"เจาะยาง" ยื้อปิดเกม? [6 ต.ค. 51 - 02:51]
แย่งซีน เล่นเอาข่าวเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จืดไปเลย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจล็อกตัว "มหาจำลอง" พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
แกนนำม็อบพันธมิตรฯ 1 ใน 9 ที่ถูกออกหมายจับข้อหากบฏ
คาหน่วยเลือกตั้ง หลังจากออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปใช้สิทธิ
เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในหน่วยเลือกตั้งที่ 12 ภายในโรงเรียน
เศรษฐเสถียร ถนนพระราม 5 เขตดุสิต กรุงเทพฯ
ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจตระเวน
ชายแดนภาค 1 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่เคยควบคุมตัวนายไชยวัฒน์
สินสุวงศ์ 1 ใน 9 แกนนำม็อบพันธมิตรฯ ที่ถูกออก
หมายจับในข้อหาเดียวกัน และถูกจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้
จับ "จำลอง" กลายเป็นไฮไลต์ประจำวัน
อย่างไรก็ตาม ฟังจาก พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1
ในฐานะรับผิดชอบพื้นที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร รายงานเหตุการณ์นาทีสำคัญ
พล.ต.จำลองได้เข้ามาภายในบริเวณหน่วยเลือกตั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำ
หน่วยได้แจ้งให้ผู้กำกับ สน.สามเสน นำหมายจับมา และ
พล.ต.จำลองทราบก่อนจับกุมตัวแต่โดยดี โดยไม่มีการขัดขืน
เหมือนเตรียมตัวมาถูกจับล่วงหน้า
และก็ทันทีทันใด ถัดจากนาทีล็อกตัว "มหาจำลอง" ไม่นาน
ความเคลื่อนไหวของม็อบพันธมิตรฯบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล
ผู้ดำเนินรายการได้อ่านจดหมายลาของ "มหาจำลอง"
ด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น
ก่อนปลุกระดมให้แนวร่วมม็อบออกมาชุมนุม
บอกจุดที่รถบัสจะไปจอดรับ ขนคนตามต่างจังหวัด
แต่ที่พูดกันชัดกว่าใคร พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน.
เพื่อนรักร่วมรุ่น จปร.7 ของ "มหาจำลอง" ได้อ่านไต๋ตรงๆเลยว่า
การจับกุม "มหาจำลอง" เป็นแผนระดมคน เนื่องจาก พล.ต.จำลอง
รู้ตัวอยู่แล้วว่า ถูกสะกดรอย และมีตัวอย่างนายไชยวัฒน์ ที่ถูกจับกุม
ไปก่อนหน้านี้
นี่แหละที่เอะใจ เกมของใคร
ที่แน่ๆถ้าเป็นการส่งซิกของฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องบอกว่า "บ้องตื้น" เอามากๆ
เพราะโดยรูปการณ์ก็อย่างที่หลายฝ่ายยังอิจฉาในความ "มือขึ้น"
ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เข้ามารับตำแหน่ง
ท่ามกลางสถานการณ์ที่เอื้อให้
"ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
เปิดบ้านสี่เสาฯให้เข้าเยี่ยมคารวะ ฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าที่เจ้าทาง
ตามติดมาด้วยการประชุมร่วม 4 ฝ่ายระหว่างนายกฯสมชาย
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา
และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน
มีมติร่วมกัน ปลดล็อกมาตรา 291
เปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยช่องทางการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)
ภาค 3 ระดมตัวแทนจากประชาชนทุกจังหวัด และทุกสาขาวิชาชีพ
เริ่มเห็นช่องผ่องวิกฤติการเมือง
อย่างน้อยจากหนทางตันๆ โอกาสก็เปิดช่องให้รัฐบาลหายใจ
อ่านกันตามเงื่อนเวลา กว่าจะกำหนดรูปแบบให้ลงล็อกลงตัว
ก่อนจะเลือกตั้ง ส.ส.ร.ทุกกระบวนการต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายช็อต
รัฐบาลดึงจังหวะลากเกมยาวได้
ในขณะที่อีกทางหนึ่ง "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี
ก็กำลังพูดจาภาษาดอกไม้กับ "มหาจำลอง" ตามประสาน้องพี่ "ลูกป๋า"
รับมุกไต่บันไดลงจากหอคอย
เกมกำลังไหลเข้าทางแท้ๆ แล้วใครล่ะที่แอบเจาะยาง
ฝ่ายไหนกันแน่ ที่ไม่อยากให้เกมจบ
แต่ก็อีกนั่นแหละ ในมุมมองของสื่อต่างประเทศ สำนักข่าวเอพี
รายงานข่าวการจับกุมตัว "มหาจำลอง" ภายหลังจากเดินทางไปใช้
สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยบรรยายเนื้อข่าวว่า "มหาจำลอง"
ถือเป็นแกนนำคนที่ 2 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
(People's Alliance for Democracy : PAD) ต่อจาก
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ที่ถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
โดยถือเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
หลังจากที่มีการออกหมายจับ (arrest warrants)
แกนนำกลุ่ม PAD จำนวน 9 คน เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม
ที่ผ่านมา ในข้อหากบฏ ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
หลังจากเป็นแกนนำในการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลไทย
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ รายงาน
แย่งซีน เล่นเอาข่าวเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จืดไปเลย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจล็อกตัว "มหาจำลอง" พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
แกนนำม็อบพันธมิตรฯ 1 ใน 9 ที่ถูกออกหมายจับข้อหากบฏ
คาหน่วยเลือกตั้ง หลังจากออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปใช้สิทธิ
เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในหน่วยเลือกตั้งที่ 12 ภายในโรงเรียน
เศรษฐเสถียร ถนนพระราม 5 เขตดุสิต กรุงเทพฯ
ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจตระเวน
ชายแดนภาค 1 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่เคยควบคุมตัวนายไชยวัฒน์
สินสุวงศ์ 1 ใน 9 แกนนำม็อบพันธมิตรฯ ที่ถูกออก
หมายจับในข้อหาเดียวกัน และถูกจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้
จับ "จำลอง" กลายเป็นไฮไลต์ประจำวัน
อย่างไรก็ตาม ฟังจาก พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1
ในฐานะรับผิดชอบพื้นที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร รายงานเหตุการณ์นาทีสำคัญ
พล.ต.จำลองได้เข้ามาภายในบริเวณหน่วยเลือกตั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำ
หน่วยได้แจ้งให้ผู้กำกับ สน.สามเสน นำหมายจับมา และ
นำเรียน
ให้พล.ต.จำลองทราบก่อนจับกุมตัวแต่โดยดี โดยไม่มีการขัดขืน
เหมือนเตรียมตัวมาถูกจับล่วงหน้า
และก็ทันทีทันใด ถัดจากนาทีล็อกตัว "มหาจำลอง" ไม่นาน
ความเคลื่อนไหวของม็อบพันธมิตรฯบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล
ผู้ดำเนินรายการได้อ่านจดหมายลาของ "มหาจำลอง"
ด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น
ก่อนปลุกระดมให้แนวร่วมม็อบออกมาชุมนุม
บอกจุดที่รถบัสจะไปจอดรับ ขนคนตามต่างจังหวัด
แต่ที่พูดกันชัดกว่าใคร พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.รมน.
เพื่อนรักร่วมรุ่น จปร.7 ของ "มหาจำลอง" ได้อ่านไต๋ตรงๆเลยว่า
การจับกุม "มหาจำลอง" เป็นแผนระดมคน เนื่องจาก พล.ต.จำลอง
รู้ตัวอยู่แล้วว่า ถูกสะกดรอย และมีตัวอย่างนายไชยวัฒน์ ที่ถูกจับกุม
ไปก่อนหน้านี้
นี่แหละที่เอะใจ เกมของใคร
ที่แน่ๆถ้าเป็นการส่งซิกของฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องบอกว่า "บ้องตื้น" เอามากๆ
เพราะโดยรูปการณ์ก็อย่างที่หลายฝ่ายยังอิจฉาในความ "มือขึ้น"
ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เข้ามารับตำแหน่ง
ท่ามกลางสถานการณ์ที่เอื้อให้
"ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
เปิดบ้านสี่เสาฯให้เข้าเยี่ยมคารวะ ฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าที่เจ้าทาง
ตามติดมาด้วยการประชุมร่วม 4 ฝ่ายระหว่างนายกฯสมชาย
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา
และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน
มีมติร่วมกัน ปลดล็อกมาตรา 291
เปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยช่องทางการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)
ภาค 3 ระดมตัวแทนจากประชาชนทุกจังหวัด และทุกสาขาวิชาชีพ
เริ่มเห็นช่องผ่องวิกฤติการเมือง
อย่างน้อยจากหนทางตันๆ โอกาสก็เปิดช่องให้รัฐบาลหายใจ
อ่านกันตามเงื่อนเวลา กว่าจะกำหนดรูปแบบให้ลงล็อกลงตัว
ก่อนจะเลือกตั้ง ส.ส.ร.ทุกกระบวนการต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายช็อต
รัฐบาลดึงจังหวะลากเกมยาวได้
ในขณะที่อีกทางหนึ่ง "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี
ก็กำลังพูดจาภาษาดอกไม้กับ "มหาจำลอง" ตามประสาน้องพี่ "ลูกป๋า"
รับมุกไต่บันไดลงจากหอคอย
เกมกำลังไหลเข้าทางแท้ๆ แล้วใครล่ะที่แอบเจาะยาง
ฝ่ายไหนกันแน่ ที่ไม่อยากให้เกมจบ
แต่ก็อีกนั่นแหละ ในมุมมองของสื่อต่างประเทศ สำนักข่าวเอพี
รายงานข่าวการจับกุมตัว "มหาจำลอง" ภายหลังจากเดินทางไปใช้
สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยบรรยายเนื้อข่าวว่า "มหาจำลอง"
ถือเป็นแกนนำคนที่ 2 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
(People's Alliance for Democracy : PAD) ต่อจาก
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ที่ถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
โดยถือเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
หลังจากที่มีการออกหมายจับ (arrest warrants)
แกนนำกลุ่ม PAD จำนวน 9 คน เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม
ที่ผ่านมา ในข้อหากบฏ ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
หลังจากเป็นแกนนำในการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลไทย
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ฝรั่งยึดมุมของกฎหมายแน่นเลย.
ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ รายงาน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประเทศไทยมันถึงไม่เจริญ
ทัดเทียมอารยะประเทศอื่นๆเขาเสียที ก็เรามีคนคิดอย่างนี้ สะท้อนออกมา
ผ่านสื่อ ประเทศที่ทำอะไรตรงๆไม่เป็น มีกฎหมายก็พยายามเลี่ยง
มีการใช้กำลังภายใน มีการเล่นบทยื้อ ลับ ลวง พราง ที่สำคัญมีมาเฟีย
(เจ้าที่เจ้าทาง) เสียอีก มันจะไปต่างอะไรกับนักเลงโตที่คอยคุมบ่อน
คุมซ่องว้า ใครจะเข้ามาต้องไปคารวะก่อน ไม่งั้น เดี๋ยวแม่งส่งลูกน้อง
ออกมาป่วน ไม่ต้องทำมาหากินกิน ไม่ต้องทำงานกันเลยทีเดียว
แต่ฝรั่งเขาไม่คิดอย่างนั้น ยังไปกระแนะกระแหนเขาอีกว่ากอดกฎหมาย
แน่นเลย ทุเรศจริงๆ การจับกุมครั้งนี้ ไม่เห็นจะเสียอะไรเลย มีแต่ได้
ดีเสียอีก ฝรั่งและคนทั้งโลกเขาจะได้เห็นเสียทีว่ากฎหมายไทยศักดิ์สิทธิ์
แต่แค่นี้ก็อายเขาจะแย่ที่เขาไปลงว่าหลังจากมีหมายจับออกมาตั้งแต่
27 สิงหา อุแม่เจ้า หัวหางก็เห็นๆอยู่ แต่ไม่จับ รอเวลามากว่าเดือน
เฮ้อ "ประเทศสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง"
ส่วนของเดลินิวส์ นี่ยิ่งบ้าหนักเข้าไปอีก เสนอข้อคิดอย่างนี้นี่เอง
คนเขาถึงได้เลิกซื้อนสพ. ทุเรศเหลือจะกล่าว
คุยการเมือง : มรดกกรรม
ตอนแรกนึกว่า หลังจากได้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้มีบุคลิกสุภาพอ่อนโยนมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จะทำให้บ้านเมืองสงบลงบ้าง
แต่พอถึงเวลาจริงแล้วกลับไม่ใช่ เดี๋ยวอ่อนเดี๋ยวแข็ง
ไม่คงเส้นคงวาเหมือนกับมี 2 บุคลิกในตัวคนเดียว
ก่อน หน้านี้ นายสมชาย ตัดสินใจเลื่อนการไหว้บรรพบุรุษของภรรยาที่ จ.เชียงใหม่ออกไป เพื่อกลับไปไปไหว้กระดูกบรรพบุรุษของตัวเองก่อนที่ จ.นครศรีธรรมราช ทำให้หลุดจากภาพการถูกครอบงำจากตระกูลชินวัตรได้บางส่วน
ต่อมาเมื่อขอเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรี เพื่อขอคำแนะนำ ยิ่งตอกย้ำ
ให้เห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากนายสมัคร สุนทรเวช
ยิ่งมาเน้นการเจรจากับกลุ่มพันธมิตร
โดยส่ง พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ เพื่อนสนิท
ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตร
ยิ่งมีแต่เสียงชื่นชม
ไม่จริงม้าง คนไม่เห็นด้วยเขาก็เยอะแยะ
ทั้งหมดข้างต้นนี้เป็น ภาพบวก ที่เป็นความหวังเดียวอันจะทำให้
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ที่นิยม และกลุ่มที่เกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หันหน้าเข้าหากันข้อนี้ก็ไม่จริงอีกแหละ ไม่รู้จริงหรือ ว่าการที่จะหันหน้าเข้าหากันน่ะ
ไม่มีทาง
จนกระทั่งตำรวจไปซุ่มจับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่ม
พันธมิตรในรถยนต์ขณะจะผ่านด่านขึ้นทางด่วนตรงคลองประปา
เท่ากับปิดประตูการเจรจาให้กลุ่มพันธมิตรยอมออกจากทำเนียบ
ด้วยสันติวิธี
เท่านั้นไม่พอ เมื่อ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ทำหน้าที่ตามระบอบ
ประชาธิปไตยโดยไปลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แทนที่ตำรวจ
เฝ้าหน่วยเลือกตั้งจะเลี่ยงเดินไปเข้าห้องน้ำ เพื่อไม่ให้มีความผิด
ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ กลับโทรศัพท์ไปแจ้งผู้บังคับบัญชา จนกระทั่งมีการจับกุมตัวไปดำเนินคดีฐานเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรโอ้โฮ ยืนยันหน่อยนะว่าที่เขียนออกมาเนี่ย ได้ผ่านสมองออกมาแล้ว
อันที่จริงถ้านายสมชาย เป็นผู้รอบรู้ทางด้านการเมืองและเข้าใจ
จิตวิทยามวลชน จะต้องสั่งกำชับไปยังผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้หลีกเลี่ยงการจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตร
เอาเข้าไป สั่งให้จับผิดวุ้ย แต่สั่งไม่ให้จับไม่เป็นไร อย่าบอกนะว่าใช้สมองคิดแล้วถึงเขียนน่ะ เพราะจะเป็นชนวนเหตุทำให้เกิดความรุนแรง จนรัฐบาลกุมสภาพไว้ไม่อยู่
เพราะการปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรชุมนุมไปเรื่อย ๆ
มีแต่จะทำให้กลุ่มพันธมิตรอ่อนแรง และขาดความชอบธรรม
ท้ายสุดก็จะพ่ายแพ้ในทางการเมือง เนื่องจากกระแสเศรษฐกิจ
ล่มสลายในสหรัฐฯ ที่ลามไปทั่วโลก จะทำให้คนชั้นกลางเปลี่ยน
ใจไม่ไปร่วมชุมนุม เพราะรู้สึกห่วงปากท้องและกิจการของตัวเอง
นายสมชาย คงไม่ได้หลับตานึกภาพอย่างต่อเนื่องและถามตัวเอง
ว่า หลังจากจับ พล.ต.จำลอง แล้วรัฐบาลควรจะทำอะไรต่อไปจน
กว่าการชุมนุมสิ้นสุด
เชื่อว่าไม่ได้คิดไว้ก่อน ถ้าคิดคงไม่ทำเช่นนี้ เพราะหากคิดได้
ก็จะต้องรีบให้ความเป็นธรรมกับแกนนำกลุ่มพันธมิตร โดยยื่นคำร้องให้ถอนหมายจับ เพื่อเปลี่ยนข้อหาจากกบฏให้มาเป็นการบุกรุกและทำลายทรัพย์สินของทางราชการ
ฮั่น แน่ จับได้แระ พวกเดียวกันนี่หว่า บ้าป่าววะ นายกเพิกถอนหมายจับก็ได้วุ้ย เฮ้ย ศาลนะเว้ยเฮ้ย ขนาดนายกฯมาจากการเลือกตั้ง พ่อยังสอยลงมาแล้วเลย นี่นายกฯขัดตาทัพนะ จะมีอำนาจขนาดนั้นเลยหรือ เห็นที่สั่งศาลได้ก็มีคนเดียวแหละ แต่คราวนี้ คงขี้เกียจสั่งฮิ้วววววววววว
จากนั้นค่อยขอให้ศาลออกหมายจับอีกครั้งก็ไม่มีใครว่าอะไร
ประการสำคัญการออกหมายจับในข้อหาเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรนั้น
เป็นผลงานของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช หากนายสมชาย
จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ไม่เสียหน้า มิหนำซ้ำยังจะเป็นการเอา
ชนะในทางการเมือง ครองใจผู้คน สะท้อนให้เห็นถึงภูมิหลังที่เคย
เป็นผู้พิพากษา ทำหน้าที่รักษาความยุติธรรมมาก่อน
อ้าว เฮ้ยเว้ย มันบ้าไปแล้วแน่ๆ ก็รู้ว่าเขาเคยเป็นผู้พิพากษา ก็เพราะเขาเคยเป็นผู้พิพากษาน่ะสิ เขาถึงได้รู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ โอ้โฮ โง่จริงนะเนี่ย
แต่ในเวลานี้แม้จะคิดได้ ก็คงทำเช่นนี้ไม่ได้ เพราะการจับกุม
พล.ต.จำลอง ทำให้กลไกระเบิดเวลาเริ่มนับหนึ่ง ไม่สามารถถอด
สลักได้ จนกว่าจะระเบิดตูมตามขึ้นมา
การดำเนินนโยบายกลับไปกลับมาของนายสมชาย ไม่ได้เกิดจาก
ความบกพร่องทางบุคลิกภาพหรือมี 2 บุคลิก แต่น่าจะเป็นผลมา
จากคำบงการของคนที่นั่งอยู่หลังฉาก จนไม่สามารถเป็นตัวของ
ตัวเอง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ในบางครั้ง เวรกรรม สามารถถ่ายผ่านสายสัมพันธ์ในครอบครัวในลักษณะของ "มรดกกรรม"ได้เหมือนกัน.เนี่ยๆ ถ้าไม่ลงในนสพ. นะ จะนึกว่า แมลงสาบเขียนหรือให้สัมภาษณ์เองเลยนะเนี่ย ถอดแบบกันออกมาเลย เขียนพูดบ้าบอไปตั้งยาว สรุปจบต้องแอบแขวะเขาทุกที
ดินสอโดม
ตอนแรกนึกว่า หลังจากได้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้มีบุคลิกสุภาพอ่อนโยนมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จะทำให้บ้านเมืองสงบลงบ้าง
แต่พอถึงเวลาจริงแล้วกลับไม่ใช่ เดี๋ยวอ่อนเดี๋ยวแข็ง
ไม่คงเส้นคงวาเหมือนกับมี 2 บุคลิกในตัวคนเดียว
ก่อน หน้านี้ นายสมชาย ตัดสินใจเลื่อนการไหว้บรรพบุรุษของภรรยาที่ จ.เชียงใหม่ออกไป เพื่อกลับไปไปไหว้กระดูกบรรพบุรุษของตัวเองก่อนที่ จ.นครศรีธรรมราช ทำให้หลุดจากภาพการถูกครอบงำจากตระกูลชินวัตรได้บางส่วน
ต่อมาเมื่อขอเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรี เพื่อขอคำแนะนำ ยิ่งตอกย้ำ
ให้เห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากนายสมัคร สุนทรเวช
ยิ่งมาเน้นการเจรจากับกลุ่มพันธมิตร
โดยส่ง พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ เพื่อนสนิท
ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตร
ยิ่งมีแต่เสียงชื่นชม
ไม่จริงม้าง คนไม่เห็นด้วยเขาก็เยอะแยะ
ทั้งหมดข้างต้นนี้เป็น ภาพบวก ที่เป็นความหวังเดียวอันจะทำให้
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ที่นิยม และกลุ่มที่เกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หันหน้าเข้าหากันข้อนี้ก็ไม่จริงอีกแหละ ไม่รู้จริงหรือ ว่าการที่จะหันหน้าเข้าหากันน่ะ
ไม่มีทาง
จนกระทั่งตำรวจไปซุ่มจับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่ม
พันธมิตรในรถยนต์ขณะจะผ่านด่านขึ้นทางด่วนตรงคลองประปา
เท่ากับปิดประตูการเจรจาให้กลุ่มพันธมิตรยอมออกจากทำเนียบ
ด้วยสันติวิธี
เท่านั้นไม่พอ เมื่อ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ทำหน้าที่ตามระบอบ
ประชาธิปไตยโดยไปลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แทนที่ตำรวจ
เฝ้าหน่วยเลือกตั้งจะเลี่ยงเดินไปเข้าห้องน้ำ เพื่อไม่ให้มีความผิด
ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ กลับโทรศัพท์ไปแจ้งผู้บังคับบัญชา จนกระทั่งมีการจับกุมตัวไปดำเนินคดีฐานเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรโอ้โฮ ยืนยันหน่อยนะว่าที่เขียนออกมาเนี่ย ได้ผ่านสมองออกมาแล้ว
อันที่จริงถ้านายสมชาย เป็นผู้รอบรู้ทางด้านการเมืองและเข้าใจ
จิตวิทยามวลชน จะต้องสั่งกำชับไปยังผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้หลีกเลี่ยงการจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตร
เอาเข้าไป สั่งให้จับผิดวุ้ย แต่สั่งไม่ให้จับไม่เป็นไร อย่าบอกนะว่าใช้สมองคิดแล้วถึงเขียนน่ะ เพราะจะเป็นชนวนเหตุทำให้เกิดความรุนแรง จนรัฐบาลกุมสภาพไว้ไม่อยู่
เพราะการปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรชุมนุมไปเรื่อย ๆ
มีแต่จะทำให้กลุ่มพันธมิตรอ่อนแรง และขาดความชอบธรรม
ท้ายสุดก็จะพ่ายแพ้ในทางการเมือง เนื่องจากกระแสเศรษฐกิจ
ล่มสลายในสหรัฐฯ ที่ลามไปทั่วโลก จะทำให้คนชั้นกลางเปลี่ยน
ใจไม่ไปร่วมชุมนุม เพราะรู้สึกห่วงปากท้องและกิจการของตัวเอง
นายสมชาย คงไม่ได้หลับตานึกภาพอย่างต่อเนื่องและถามตัวเอง
ว่า หลังจากจับ พล.ต.จำลอง แล้วรัฐบาลควรจะทำอะไรต่อไปจน
กว่าการชุมนุมสิ้นสุด
เชื่อว่าไม่ได้คิดไว้ก่อน ถ้าคิดคงไม่ทำเช่นนี้ เพราะหากคิดได้
ก็จะต้องรีบให้ความเป็นธรรมกับแกนนำกลุ่มพันธมิตร โดยยื่นคำร้องให้ถอนหมายจับ เพื่อเปลี่ยนข้อหาจากกบฏให้มาเป็นการบุกรุกและทำลายทรัพย์สินของทางราชการ
ฮั่น แน่ จับได้แระ พวกเดียวกันนี่หว่า บ้าป่าววะ นายกเพิกถอนหมายจับก็ได้วุ้ย เฮ้ย ศาลนะเว้ยเฮ้ย ขนาดนายกฯมาจากการเลือกตั้ง พ่อยังสอยลงมาแล้วเลย นี่นายกฯขัดตาทัพนะ จะมีอำนาจขนาดนั้นเลยหรือ เห็นที่สั่งศาลได้ก็มีคนเดียวแหละ แต่คราวนี้ คงขี้เกียจสั่งฮิ้วววววววววว
จากนั้นค่อยขอให้ศาลออกหมายจับอีกครั้งก็ไม่มีใครว่าอะไร
ประการสำคัญการออกหมายจับในข้อหาเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรนั้น
เป็นผลงานของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช หากนายสมชาย
จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ไม่เสียหน้า มิหนำซ้ำยังจะเป็นการเอา
ชนะในทางการเมือง ครองใจผู้คน สะท้อนให้เห็นถึงภูมิหลังที่เคย
เป็นผู้พิพากษา ทำหน้าที่รักษาความยุติธรรมมาก่อน
อ้าว เฮ้ยเว้ย มันบ้าไปแล้วแน่ๆ ก็รู้ว่าเขาเคยเป็นผู้พิพากษา ก็เพราะเขาเคยเป็นผู้พิพากษาน่ะสิ เขาถึงได้รู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ โอ้โฮ โง่จริงนะเนี่ย
แต่ในเวลานี้แม้จะคิดได้ ก็คงทำเช่นนี้ไม่ได้ เพราะการจับกุม
พล.ต.จำลอง ทำให้กลไกระเบิดเวลาเริ่มนับหนึ่ง ไม่สามารถถอด
สลักได้ จนกว่าจะระเบิดตูมตามขึ้นมา
การดำเนินนโยบายกลับไปกลับมาของนายสมชาย ไม่ได้เกิดจาก
ความบกพร่องทางบุคลิกภาพหรือมี 2 บุคลิก แต่น่าจะเป็นผลมา
จากคำบงการของคนที่นั่งอยู่หลังฉาก จนไม่สามารถเป็นตัวของ
ตัวเอง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ในบางครั้ง เวรกรรม สามารถถ่ายผ่านสายสัมพันธ์ในครอบครัวในลักษณะของ "มรดกกรรม"ได้เหมือนกัน.เนี่ยๆ ถ้าไม่ลงในนสพ. นะ จะนึกว่า แมลงสาบเขียนหรือให้สัมภาษณ์เองเลยนะเนี่ย ถอดแบบกันออกมาเลย เขียนพูดบ้าบอไปตั้งยาว สรุปจบต้องแอบแขวะเขาทุกที
ดินสอโดม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น