ไม่น่าเชื่อ อยู่ดีๆ ก็เจอหนังสือชื่อ "ทิฎฐิ คืออะไร" ของท่านพุทธทาสภิกขุ
หนังสือเก่ามากเลยนะคะ จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามาจากไหน แต่จัดโต๊ะคอมพ์
ก็เจอเฉยเลย หนังสือเล่มเล็กๆ บันทึกการบรรยาย อบรมพระนวกะนิสิต บวช
ระหว่างปิดภาคฤดูร้อน รุ่นปี 2515 เก่าจนเกือบกรอบนะคะ อ่านแล้วต้องเอามาแบ่งปัน
....สำหรับ คำว่า"ทิฏฐิ"ในภาษาไทย เรามักจะเล็งกันถึง ทิฏฐิมานะ
ไม่ใช่เพียงความเห็นเฉยๆ แต่หมายถึง มานะไม่ยอมใครด้วย นี่คำว่าทิฏฐิ
มันมักเป็นเสียอย่างนี้ มันไปตรงกับคำว่า ทิฏฐิมานะ เสียมากกว่า
ทิฎฐิ คำนี้มันก็ตรงกับคำสันสกฤตที่ว่า ทฤษฺฎิ แล้วก็มาเป็น ทฤษฎี ในภาษาไทยเรา
พอมาเป็นทฤษฎีมันก็เปลี่ยนความหมายไปอีก กล่าวคือที่เป็นเพียงทฤษฎี และก็เป็น
ทฤษฎีที่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบก็ได้ คือจะเป็นทฤษฎีอันใดอันหนึ่งที่เสนอขึ้นมา
ก็เรียกว่า"ทฤษฎี"ได้ ไม่ได้เล็งถึงความเห็นที่จรองจังอย่างใด เหมือนกับคำเดิม
คือ คำว่า"ทฤษฎี" ในภาษาบาลีนั้น
ภาษาบาลี คำว่า ทิฎฐิก็หมายถึงความคิดเห็นที่บุคคลนั้นมีอยู่จนตัวตายสำหรับเขา
เปลี่ยนไม่ได้ บางทีก็เรียกว่า"ปัจเจกสัจจะ" คุณลองจำคำนี้ไปดูเล่น "ปัจเจกสัจจะ"
แปลว่า ความจริงเฉพาะบุคคลคนหนึ่ง ปัจเจกะ แปลว่าเฉพาะบุคคลคนหนึ่ง สัจจะ
แปลว่าความจริง ความจริงเฉพาะบุคคลนั้น ก็คือทิฎฐิความคิดเห็นของบุคคลนั้น.."
คงไม่ต้องบรรยายต่อล่ะนะคะ คิดเอาเองได้ว่าทฤษฎีของมาร์คก็คงไม่ต่างจากทิฏฐิมานะ
สักเท่าไหร่
แม้ปัจจุบันจะใช้แค่"ทิฐิ"นะคะ เพราะเราพยายามจะทำให้เป็นภาษาไทย โดยปกติ
ก็มักจะเป็นอย่างนั้น เช่นคำว่า"ณํฎฐา" พอมาเป็นภาษาไทยก็เลยลดรูป ตัด"ฎ"ออก
กลายเป็นไม้หันอากาศแทน อิอิ เดี๋ยวจะหาว่าตกภาษาไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น