จากข่าวนี้ค่ะ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงคำอวยพรวันเกิดครบรอบ 59 ปี
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรม
ทำได้เพียงแต่ยิ้มๆ และเดินออกจากกลุ่มผู้สื่อข่าวทันที
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรม
ทำได้เพียงแต่ยิ้มๆ และเดินออกจากกลุ่มผู้สื่อข่าวทันที
โถ ไม่รู้หรือว่าคนเขาจับตาดูอยู่ หากรักและหวังดีกับประเทศจริง
อย่างที่พร่ำบ่น ว่าอยากเห็นคนเขารักกัน สมัครสมานสามัคคีกัน
อภัยให้กัน หนักนิดเบาหน่อยก็อย่าถือสากัน
แล้วไอ้คนพูดมันทำได้ไหม เคยทำไหม คนเขาว่า สองคนนี้มีปัญหากัน
เขาสงสัยว่าจงเกลียดจงชังกัน ถึงขั้นต้องจองล้างจองผลาญกันให้สิ้นไป
ข้างหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อตัวเองเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง (เหมือนที่พยายามจะเป็น)
ก็ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ให้สมกับที่เกิดมานานหน่อย
ดูแต่คุณทักษิณ (ที่ไม่รู้ว่าในใจ จะเกลียดแค้นชิงชังขนาดไหน ที่โดนขนาดนี้)
แต่เมื่อไปพบกันโดยไม่ได้นัดหมายที่งานศพมารดา พลเอกอนุพงษ์ ภาพที่ทุกคน
เห็นคือ ภาพของคุณทักษิณ ยกมือไหว้ เท่านั้นเอง ที่ทุกคนอยากจะเห็น
แล้วมันก็กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ (ตามที่สื่อเกือบทุกขนานเรียกขาน) เป็นภาพ
ที่ใครเห็นก็สบายใจ บรรยากาศก็ดีขึ้น
แล้วนี่อะไรเพิ่งพูดหยกๆว่าอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข มันจะยากอะไรนักหนา
โอกาสก็ดี มีมาให้ถึงข้างหน้า กลับไม่คว้าเอาไว้ เขาไม่ได้ให้ไปขอโทษ
คุณทักษิณสักหน่อย เขาบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิด วันดีนะเนี่ย มีคำอวยพร
อะไรฝากไปให้ไหม กลับไม่พูด เสียไหมเนี่ย ตัวเองอาจไม่รู้สึก เพราะ
ถ้ารู้ได้คงไม่ทำอะไรที่มันดูเลวร้ายหลายๆอย่างสินะ
ยากอะไรนักหนาที่ผู้ใหญ่จะอวยพรวันเกิดอดีตนายกฯ แค่บอกว่าขอให้โชคดี
หรือขอให้มีสุขภาพดี หรืออะไรก็ได้ เพียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นคนแก่
เจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่ใช่รีบเดินหนีไป แทนที่อะไรจะดีขึ้น มันกลับเลวร้ายลง
เหมือนดังกระทู้ที่ตั้งไว้นั่นแหละค่ะ ว่าเขาวัดกันว่าใครเป็นผู้ใหญ่ ใครเป็นเด็ก
ก็ตรงนี้เอง ตรงที่ต้องรู้จักปล่อยวาง รู้จักให้อภัย รู้จักมีมุทิตาจิต รู้จักว่า
อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ในที่สาธารณะ มันต่างกันตรงนี้เอง แค่นี้ก็รู้แล้วว่า
คนบางคนอยู่มานานไปเสียแล้ว กาลเวลาที่มีชีวิตอยู่ก็หาได้ทำให้มีความคิดอ่านดีๆ
ขึ้นมาบ้างเลย กลายเป็นไอ้แก่ที่เจ้าคิดเจ้าแค้น แน่นอกไปเสียฉิบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น