วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องแปลกเรื่องที่สอง

ก็บอกแล้วประเทศนี้มันแปลก ปากบอกว่าปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย
แต่ยังมีคนออกมาบอกว่า "ประชาธิปไตย ไม่ได้แปลว่าเสียงส่วนใหญ่สำคัญ"
อ้าวเพ่ งั้นต้องมาเรียนภาษาไทยกันใหม่ อธิปไตยแปลว่าเป็นใหญ่ไม่ใช่หรือ
ประชาธิปไตย จึงแปลว่าประชาชนเป็นใหญ่ เมื่อประชาชนเป็นใหญ่ แต่ทุกคนเข้่า
มาทำงานพร้อมกันไม่ได้ จึงต้องมีการเลือกตั้งผู้แทนของปวงชนเข้าไปทำหน้าที่
ในสภาผู้แทนราษฎร ชื่อก็บอกแล้วว่า เป็นสภาของผุ้แทนประชาชน ประชาชนเขา
เลือกเข้ามาเอง หวังว่าจะให้มาทำหน้าที่แทนตน เป็นปากเป้นเสียงแทนตน
และยังหวังว่าจะมาเป็นรัฐบาลเพื่อ ผลักดันนโยบายที่เอาไปใช้หาเสียงให้ได้
เห็นเป็นรูปธรรม

ดังนั้นหากประชาชนเลือกพรรคใดมาก ก็เพราะหวังว่าจะได้มาเป็นรัฐบาล
แต่แปลกแฮะ ประเทศนี้ไม่ยักจะเป็นอย่างนั้น เพรานักการเมืองผุ้คร่ำหวอด
ออกมาฟันธงว่า‘สุวัจน์’ฟันธงเสียงพรรคเล็กชี้ขาดตั้งรัฐบาล

โอ้ละหนอการเมืองไทย ก็ที่เป็นพรรคเล็ก เพราะคนเขาไม่ค่อยเชื่อถือ เขาเลยไม่ได้
เลือกกันมาให้มากๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ประเทศนี้ กลับกลายเป็นว่า พรรคเล็กพรรคน้อยเหล่านี้
กลายเป็นตัวชี้ขาดในการจัดตั้งรัฐบาล กล่าวคือ หากพรรคเล็กพรรคน้อยเหล่านี้
ยกมือโหวตให้พรรคใด พรรคนั้นก็จะกลายเป็นรัฐบาลทันที โดยลืมความจริงที่ว่า
ประชาชนเขาไม่ได้ปราถนาเช่นนั้น

แล้วอย่างนี้จะว่าเมืองไทยไม่แปลกอย่างไรได้ รู้ทั้งรู้ว่าพรรคเล็กพรรคน้อยเหล่านี้
ไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์ของชาติและบ้านเมือง แต่เอาประโยชน์ของตัวและพวกพ้องเป็นหลัก ใครให้ค่าตอบแทนดีกว่า ตำแหน่งมากกว่า ก็จะเฮละโลไปเข้าข้าง แล้วประชาชนได้อะไร

เมื่อไหร่หนอ คนไทยจะยกเลิกอัตตา เลิกคิดว่า"ตัวกูของกู" หากรู้ว่าไม่แน่จริง
แทนที่จะออกไปตั้งพรรคเล็กๆไว้คอยเก็บเกี่ยว ก็น่าจะเข้าไปรวมกับพรรคใหญ่ๆ
ที่ตนเองศรัทธาและเชื่อมั่น เพื่อการเมืองไทยจะได้ ดูดีขึ้น ไม่ใช่คอยวิ่งกันฝุ่นตะหลบ
เวลาจัดตั้งรับบาล แต่อย่างว่าเรื่องนี้คงเป็นแค่เรื่อง"พูดง่ายแต่ทำยาก" ที่ทำให้ประเทศนี้แปลกอีกเรื่องหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น: