วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สพรั่งพูด

"สพรั่ง" ชี้ชาติเดือดร้อนกว่าคน
ขณะตอนสายวันเดียวกัน ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่หลายคนบอกว่า
ส่งผลกระทบเดือดร้อนต่อประชาชน อยากจะบอกว่า

ความเดือดร้อนของชาติบ้านเมืองสำคัญกว่า
ความเดือดร้อนของชีวิตประจำวัน

การคลี่คลายในการชุมนุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
กลุ่มพันธมิตรจะต้องหาช่องทางส่งคน
ไปพบปะกันโดยไม่มีวาระซ่อนเร้น
แต่ถ้าทุกฝ่ายยืนหยัดในเจตนารมณ์
และเป้าหมายของตนเอง ไม่ยอมกับฝ่ายตรงข้าม
คิดว่าสถานการณ์คงจะเผชิญหน้ากันไปเรื่อย
เมื่อก่อนทุกคนที่ขัดแย้งกันตั้งแต่ 14 ตุลาฯ 16
ตนอยู่ในช่วงนั้น เป็นทหารเด็กๆ ทุกคนต่างมีความขัดแย้งกัน แต่ทุกคนมีศูนย์รวมจิตใจของชาติบ้านเมืองคือ
บุคคลที่เคารพสูงสุดเป็นบุคคลเดียวกัน
ดังนั้น เมื่อมีความขัดแย้งหรือเผชิญหน้ากันเลือดตกยางออก
ทุกคนยุติทันที ด้วยความจงรักภักดี ด้วยความเคารพ
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านมา เราตั้งคำถามว่า
เหตุการณ์จะยุติได้หรือไม่ ต้องถามว่า
ทุกฝ่ายจงรักภักดีต่อพระองค์จริงหรือไม่

อย่าให้พวกชั่ว-อันธพาลเสียงดังในสังคม

พล.อ.สพรั่งกล่าวอีกว่า หากจงรักภักดีจริงต้องทำ
ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย

อย่าให้ความชั่วร้ายและอันธพาล
ต้องไม่ยอมให้คนพวกนี้เสียงดังในสังคม
ไม่ต้องบอกชื่อไม่ต้องบอกกลุ่ม ทุกคนทราบดี


เพราะตนไม่เคยเจาะจงว่าใครเป็นอันธพาลหรือบัณฑิต

อยากให้นึกถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้งและเลือกข้าง
แน่นอนตนเลือกข้างฝ่ายธรรมะ ฝ่ายที่ถูกและยืนข้างประชาชน
ไม่ใช่ เลือกข้างฝ่ายชนะ บ้านเมืองเราเสียหาย เพราะเลือกข้างฝ่ายชนะ

ส่วนกรณีที่ทั้งสองฝ่ายพยายามนำสถาบันมาอ้างโจมตีกันนั้น การแอบอ้างกับการปกป้องคนละเรื่อง
ใครที่แอบอ้างอยากให้สื่อมวลชนช่วยจับตา
แต่คนที่ปกป้องอย่าบอกว่าเขาแอบอ้าง
คนที่บอกว่าจงรักภักดีแล้วทำลายอยากให้สื่อดูด้วย
เมื่อถามว่าสถานการณ์สุกงอม ถึงขั้นไล่นายกฯ
ออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.สพรั่งตอบว่า
วันนี้ยังแต่งเครื่องแบบทหาร ต้องเคารพจงรักภักดีผู้บังคับบัญชาทุกท่าน
ตั้งแต่ปลัดกระทรวงกลาโหมขึ้นไป

แต่หากเรื่องใดรู้สึกขัดต่ออุดมการณ์ของตนเอง ต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่เป็นอุดมการณ์มากกว่าการอยู่ในหน้าที่



หวั่นชาติล่มสลาย เพราะคนแบ่งฝ่าย

เมื่อถามว่า อาจต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาสลายการชุมนุมหรือไม่
พล.อ.สพรั่งตอบว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับเหตุผลในการตัดสินใจ หากตัดสินใจบนเหตุผลที่ไม่หนักแน่นพอ
เกรงว่าสิ่งที่เป็นคุณ จะเป็นโทษ เมื่อถามว่า
ขณะนี้รู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์การเมืองหรือไม่
พล.อ.สพรั่งตอบว่า รู้สึกอึดอัดมาก
ตรงที่เป็นการต่อสู้ที่คนในประเทศสับสน ไม่อยากให้การแพ้ชนะครั้งนี้เป็นการล่มสลายของประเทศชาติ เพราะสังคมไทยขาดความรักชาติ
แบ่งฝ่ายกันโดยหวังผลประโยชน์เฉพาะหน้า
ถือเป็นอันตรายของสังคมไทย ดังนั้น
การแบ่งฝ่ายไม่ดี อยากให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ยึดมั่น
ศูนย์รวมจิตใจ คือความรักชาติ
ความเป็นชาติไม่มีการแบ่งแยก
รวมถึงการแบ่งแยกดินแดน

อย่าทะเลาะกันจนเผาบ้านเผาเมือง

เมื่อถามว่า ผู้นำขณะนี้สามารถทำให้คนไทยเป็นเนื้อเดียวกันได้หรือไม่
พล.อ.สพรั่งตอบว่า ทุกคนตอบใน ใจดูแล้วกัน
เพราะทุกคนมีฮีโร่ในใจ ส่วนตนมีฮีโร่ทางทหาร คือ คนที่ตนเคารพบูชาและจงรักภักดีเหมือนทุกคน
เมื่อถามว่าฮีโร่หมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรี หรือไม่ พล.อ.สพรั่งตอบว่า ตอบไม่ได้ แต่เป็นบุคคลที่คนไทยทั้งชาติให้การยอมรับและให้ความเคารพ
ทั้งนี้หากประชาชนไทยและบุคคลที่มีความเข้มแข็งทางสังคม
คือ นักการเมือง ข้าราชการ และผู้ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ไม่ลืมสิ่งที่ทำให้คนไทยเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
คือ เคารพ และจงรักภักดี ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสถาบันกษัตริย์อย่างฝังแน่น
ความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้นเลย เราทะเลาะกันต้องไม่ให้กระทบสถาบันหลัก เหมือนกับทะเลาะกันจนเผาบ้านเผาเมืองตนเอง
ถือเป็นเรื่องเลวร้ายและต้องไม่ยอมให้เกิดขึ้น
เชื่อว่าสื่อทราบดีว่าเหตุเกิดที่ไหน ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ให้หยุดโจมตีกันอย่าหน้าไหว้หลังหลอก

เมื่อถามว่าทุกฝ่ายควรลดทิฐิหันหน้าเข้ามาหากัน
เพื่อความสมานฉันท์ พล.อ.สพรั่งตอบว่า
ไม่ใช่ ต้องหยุดการโจมตี อย่าหน้าไหว้หลังหลอก
หากไม่อยากมีสถาบันกษัตริย์ ในความรู้สึกของตนเอง
ก็พยายามลี้ภัยไปอยู่ ประเทศที่ตัวเองอยากให้เป็น และดูว่าจะดิ้นรนกลับมาประเทศไทยหรือไม่
บ้าตำราอยู่หรือไม่ หรือมีอคติซ่อนเร้น
ตนไม่เคยใช้คำว่าหันหน้าเข้าหากัน ระหว่างคำว่าดีกับชั่ว เมื่อถามว่าหลายคนมองว่าปัญหาแท้จริง
คือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่
พล.อ.สพรั่งตอบว่า ไม่ขอก้าวล่วง เมื่อเรายอมรับว่า

สิ่งเดียวที่ทำให้สังคมไทยอยู่ได้ คือ กติกา


เมื่อเข้ากระบวนการยุติธรรมต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนยุติธรรมดีกว่า ตนไม่เคยซ้ำเติมใคร แต่ไม่ยอมสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เมื่อถามว่าอีก 5 เดือน
จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.สพรั่งตอบว่า บ้านเมืองเราปล่อยข่าวเก่งมาก
จนทำให้คนไทยเชื่อข่าวซุบซิบ ตราบใดที่เหตุและเงื่อนไขยังมีอยู่
ความวุ่นวายมีแน่ แต่ วิธีการแก้ไขหรือระงับความวุ่นวายนั้น
ขึ้นอยู่กับการจะใช้ยาแรงหรือยาที่เหมาะกับคนไข้

อย่าไปคิดว่าการปฏิวัติเป็นพวกเผด็จการ


แทนที่จะช่วยการแก้ไข แต่กลับยุให้เกิด เหมือนเกลียดตัวกินไข่

"ไม่ใช่ เลือกข้างฝ่ายชนะ บ้านเมืองเราเสียหาย เพราะเลือกข้างฝ่ายชนะ"

แค่ประโยคนี้ก็สุดทนแล้วค่ะ คนเราลองคิดอย่างนี้
ไม่เรียกขี้แพ้ชวนตีจะเรียกว่าอะไร สงสารสถาบันทหารจังเลย
ที่เลี้ยงคนอย่างนี้ไว้ในกองทัพ พูดออกมาได้ไม่อายปาก ถ้าเขาเลือกตั้ง
ชนะมา จะไม่ให้ไปเลือกเขาได้อย่างไร ถ้าคนเขาเลือข้างแพ้ มันก็ชนะไปตั้งนานแล้วน่ะสิ พูดอย่างนี้บัฟฟาโล่เรียกพี่เลยมั้ง
โง่ไม่มีใครเกิน หนังจีนเขาว่า"ไม่พูดก็ไม่มีใครเขารู้ว่าโง่"

ไม่มีความคิดเห็น: