วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มันคงสับสน

ข่าวว่า หลังการเข้าไปให้การกับDSI ซึ่งใช้เวลานานเหลือเกิน

นายกฯมือเปื้อนเลือด เข้าให้การ 3ชม. และอ่านทบทวนคำให้การอีก4ชม.

เขาว่าเป็นการทบทวนคำให้การที่นานที่สุด มันคงอ่านไทยไม่ค่อยออก

ไม่ก็กลัวเขาจะแอบหมกเม็ด เขียนอะไรที่ตัวไม่ได้พูดลงไปอีก เลยอ่านนานหน่อย

เสร็จออกมาไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรกับนักข่าว สงสัยยังงงตึ๊บ


ส่วนฝ่ายไอ้เมือก ในฐานะผอ.ศอฉ. โดนเข้าไป13ชม. ทั้งถามทั้งให้ดูคลิ้ป

ที่แม่งตอบว่าไม่เคยเห็น(ตามที่ทราบและนำมาด่ากันสนุกสนานไปแล้วนั้น)

มันยืนยันว่า ทุกคำสั่งของศอฉ. ในฐานะผอ. มันเป็นคนเซ็นแต่เพียงผู้เดียว

ไอ้นายกฯหัวกรวยไม่รู้เรื่อง เพียงมารับข้อกล่าวหาเอ๊ย ไม่ใช่มารับฟังการบรรยาย

สรุบทุกเช้าเท่านั้นเอง อุ๊ย ว้าย ดูแมนมั้กมาก แอ่นอกรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว


แต่มันคงลืมความจริงไปข้อหนึ่งว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้นำสูงสุดในสายการบริหาร

เมื่อเกืดอะไรขึ้นในขณะดำรงตำแหน่งต้องรับผิดชอบด้วย แม้ไม่ใช่คนเซ็น

ในการให้การเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเป็นการช่วยนายกฯในขณะนั้น จริงหรือเปล่า

หรือเพียงต้องการ 1.ให้ตัวเองดูดีเป็นสุภาพบุรุษ หรือ2. โชว์ความอ่อนด้อยของนายมาร์ค

นายกฯอะไร้ เกิดเหตุร้ายแรงในบ้านเมือง ออกข่าวครึกโครมว่าเข้าไปสุมหัวกัน

ในราบ 11 เพื่อแก้ไขปัญหา แต่ไอ้เมือกออกมารับว่า ไม่ได้รู้เรื่องอะไร เพียงแต่เข้ารับฟังการสรุป

ทุกเช้าเท่านั้นเอง ไม่รู้ไม่เห็น สั่งการอะไรก็ไม่ได้ อ้อ เมือกบอกที่อุตส่าห์ให้เข้ามาฟังการสรุปเนี่ย

เพียงเพราะจะได้มีอะไรไปเสนอหน้า(งานถนัด)ออกทีวีชี้แจงเท่านั้นเอง


เอาเถอะ ไม่ว่าจะเพราะอะไร ภาพที่แทนจะดูดีกลับยิ่งตกต่ำลงไปจนไม่เหลือ

ไม่รู้ว่าซักซ้อมกันมาหรือเปล่าให้นายมาร์คตอบไปในทางเดียวกัน ว่าไม่รู้ไม่เห็น


ที่ว่ามันคงสับสนเพราะ คงจำได้ว่า เมื่อเกิดถูกเรียกไปสอบ ลิ่วล้อปชป. ก็ออกโรงตีปี๊บ

ให้ข่าวว่า ทำเรื่องฟ้องคุณทักษิณ ต่อICC .ในกรณี ฆ่าตัดตอนในการปราบยาเสพติด

ทั้งๆที่เขาไม่ได้มีคำสั่งให้ฆ่าด้วยซ้ำ เพียงแต่เป็นนายกฯที่มีนโยบายปราบปรามอย่างเด็ดขาด

กลับเอาไปฟ้องเขาในฐานะนายกรัฐมนตรี เหอๆ แต่มีคำสั่งฆ่าคนที่บริสุทธิ์ กลับบอกนายกฯ

ไม่เกี่ยว เฮ้ย เมิงจะเอาไงก็เอาสักอย่าง ตกลงเมื่อมีการตายในบ้านเมือง นายกฯต้องเกี่ยวหรือเปล่า

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ต้องเข้าใจกันก่อนนะ

จากการที่เอกสารของศอฉ. หลุดออกมา เรื่องการสั่งยิงด้วยสไนเปอร์นั้น

จะไปโทษ ไอ้พลซุ่มยิง หรือคนสั่งไม่ได้นา


ก็ในเอกสารเขาว่า ในกรณีมีผู้ก่อการร้ายปะปนอยู่ในหมู่ผู้ชุมนุม ให้ใช้ได้

หากจุดไหนไม่มี ก็ร้องขอมาใช้ยิงได้ เห็นไหมล่ะ เขาไม่ได้บอกสักหน่อย

ว่าให้ยิงผู้ก่อการร้าย


ก็ในเมื่อเขาเชื่อว่ามีผู้ก่อการร้ายปะปน แต่เผอิญมันไม่รู้ไงว่าเป็นคนไหนบ้าง

ตามคำสั่งเขาว่าให้ยิงได้ มันเลยยิงมั่วไปหมด ยิงคนขับแท็กซี่บ้าง คนไปรับหลานบ้าง

คนที่เป็นนักข่าวบ้าง ที่ร้ายสุดคือยิงอาสาพยาบาล


เห็นไหมล่ะ ก็สั่งมาหลวมๆว่าให้ยิงได้ ก็ไอ้นายเหนือขึ้นไปมันไม่ได้เจาะจงนี่นาว่ายิงอะไรได้

อะไรยิงไม่ได้ ก่อนมาประจำการ เขาก็กรอกใส่หัวมาแล้วว่า พวกที่อยู่ในที่ชุมนุม

มีผู้ก่อการร้ายเต็มไปหมด เมื่อไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ยิงไว้ก่อน ตามแบบฉบับทหาร ที่เขาสอนกันมา

เนิ่นนานแล้วว่า ยิงก่อนแล้วค่อยถาม(อ้าวนี่เรื่องจริงนะเนี่ย เขาสอนมาอย่างนี้จริงๆ)


แต่เอ ที่ยิงคนจนสมองไหลที่หน้าสตรีวิทย์นี่ ยังคิดมุกผู้ก่อการร้ายไม่ได้เลยนี่นา แล้วเอาไงดีล่ะ

ไอ้มุกผู้ก่อการร้ายนี่มาคิดได้ตอนที่ไอ้ร่มเกล้ามันตายโหงไปแล้วนี่นา แต่ทหารมันดันส่องยิงชาวบ้านถือธงก่อนเป็นรายแรก

เอาละโว้ย อุตส่าห์ เข้ามาช่วยแก้ตัวให้แล้วนา แต่แหมมันไม่ไหวว่ะ ความผิดมันทนโท่ ไม่รู้จะช่วยแถยังไง


เอาเป็นว่ารับโทษไปกันทั่วๆแล้วกันนิ ทั้งคนสั่ง(ผอ.ศอฉ.) นายกฯในฐานะหัวหน้าศอฉ.อีกที

คนยิงจะอ้างว่าทำตามคำสั่งโดยหวังจะปัดไปให้เจ้านายรับผิดคนเดียวก็ไม่ได้ล่ะนะ

เพราะผลที่พิสูจน์ได้ว่าพวกแกทำเกินกว่าเหตุ คนตายและคนเจ็บไม่มีใครมีอาวุธในมือ

ตอนถูกยิงเลยสักคน ทีนี้จะแก้ตัวกันอย่างไรดีละเนี่ย ตัวใครตัวมันละกัน ไม่ต้องโบ้ย

โดนกันทุกคนจ้า

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มหาภารตะยุทธ

เพิ่งดูจบไปเมื่อคืนเองค่ะ ซื้อแผ่นผีแหละค่ะ อายเหมือนกันนะคะ

แต่ไม่สนับสนุนให้ใครทำนะคะ มันไม่ดี ไม่ถูกต้อง ที่ถูก เราต้อง

ซื้อแผ่นลิขสิทธิ์ ราคาเป็นพัน (ฟังดูคุ้นๆไหมเนี่ย ชอบสอนให้คนทำความดี

แต่ตัวเองไม่เคยทำตามที่ตัวเองสอนเลยเนี่ย)

หนังแผ่นผี ก็มีข้อเสียนะคะ คือมันไม่ชัด เอาเสียเลย เสียงก็ค่อยๆ ดังๆ ไปตามเรื่อง

ต้องคอยถือรีโมตไว้ในมือ ปรับเสียงขึ้นลงตามสถานการณ์ อิอิ

ที่ซื้อมาดูเพราะเผอิญหนังเกาหลีใหม่ๆยังไม่มา เลยซื้อมาดูแก้ขัด

หนังอินเดียก็คือหนังอินเดียนะคะ พระเอก-นางเอง อ้วนพี สมบูรณ์มาก

เนื้อเรื่องคงพอทราบกันบ้าง ที่เขียนนี่ไม่ได้ตั้งใจจะรีวิวหรอกค่ะ

แต่ดูมาตั้งนาน จนแผ่นจบ ตอนที่จะเริ่ม มหาสงครามที่ทุ่งคุรุเกษตร

ได้ฟังบทสนากระตุกใจ จนต้องนำมาเขียนถึง

อยากส่งไปให้ทหารหาญ และคนบางคนได้ดูจังเลย

ช่วงที่เผชิญหน้ากัน กำลังเตรียมจะสู้รบ ตัวเอกของเรื่อง

ที่ชื่ออรชุน โดยมีกฤษณะเป็นสารถีรถศึกให้ กระโดดลงไป

แล้ววางคันธนูลงบนพื้น พร้อมพูดว่า "เราไม่รู้ว่าจะสู้รบไปทำไม

ในการสงครามย่อมมีความตายในเบื้องหน้า แต่คนที่ยืนอยู่อีกฝั่ง

ต่างก็เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน พูดภาษาเดียวกันทั้งสิ้น"

ก็ประโยคนี้ล่ะค่ะที่ฟังแล้วมันจี้๊ด อยากส่งไปให้ฟังกันในกองทัพ

ถ้าเขาได้ฟังเสียก่อนที่จะถือปืนออกมายิงประชาชน อาจคิดได้บ้าง

แต่อย่างว่าแหละเนอะ ดั๊นมีกฤษณะเป็นคนชี้นำ เป็นคนที่ยุงยงให้สู้รบ

แล้วดั๊นเป็นคนที่เหมือนใครบางคนในประเทศนี้ด้วยแฮะ คือ เชื่อว่า

ตนเป็นพระเจ้า เป็นคนดี ตัดสินได้ว่าใครถูกใครผิด ใครเป็น ธรรมะ-อธรรม

บอกอรชุนว่า เพื่อให้ธรรมะชนะอธรรม ต้องออกไปรบ เออเนาะเป็น

พระเจ้าจริงด้วย

ส่วนอีกตอนที่ประทับใจ คือตอนจบ ที่ภีสมะบุตรคงคา พูดก่อนตาย

เพราะโดนศรปักเต็มตัวจนกลายเป็นเตียงธนู นอนรอความตายอยู่หลายวัน อิอิ

หนังค่ะหนังอย่าคิดมาก จะตายทันทีได้ไง ต้องยื้อไว้ให้ถึงตอนจบสิ

ทั้งๆที่ภีสมะได้รับพร มาว่าหากไม่อยากตายก็จะไม่ตาย จนแก่ผมขาวเลอะเลือน

แล้วก็ยังไม่อยากตาย จนมาถึงตอนใกล้จบ พบว่าความตายของตน

อาจช่วยให้สงครามยุทธครั้งนี้ยุติลงได้(ซี่งก็หาเป็นเช่นนั้นไม่) จึงขอความตาย

ทีเด็ดอยู่ตรงที่ก่อนตายภีสมะสำนึกผิดค่ะ ได้พูดประโยคทองออกมาว่า

"การที่เราเป็นผู้ใหญ่สูงสุด เห็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่ได้พยายาม

ที่จะหยุดมันเสียแต่แรก กลับปล่อยให้ความไม่ถูกต้องดำเนินต่อไป

จนทำให้เกิด มหาภารตะยุทธ ผู้คนล้มตาย เป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง"

นี่แหละค่ะ ภาวะผู้นำ เสียดายมาช้าไปหน่อย กว่าจะคิดได้ว่าตนมีอำนาจ

ที่จะหยุดยั้งความแตกแยกได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ จนต้องมานอน พะงาบๆ สารภาพผิด

แค่นี้แหละค่ะที่ประทับใจหนังเรื่องนี้ ที่อยากส่งไปให้ใครบางคนดู ก่อนที่จะสายเกินไป

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ถึงเวลาหรือยัง

คุณว่าถึงเวลาหรือยังที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะสำนึกได้ว่า
ไม่ควรเล้ย ไม่ควรเลย ที่โดดเข้าไปรับตำแหน่งนายกฯ อย่างไม่สง่างาม
ในครั้งนั้น เข้ารับตำแหน่งอันทรงเกียรติ ทั้งๆที่ไม่ได้ชนะการเลือกตั้ง
ได้ตำแหน่งมาอย่างพิศดาร ขนาดเป็นที่เล่าขานกันไปทั่ว ถึงวิธี อันสลับซับซ้อน
ใช้กลไก ทุกรูปแบบ ทั้งอำนาจ เงิน ตำแหน่ง เครื่องล่อใจ จนถึงการข่มขู่สารพัด
กว่าจะดันตัวเองขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกฯ แต่ก็เป็นทุกขลาภของแท้
เป็นลาภอันมิควรได้จริงๆ

ด้วยความอยาก เลยทำให้ คนหนุ่มที่น่าจะมีอนาคตดีงาม กลับมาได้รับสมญาว่า
"ไอ้ฆาตกร" ถูกคนก่นด่า สาปแช่งไปทั่ว เดินทางไปไหนก็มีคนตามไปถือป้ายด่าทอ
หนักหน่อยก็ถูกโห่ร้องตะโกนขับไล่

นี่คงไม่ใช่ภาพที่นายอภิสิทธิ์ใฝ่ฝันถึง เขาคงเพียงอยากจะดูเทห์
ได้นั่งเก้าอี้อันทรงเกียรติ ได้รับการยกย่อง นับหน้าถือตา
แต่ความอยากของนายอภิสิทธิ์ มันเป็นความอยากที่สูงสุดเอื้อม
เลยต้องมีตัวช่วยช่วยโน้มกิ่ง จริงๆก็จะเรียกโน้มก็ดูจะน้อยไป
ต้องเรียกว่า หักกิ่งเอามยื่นให้เลยทีเดียว

แต่ด้วยความที่ด้อยความสามารถจริงๆ แม้ตำแหน่งที่คนอื่นเขาทำทุกวิถีทาง
ผิดถูกไม่สนใจ นำมามอบให้ นายอภิสิทธิ์ กลับไม่สามารถดำรงตำแหน่ง และแสดงศักยภาพ
ของตนให้ปรากฎ ลองคิดดูหากนายอภิสิทธิ์เก่งจริง เวลาตั้งสองปีกว่าที่อยู่ในตำแหน่ง
คงทำให้นายอภิสิทธิ์ สร้างชื่อให้ปรากฎ คนจดจำในทางที่ดีได้ไม่น้อย
แต่น่าเสียดาย ความจริงก็คือความจริง เขาเป็นคนไม่มีความสามารถ
แต่เป็นเพราะแรงผลักดันที่ผิดธรรมชาติ จึงทำให้เขาตกลงไปในกับดัก
ของตัวเอง ยิ่งดิ้นก็ยิ่งจม เลอะเทอะหนักเข้าไปอีก

ใครจะไปรู้ หากนายอภิสิทธิ์ ไม่อยากเป็นนายกฯ ไม่รับตำแหน่งในวันนั้น
เรื่องที่เขาเคยทำผิด ทำชั่วมาในอดีตคงไม่มีใครทราบ ที่เห็นชัดๆก็เรื่อง
หนีทหาร เชื่อเถอะ ในประเทศนี้น่ะ คนหนีทหาร มีเยอะแยะ ลูกท่านหลานเธอ
ลูกอาเจ้ก อาแปะ ที่มีสตางค์ ไม่อยากให้ลูกไปลำบาก ก็หาวิธีหลีกเลี่ยง
กันทั้งนั้น ก็แหมบางคนตอนเรียนรด. ก็ไม่อยากเรียน พอต้องไปคัดเลือก
ก็ใช้สารพัดวิธีที่จะหลบ ใช้เงิน ใช้เส้นสายกันทั้งสิ้น

แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ ไม่ได้กระสันต์อยากมาเป็นนายกฯ
ให้ได้รับการตรวจสอบ ส่วนนายอภิสิทธิื ผู้โลภมาก อยากเป็นนายกฯ
ตามที่เล่าว่าอยากมาแต่เด็ก แต่ก็ไม่รู้จักจัดการชีวิตให้ถูกต้องดีงาม
หากอภิสิทธิ์ ไปรับการเกณฑ์ และใช้วิธีอื่นในการหนีการคัดเลือกมา
ก็จะไม่ดูทุเรศเท่านี้ ถ้านายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เล่นการเมือง ไม่ได้ทยานอยาก
นั่งเก้าอี้ที่ตนไม่ควรนั่ง ผลคือเขาเลยต้องจ่ายด้วยราคาแพงลิบลิ่ว
พ่อแม่ถูกลากมาด่าทอไปด้วย เพราะเมื่อจวนตัว นายอภิสิทธิื ก็จะโทษ
พ่อแม่ ดังเช่นเรื่อง การแจ้งเกิด เมื่อ ถูกซักเรื่องสองสัญชาติในสภา
ก็อภิปรายว่า ไม่ได้เป็นคนไปแจ้งเกิดเอง เรื่องหนีทหาร ทำเอกสารปลอม
ก็คงโทษว่าพ่อไปหามาให้เอาไปยื่น จะปลอมหรือไม่ไม่ทราบ

หากอภิสิทธิ์เป็นนายก.นายข. ประกอบสัมมาอาชีวะอย่างคนปกติ มีหรือ
ที่ใครจะไปขุดคุ้ยออกมาได้ว่า ใช้เอกสารปลอม เขาว่าคนโกหก ลองได้เริ่มครั้งแรก
โอกาสที่จะพูดความจริงครั้งต่อๆไปก็ยาก ต้องโกหกทับเข้าไปเรื่อยๆ
เพราะกลัวว่าไอ้ที่โกหก ครั้งแรกมันจะเผยออกมา

นายอภิสิทธิ์ ป่านนี้จะกินได้นอนหลับอย่างปกติหรือไม่ ที่ทุกวันต้อง
คิดหาเรื่องมาโกหกไปเรื่อยๆ จนชักสับสน ออกอาการบ้า จนคนเขาตั้งข้อสังเกต
เขาจะเสียใจหรือยังว่าไม่น่าเลย ไม่น่ามาเล่นการเมือง ไม่น่ารับตำแหน่ง
จนทำให้ชีวิตดิ่งลงเหว จนยากจะตะกายขึ้นมา นับแต่นี้ไป ชื่ออภิสิทธิ์
คงได้รับการจารึกว่า นายกฯผู้หนีทหาร ใช้เอกสารปลอม และเผลอๆจะต้อง
เป็นนายกฯคนแรก(ตามที่เขาชอบเป็น เป็นคนแรก) ที่ติดคุกฐานสั่งการโดยมิชอบ
ฆ่าคนตายเกลื่อนเมือง

ถึงเวลาหรือยังที่อภิสิทธิ์จะนอนร้องไห้ทั้งคืน คร่ำครวญว่า "ไม่น่าเลย"