วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เชื่อกันไหมคะ

โพสต์เมื่อ : 2008-08-02 11:37:08


มีใครเชื่อบ้างว่าคตส.ทีเพิ่งหมดอายุไป ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์
กับอดีตนายกฯทักษิณ และครอบครัว

เนื่องมาจากการต่อสู้ทางคดี ที่ทางคณะทนายของคุณทักษิณ
มักจะยกมาเป็นข้อต่อสู้ในเกือบทุกคดี ซึ่งหากเป็นเมืองอื่น
ประเทศอื่น ข้อต่อสู้นี้ต้องได้รับการพิจารณา แต่บ้านนี้เมืองนี้
ท่านว่าไม่เกี่ยว ข้อต่อสู้ตกไป

เลยต้องกลับมาถามอีกว่าใครเชื่อบ้างว่าคตส. ที่ฟ้องเอา
ความผิดคุณทักษิณและครอบครัวทั้งคณะ ไม่ได้มีข้อขัดแย้ง
กับคุณทักษิณ มีความเป็นกลางจนน่าเชื่อถือ ใครจะเชื่อก็เชื่อ
ไปนะคะ แต่ดิฉันไม่เชื่อเด็ดขาด

เริ่มมาตั้งแต่การตั้งคณะคตส. ที่ถูกตั้งมาจากคมช.ที่ต้องถือว่า
เป็นปฏิปักษ์ กันคุณทักษิณมาตั้งแต่ต้น ไม่เช่นนั้นจะยกขบวน
ออกมายึดอำนาจหรือคะ เมื่อยึดอำนาจแล้ว ก็ต้องการจะลบชื่อ
คุณทักษิณออกจากสารบบ โดยการตั้งคณะกรรมการที่แม้จะตั้งชื่อ
สวยหรูว่าอย่างใด แต่ผลงานก็เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ได้ต้องการ
ที่จะตรวจสอบการกระทำของคนอื่นใดที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
นอกเสียจากคุณทักษิณและคณะรัฐบาลชุดที่ตนยึดอำนาจมา

การกล่าวอ้างว่าคณะกรรมการตั้ง11คน ยากที่จะเห็นตรงกัน
และเฝ้าทำลายคุณทักษิณได้ เพราะต่างก็เป็นกลาง
งั้นลองมาดูกันว่าคณะนี้มีใครบ้าง เริ่มมาตั้งแต่นายกล้าณรงค์
ที่เจ็บแค้นคุณทักษิณมาตั้งแต่สมัยซุกหุ้นภาคแรก ที่ถูกตะโกนด่า
ว่าเป็นพวกจ้องทำลาย ต่อมา จารุวรรณที่แล่นเข้าไปตั้งแต่คืนวันปฏิวัติ
ว่าสามารถเอาผิดได้ แล้วทีนี้มาดูกันว่า11คนมีใครบ้าง

* นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานกรรมการตรวจสอบ[2]
* นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบ
* นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบ
* นายกล้านรงค์ จันทิก
* คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
* นายจิรนิติ หะวานนท์
* นายบรรเจิด สิงคะเนติ
* นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์
* นายสวัสดิ์ โชติพานิช (ลาออก)
* นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์
* นายอุดม เฟื่องฟุ้ง
* นายอำนวย ธันธรา

ข้อน่าสังเกตคือ นายสวัสดิ์ โชติพานิช ที่เคยดำรงตำแหน่งเป็น
ประธานกรรมการในชุดเก่าที่ชิงลาออก เพราะอะไร แล้วเหตุใด
กรรมการชุดเก่าจึงไม่สามารถทำงานต่อไปได้

ทีนี้ลองมาดูรายชื่อกรรมการชุดก่อนดู
คณะกรรมการชุดเดิมที่มีนายสวัสดิ์ โชติพานิช เป็นประธาน ประกอบด้วย

*
o นายสวัสดิ์ โชติพานิช เป็นประธานกรรมการ
o ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน - คือ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
o อัยการสูงสุด - คือ นายพชร ยุติธรรมดำรง
o เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ - คือ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ
o เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน - คือ พลตำรวจตรี พีรพันธุ์ เปรมภูติ
o เจ้ากรมพระธรรมนูญ - คือ พลเอก อัฎฐพร เจริญพานิช
o ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย - คือ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล
o เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ - คือ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล

ซึ่งแต่ละรายชื่อก็พอจะดูได้ว่าเป็นกลาง แต่คมช.กลับไม่เอาไว้
ต้องตั้งขึ้นมาใหม่ ส่วนบางคนที่เก็บไว้ก็รู้ๆกันอยู่
แล้วมาดูว่าเหตุผลที่ตั้งใหม่คืออะไร
คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 เป็นคณะกรรมการชุดใหม่ที่ตั้งขึ้นทดแทน คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ที่มีอำนาจตรวจสอบการดำเนินงานหรือโครงการต่างๆ ที่ได้รับอนุมัติ หรือเห็นชอบโดยบุคคลในคณะรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง โดยผลการปฏิรูปการปกครอง ซึ่งตั้งขึ้นตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 23 [3] ลงวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยมีการแก้ไขอำนาจหน้าที่ หน่วยงานรองรับ ให้รัดกุมยิ่งขึ้น

โดยขยายอำนาจหน้าที่ให้ครอบคลุมถึงความผิดอันเกิดจากการหลีกเลี่ยงกฎหมายภาษีอากร

ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ และตัดรายชื่อกรรมการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่ามีความใกล้ชิดกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรออกไป


จากที่ยกมา มีหรือที่ใครจะเชื่อว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะเป็นกลาง
แม้แต่การแก้ไขข้อกำหนดที่จะเอาผิด ก็สอดแทรกลงไปใหม่เพื่อ
จะเอาผิดในเรื่องภาษีให้ได้

และมาดูคำสั่งยึดทรัพย์นี้ ดูซิว่าเป็นกลางขนาดไหน
คำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบ ที่ คตส. ๐๑๗/๒๕๕๐

ให้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ทุกบัญชีเงินฝาก ทุกธนาคาร และทุกสถาบันการเงิน

การอายัดทรัพย์ตามคำสั่งทั้งสองนี้ให้อายัดไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

อนึ่ง บุคคลใดกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของทรัพย์สินที่อายัดตามคำสั่งดังกล่าว และมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือมิได้เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้บุคคลนั้นยื่นคำร้องเพื่อพิสูจน์ต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ภายใน ๖๐ วัน นับแต่

วันออกคำสั่งนี้

วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๐


มีที่ไหน ยึดมันหมดทุกบัญชี ไม่ได้สนใจเลยว่ามันเกี่ยวข้อง
กับคดีความที่ตัวกำลังหาทางเอาผิดหรือไม่ ไม่เฉพาะแต่บัญชี
ของคุณทักษิณ แต่ไล่รวมไปถึงบัญชี ของลูกเมีย ไม่สนใจ
แม้แต่ว่า คุณทักษิณท่านร่ำรวยมาก่อนเล่นการเมืองด้วยซ้ำ

แล้วอย่างนี้จะออกมาแก้ตัวให้ตายก็เชื่อไม่ได้ล่ะค่ะว่าเป็นกลาง
ไม่มีอติต่อคุณทักษิณ คนเรากล้าทำต้องกล้ารับ ความเชื่อของ
คนเขาเชื่อกันหมดแล้วว่าไม่เป็นกลาง ไม่เป็นธรรม การออกมาพูดว่า
ตัวเองไม่มีอคติยิ่งดูไม่มีน้ำหนัก ไม่เชื่อไปถามคนที่ไม่ชอบคุณทักษิณดู
ก็ยังได้ว่า พวกเขาเชื่อไหมว่า คณะกรรมการชุดที่หมดอายุไปเป็นกลาง

ไปค้นข่าวเก่า เจอคอลัมน์ คาบลูกคาบดอก เขียนโดยหมัดเหล็ก
ลงนสพ.ไทยรัฐ เม่อวันที่1กค.51 ลองอ่านดูเถอะค่ะ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าที่เขาว่าเขาเป็นกลางนั้นกลางใจใคร
กันแน่

ส่งท้ายคตส. [1 ก.ค. 51 - 17:58]

การทำหน้าที่ของ คตส. ที่สิ้นสุดลงไปเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลา 1 ปีกับ 9 เดือนจะถือว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวนานาจิตตัง ด้วยคตส.ไม่ใช่ขบวนการยุติธรรม คตส.ไม่มีอำนาจในการตัดสินว่าใครผิดใครถูก ดังนั้นผลลัพธ์หรือคำตอบจะอยู่ที่ ขบวนการยุติธรรมเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ที่ผ่านมาคตส.ถูกมองอีกมุมหนึ่งว่า เป็นองค์กรที่เกิดมาจากผลพวง ของการปฏิวัติรัฐประหารไม่ใช่องค์กรที่เกิดขึ้นตามกลไกของระบอบประชาธิปไตยเพราะฉะนั้น คตส.จึงด้อยความเชื่อถือโดยปริยาย ประกอบกับมีคนส่วนหนึ่งเชื่อว่า บุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ล้วนแล้วแต่ อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามระบอบทักษิณ

จึงห่างไกลจากความชอบธรรม

เมื่อ คตส.ปราศจากไม้ค้ำยันนั่นคือ คมช.เสียแล้ว คตส.ก็ไม่ต่างอะไร จากเสือกระดาษเหลือเพียง ป.ป.ช.เท่านั้นที่ยังพอฝากผีฝากไข้ได้บ้าง

ในเอกสารบันทึกการรับและส่งมอบงานตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐระหว่าง คตส.และ ป.ป.ช.สรุปผลงานเอาไว้ว่ามีการตรวจสอบและไต่สวนทั้งสิ้น 24 เรื่องจำนวน 14 แฟ้ม ส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว 4 คดี คือ 1. คดีที่ดินรัชดาฯ 2. คดีหวยบนดิน 3. คดีจัดซื้อกล้ายางพาราและ 4 ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่าโดยเอ็กซิมแบงก์ในจำนวนนี้มีเพียงคดีเดียว เท่านั้นคือที่ดินรัชดาฯที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องที่เหลือคตส.เป็นโจทก์ฟ้องเอง

และยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดอีก 7 เรื่องคือ 1. แอมเพิลริชซื้อขายหุ้นจากชินคอร์ป 2. ซีทีเอ็กซ์ 3. ท่อร้อยสาย 4. การคงไว้ซึ่งหุ้นและธุรกิจสัมปทานแปลงเป็นภาษีสรรพสามิต 5. คดีกรุงไทยปล่อยกู้กฤษดามหานคร 6. คดีบ้านเอื้ออาทรและ 7. คดีได้ทรัพย์สินจากธุรกิจชินคอร์ป

อยู่ในระหว่างรอส่งสำนวน 6 เรื่อง เกี่ยวข้องกับกรณีบ้านเอื้อ-อาทร 4 คดี ที่เหลือเป็นคดีแอร์พอร์ตลิ้งค์และคดีรถและเรือดับเพลิงของ กทม.

สอบสวนยังไม่เสร็จ 2 เรื่องคือเซ็นทรัลแล็บและการซื้อสโมสรฟุตบอลแมนซิตี้ และเป็นเรื่องที่เสนอให้ ป.ป.ช.ไต่สวนอีก 5 เรื่องเกี่ยวข้องกับการสัมปทานโทรศัพท์และการเคหะฯ

เกือบทุกคดีบุคคลที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ทั้งสิ้นนำไปสู่การอายัดทรัพย์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่า คตส.ทำแบบเหวี่ยงแห มีการตั้งธง โดยมุ่งที่ผลประโยชน์สกัดความเคลื่อนไหวทางการเมืองมากกว่าข้อเท็จจริง

ผมไม่วิจารณ์ว่าผลงานของคตส.เป็นอย่างไรด้วยเหตุผลหลายประการวันข้างหน้าจะ มีคำตอบด้วยเนื้อในของคตส.เองจากศาลยุติธรรมและศาลรัฐธรรมนูญแม้จะซุกอยู่ใต้ปีก ป.ป.ช.ก็หนีไม่พ้นผลการกระทำ.

"หมัดเหล็ก"

ไม่มีความคิดเห็น: