สามัคคีเภทคำฉันท์ เป็นบทกวีที่แต่งโดยนาย ชิต บุรทัต เพื่อมุ่งชี้ความสำคัญ
ของการรวมเป็นหมู่คณะ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อป้องกันรักษาบ้านเมืองให้
มีความเป็นปึกแผ่นไม่ได้ต้องการเข้าไปร่วมในการต่อล้อต่อเถียงเรื่องแกนนำหรอกนะคะ
อ่านแล้วก็ผ่านไป แต่มันอัดอั้นทนไม่ไหว นึกได้ว่านี่กระมังคือการทำให้แตกสามัคคี
เรื่องแกนนำ ไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัวหรอกค่ะ ไม่เคยแม้แต่จะเข้าไปพูดจาด้วย
เจอตัวเป็นๆก็หลายที แต่ก็แค่เจอ จึงไม่ใช่ว่าจะมาพิทักษ์ปกป้อง เพราะผลประโยชน์
ทับซ้อนแต่อย่างใด
แต่ขอพูดในฐานะพลเมืองไทย เคยไปร่วมชุมนุมบ้าง แต่ก็เป็นบางครั้ง ไม่เคยไปกิน
ไปนอน ในที่ชุมนุม ไม่เคยถูกไล่ยิง ไม่เคยเห็นกับตาถึงความตาย
แต่เมื่อมีการชุมนุม แล้วเราเห็นด้วยก็ไปร่วม ไม่ได้ติดขัดกับแกนนำ ไปถึงใครพูดไม่ถูกใจ
ก็ไม่ฟัง ชอบคนไหนก็ฟังคนนั้น
แต่การออกมาโจมตีด่าว่าแกนนำก็ให้นึกสงสัยว่าทำไม ไม่มีใครทำอะไร
โดยไม่มีผิดพลาดหรอกค่ะ คำพังเพยเขาก็ว่า"สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง"
ไม่มีใครทำอะไรให้ถูกใจคนทั้งหมดได้
อะไรที่เกิดมันก็เกิดแล้ว คนตายก็ตายแล้ว คนรอดก็ต้องสู้ต่อไป ไม่ใช่มาเหยียบย่ำกัน
ไม่ใช่หรือคะ แกนนำอาจผิดได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า"คนที่ไม่ผิดเลย คือคนที่ไม่ได้ทำอะไร"
การชุมนุม ก็ไม่ได้มีการบังคับกะเกณฑ์ ใครอยากไปก็ไป ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดความ
เลวร้ายอำมหิตเช่นนี้
หลังการเสียชีวิตเมื่อเดือนเมษา เป็นใครก็ต้องนึกว่ามัน(รัฐบาล)ต้องไป
เพราะในอดีตไม่มีใครอยู่ได้แต่ก็มีเดือนพฤษภาขึ้นมาอีก โหดเหี้ยมอำมหิต
กว่าเดิมด้วยซ้ำ ถามว่ามีใครคิดบ่้างไหมว่ามันจะใจร้ายได้ขนาดนี้
ในอดีตไม่เคยมี แต่มันก็มีแล้ว เหนือความคาดหมาย
บางครั้งความตายอาจดีกว่าการติดคุกด้วยซ้ำ ภาพที่ลูกก็ยังเล็ก การพันธนาการออกสื่อ
ก็เป็นภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน(เพราะใครก็รู้ว่าเป็นนักโทษการเมือง) ทุกครั้งเข้าไปไม่นานก็ออก แต่ครั้งนี้กะให้ตาย ใครเคยคิดบ้าง
ไม่มีใครอยากให้เกิด เหตุการณ์เลวร้าย เคยคิดด้วยซ้ำว่าถ้าไม่พูดว่าให้เลิกชุมนุมก่อน
ให้กลับบ้านก่อน อาจเกิดโศกนาฏกรรมที่หนักกว่านี้ ภาพการเข้ามากราดยิงให้ตายทั้งหมด
อาจเกิดขึ้น
อะไรจะเกิดก็เกิดไปแล้ว การมาตำหนิติว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอกค่ะ นอกจากทำให้เสียกำลังใจ ทุกอย่างต้องถือเป็นบทเรียน หากครั้งหน้าใครคิดว่านำได้ดีกว่าก็ลองดู มันคงไม่จบ
แค่ครั้งนี้หรอกค่ะ คนที่พร้อมจะตามมีมากมาย แต่อย่าไปว่าคนที่เคยนำเลยค่ะ ขอร้อง
น่ั่นสิคะ ใครจะไปคิดว่าโหดร้ายได้ขนาดนี้ เคยได้ยิน คนที่ไม่ใช่เสื้อแดง แต่มีความเป็นธรรมในใจ
เขายังพูดว่ามันอำมหิตจริงๆ แต่ที่อำมหิตยิ่งกว่าคือพวกที่เห็นด้วยกับความอำมหิตนี้
แล้วเราจะใจไม้ไส้ระกำกับแกนนำอีกหรือ ไม่เชื่อว่าจะมีใครที่กล้าหาญเข้ามอบตัวทั้งๆที่รู้ว่าครั้งนี้
เขาเอาตาย และก็ไม่เคยคิดตำหนิคนที่หนีไป คนเรามีความคิดเห็นที่ต่างกัน การหนีก็เป้นหนทางการต่อสู้
อีกแนวทางหนึ่ง การด่าว่าให้เสียกำลังใจ ไม่ช่วยทำอะไรให้ดีขึ้นหรอกค่ะ
"ความตายและความเสียหายเกิดขึ้นหลังแกนนำประกาศมอบตัวแล้วถึง90% ครับ"
แล้วอยากให้เป็น100% เลยหรือเปล่าคะ เพราะเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าหากประกาศสู้ต่อจนตัวตาย ก็คงสมใจได้ตายกันทั้งหมด
บอกแล้วว่าการณ์ครั้งนี้เหนือความคาดหมาย การข่าวที่ว่าแกนนำหนีไปตั้งแต่เช้า แกนนำจะมอบตัว ก็คงเป็นเพราะเขาได้รับข้อมูล
บางอย่างมาว่าเขาเอาแน่ การเลิกเสียน่าจะดีกว่า แต่เคยรู้บ้างไหมว่า คำสั่งทีออกมาแล้ว มันหยุดไม่ได้ เขาสั่งฆ่าให้หมด
ถึงได้เห็นภาพการฆ่าที่วัดปทุมฯ
ไม่เคยคิดว่าคุณลุงจุก เป็นวัสสการพราหมณ์ ไม่เชื่อว่าจะเป็นคนมายุงยงให้แตกแยก แต่การตำหนิ มันทำให้เกิดการถกเถียง
ทำให้พวกที่ชอบและไม่ชอบออกมาต่อว่ากัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเสื้อแดง แต่อันนี้ต่างหากที่เขาต้องการให้เกิดคือความแตกสามัคคี
ในหมู่คนเสื้อแดงด้วยกัน ซึ่งก็คงไม่เป็นผล เพราะเสื้อแดงก็เป็นเสื้อแดง ไม่ว่าใครจะเป็นคนนำ เพราะมันแดงอยู่ในสายเลือด
เพียงแต่ไม่อยากให้กลายเป็นจุดอ่อนของพวกเราเท่านั้นเองค่ะ
เกิดสงสัยขึ้นมาว่าปัญหาในประเทศนี้ มันแก้ไม่ได้เพราะเรารักสงบเกินไปหรือเปล่า
เราเงียบเมื่อไม่พอใจ เห็นท่าจะไม่ได้แล้วค่ะ นั่นคือเหตุผลที่เขียนกระทู้นี้
สิ่งที่แกนนำได้รับ หนักหนาสาหัสสากรรจ์ การติดคุกโดยส่วนตัวคิดว่าแย่มากๆค่ะ
แต่ติดคุกแล้วยังถูกตำหนิยิ่งแย่ยิ่งกว่า
ขณะนี้ อะไรก็ไม่ดีไปกว่ากำลังใจ ให้กันและกันไว้ รอเวลาว่าวันหนึ่งเราจะชนะ
และคนที่ตายจะไม่ตายเปล่า (หากรู้ว่าข้างหน้าเป็นกำแพง มาหาทางช่วยกัน
ทะลายหรือปีนข้ามไปดีกว่านะคะ)อย่าวิ่งเอาหัวไปชนกำแพงเลยเจ็บเปล่าๆ
เผลอๆก็หัวแบะด้วย
เอาเถอะค่ะ แกนนำอาจทำไม่ถูก ที่สำคัญไม่ถูกใจอีกหลายคน
เข้าใจว่ามีคนยอมตาย แต่คนที่ไม่ยอมจะไม่บอกเขาหรือคะ
ว่าให้กลับบ้านเสีย
ไม่ได้เข้าข้างแกนนำไปทั้งหมด แต่เมื่อมันเกิดเหตุการณ์แล้ว
การออกมาตำหนิกันมันสมควรหรือ ถึงได้ท้วงติงไป ถ้าไม่เห็นด้วย
กับการกระทำของเขางวดหน้าเวลาเขาเรียกก็ไม่ต้องออกมาก็หมดเรื่อง
แต่ว่าคิดว่าถ้าเป็นแกนนำได้มาอ่านคำวิพากษ์วิจารณ์แรงๆอย่างนี้
เป็นป้าป้าก็ไม่ขอนำอีกหรอกค่ะ พอกันที
เคยคิดเหมือนกันว่าทำไม่ไม่ต่อรอง ทำไมคุณณัฐวุฒิไม่ส่งพี่น้องให้กลับบ้าน
เหมือนเมษาปีที่แล้ว แต่สภาพศพที่วัดปทุม ก็บอกให้รู้แล้วว่าพวกมันมาฆ่าอย่างเดียว
ไอ้ที่หวังจะต่อรองคงไม่มีทาง ช่วง10เมษา ที่ดูเหมือนคุณณัฐวุฒิห้ามทหารได้ บอกให้หยุดยิงก่อน
หลังจากเกิดการสูญเสีย แล้วทหารหยุด นั่นใครๆก็รู้ว่าไม่ใช่เพราะคุณณัฐวุฒิต่อรองได้
มันบังเอิญที่คนสั่งการตายและบาดเจ็บต่างหาก ทหารเลยต้องล่าถอย
จากเหตุการณ์ที่เกิดเชื่อว่า หากไม่ยอมมอบตัว จะต้องมีคนตายมากมายกว่านี้
การให้แกนนำนั่งเป็นไข่ดาว แบบจำลอง ก็เชื่อได้ว่าไม่มีทางสำเร็จ ไม่มีทางหยุด
พวกมันได้รับคำสั่งมาให้ฆ่าให้หมด เพราะไฟมันลามไปจะถึงตัวอยู่แล้ว ไม่ฆ่าให้สิ้นซาก
คงต้องเกิดการตายหมู่ของพวกมัน
มันอำมหิตเกินมนุษย์ (ก็เข้าใจว่ามันก็คน กลัวเป็นเหมือนกัน กลัวสูญเสีย กลัวจน
ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ยุติการเปิดโปงให้จนได้)
"แทนที่จะ "ต่อรอง" ขอเปิดทาง นี่สิคือการรักษาชีวิตที่แท้จริง" เชื่อว่าพวกสัตว์ที่ลุยเข้ามา
ไม่ได้รับคำสั่งให้เจรจาต่อรอง มันยกเลิกการเจรจาไปแล้ว ต้องการฆ่าให้หยุดเท่านั้นเอง
ดีที่ว่ามีนักข่าวมาก ไม่เช่นนั้น การกุดหัวแกนนำคงทำให้เห็นกับตา
ไม่ได้ว่าแกนนำทำถูกไปทั้งหมด ก็บอกแล้วว่าคนเราทำผิดได้ เขาอยู่ที่นั่นมา
70กว่าวันแล้ว มีใครเป็นกุนซือให้หรือเปล่าอันนี้ยังสงสัย ที่เขียนมา เพียงเพื่อ
จะบอกว่าอย่าตำหนิให้เสียกำลังใจ
ครั้งหน้าถ้าไม่มีอาวุธไม่มีกองกำลัง ป้าก็ไม่ร่วมเหมือนกันค่ะ แต่ไอ้อาวุธกะกองกำลังน่ะ
หากันได้หรือยังคะ ถ้าได้เมื่อไหร่ก็เอาเลย พวกมันอาวุธ กำลังพลครบ สั่งให้ยิงก็ยิง
แล้วคิดได้อย่างไรว่า ถ้าต่อรองแล้วเขาจะยอมต่อรองด้วย