ก็จะอะไรเสียอีกล่ะคะ ก็ในเมื่อความยุติธรรมไม่มี สามัคคีก็ไม่เกิด
หยิบจับ มองไปตรงไหนก็มีแต่ข้อบีบคั้นหัวใจ ทำซ้ำซากเหมือน
ประชาชนอีกพวกเป็นหัวหลักหัวตอ อย่างที่คุณทักษิณสกรีนเสื้อ
นั่นแหละค่ะว่า"
มึงทำอะไรก็ไม่ผิด
กูทำอะไรก็ผิด
"มันอัดอั้นตันใจเหลือเกิน ข่าวล่าสุดที่สุดจะทนก้คือ การที่นายสุเทพ ส่งเทียบ
เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลตัวจริงเสียงจริงที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอย่าง
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภแกนนำพรรครวมใจไทยพัฒนา นายเนวิน
ชิดชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายสมศักดิ์ เทพสุทินแกนนำพรรคภูมิใจไทย
นายบรรหาร ศิลปอาชา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา
และนายพินิจ จารุสมบัติ ว่าที่รต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวีแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน
เข้าบ้านพิษณุโลกถกปมแก้รัฐธรรมนูญกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ดูเอาเถิดค่ะ ชื่อที่เป็นตัวดำๆน่ะ ใครๆก็รู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5ปี แล้วเข้าไป
สุมหัวกันปรึกษาอะไร มีสิทธิ์อะไร แม้นายสุเทพจะออกมาแก้ตัวว่า"ต้องขอแก้ไข
ก่อน เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ ที่มาประชุมไม่ใช่แกนนำของพรรคร่วมรัฐบาลตัวจริง
อย่างที่สื่อว่า แต่บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้มีประสบการณ์ในทางการเมือง นายกฯ
เชิญมาเพื่อฟังความเห็นเขา ให้เกียรติท่านทั้งหลายเหล่านั้นดูว่าท่านเหล่านั้น
คิดกันอย่างไร เราทำการเมืองกันอย่างนี้ มีแนวคิดอย่างนี้จะเห็นเป็นอย่างไร
และที่ต้องขอพูดอย่างนี้ก่อน เพราะเดี๋ยวสื่อเอาไปเขียน ไปเรียกอีกแบบหนึ่ง
ผมก็อาจถูกดำเนินคดีด้วย ฮั่นแน่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง ก็ถ้าพวกเมิง
ไม่ใหญ่คับฟ้า พูดแก้ตัวอย่างนี้มันจะหลุดได้หรือ
ลองเป็นพรรคเพื่อไทยทำบ้างสิ เห็นจ้องกันตาเป็นมัน กะเอาผิดเต็มที่
ทั้งๆที่กกต.(กูกะเอาตาย) ก็เคยออกกฎมาเติมกฎหมายเดิมที่ว่า 1.การจดแจ้ง
จัดตั้งพรรคการเมือง 2.ห้ามร่วมก่อตั้งพรรค 3.ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรค
นี่ยังไม่รวมการตัดสิทธิ์แม้กระทั่งห้ามไปลงคะแนนการเลือกตั้งด้วยน่ะนา
โดยกกต. ได้เพิ่มเข้าไปในช่วงการเลือกตั้งวันที่ 23ธค. 50ไว้อีก 4ข้อคือ
1.ห้ามขึ้นเวทีปราศรัยหรือเป็นวิทยากรขึ้นพูดบนเวทีปราศรัย(แต่เป็นวิทยากร
ภาคพื้นสนามได้ไม่เป็นไร หรือยกไว้แต่นายเนวินคนเดียว) 2.ไม่สามารถเป็น
ที่ปรึกษายุทธศาสตร์และนโยบายของพรรคการเมืองได้หรือข้อนี้หมดอายุไป
พร้อมกับการเลือกตั้ง 3.ไม่สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้
4.ห้ามถ่ายภาพคู่กับผู้สมัคร สส.สำหรับใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้
โอ้แม่เจ้า มันกะช่วยกันเต็มที่ จำได้ว่ามีการตัดสิทธิ์ผู้สมัครของพรรคพลังประชาชนคนหนึ่ง
ถูกตัดสิทธิ์เพราะไปถ่ายรูปคู่กับคัตเอาท์คุณทักษิณไปใช้หาเสียง แต่หลังจากนั้นมีรูปกอดสยิว
ที่เห็นกันทั่วบ้านทั่วเมือง ของไอ้เด็กเวรกันคนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง มีการฟ้องร้องแต่ก็
หลุดข้อกล่าวหาไป ด้วยเหตุที่ว่าศาลทั่นว่า เป็นการกอดกันธรรมดาของหมาติดสัตว์ (เอ๊ยไม่ใช่
เขียนเพลินไป พอดีใกล้เดือน12 ได้ยินเสียงหมาข้างบ้านมันเห่าหอน ติดสัตว์)
ก็แหมมันค้านกับสายตาชาวบ้าน เคยเป็นเพื่อนรักกันมาแต่ครั้งไหน
เห็นด่าทอกันแทบไม่เลี้ยงในสภา กลับมากอดกันกลมในช่วงที่จะจัด
ตั้งรัฐบาล ทำกันไปได้ไม่กลัวเกรง
ส่วนที่ไอ้เด็กเวรเดินสายมอบดอกไม้กัน กอดคอจับมือถ่ายภาพกับผู้ถูกตัดสิทธ์
คนนั้นคนนี้ในช่วงนั้นก็ไม่ผิด เพราะไม่รู้ว่าเขาเข้าไปคุยอะไรกัน คุยเรื่องตั้งรัฐบาล
หรือไม่ เอาเข้าไป ก็คงมีแต่พวกเมิงเท่านั้นแหละที่ไม่รู้ ชาวบ้านชาวช่องเขารู้
กันทั้งนั้นว่าเข้าไปคุยกันเรื่องอะไร คงไม่ใช่ไปคุยเรื่องหมาที่บ้านจะออกลูกละม้าง
มาครั้งนี้ การเชิญผู้ตัดสิทธิ์เข้าไปพูดคุย ในบ้านพิษณุโลก(สถานที่ราชการ)
โดยคุยกับรัฐบาล แม้จะอ้างว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่แกนนำพรรคการเมือง
ก็ฟังไม่ขึ้นหรอกโว้ย เพราะถ้าไม่ใช่แกก็คงไม่เชิญเข้าไปพูดคุย และถึงไม่ใช่
ก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะคนเหล่านี้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง การจะมาขอความคิดเห็น
ทางการเมืองทำได้หรือ การมาปรึกษาหารือกันเรื่องนี้ ถูกอยู่หรือ เพราะไอ้เทือก
ก็รับเองว่าเชิญมาถามความคิดเห็น แล้วจะอย่างไร แก้ตัวให้อีกว่า ไม่รู้ว่ามาคุยกัน
เรื่องอะไรไม่ได้แล้วนา
ก็มันเป็นเสียอย่างนี้ บ้านนี้เมืองนี้ถึงไม่น่าอยู่ หากไม่จัดการอะไรสักอย่าง
จะทนอยู่กันไปได้อีกนานเท่าไร ฉันน่ะเกือบจะทนไม่ไหวแล้วนา
ขอบคุณคอลลัมน์"...เป็นประชารัฐ" ในนสพ.โลกวันนี้ ประจำวันที่ 6ตค. 50
เขียนโดย"ลอย ลมบน" ที่ทำให้ปรอทแตก ฉุนกึก จนต้องเอามาเขียนต่อ
อิ๊ๆ มีคุณพ่อลูกสี่คอยจ้องจับผิดจนเกร็งไปหมดแล้ว
คงจะจริงอย่างว่า ความโกรธทำให้ขาดสติ เขียนพ.ศ.ผิดไปตั้ง2ปี
คุณนุชขา ป้าอยากได้ปุ่มอีดิต แก้ไขคำผิดน่ะค่ะ เมื่อไหร่จะได้คืน
มาเสียที ป้าอายนะคะ ชอบเขียนผิดแล้วแก้ไม่ได้น่ะ ขอบคุณค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น