วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ฟังไอ้เสื้อกั๊กพล่าม

โพสต์เมื่อ : 2008-07-27 12:13:25

ลองอ่านดู ความคิดความเห็นของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
เมื่อ 14 ตุลา 16 ไม่น่าเชื่อคนที่ออกมาเป็นผู้นำการต่อสู้เรียกร้อง พาคนไปตาย
มากมายกว่าสมัยจำลองเมื่อ พฤษภาทมิฬอีก

เวลาผ่านไปไม่นาน คนที่แอบยักยอกเงินบริจาคไปเรียนหนังสือหนังหาที่เมืองนอก
ชุบตัวแล้วกลับมาหมกตัวอยู่ในห้องสมุด เวลาทหารครองเมืองโดยการยึดอำนาจกลับหุบปาก
ซุกหัวอยู่ในกระดอง เมื่อไหร่ที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง
ต้องโผล่หัวออกมาตำหนิติเตียน ต่อว่าเสียดสีอย่างไม่มีความละอาย

"ธีรยุทธ"ชี้วิกฤติการเมืองไทย

ต่อมาเวลา 19.00 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพฯ ไทย-ญี่ปุ่น ถนนมิตรไมตรี มูลนิธิ 14 ตุลา ได้จัดปาฐกถาพิเศษวาระ 35 ปี 14 ตุลาวันสืบสานประชาธิปไตย เรื่อง "ทบทวนทิศทางประเทศไทย" โดยนายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าว สรุปใจความตอนหนึ่งว่า วิกฤติการเมืองไทยเกิดจากการคอร์รัปชั่นเป็นประวัติการณ์ มีการ ครอบงำองค์กรตรวจสอบและขัดขวางกระบวนการยุติธรรมในยุครัฐบาลทักษิณ เกิดการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 ขึ้น แต่พรรคพลังประชาชนดึงดันแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อรื้อล้างผลงานการตรวจสอบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จนเกิดการชุมนุมของพันธมิตรฯจนยกระดับการต่อสู้จากกลุ่มต่อต้านมาเป็นขบวนการทางการเมืองและเคลื่อนไหวได้ยืดเยื้อยาวนาน โดยมีเป้าหมายเพื่อลงโทษนักการเมืองโกงกินและปรับโครงสร้างอำนาจการเมืองใหม่ ทำให้ปัญหาการเมืองไทยทวีความยุ่งยากคลี่คลายลำบากมากขึ้น

สังคมอับจนไร้ทางออก

สำหรับวิถีทางแก้ปัญหากลับตีบตัน เพราะสังคมไทยเผชิญภาวะที่สุดแห่งวิกฤติศรัทธา เนื่องจากความชอบธรรมของสถาบันการปกครองต่าง ๆ ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เช่น ภาคการเมือง รัฐสภา ไม่ได้รับศรัทธาว่าจะนำพาประเทศชาติได้ เพราะแทนที่จะดับชนวนกลับจุดชนวนวิกฤติ ด้วยการดึงดันแก้รัฐธรรม นูญ สื่อ สถาบันวิชาการก็มีศรัทธาต่ำลง กองทัพ อดีตบุคคลชั้นนำก็ไม่ได้รับศรัทธาว่าจะมีบทบาทแก้ปัญหาได้ ขณะนี้สังคมไทยขาดเครื่องมือแก้ปัญหาทำให้จมอยู่ในภาวะอับจนไร้ทางออก และอำนาจตุลาการรับภาระหนักมากจนอาจเกิดอาการล้า อาจพาประเทศฟันฝ่าวิกฤติไม่ทัน อีกทั้งรัฐบาลกลับกระตุ้นสนับสนุนความรุนแรง จากคำพูดก้าวร้าวสร้างศัตรูไปทั่ว ซึ่งยิ่งจะทำให้สังคมถลำสู่ความรุนแรง ไร้ความเป็นพี่น้องและความมีมนุษยธรรมมากขึ้น

หวั่นซ้ำรอยหนักกว่า "6 ตุลา"

ดังนั้นประเทศไทยจึงอยู่ขอบเหวแห่ง อนาธิปไตยและความรุนแรง จึงต้องระวังเกิดบาดแผลประวัติศาสตร์ "ซ้ำรอยยิ่งกว่า 6 ตุลา"

โดยจะเกิดการเขย่าทางความคิดและนำไปสู่การปฏิรูปความคิดครั้งใหญ่ในสังคมไทย ทุกกลุ่มทุกสถาบันอำนาจในสังคมจึงต้องทบทวนความคิดของตน ตั้งคำถามใหม่ และหาคำตอบที่ชัดเจนขึ้นสำหรับบทบาทตัวเองและทิศทางการเมืองไทย เมื่อเกิดวิกฤติ รากหญ้าและประชาชนมักถูกกีดกันออกไปจากสมการการแก้ปัญหามาโดยตลอด อีกทั้งสังคมไทยอาจเผชิญความรุนแรงขนาดใหญ่กว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา 6 ตุลา หรือพฤษภา "วิกฤติทักษิณ" นอกจากประดิษฐ์คำเนี่ยเคยทำอะไรได้บ้างไหมที่ยืดเยื้อมากว่า 3 ปี ทำให้ความขัดแย้งกว้างและลึกขึ้น กลายเป็นระดับมวลชนทั่วประเทศ รักพวกพ้องอย่างสุดขั้ว มีโอกาสเกิดภาวะอนาธิปไตย ที่ไม่มีใครฟังใคร ใช้ความรุนแรงอย่างไร้เหตุผล โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มโกงกินบ้านเมืองใช้อามิส สินจ้างมาซ้ำเติม

"ขณะนี้ความรุนแรงย่อย ๆ ระหว่างมวลชนเกิดขึ้นแล้วหลายจังหวัดและมีโอกาสขยายเป็นความรุนแรงยืดเยื้อในวงกว้างขึ้น อาจถึงขั้นจลาจล ซึ่งรัฐบาลสมัคร ทุกองค์กร ทุกสถาบันของประเทศจะต้องตระหนักว่าปัญหามากเกินกว่าผู้คนบาดเจ็บล้มตาย แต่จะขยายเป็น บาดแผลของประวัติศาสตร์และสังคม ซึ่งจะลึกซึ้งกลายเป็นการแบ่งข้าง แบ่งพวก แบ่งภาค ถาวรยาวนาน มีความเจ็บปวด ความเคียดแค้น ล้างแค้นระหว่างกัน ซึ่งมีโอกาสลุกลามเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งแม้แต่การรัฐประหารก็อาจจะควบคุมสถานการณ์ไว้ไม่อยู่" นายธีรยุทธ กล่าว
ก็มันมีนักวิชาการปากหมานที่ดีแต่ออกมาเห่าอย่างพวกแกนี่แหละ
ที่ทำอย่างไรก็ยังไม่เห็นว่าไอ้พวกที่มาป่วนอยู่ข้างถนนนั้นทำไม่ถูก เฝ้าแต่ยุยงส่งเสิรม จนบ้านเมืองแทบจะแตกเป็นเสี่ยงอย่างนี้


จ่อมีเผด็จการเต็มรูปแบบ

นายธีรยุทธ กล่าวอีกว่า ไทยควรปฏิรูป "การเมืองใหม่" ตามแนวของพันธมิตรฯหรือไม่ แนวคิดนี้มุ่งแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น นำพาประเทศไปสู่วิถีความเจริญ เพราะนับวันการเมืองไทยจะยิ่งไม่มีทางเลือก มีโอกาสที่คนจะหันไปสนับสนุนแนวทางนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แนว ทางนี้มีข้ออ่อนคือสวนทางประชาธิปไตยที่ต่อสู้กันมานาน และจากประสบการณ์ของการปฏิวัติทั่วโลก คนดีมักมีความคิดสุดขั้วและอยู่ในกรอบจำกัด ในระยะยาวคนดีก็เสื่อมได้ เพราะอำนาจและผลประโยชน์ ประเทศจึงมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ถ้าจะเดินไปในเส้นทางนี้
โอ้โฮ เอางั้นเลยนะ ไอ้พวกเวรตะไลกลายเป็นคนดีที่มีความคิดสุดขั้วไปได้ไงเนี่ย พูดออกมาก็ดูสับสนในความคิดอยู่น่ะนา ตกลงจะเชียร์หรือไงล่ะ เกลียดนักเชียวไอ้พวกแทงกั๊กเนี่ยในอนาคต ความรุนแรงในสังคมไทยจะเกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยใน 1-2 ปีข้างหน้าจะมีความสุ่มเสี่ยงมาก ต่อการเกิดสถานการณ์ความรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้และอาจตามมาด้วยการรัฐประหารที่เป็นเผด็จการเต็มรูป

แนะช่องทางออกต้องมีสติ

สำหรับตุลาการภิวัตน์ ที่อาจส่งผลเป็นรูปเป็นร่างได้บ้างในช่วงปลายปี 2551 มีโอกาสก้ำกึ่งที่จะคลี่คลายวิกฤติ เพราะคนอาจมองว่าบรรลุผลน้อยเกินไป และหันไปมุ่งแก้ปัญหาอย่างสุดขั้ว ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯควรปรับวิธีต่อสู้ของตัวเองให้มีทั้งการเคลื่อนไหวทางความคิด สลับกับการเคลื่อนไหวมวลชนทั้งผ่อนสลับกับรุก ที่สำคัญในการเสนอความคิดใหม่ทางการเมือง ไม่ควรสวนทางประชาธิปไตย ควรเคารพประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยที่ต่อสู้กันมานาน ควรหาวิธีเปิดกว้างขวางสร้างเวทีความคิดสำหรับทุกฝ่าย ซึ่งต้องมีเวลาขั้นตอน จังหวะก้าวที่เหมาะสม

"อย่างน้อย 1 ปีข้างหน้า คนไทยต้องเจริญสติ มองการแก้ปัญหาทีละเปลาะ ๆ ผมเชื่อว่าทางเลือกที่มั่นคง ถาวร และดีที่สุดสำหรับระยะยาวของประเทศ คือ การสร้างประชาธิปไตยสมดุลเจ้าข้าเอ๊ย มาอีกแล้ว ประดิษฐ์คำ แปลเป็นไทยว่าไงล่ะ สมดุลย์ของแกเนี่ย 70/30 มันสมดุลย์หรือไง เด็กเพิ่งเรียนเลขยังรู้เลยว่ามันไม่สมดุลย์ ไม่เท่ากัน ทั้งยังเป็นหนทางที่เสี่ยงน้อยที่สุด สังคมควรสนับสนุนการทำงานของศาลในการลงโทษนักการเมืองที่คอร์รัปชั่น และสร้างกรอบวินัยทางจริยธรรมให้กับนักการเมือง นักวิชาการ สื่อ คนชั้นกลาง และสังคมทั่วไปยังควรต้องขยายพื้นที่ของการถกเถียงวิจารณ์ที่เป็นเหตุเป็นผล และขยายองค์ความรู้ในด้านประชาธิปไตยสมดุลมากขึ้น" นายธีรยุทธ กล่าว


ตกลงที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย แสดงให้เห็นว่าไอ้นักวิชาเกิน มันบ้ากันไปหมดแล้ว มองยังไม่ออกเลยว่าอะไรถูกอะไรควร กลายเป็นหมาบ้าที่มองเห็นคนที่เขามีสติเห็นว่าการออกมาเรียกร้อง
ขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นสิ่งถูกเป็นสิ่งควรกระทำ
ตราบใด ที่ไอ้คนในบ้านนี้เมืองนี้ ยังไม่เห็นว่ากระป่วนเมือง ไปทั่วๆ เป็นสิ่งผิด
เป็นสิ่งที่ต้องรีบแก้ไข ไม่ใช่ไปสนับสนุน ไอ้สงครามกลางเมืองก็คงต้องเกิดเร็วๆนี้แหละ เห็นด้วยอยู่อย่างว่างวดนี้ต้องแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเกิดมา เพราะคราวนี้มันจะเป็นขบวนการ

พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน

เลยเชียว

ไม่มีความคิดเห็น: