ความเกลียดนี่มันร้ายแรงจริงๆนะคะ เกิดขึ้นในใจใคร คนนั้นจะทุรนทุราย
รุ่มร้อน กินไม่ได้นอนไม่หลับ กระส่ายกระสับ ลุกเหินเดินนั่งก็ไม่สบาย
เราไม่รู้ว่าต้นเหตุของความเกลียด เกิดจากอะไร แต่พอมันเกิดขึ้น มันจะฝังตัวอยู่ในจิตใจ
ทำให้เกิดอาการ หน้ามืด ตามัว ผิดหูผิดตาไปหมด เอาแต่จ้องจับผิด
เมื่อมีความเกลียด กระไออุบาทว์ของความเกลียด จะพวยพุ่งออกมา
เริ่มจากตาก่อน แล้วแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทีนี้ก็พร้อมที่จะส่งออก
ไปทำร้ายทำลายคนอื่น แต่ช้าก่อน ก่อนที่มันจะออกจากร่างไป
มันได้ทำลายร่างกาย อวัยวะภายในของเจ้าตัวคนที่เกิดอาการเกลียด
ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เชื่อเวลาที่คุณรู้สึกโกรธหรือเกลียดปุ๊บ ลองหยิบ
กระจกขึ้นส่องหน้าคุณดู แล้วจะพบว่ามันน่าเกลียดน่ากลัวกว่าคนที่คุณเกลียด
มากมายนัก
ความเกลียด อาจเป็นส่วนหนึ่งของความกลัว ปนๆกันอยู่ อาจเริ่มจากกลัวก่อน
หรือไม่ก็เกลียดก่อน แต่สองอารมณ์นี่ มักจะเกี่ยวข้องกัน บางครั้งเรากลัว
ตุ๊กแก ค่าที่เคยฟังมาแต่เด็ก ว่าหากตุ๊กแกกระโดดเกาะใคร จะเหนียวหนึบติดอยู่
อย่างนั้นไม่มีทางหลุด ต้องกินน้ำสามโอ่ง กินขี้สามไหอะไรไปโน่น
เราเลยกลัวตุ๊กแก กันจับจิตจับใจ พอกลัวมากๆก็พาลเกลียด ขนาดได้ยิน
แต่เสียงร้อง ยังไม่ทันเห็นตัว ก็เกิดอาการรังเกียจขยะแขยงเสียแล้ว
และก็กลายเป็นเกลียดชังตุ๊กแกไปในที่สุด
ย้อนกลับมาการเมือง อาการทุรนทุรายของคนไม่ชอบนายกฯปู
ที่มักจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งทุกครั้งที่ได้ยินได้เห็นข่าวนายกฯ
ปากก็ว่าเกลี๊ยดเกลียด แต่กลับไม่ละวาง คอยเฝ้าสังเกตสังกา
กันทุกกระเบียดนิ้ว เห็นอะไรเป็นได้จับมาด่าทอ (เผลอๆ พวกนี้
จ้องมองนายกฯของเรามากกว่าพวกเราที่เลือกเข้ามาอีก)
ก็คนมันรัก เห็นอะไรก็น่ารักไปหมด ข้อผิดพลาดก็มักจะไม่ค่อยเห็น
ความรักมันดีตรงนี้แหละค่ะ คือทำให้เราสบายใจ ไม่โกรธไม่เกลียด
อมยิ้มได้ทุกครั้งที่เห็นภาพ ได้ยินข่าว หน้าตาก็ไม่บึ้งตึง ใบหน้า
เกลี่ยไปด้วยรอยยิ้มทุกวัน
โชคดีที่ทีประเทศนี้ เช้าตื่นขึ้นมาออกไปเดินถนน เจอแต่คนหน้ายิ้มแย้มแต้มความสุข
แม้ของจะแพง ฝนจะแล้ง น้ำจะมา เราก็ยังยิ้มได้ โชคดีจริงๆที่จำนวนคนยิ้มมีมากกว่า
ประเทศเลยดูสวยงาม ผิดกับคนกลุ่มน้อยที่ทำสีหน้าปั้นยาก บูดบึ้งอยู่เป็นนิจ
ด้วยความรักที่มีในใจ ทำให้เราอภัยได้ อย่ามัวไปต่อล้อต่อเถียงด่าทอกับพวกชนกลุ่มน้อยเลยค่ะ
อีกไม่นานมันก็จะตายหายสูญไปเอง เพราะถูกความเกลียดเผาผลาญทั้งร่างกายและจิตใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น