
ปกปิดความผิดของตนและพวก

แล้วแกเป็นใครถึงได้กล้าออกมายืนยันรับรองว่าจะไม่เกิดขึ้น ไอ้ที่คิดว่า
รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ทหารจัดตั้งก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะไม่ทำ
ทหารน่ะโง่กว่าที่คิด ปฏิวัติตัวเองก็ทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับรัฐบาลหุ่นเชิด
เล่นไม่ดีไม่ถูกใจเดี๋ยวเขาก็คงไล่ลงเท่านั้นเอง

ส่วนไอ้ที่ว่าจะไม่ยุบสภาน่ะ พูดไปเถอะ เพราะถ้าคิดว่ายุบไม่ได้ เพราะถ้ายุบ
ก็เท่ากับปิดประตูการเข้ามาเป็นรัฐบาลไปอีกนาน ก็สมควรอยู่ แต่เราก็ไม่หวัง
ให้แกยุบอยู่แล้ว แต่หวังเพียงให้พวกแกสะดุดขาตัวเองแล้วล้มคว่ำเองต่างหาก
ยุบเองมันดีเกินไปสำหรับพวกแก สู้ปล่อยให้แก ล้มเองน่ะสะใจกว่าตั้งเยอะ

แสบไหมเพ่

เหตุผลเดียวที่GT200มีประสิทธิภาพ

ป้าปากเกร็ด's picture

ไม่ว่าจะเป็นหมอหัวฟู หรือคณะนายทหารที่ออกมายืนยันว่าเครื่องมีประสิทธิภาพ
ใช้งานได้ผลดี ทั้งๆที่การทดสอบทางวิทยาศาสตร์ก็บอกแล้วว่าทำงานไม่ได้ผล
คงเป็นเพราะคนเหล่านี้กลัวถูกสอบไปว่าสั่งดุ้นที่แย่กว่าสากกระเบือ(เพราะตำส้มตำ
น้ำพริก หรือแม้แต่ใช้เป็นอาวุธแพ่กระบาลสามี)มาได้อย่างไรด้วยราคาแพงๆ
โดยไม่มีการทดสอบ กลัวจะถูกสอบไปถึงความไม่โปร่งใสในราคาที่สั่งมาในแต่ละหน่วย นั่นเอง

เชื่อว่าในอีกไม่กี่วันกระทรวงมหาดไทย ที่สั่งเครื่องอีกชนิดที่มีคุณสมบัติคล้ายกันแต่เรียกคนละชื่อ
ก็ต้องออกมายืนยันในสมรรถนะของไอ้เครื่องอัลฟ่าบ้าบอแน่นอน

คนเหล่านี้รักชาติกันจริงๆ ผลเสียที่เกิดกับชาติไม่สนใจ ตราบใดที่ตนเองไม่เดือดร้อน
ไม่ใช่แค่ถูกด่าว่าโง่ที่ถูกฝรั่งหลอก แต่ยังอาจต้องโดนข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวงอีกด้วย

เลวกว่าหมา

อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งร้อนตัว ไม่ได้ว่าใครนะคะ เพียงแต่ว่าเมื่อข่าว
ออกมาว่าไอ้แท่งหรรษาราคาล้านกว่า มีคุณสมบัติน้อยกว่าหมา
ตามที่ไอ้เด็กเวรแถเมื่อวานนี้

ก็ถ้ามันทำงานได้ด้อยกว่าหมา แล้วไปจัดซื้อมาทำไมตั้งเยอะตั้งแยะ
ผลการพิสูจน์ ออกมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามันห่วย

หนอยแน่ ยังมีคนออกมาแถกันอีก เช่นรมว.กระทรวงยุติธรรม
ที่เกิดความสงสัยว่าว่าถ้าไม่ได้ผลจริงทำไมยังถูกตั้ง 4ครั้ง
จากการทดลอง20ครั้ง เฮ้อ

ส่วนหมอหัวฟูก็ว่าถึงไม่ได้ผลก็จะใช้งานต่อไป เพราะไม่กล้า
ยอมรับความเฉิ่มเบ๊อะของตนเองที่ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า"หมอก็ไม่รู้
ว่าทำไม แต่มันใช้ได้ผล" ก็เอาเถอะ ให้แกแถไป เพราะต่อไปนี้
คงหาคนเชื่อคำพูดของแกได้ยากเต็มที

เมื่อตรวจพบว่ามันทำงานไม่ได้ ไม่มีประสิทธิภาพตามที่เคยคุยไว้
เท่ากับเสียค่าโง่ หลงไปซื้อมาแบ่งกันรับประทานตั้งบานเบอะ
ไอ้เด็กเวรก็ดีแท้ บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น รับว่าใช้ไม่ได้ แต่ไม่ห้ามใช้
เพียงแต่ระงับการสั่งซื้อใหม่ บ้ากันเข้าไป ก็รู้ทั้งรู้ว่าใช้ไม่ได้ จะให้
ดันทุรังใช้ไปทำไม ข่าวเขาว่า

"ไม่มีคำสั่งใช้เครื่องจีที 200ที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องไปทำความเข้าใจ
ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น มูลค่าของเครื่องก็หลักล้าน เบื้องต้นคง
ให้ใช้ไปก่อน เพราะไม่มีเครื่องมือชนิดอื่นทดแทน แต่ต้องทำความ
เข้าใจเรื่องความเสี่ยง"

อ้าวเฮ้ย เว้ย ตกลงให้ใช้ต่อ แม้จะไม่ได้ผลเพราะมันแพงหรือไง
งงครับท่านประชาชนงง เหมือนซื้อของบูดราคาแพงมากิน ก็ต้อง
ทนกินต่อไป เพราะมันแพง และไม่มีอะไรกินแทนงั้นหรือ บ้ารึเปล่าว้า

อย่างนี้จะไม่ให้จ่าหัวกระทู้ว่าเลวกว่าหมาได้ไง (ก็แหมหมาน่ะมัน
กินไม่เลือก จะถูกจะแพง จะบูดจะเสีย อย่างไรมันก็กิน จริงไหม)

โอ้โอ๋

อ่านคอลัมน์ของพระพยอมในหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ฉบับวันนี้
พบว่าประเทศนี้มันบ้าไปแล้วจริงๆ เพราะท่านเล่าว่ามีคนสงสัยว่า
สำเนาเช็คที่นางกัลยาณี พรรณเชษฐ์สั่งจ่ายพลเอกเปรมนั้น หลุด
ออกมาจากพระพยอม โดยกล่าวหาว่าพระพยอมเป็นผู้นำมาให้คุณณัฐวุฒิ

มันบ้าไปแล้วแน่ๆ พระเจ้าก็ไม่มีการละเว้น ข้อสำคัญ เช็คที่สั่งจ่ายในนาม
คนอื่น ท่านจะมีสำเนาไว้ได้อย่างไร เห็นว่าเมื่อไม่เจอว่าสำเนาเช็คอยู่ที่ท่าน
(ก็แน่ล่ะ มันจะไปอยู่ที่ท่านได้อย่างไร เออถ้าเป็นเช็คที่พลเอกเปรมสั่ง
จ่ายให้พระพยอม หรือมูลนิธิวัดสวนแก้วก็ไปอย่าง) ก็นี่เขาแอบเอาให้กัน
แล้วอ้างว่าเอามาสร้างที่พักให้เด็กในวัดสวนแก้ว ก็มีนักข่าวเขาไปขอค้นใบ
อนุโมทนาอีกด้วย เฮ้อ ก็บอกแล้วว่าเขาจ่ายผ่านพลเอกเปรม ใบอนุโมทนา
ก็ต้องเป็นของพลเอกเปรมไม่ใช่หรือ จะมาแจกแจงให้กับคนที่บริจาคโดยที่ท่าน
ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างได้อย่างไร

ท่านเล่าว่า การก่อสร้างทั้งหมดทางพลเอกเปรม ก็มาดำเนินการเองทั้งหมด
(สงสัยใช้ทหารช่างสร้างด้วยละมั้ง)คิดดู ค่าแรงก็ไม่เสีย(ก็ทหารช่างกินเงินเดือนจากภาษี)
เผลอๆค่าวัสดุก่อสร้างก็เบิกของหลวงเอาด้วยน่ะนา

ที่สำคัญคนเรานี่ก็แปลก คนอื่นทำผิด ไปเดือดร้อนพระสงฆ์องคเจ้าได้ไง
ต้องไปถามอีเปรมสิเพราะมันเป็นองคชาติ(อุ๊ย องคมนตรีต่างหาก)อยู่ไม่ใช่หรือ
ที่สำคัญเขาจ่ายในชื่อมัน ไม่ก็ต้องให้เอาใบอนุโมทนามาจากนางกัลยาณีนั่นแหละ
ไปกวนพระให้ค้นหาวุ่นวายทำไม บ้า!

ช่วยตอบคำถามนี้ดีกว่า

คุยกับคุณโนเนมเรื่องเช็ค จำนวน1.8ล้านสองฉบับที่ลงชื่อผู้รับเป็นพลเอกเปรม
แล้วคนสนิทออกมาแก้ตัวแทน โดยพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ
กองทัพเรือและหัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.อ.เปรม กล่าวว่า
เช็คที่แกนนำคนเสื้อแดงเอามาโชว์อาจเป็นเงินบริจาคให้มูลนิธิรัฐบุรุษเพื่อไปใช้ประโยชน์สาธารณะ
ยืนยันว่าตั้งแต่ติดตาม พล.อ.เปรมมาไม่เคยเห็น พล.อ.เปรมรับค่าตอบแทนจากเอกชนรายใด

อาจเป็นเงินบริจาคให้มูลนิธิรัฐบุรุษ

มาอีกแล้วคำว่าอาจจะ แสดงว่าคนพูดก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง
เอาเป็นว่าถ้าจริง มันไม่บ้าไปหน่อยหรือที่นักธุรกิจจะบริจาค
เงินให้มูลนิธิแล้วจ่ายในนามบุคคล เพราะรู้กันดีอยู่แล้วว่าการบริจาค
ของนักธุรกิจ มีจุดประสงค์เดียวคือ หวังผลในการลดหย่อนภาษี
อย่าไปเพ้อว่าเลื่อมใสศรัทธาในตัวมูลนิธิหรอก เพราะแค่ทำบุญทอดกฐิน
ทอดผ้าป่ายังต้องขอใบอนุโมทนาเพื่อมาลดหย่อนภาษีเลย

แต่การจ่ายเช็คไม่ถึงสองล้าน(เพื่อเลี่ยงการกรอกรายละเอียด)ก็แสดงให้เห็นว่า
มันพิลึกพิลั่น การจ่ายเช็คในนามบุคคล เอาไปหักภาษีไม่ได้แน่นอน
งั้นจ่ายเป็นค่าอะไร คิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากว่า น่าจะจ่ายเป็น
ค่าคุ้มครอง เวลาที่จ่าย ลงวันที่ก็คงจะเป็นการจ่ายเป็นรายไตรมาส
แน่นอน เรียกว่าหากหยุดจ่าย เดี๋ยวเดือดร้อน

ลองหาคำแก้ตัวที่ดีกว่านี้ดีกว่า ว่าทำไมนักธุรกิจ หากจะบริจาคเงินให้
มูลนิธิ ทำไมไม่สั่งจ่ายในนามมูลนิธิ จะได้ทั้งบุญและผลตอบแทน
ในการหักภาษีด้วย ทำไมไปจ่ายให้คนอย่างนั้น มันน่าสงสัย

ไม่ให้ตกยุค ขอนำเสนอฟอเวิร์ดเมล์บ้าง

หลังจากคิดมา 1 วัน พลันหูตาสว่างขึ้น เพราะคุณ Pom.com แท้ๆ

จากกระทู้ที่บอกว่าเสื้อแดงถูกหลอกจนฝังใจเรื่อง 2 มาตรฐาน ทำให้ผมใช้เวลาไตร่ตรองทั้งวัน
เพื่อความแน่ใจในความคิดว่า มัน 2 มาตรฐานจริงหรือเปล่า และก็ได้คำตอบเป็นที่ชัดเจนว่า ผมเข้าใจผิดมาตลอด

การยุบไทยรักไทย เป็นเพราะจ้างคนลงเลือกตั้ง
แต่ไม่ยุบประชาธิปัตย์ เป็นเพราะไม่ได้จ้างคนลงเลือกตั้ง แต่เป็นเพราะจ้างคนไม่ลงเลือกตั้งต่างหาก

การยึดทำเนียบ ขโมยของราชการ ขั้นตอนยังอยู่ในชั้นศาล
การกางเต๊นหน้าทำเนียบ เป็นการกีดขวางคนเดินเท้า จึงต้องรีบพิจารณา

การปิดสนามบิน ที่ยังไม่ดำเนินการมากกว่าที่เป็น เพราะว่าคนชุมนุมใส่เสื้อเหลือง
ส่วนเดือนเมษาฯ นั้่น ผิดเห็นๆ ก็เพราะไม่ได้ใส่เสื้อเหลืองไงล่ะ อย่างนี้จะเรียก 2 มาตรฐานได้ยังไง

กองทัพไม่ทำตาม พรบ.ฉุกเฉิน ในช่วงปิดสนามบิน นั่นเพราะว่ากองทัพเป็นกลาง
ส่วนเมษาฯปิดถนน ที่กองทัพต้องรีบจัดการ เพราะกองทัพเห็นว่าประชาชนจะเดือดร้อน

การปราบผู้ชุมนุมในวันที่ 7 ของเหล่าพันธมิตรฯ ตำรวจผิด เพราะใช้แก๊สน้ำตา
ส่วนการปราบผู้ชุมนุมตอนเมษาฯ นั่นเป็นเพราะทหารใช้เอ็ม 16 ไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตาสักหน่อย

คุณสมัครต้องออกจากตำแหน่งนายกฯ เพราะพจนานุกรมอธิบายคำว่าลูกจ้างอย่างชัดเจน
ส่วนคุณจรัล ถึงจะเป็นอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ และมีรายการวิทยุ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องลาออก เพราะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนี่

ยุบพลังประชาชน เพราะพยานตั้ง 1 คน ยืนยันว่าถูกซื้อมา ผิดกฏหมายเลือกตั้งอย่างชัดเจน อย่างนี้ก็ต้องยุบอยู่แล้ว
ส่วน ปชป. ถึงหลักฐานจะมัดแน่นแค่ใหน ในเรื่อง 258 ล้าน แต่เป็นเพราะว่าสำนวนมากมายเหลือเกิน ต้องค่อยๆพิจารณา
เพื่อกันความผิดพลาด หรือรอจนกว่าจะไม่มีพรรคให้ยุบ

นี่เป็นเพียงตัวอย่างไม่กี่ตัวอย่างที่ผ่านมาในช่วงหลายปี เพราะถ้าจะเขียนลงมาในนี้จนหมด อาจต้องพิมพ์กันจนกระทั่ง
แม้แต่คนอย่างนายอภิชาตก็อ่านไม่ไหว แต่ก็เพียงพอให้รู้แล้วว่า คุณ Pom.com พูดถูกในแง่ของไทยไม่ได้ 2 มาตรฐานเลย
มีเพียงมาตรฐานเดียวจริงๆ มาตรฐานที่ว่า "กรูทำอะไรผิดเสมอ ส่วนคุณทำอะไรถูกตลอด"

แต่ก็อยากชี้แจงให้คุณ Pom.com ได้ทราบความจริงว่า คนเสื้อแดงอย่างผม ไม่เคยเชื่อแกนนำในทุกเรื่อง
ไม่เคยผ่านการรดน้ำมนต์ และไม่เคยอาศัยมนต์ดำในการเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ทุกเรื่องต้องใช้ความคิด

ของตัวเองทั้งสิ้น อาศัยเหตุและผล อาศัยความจริงที่เป็นไปได้ โดยไม่อาศัยเหตุผลที่ไม่มีในตรรกวิทยาศาสตร์
มาเป็นข้อมูลในการพิจราณา ดังนั้นเรื่องใหนที่ผมคิดผิด ผมก็จะไม่โทษเหล่าแกนนำทั้งหลาย
จะโทษก็จะโทษแต่ตัวเองว่า "เราโง่เองนี่หว่า"

จากคุณ

: ทวดเอง

เวบพันติบ

กะจะอยู่ไปอีกนานเท่าใด(วะ)

ข่าวที่นายกอร์ปศักดิ์ออกมาบอกว่า"จะมีการติดตั้งกล้องซีซีทีวี
ที่บ้านพักของนากรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นกล้องที่เคลื่อนย้ายได้
โดยตั้งงบประมาณในการติดตั้งไว้ที่ 900,000บาท เพื่อให้การดูแล
ความปลอดภัยผู้นำเป็นมาตรฐานสากล ส่วนพื้นที่รอบนอกโดยเฉพาะ
ตึกสูงจะขอความร่วมมือเจ้าของอาคารให้แจ้งชื่อบุคคลที่อาศัยอยู่
ในบ้านและเข้าออก ซึ่งจะมีการติดตั้งกล้องบริเวณตึกสูงเหล่านั้นด้วย
สำหรับทีมรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีที่เดิมมี 7 คน ยังไม่มี
การเปลี่ยนแปลงทีมที่ทำหน้าที่อยู่ แต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกเท่าตัว
เพื่อรองรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง"

เก้าแสนบาทนะครับพี่น้อง เงินภาษีทั้งนั้น การใช้เงินจำนวนมหาศาล
นี้เพียงเพื่อปกป้องนายกฯที่ไหนว่าคนรักกันทั้งบ้านทั้งเมือง มันสมควร
หรือ ไม่นับรวมค่าจ้างทีมปกป้องอีกเท่าตัว

การรักษาความปลอดภัยผุ้นำระดับสากลนั้นก็ถูกต้องอยู่แต่ขอโทษ
ไอ้ควาย เมิงไม่รู้หรือว่า ในระดับสากลน่ะเขาทำได้ เพราะผู้นำเขามีที่
พักเป็นหลักเป็นแหล่ง เช่นของอเมริกา ไม่ว่าใครเป็นประธานาธิบดี
เขาก็ต้องย้ายเข้าไปอยู่ในทำเนียบไวท์เฮ้าส์ ส่วนของอังกฤษ นายกฯ
เขาก็ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่10 ถนนดาวน์นิ่ง จนเป็นที่รู้กัน ในพื้นที่นั้นๆ
จะรักษาความปลอดภัยอย่างไรก็ตามสะดวก เพราะเมื่อพ้นหน้าที่ไป
คนใหม่ก็ย้ายเข้ามาอยู่

ไม่ใช่แบบของไทยนี่เพ่ ที่ไม่ยอมย้ายไปอยู่(เพราะกลัวผี) กะจะอยู่
บ้านตัวเอง เอาความสะดวกสบายเข้าว่า แต่มันเดือดร้อนชาวบ้านนี่นา
เพราะนายกฯไทย อยู่ไม่นานแล้วก็ไป พอมีคนใหม่ก็ต้องย้ายหน่วยและ
อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยไปอย่างนั้นหรือ

แล้วนี่มันกะจะอยู่ที่นี่เป็นไอ้นายกฯเด็กเวรไปอีกนานเท่าไหร่ ถึงต้องลงทุน
กันขนาดนี้ ตั้งแต่มีนายกฯมาก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนกันขนาดนี้
ทำอะไรไว้ให้คนเขาเกลียดนักเกลียดหนาล่ะ ขนาดสมันท่านนายกฯ
สมัครที่ว่าไอ้เสื้อเหลืองเรืองอำนาจ เกลียดนักหนายังไม่ต้องป้องกันกันขนาดนี้
ทั้งๆที่ไอ้เสื้อเหลืองน่ะ ประวัติความถ่อย ชอบใช้ความรุนแรงน่ะ มากกว่า
พวกเสื้อแดงที่ยึดหลักสันติอหิงสาตั้งไม่รู้เท่าไหร่

แล้วจะมาปกป้องอะไรกันนักหนาขนาดนี้ เกรงใจคนเสียภาษีบ้างสิวะ

ไม่พูดเรื่องการเมืองสักวันนะคะ

เผอิญได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
เพื่อนเขาเอาหนังสือพิมพ์ติดขึ้นเครื่องมาด้วย

นั่งเครื่องไม่มีอะไรทำก็เลยยืมหนังสือพิมพ์เขามาอ่าน
เจอเอาฉบับนี้ล่ะค่ะ Bangkok Post ฉบับsupplement
วันอาทิตย์ เปิดไปเจอ ไอ้ฝรั่งหัวโล้น ที่เห็นคนไทยเคยคลั่ง
กันจั๊ง มันเขียนคอลัมน์ Sanook ในหน้าสี่

พับผ่าเถอะ อ่านแล้วไม่สนุกเลยแฮะ เกิดอารมณ์พุ่งปรี๊ด
เกือบหมดสนุกเลยทีเดียว สารภาพว่ากว่าจะอ่านได้จนจบ
นานมากเลยนะคะ เพราะอ่านไปได้สักพารากราฟนึงต้องหยุด
มันโกรธ ต้องค่อยๆแอบมาอ่าน นี่ก็ยังไม่จบเลยค่ะ

เอาเป็นว่าเล่าเฉพาะเท่าที่อ่านแล้วกัน มันอารัมภบทว่า

Last week I attended the wedding in inner-city Bangkok
of a former staff member and her long-term boyfriend.
I should have been happy, but I wasn't.

ดูเอาเถิดค่ะแค่นี้อารมณ์ก็พุ่งปรี๊ด เอาวะทนอ่านอีกหน่อย

Anybody who has lived in Thailand long enough soon discovers
he or she is spending an inordinate amount of time attending
funerals of people you never met, and weddings of people you
did meet but fleetingly. Let's not talk about the former;
it's a beautiful Sunday morning so please, offer any opinions
about funerals to the person in bed next to you assuming that
person has enough English skills to carry on such a conversation.
Sometimes it's hard to discuss anything when the extent of your
lover's English is "You buy me TV, okay?"

ดูๆ ภาษาที่มันใช้ ทั้งดูถูก เหยียดหยามคนไทย ก็พวกแม่มึงเอาแต่กระหรี่เป็นเมียล่ะซี้
ถึงได้คุยกันไม่รู้เรื่อง มีอีกค่ะ แต่เห็นท่าจะทนอ่านต่อไปไม่ไหว หากใครสนใจ ตามไปอ่านเอาเอง
แล้วกันhttp://www.bangkokpost.com/life/education/32483/it-s-a-nice-day-for-a-white-wedding

ที่จะด่ามันวันนี้คือ ไอ้ฝรั่งขี้นก กเฬวรากพวกนี้ มีสิทธิ์อะไรมาด่าทอคนไทย
ที่สำคัญไอ้คนไทยก็เหลือเกินไปยกย่องเชิดชูมัน จริงอยู่คนไทยมีปัญหาแน่
แต่ก็เป็นปัญหาของเรา เราแก้ไขเองได้ มึงไม่ต้องมาด่าทอ ถ้าประเทศนี้มัน
เอี้ย มันเลว แล้วมึงมาอยู่ทำไม มาทำมาหาแดก เก็บเงินเข้ากระเป๋าทำไม

สงสัยอยู่กับหัวหน้าเอี้ยๆจนเคยตัว เกลียดนักเชียวไอ้พวกปากมอม
แน่จริงมึงกลับไปโน่นประเทศมึง แล้วดูซิว่าคนบ้านมึงเขาจะยกย่องเชิดชูมึง
บ้างหรือเปล่า วิพากษ์วิจารณ์ ได้ แต่ไม่ใช่ด้วยอคติอย่างนี้

กูไม่ใช่เมืองขึ้นมึงโว้ย ไปกลับไป ไอ้ขี้ครอก

ร้อนจริงๆ

อากาศน่ะค่ะ ถ้าเทียบกับอากาศบนสะเมิง กลับมาถึงก็ร้อนทันที
ไปเที่ยวมาสามวันสองคืน นอนบนสะเมิง หนาวจับใจ

ใครจะไปนึก ก่อนขึ้นไปอากาศที่บ้านเราก็ร้อนแล้วนี่นา
เพื่อนที่ขึ้นไปถึงก่อนกรุณาโทร.แจ้งข่าวว่าอากาศเย็นนะ
ไอ้เราก็นึกว่าเย็นไม่ใช่หนาว ที่ไหนได้มันหนาวจับใจ

ช่วงเช้ามืดคงประมาณไม่ถึง10องศา เสียดายไม่มีเทอร์มอมิเตอร์
วัดได้แต่เดาๆเอา พอสายคาดว่าคง10กว่าๆเท่านั้นเอง ดอกไม้สวยงาม
ผู้คนน่ารัก เจอเพื่อนร่วมอุดมการณ์หลายคนคุยกันสนุกสนาน

การพบกันแบ่งเป็นสองครั้ง (เพราะครั้งแรกบางท่านไม่สะดวกมา)
คืนแรกเป็นการพบช้าง มีเมียและลูกๆช้างมาด้วย มีลุง มีดีเจ
ดีใจที่พบว่ายังสบายดี เว้นแต่ว่าทำให้ผัวอีเรียม(ขวัญ)ผวาไปเล็กน้อย
อ้อสำนวนนี้ไม่ได้คิดเองนะคะ แอบเอามาจากนสพ.โลกวันนี้

ส่วนคืนที่สองเจออีกสอง เป็นหนุ่มทั้งคู่ หนุ่มมากหนุ่มน้อยไปตามส่วน
ไปครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี อาหารดี ดนตรีไม่มี(ฮา)

ก่อนกลับก็แวะไปช้อบที่ดินสักหน่อย เพราะติดใจอากาศที่เย็นถูกใจ
ไปติดใจที่ดินแปลงหนึ่ง เขาปลูกกระท้อนและกาแฟไว้เรียบร้อย
ว่าจะเอาแปลงนี้แหละ เพราะชอบกระท้อน เขาว่ายิ่งทุบยิ่งหวาน
เหมือนพวกเราล่ะม้าง ทุบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้เองถ้าไม่ช้ำตายไปก่อน
ชัยชนะคงหอมหวานน่าดู

จึงแจ้งข่าวเพื่อนฝูงภาคเหนือว่าอีกหน่อยจะไปอยู่ด้วยแล้วเน่อ
กำลังมากล่อมให้คุณลุงย้ายไปทำสวนที่โน่นแทน เผื่อปลูก
ทูลิปส์ขาย อิอิ แค่เจอป้าปากเดียวก็แย่แล้ว ลองเจอสองปากดูซะบ้าง
ทีนี้ล่ะจะรู้ว่านรกมีจริง ฮา

วิธีจัดการกับอดีตพันธมิตร(เสื้อเหลือง)

ต้องใช้คำว่าอดีตนะคะ เพราะปัจจุบัน หาคนที่จะประกาศตัวว่า
เป็นพันธมิตรยาก ก็ดูเวลาที่ประกาศให้มีการชุมนุมสิคะ พวกเขา
ไม่ได้ใส่เสื้อเหลืองกันอีกต่อไปแล้ว ซึ่่งอาจเป็นเพราะทำชั่วเอาไว้มาก
ใส่ออกไปกลัวคนดักตีหัว หรือไม่ก็อาจถูกห้ามใช้อีกต่อไป หรือไม่
ก็อาจไม่ได้ทำเพื่อใครแล้วก็ได้ อิอิ

พวกนี้ดูว่าลดน้อยลงไป แต่ไม่จริงหรอกค่ะ แม้เขาจะไม่ได้ใช้เสื้อเหลืองแสดงตัว
แม้เขาจะไม่ออกไปชุมนุม แต่ในหัวจิตหัวใจก็ยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
การทำให้ความเกลียดอย่าว่าแต่หายไปเลยค่ะ แค่ให้ลดลงยังยากเลย

คนพวกนี้เขาไม่เปิดใจฟังอะไรทั้งนั้น ถูกล้างสมองมาเรียบร้อย
ในสมองไม่มีอะไรนอกจากความเกลียด เขาไม่สนใจฟังความจริง
ขนาดรู้ทั้งรู้ว่าว่าเป็นความจริง เป็นการกระทำที่ผิด เช่นการที่
องคมนตรียึดที่เขายายเที่ยง แม้ในใจจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันผิด
แต่การที่จะยอมรับว่าฝ่ายตัวทำผิดก็กระไรอยู่ เลยออกมาแถแทนก็ยังเอา

การทำให้คนพวกนี้หันกลับมารับความจริง มันยากค่ะ เพราะคนไทย
เป็นอะไรก็ได้ แต่เสียหน้าไม่ได้ ใครจะยอมเสียหน้า รับว่าหลงผิด
ไปตั้งนาน ไม่ต้องไปบอกให้เขามาเชียร์ด้วยซ้ำ แค่ให้เห็นถูกเป็นถูก
ผิดเป็นผิด ยังทำไม่ได้เลย เอาสีข้างเข้าถูจนถลอกถลอยไปหมดแล้ว

ดังนั้นวิธีจัดการกับพวกนี้คือ ย้อนรอยค่ะ ทำเหมือนกับที่เขาเคยทำกับเรา
คือจำกัดพื้นที่ในการแสดงออกของเขา เช่นว่าเมื่อก่อนไปไหนก็โวยวาย
ส่งเสียงดัง ด่าทอคุณทักษิณอย่างไม่กระดากปาก ส่วนพวกเราก็ได้แต่เงียบ
ไม่อยากทุ่มเถียง คราวนี้กลับกันค่ะ อย่าปล่อยให้เขาพูดข้างเดียว

ข้อมูลหลักฐานเรามีพร้อมแล้ว เดี๋ยวนี้ จากรายการทีวี จากในเวปบอร์ด
เอาเข้าไปต่อกรเลยค่ะ เวลาคุยกัน อีกหน่อยเขาก็จะเงียบไปกันเอง
การแก้คนมันยาก เพียงแต่อย่าให้ออกมาโวยวายเหมือนเก่าก็พอแล้ว
เชื่อว่าหมดยุคนี้ไป ลูกหลานอาจตาสว่างขึ้นบ้าง (มันคงไม่ได้ฝังไปใน
ดีเอ็นเอ มังคะ) ขาดการกระตุ้นชี้นำ สักพักก็หมดประเทศไปเองล่ะค่ะ

อย่าหวังไปชวนมาเป็นพวกเลย ไม่มีทาง

เอาสักที..ดีไหม?

ยึดอำนาจไงคะ คุณวีระใช้คำพูดว่า"กระชับอำนาจ" ก็เห็นด้วย
เอาเลยทั่น ออกมาประกาศจุดยืนไปเลย หาใครยังไม่ได้ ก็เห็น
ควรเอาไอ้เด็กนี่แหละ เรียกมันเข้าหาบ่อยๆ ติวเข้มกันทุกคืนไปเลย

พอทำการ"กระชับอำนาจ"เสร็จ ก็อ้างไปได้ร้อยแปด เช่นว่า เนื่องจาก
ในขณะนี้สถานการณ์คับขัน (โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง คับขันนะทั่น อย่าไป
บอกว่า"ขบขัน"ล่ะ)

เกิดความแตกแยกในสังคม มีคนมุ่งร้ายรัฐบาลที่มาจากประชาชน
(ไม่ต้องอายหรอก บอกไปเลย ฮา)จึงจำเป็นต้องทำการกระชับอำนาจ
การณ์ในครั้งนี้ คณะเราจะไม่ฉีกรัฐธรรมนูญให้คนเขาด่าว่าเอาได้
เราเพียงขอเพิ่มเติมอีกข้อเดียวเท่านั้นเอง

คือเพิ่มมาตรา 310 ต่อท้ายเข้าไปว่า "บรรดาการใดๆ ที่ได้คณะพันธมิตร(เสื้อเหลือง)
อันมีนายสนธิและพวกเป็นแกนนำทำ ถือว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าว ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศ
ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้"

แค่เนี้ยก็เรียบร้อย ทุกฝ่ายก็สบายใจ ไม่ว่าตำหนวด อัยยิกาเอ๊ยไม่ใช่อัยการ
สาน(กระบุง ตะกร้า) จะได้หมดปัญหาคับข้องใจ ไม่ต้องปวดหัวตัวร้อน
หาทางแก้ตัวให้กันไม่หวาดไม่ไหว ไอ้ประชาชนมันก็รุกเร้า ทวงถามอยู่นั่นแล้ว

ทำอย่างว่าเถอะทั่น แค่นี้ก็เรียบร้อยโรงเรียนเสธ. แต่ผลรับอิฉันไม่รับรองนะ
ลองดูก็ได้ เผื่อฟลุ้กอีกงวด แค่นี้พวกทั่นๆก็จะสบายใจ หายห่วง ปกครอง
กดขี่ไปได้อีกสักระยะล่ะนะ ลองดู เขาว่าไม่ลองไม่รู้ จริงไหม?

รุมตีหมา

ป้าปากเกร็ด's picture

เมื่อไม่นานมานี้มีสำนวนฮิต"ปิดประตูตีแมว" เขาว่ากันว่าจะเกิด
แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงมีจริง เพราะแทนที่จะเกิดการปิดประตูตีแมว
มันดันไปเกิด สำนวน"หมาจนตรอก"ขึ้นมาก่อนน่ะสิคะ

แรกๆก็ว่าแน่ กุมทุกอย่างไว้ในมือได้หมด ทั้งสามอำนาจเลยทีเดียว
แต่คนเราพอมีอำนาจมากๆก็ต้องเหลิงเป็นธรรมดา ให้ท้ายลูกน้อง
กันสุดเหงี่ยง

ไอ้ฝ่ายลูกน้องก็เหิมเกริมเต็มที่ เพราะคิดว่ามีแบ็คดี โกงกินกัน
อย่างย่ามใจ มึงหนุบกูหนับ ไม่มีใครกล้าออกมาโวย เพราะเป็นพวกเดียวกันแท้ๆ

แต่สถานการร์พลิกกลับ ข้อมูลหลั่งไหลมาเข้าทางคนที่เขาต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม
เมื่อก่อนใครจะไปกล้าโวย แต่เผอิญได้แบ็คดีเหมือนกัน แม้จะดูด้อยค่ากว่ามาก
แต่จากจำนวนแบ็ค ต่างกันลิบลับ ข้างฟากขะโน้น อย่างดีมีรับรองไม่เกินพัน
แม้จะตัวใหญ่ๆ เป้งๆกัน แต่เนื่องจากจำนวนน้อยกว่า เพราะขนาดมดแดงตัวเล็กๆ
แต่หากรวมฝูงกันได้ ล้มช้างก็เคยมีมาแล้ว

จากสำนวน"ปิดประตูตีแมว"จึงกลายเป็น"หมาจนตรอก"ไปจนได้ แต่โบราณว่า
อย่าไล่หมาให้ไปจนตรอก เพราะมันจะหันหมาสู้ จนตัวตาย เมื่อก่อนเขาก็ทำค่ะ
ไล่ล่าจนคุณทักษิณ เกิดอาการทนไม่ไหวต้องหันมาสู้ ที่รอดมาจนทุกวันนี้น่ะ
เป็นเพราะมีคนช่วยสู้นะคะ ไม่ได้เก่งเป็นเทวดา รอดได้เองหรอกค่ะ

ที่นี้ย้อนกลับ ไอ้ฝ่ายไล่ล่ากลับกลายเป็นถูกไล่ล่าเสียเอง จนถูกผลักให้
เข้าไปจนตรอกแล้วล่ะค่ะ ไหนจะเรื่องลูกน้องทุจริต ไหนจะเรื่องความ
ไม่เป็นธรรม เลยต้องตกเป็นจำเลยสังคม

แน่นอนค่ะ หมาจนตรอกมันต้องหันกลับมาสู้ แต่เผอิ๊ญเผอิญ จำนวนคน
ที่ไล่หมาไปจนตรอก ดันมีจำนวนมหาศาล เลยสงสัยจะเกิด การรุมตีหมาเสียล่ะมากกว่ามั้ง

น้อยใจแล้วเน่อ.....

อะไรว้า โดนว่าว่า"หน่อมแน้ม" หน่อยเดียว ตบเท้าเข้ามาให้กำลังใจกันยกใหญ่

"กรูสิโดนก่นด่าทุกวัน ไหนจะเรื่องเป็นตุ๊ด ไหนจะเรียกกระเทยเฒ่า ไหนจะเรียกป้าแทนป๋า
ด่าทอหาว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ทำตัวไม่เหมาะสม ต่างๆนาๆ อย่างที่ไม่มีใครที่เคย
อยู่ในตำแหน่งนี้เคยโดนมาก่อน

หนอยแทนที่จะตบตีบมาให้กำลังใจ ดั๊นไปให้กำลังใจไอ้เถิก เลี้ยวผิดซอยอ๊ะป่าว
กรูน้อยใจเน้อ"

ได้ยินเสียงลำพึงดังมาแต่ไกลๆ

เอาอีกแล้วนะทั่น

ภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์ ... อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติเขียนเรื่อง GT 200
ในนสพ.โลกวันนี้ว่า "การที่ราคาสูงผิดปรกติพิจารณาได้ว่าการจัดซื้อจัด หาเครื่องจีที 200
เป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่มีการคอร์รัปชัน แต่อาจถูกฝรั่งหลอกโดยคิด "ค่าสมอง" กับนวัตกรรม
ในราคาแพง หรือมิฉะนั้นก็มีการบวกราคาเพิ่มเข้าไปอีกจากที่สูงอยู่แล้ว ทำให้ราคาต่อเครื่อง
สูงเป็นตัวเลข 7 หลัก"

งงสิคะทั่น ตรรกะพิลึกพิลั่นอย่างนี้ งั้นไอ้ที่โกงกันเห็นๆในโครงการต่างๆของรัฐบาล
ก็เป็นอันว่าเป็นการโปร่งใสหรือไง เพียงแต่เสียค่าโง่พ่อค้าด้วยหรือเปล่า หากเป็นไปตามตรรกะนี้
อย่าเอาไว้เป็นนายทหารหรือรมต.เลยนะ มันโง่เกินทน

อีตานี่ก็เป็นอีกคนที่หน้าด้านหน้าทนเขียนคอลัมน์ห่วยแตกบ้าบอได้ทุกวัน ไม่แปลกเลยที่
สำนักข่าวกรองไทยมันห่วยแสนห่วย ก็ขนาดอดีตหัวหน้าสำนักงานยังบ้องตื้นขนาดนี้
เฮ้อ คิดได้ไงเนี่ย โกงกินส่วนต่างกันมโหฬารกลับบอกว่าถูกฝรั่งหลอก!!!