เรียนคุณบ่าวไพร่ค่ะ, เพิ่งมีโอกาสได้ไปพบกระทู้ที่คุณ ขอให้ป้า เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงผบ.ทบ.
เอาเมื่อตอนค่ำแล้ว เพราะไปธุระข้างนอกมา โชคดีที่เปิดย้อนไปอ่านกระทู้ดู(ทั้งๆที่ตกไปหน้าสี่ หน้าห้าได้แล้ว)
จึงเพิ่งได้ลองร่างจดหมายมาให้ดู ส่วนตัวคิดว่า มันยาวไปหน่อย จึงขอเปิดโอกาสให้ดัดแปลงแก้ไขได้
ตามที่เห็นสมควรกัน ป้าคิดว่าการที่ส่งจดหมายเปิดผนึกนี้ไปให้อ่านบ้างก็น่าจะดี เพื่อเป็นการบอกให้รู้
ว่าประชาชนจริงๆเขาคิดอย่างไร เมื่อวานป้าก็โทร.ไปแล้ว ที่หน้าห้องผบ.ทบ. พูดคล้ายๆอย่างนี้แหละค่ะ
รู้สึกว่าจะเป็นพันเอก สรรเสริญ แก้วกำเนิดที่เป็นคนรับสาย หากเป็นได้ ใครพอจะมีเส้นสายทางสื่อ
ก็น่าจะเอาไปลงด้วย เพื่อจะทำให้คนอื่นๆที่ไม่กล้าคิดไม่กล้าแสดงออก ได้รับรู้ว่ามีคนที่คิดอย่างนี้อยู่
เพื่อที่เขาอาจจะกล้าลุกขึ้นมาเรียกร้องบ้าง ขอบคุณค่ะ
กราบเรียนพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.
ในนามของคนไทยอย่างน้อยๆ14ล้านคนขึ้นไป(เป็นประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชน)มีความเห็นว่า
การที่ท่านได้ไปออกอากาศในรายการ ข่าวเด่นเย็นนี้ทางสถานีไทยทีวีสีช่องสาม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2551
และการที่ท่านได้แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ และมีคนได้รับทราบกันโดยทั่วแล้วนั้น ก่อให้เกิดผลเสียมากกว่า
ผลดี ต่อตัวท่านเองและกองทัพ
แม้ว่าท่านจะออกตัวกับพิธีกรในวันนั้นว่า ถ้าถามท่านในนามพลเอกอนุพงษ์ ท่านมีความเห็นว่า ถ้าท่านเป็นนายกฯ
ท่านจะต้องลาออกจากตำแหน่งแน่นอน เพื่อเป็นการรับผิดชอบที่มีการปราบปรามประชาชนที่บริสุทธิ์จนบาดเจ็บ
ล้มตาย ท่านบอกว่า"ไม่รู้จะอยู่ได้อย่างไร เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้คนไม่ยอมรับการปราบปรามครั้งนี้อย่างกว้างขวาง
ทั้งในวงการหมอ และแม้แต่นักบิน"
พวกเรามีความเห็นว่าท่านแม้จะอ้างว่าเสนอไปตามความคิดส่วนตัว ก็ไม่เป็นการไม่สมควร เพราะท่านใส่เครื่องแบบ
มาออกรายการ ท่านไม่ได้มาในนามนายอนุพงษ์ ประชาชนคนธรรมดา แต่ท่านมาในนามผบ.ทบ. เพราะพีธีกรในวันนั้น
อ้างว่าเชิญท่านมาเพื่อชี้แจงเรื่องสถานการณ์ชายแดนเขมร ที่เกิดการปะทะกันขึ้น ดังนั้นคำพูดของท่านในวันนั้น
จึงเป็นคำพูด ของผบ.ทบ. และยังแน่ชัดขึ้นอีก เมื่อ พลเอกทรงกิติ จักกะบาตร ผบ.สส. ได้กล่าวย้ำอีกว่า กองทัพไทยเป็น
หนึ่งเดียว คำพูดของผบ.ทบ. ถือเป็นคำพูดของกองทัพ!!!
เมื่อเป็นดังนี้ สิ่งที่ท่านพูดจึงสะท้อน ความคิดของกองทัพ การเสนอว่านายกรัฐมนตรีที่มาตามระบอบประชาธิปไตย
ผ่านการเลือกตั้งของประชาชนมาอย่างถูกต้อง สมควรลาออกเพื่อรับผิดชอบ จึงไม่น่าจะถูก เพราะตามรัฐธรรมนูญ
การสิ้นสภาพของนายกฯก็มีการระบุไว้เรียบร้อย และไม่มีข้อหนึ่งข้อใดเลยที่ระบุว่าท่านมีสิทธิ์ที่จะเสนอแนะให้นายกฯลาออก
การรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น สมควรย้อนกลับไปดูว่า เหตุใดจึงเกิดการสลายการชุมนุมด้วยแก๊ซน้ำตา หาก รัฐบาลสั่งให้สลายการชุมนุม
ของผู้ชุมนุมที่ทำโดยความสงบและปราศจากอาวุธ นั่นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ และหากเมื่อทำไปแล้วต้องรับผิดชอบแน่นอน
แต่ ตามความจริงที่ปรากฎ อ้างถึงคำสั่งของศาลปกครอง ก็จะเห็นว่าการกระทำของผู้ชุมนุมเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีกฎหมายใดรองรับ
(การบุกรุกสถานที่ราชการ นั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เมื่อท่านได้รับมอบอำนาจให้จัดการ ท่านกลับเลือกที่จะไม่ทำตามคำสั่ง
ไม่ ทำหน้าที่ที่ท่านควรทำ) จนเกิดการมาปิดล้อมรัฐสภา โดยใช้คนเป็นจำนวนมาก และมีการประกาศโดยโจ่งแจ้งว่า การปิดล้อมครั้งนี้ ก็เพื่อจะ
กดดัน และขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การสลายการชุมนุม ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มีกฎหมายรองรับ
ส่วน การเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต ของพลเรือน ก็ยังไม่ปรากฎผลแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร ส่วนการบาดเจ็บของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้น
ก็ปรากฎผลแน่ชัดแล้วว่า เกิดจากการกระทำของผู้ชุมนุม ที่ใช้ ด้ามธงปลายแหลม แทงเข้าร่างกายจนทะลุปอด การบาดเจ็บจากการถูกรถ
ที่ ผู้ชุมนุม ขับพุ่งเข้าชน และถอยหลังกลับมาทับอีกรอบ เพื่อเจตนาฆ่า หรือการที่ตำรวจถูกยิงด้วยลูกกระสุนปืนที่ยิงมาจากผู้ชุมนุม การที่ตำรวจ
ถูก กลุ้มรุมทำร้ายโดยผู้ชุมนุม เป็นจำนวน ห้า-หกคน ที่กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ท่านไม่เห็นได้กล่าวถึงว่าใครควรจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบ
ท่านมาเรียกร้อง ความรับผิดชอบจากนายกฯจากรัฐบาลทั้งๆที่ผลสอบยังไม่ปรากฎ มันดูรุกลี้รุนรน ผิดวิสัยนายทหาร ที่น่าจะมีวิจารณญาณมากกว่านี้
การที่ท่านดำรงตำแหน่งผบทบ. นั้นก็นับว่าเป็นลูกน้องโดยตรงทางสายงานของท่านนายกฯสมชาย เพราะท่านนายกฯ ก็ดำรงตำแหน่งเป็น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (หัวหน้าโดยตรงของท่าน) การออกมาบีบบังคับโดยปริยาย (หรือตามที่คนทั่วไป เขาเข้าใจ)หัวหน้าท่าน
จึงไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะหลักการบริหารงานในระบอบสากล การไม่เห็นด้วยกับเจ้านายทำได้ การเสนอแนะข้อคิดทำได้
แต่ท่านต้องทำกันเป็นการภายใน ระหว่างท่านกับหัวหน้า ไม่ใช่ออกมาออกอากาศ ประกาศกดดันกันตรงๆเช่นนี้ มันดูไม่งามทั้งทางวินัย
และมารยาท ในเมื่อท่านดำรงตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านอยู่สูงกว่านายกรัฐมนตรี และแม้แต่รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหม ขอเรียนเตือนท่านว่า กองทัพหาใช่องค์กรอิสระไม่ หากแต่ยังอยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ทั่วโลก
หาก จะหาคนผิด ก็ต้องโยงมาถึงตัวท่านอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเมื่อรัฐบาลท่านนายกฯสมัครได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และมีคำสั่งแต่งตั้งให้ท่าน
มีอำนาจเต็มในการจัดการกับผู้ชุมนุมที่บุกเข้าไปยึดสถานที่ราชการ ท่านกลับปล่อยปละละเลย ทำนิ่งเฉยหาได้กระทำการสิ่งใดที่จะผลักดัน
ให้คนที่ทำผิดกฎหมายเหล่านั้นออกไปจากทำเนียบ ปล่อยให้คนเหล่านั้นย่ามใจ(ไม่อยากจะคิดเลยว่าท่านให้ท้ายพวกทำผิดอยู่) จนเกิดการ
เหิม เกริม บุกมาเพื่อหวังจะยึดสภาอีกครั้ง ภาษิตเขาว่า \"คนไม่ทำอะไรเลย ไม่เคยทำผิด\" คงจะนำมาใช้อธิบายในกรณีนี้ได้ การที่ท่านวางเฉยทั้งๆ
ที่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ท่านกลับไม่ทำ ท่านเลยไม่เคยทำอะไรผิด แต่รัฐบาลกับตำรวจเขาไม่ได้ถือภาษิตเดียวกับท่าน เขาพยายามรักษากฎหมาย
ให้ศักดิ์สิทธิ์ จึงอาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่เกินเลยไปเกินกว่าประชาชนที่มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์จะเข้าใจและยอมรับได้
ขอท่านผบ.ทบ. อย่าอ้างว่าประชาชนส่วนใหญ่ ยอมรับการกระทำของตำรวจและรัฐบาลในครั้งนี้ไม่ได้ หากท่านยังไม่ได้ไปสอบถาม
ประชาชนเจ้าของประเทศตัวจริง ที่อาจไม่ได้อยู่แวดล้อมท่าน และขออย่าได้ยกมาเป็นข้ออ้างทำการปฏิวัติรัฐประหาร เหมือนครั้งก่อน
ที่อ้างกันว่ามีประชาชนเรียกร้องให้ทำ ซึ่งจนป่านนี้ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนคนที่เรียกร้องกี่ราย
แต่ อย่างไรก็ตามในวันนั้นท่านได้ประกาศด้วยว่าจะไม่ทำการปฏิวัติ ซึ่งก็นับว่าดี เพราะท่านก็คงเห็นแล้วว่าการปฏิวัตินั้นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา
ของชาติในระยะยาวแต่อย่างใด รังแต่จะก่อให้เกิดปัญหา เหมือนมะเร็งร้ายกัดกินชาติไปจนยากจะเยียวยา การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
และเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือความคิดเห็นที่ต่างกัน ก็จำเป็นต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
หาก เราละเว้นการบังคับใช้กฎหมายกับคนบางพวก จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถามตัวท่านเองเถิดว่า พวกที่ยึดทำเนียบอยู่นั้น กระทำอยู่ภายใต้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญข้อใด หากตอบได้ ท่านอาจจะคิดได้ตรงและถูกต้องมากกว่านี้
ขอแสดงความนับถือ
ลงชื่อ .....ประชาชนที่รักระบอบประชาธิปไตย
ในนามของคนไทยอย่างน้อยๆ14ล้านคนขึ้นไป(เป็นประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชน)มีความเห็นว่า
การที่ท่านได้ไปออกอากาศในรายการ ข่าวเด่นเย็นนี้ทางสถานีไทยทีวีสีช่องสาม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2551
และการที่ท่านได้แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ และมีคนได้รับทราบกันโดยทั่วแล้วนั้น ก่อให้เกิดผลเสียมากกว่า
ผลดี ต่อตัวท่านเองและกองทัพ
แม้ว่าท่านจะออกตัวกับพิธีกรในวันนั้นว่า ถ้าถามท่านในนามพลเอกอนุพงษ์ ท่านมีความเห็นว่า ถ้าท่านเป็นนายกฯ
ท่านจะต้องลาออกจากตำแหน่งแน่นอน เพื่อเป็นการรับผิดชอบที่มีการปราบปรามประชาชนที่บริสุทธิ์จนบาดเจ็บ
ล้มตาย ท่านบอกว่า"ไม่รู้จะอยู่ได้อย่างไร เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้คนไม่ยอมรับการปราบปรามครั้งนี้อย่างกว้างขวาง
ทั้งในวงการหมอ และแม้แต่นักบิน"
พวกเรามีความเห็นว่าท่านแม้จะอ้างว่าเสนอไปตามความคิดส่วนตัว ก็ไม่เป็นการไม่สมควร เพราะท่านใส่เครื่องแบบ
มาออกรายการ ท่านไม่ได้มาในนามนายอนุพงษ์ ประชาชนคนธรรมดา แต่ท่านมาในนามผบ.ทบ. เพราะพีธีกรในวันนั้น
อ้างว่าเชิญท่านมาเพื่อชี้แจงเรื่องสถานการณ์ชายแดนเขมร ที่เกิดการปะทะกันขึ้น ดังนั้นคำพูดของท่านในวันนั้น
จึงเป็นคำพูด ของผบ.ทบ. และยังแน่ชัดขึ้นอีก เมื่อ พลเอกทรงกิติ จักกะบาตร ผบ.สส. ได้กล่าวย้ำอีกว่า กองทัพไทยเป็น
หนึ่งเดียว คำพูดของผบ.ทบ. ถือเป็นคำพูดของกองทัพ!!!
เมื่อเป็นดังนี้ สิ่งที่ท่านพูดจึงสะท้อน ความคิดของกองทัพ การเสนอว่านายกรัฐมนตรีที่มาตามระบอบประชาธิปไตย
ผ่านการเลือกตั้งของประชาชนมาอย่างถูกต้อง สมควรลาออกเพื่อรับผิดชอบ จึงไม่น่าจะถูก เพราะตามรัฐธรรมนูญ
การสิ้นสภาพของนายกฯก็มีการระบุไว้เรียบร้อย และไม่มีข้อหนึ่งข้อใดเลยที่ระบุว่าท่านมีสิทธิ์ที่จะเสนอแนะให้นายกฯลาออก
การรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น สมควรย้อนกลับไปดูว่า เหตุใดจึงเกิดการสลายการชุมนุมด้วยแก๊ซน้ำตา หาก รัฐบาลสั่งให้สลายการชุมนุม
ของผู้ชุมนุมที่ทำโดยความสงบและปราศจากอาวุธ นั่นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ และหากเมื่อทำไปแล้วต้องรับผิดชอบแน่นอน
แต่ ตามความจริงที่ปรากฎ อ้างถึงคำสั่งของศาลปกครอง ก็จะเห็นว่าการกระทำของผู้ชุมนุมเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีกฎหมายใดรองรับ
(การบุกรุกสถานที่ราชการ นั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เมื่อท่านได้รับมอบอำนาจให้จัดการ ท่านกลับเลือกที่จะไม่ทำตามคำสั่ง
ไม่ ทำหน้าที่ที่ท่านควรทำ) จนเกิดการมาปิดล้อมรัฐสภา โดยใช้คนเป็นจำนวนมาก และมีการประกาศโดยโจ่งแจ้งว่า การปิดล้อมครั้งนี้ ก็เพื่อจะ
กดดัน และขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การสลายการชุมนุม ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มีกฎหมายรองรับ
ส่วน การเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต ของพลเรือน ก็ยังไม่ปรากฎผลแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร ส่วนการบาดเจ็บของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้น
ก็ปรากฎผลแน่ชัดแล้วว่า เกิดจากการกระทำของผู้ชุมนุม ที่ใช้ ด้ามธงปลายแหลม แทงเข้าร่างกายจนทะลุปอด การบาดเจ็บจากการถูกรถ
ที่ ผู้ชุมนุม ขับพุ่งเข้าชน และถอยหลังกลับมาทับอีกรอบ เพื่อเจตนาฆ่า หรือการที่ตำรวจถูกยิงด้วยลูกกระสุนปืนที่ยิงมาจากผู้ชุมนุม การที่ตำรวจ
ถูก กลุ้มรุมทำร้ายโดยผู้ชุมนุม เป็นจำนวน ห้า-หกคน ที่กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ท่านไม่เห็นได้กล่าวถึงว่าใครควรจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบ
ท่านมาเรียกร้อง ความรับผิดชอบจากนายกฯจากรัฐบาลทั้งๆที่ผลสอบยังไม่ปรากฎ มันดูรุกลี้รุนรน ผิดวิสัยนายทหาร ที่น่าจะมีวิจารณญาณมากกว่านี้
การที่ท่านดำรงตำแหน่งผบทบ. นั้นก็นับว่าเป็นลูกน้องโดยตรงทางสายงานของท่านนายกฯสมชาย เพราะท่านนายกฯ ก็ดำรงตำแหน่งเป็น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (หัวหน้าโดยตรงของท่าน) การออกมาบีบบังคับโดยปริยาย (หรือตามที่คนทั่วไป เขาเข้าใจ)หัวหน้าท่าน
จึงไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะหลักการบริหารงานในระบอบสากล การไม่เห็นด้วยกับเจ้านายทำได้ การเสนอแนะข้อคิดทำได้
แต่ท่านต้องทำกันเป็นการภายใน ระหว่างท่านกับหัวหน้า ไม่ใช่ออกมาออกอากาศ ประกาศกดดันกันตรงๆเช่นนี้ มันดูไม่งามทั้งทางวินัย
และมารยาท ในเมื่อท่านดำรงตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านอยู่สูงกว่านายกรัฐมนตรี และแม้แต่รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหม ขอเรียนเตือนท่านว่า กองทัพหาใช่องค์กรอิสระไม่ หากแต่ยังอยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ทั่วโลก
หาก จะหาคนผิด ก็ต้องโยงมาถึงตัวท่านอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเมื่อรัฐบาลท่านนายกฯสมัครได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และมีคำสั่งแต่งตั้งให้ท่าน
มีอำนาจเต็มในการจัดการกับผู้ชุมนุมที่บุกเข้าไปยึดสถานที่ราชการ ท่านกลับปล่อยปละละเลย ทำนิ่งเฉยหาได้กระทำการสิ่งใดที่จะผลักดัน
ให้คนที่ทำผิดกฎหมายเหล่านั้นออกไปจากทำเนียบ ปล่อยให้คนเหล่านั้นย่ามใจ(ไม่อยากจะคิดเลยว่าท่านให้ท้ายพวกทำผิดอยู่) จนเกิดการ
เหิม เกริม บุกมาเพื่อหวังจะยึดสภาอีกครั้ง ภาษิตเขาว่า \"คนไม่ทำอะไรเลย ไม่เคยทำผิด\" คงจะนำมาใช้อธิบายในกรณีนี้ได้ การที่ท่านวางเฉยทั้งๆ
ที่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ท่านกลับไม่ทำ ท่านเลยไม่เคยทำอะไรผิด แต่รัฐบาลกับตำรวจเขาไม่ได้ถือภาษิตเดียวกับท่าน เขาพยายามรักษากฎหมาย
ให้ศักดิ์สิทธิ์ จึงอาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่เกินเลยไปเกินกว่าประชาชนที่มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์จะเข้าใจและยอมรับได้
ขอท่านผบ.ทบ. อย่าอ้างว่าประชาชนส่วนใหญ่ ยอมรับการกระทำของตำรวจและรัฐบาลในครั้งนี้ไม่ได้ หากท่านยังไม่ได้ไปสอบถาม
ประชาชนเจ้าของประเทศตัวจริง ที่อาจไม่ได้อยู่แวดล้อมท่าน และขออย่าได้ยกมาเป็นข้ออ้างทำการปฏิวัติรัฐประหาร เหมือนครั้งก่อน
ที่อ้างกันว่ามีประชาชนเรียกร้องให้ทำ ซึ่งจนป่านนี้ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนคนที่เรียกร้องกี่ราย
แต่ อย่างไรก็ตามในวันนั้นท่านได้ประกาศด้วยว่าจะไม่ทำการปฏิวัติ ซึ่งก็นับว่าดี เพราะท่านก็คงเห็นแล้วว่าการปฏิวัตินั้นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา
ของชาติในระยะยาวแต่อย่างใด รังแต่จะก่อให้เกิดปัญหา เหมือนมะเร็งร้ายกัดกินชาติไปจนยากจะเยียวยา การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
และเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นการเมืองหรือความคิดเห็นที่ต่างกัน ก็จำเป็นต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
หาก เราละเว้นการบังคับใช้กฎหมายกับคนบางพวก จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถามตัวท่านเองเถิดว่า พวกที่ยึดทำเนียบอยู่นั้น กระทำอยู่ภายใต้กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญข้อใด หากตอบได้ ท่านอาจจะคิดได้ตรงและถูกต้องมากกว่านี้
ขอแสดงความนับถือ
ลงชื่อ .....ประชาชนที่รักระบอบประชาธิปไตย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น