อ่านเรื่องอ.ชา ท่านสอนเรื่อง"การรักษาศีล"
ท่านว่า
การรักษาศีลก็คือมาดูกาย มาดูวาจาของเรานี้
ใครจะเป็นคนดู จะเอาใครมาดู เวลาไปฆ่าสัตว์ใครเป้นคนรู้ มือนั้นหรือเป้นผู้รู้
หรือใครรู้ จะไปขโมยของเขา อย่างนี้ใครจะเป็นผู้รู้ จะไปประพฤติผิดในกาม
ใครหรือเป็นผู้รู้ก่อน กายนี้หรือมันรู้ เราจะพูดเท็จ อย่างนี้เป้นผู้รู้ก่อน เราจะพูด
คำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ อย่างนี้ใครรู้ก่อน ปากนั่นหรือมันรู้ หรือคำพูดมันรู้ก่อน
ให้พิจารณาดู
ใครมันรู้ก็ให้ผู้นั้นแหละรักษามัน ใครเป็นผู้รู้ก็ผู้ผู้นั้นแหลพดู ผู้ใดรู้ผู้นั้นรักษา
เอาผู้ที่มันพาผู้อื่นทำนั่นแหละ
มันพาทำดี มันพาทำชั่ว เอาผู้ที่มันพาทำนั่นมารักษา...
ดังนั้นคนจะรักษาศีลได้ ต้องรู้จักตัวเองก่อน การมาบอกให้คนอื่นรักษาศีลห้า
โดยที่ตนเองยังไม่รู้เลยว่าตัวทำอะไรลงไป ยังไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ปฏิเสธอยู่ตลอดเวลา
ว่าไม่ได้เป็นคนสั่งฆ่า ไม่ว่ากัน คนเราทำอะไรก็รู้อยู่เต็มอก ถึงจะปฏิเสธ
กับคนอื่นได้ แต่ในใจของตัวก็ต้องรู้อยู่ดี
เมื่อวานฟังคุณสุนัย จุลพงศธร พูดที่ราชบุรี แล้วชอบใจมาก เธอว่า
"อภิสิทธิ์ห้ามใครพูดว่า สั่งฆ่าประชาชน จะฟ้องทุกคนที่พูด แต่อยาก
ถามว่าถ้าไม่ได้สั่งฆ่า ทำไมไม่สั่งห้าม เมื่อรู้ว่าจะมีการฆ่า"
อันนี้น่าสนใจนะคะ ผิดกฎหมายด้วย เพราะเห็นเขาจะฆ่าคนแล้วไม่ห้าม
ต้องโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด กฎหมายอาจเอาผิดไม่ได้ เพราะมีพรก.ฉฉ.
คุ้มกะลาหัวอยู่ แต่กฎแห่งกรรมคงเลี่ยงไม่ได้ ทำอะไรไป พูดอะไรไป ต้องรู้อยู่แก่ใจ
ปฏิเสธไม่ได้ ความจริงมันจะตามหลอกหลอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น