วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เขา....ผู้ซึ่งไม่เคยชนะ


จะใครเสียอีก ถ้าไม่ใช่ไอ้มะม่วงจำบ่ม พอดีนึกขึ้นได้ว่าไอ้นี่มันไม่เคยแม้แต่สักครั้งที่จะทำการใดสำเร็จจนได้ชูมือว่าเป็นผู้ชนะ

มาจะเล่าให้ฟัง นึกขึ้นได้ก็เมื่อไอ้กระบือสกประจำกายเห่าออกมา
เมื่อยี้ห้อยร้อยยี่สิบ ทำตัวเป็นคนที่หยั่งรู้ดินรู้ฟ้า ออกมาฟันธงขาดๆว่า
คุณยิ่งลักษณ์ไม่มีทางที่จะได้ขึ้นครองตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดแม้จะ
ชนะเลือกตั้งก็ตาม แล้วไอ้หมีต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
กระบือสกเห่า (เฮ้อชื่อเป็นควายดั๊นเห่าเป็นหมา)ว่า ในพรรคเอี้ยที่อยู่
มานานหอกเสียบปีกว่าๆ ไม่มีธรรมเนียมนี้ โดยลืมไปว่า หัวหน้าพรรคคนก่อน
นายบัญญัติ ก็ได้ทำไว้ให้เป็นบรรทัดฐาน แล้ว โดยการลาออก จาการเป็นหัวหน้าพรรค
เมื่อพ่ายแพ้การเลือกตั้ง (ซึ่งเป็นประเพณีที่ดี เพราะการพ่ายแพ้ในการนำเลือกตั้ง
ย่อมแสดงให้เห็นว่าไร้ความสามารถ สมควรต้องรับผิดชอบ หลีกทางให้คนอื่นที่มีความสามารถ
มีวิสัยทัศน์นำพาพรรคไปให้สู่ชัยชนะต่อไป)

พอนึกถึงตอนนี้ได้ มันก็แว้บเข้ามาว่า เอ แล้วไอ้"มะม่วงจำบ่ม"นี่มันขึ้นมา
เป็นหัวหน้าพรรคได้อย่างไร คงจำกันได้ว่าไอ้พรรคเปรตนี่ พยายามเหลือเกินที่จะกล่าวอ้างว่า
เป็นสถาบันการเมือง อันทรงคุณค่า อยู่มานาน มีวัตรปฏิบัติงดงาม แม้หัวหน้าพรรคก็ยังต้องได้รับการโหวต
ผ่านการแข่งขันมา จึงจะได้เป็นหัวหน้าพรรค พรรคเป็นของกลาง ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
ตระกูลใดตระกูลหนึ่งนะเว้ยเฮ้ย(สงสัยต้องเชิญไปอ่านประวัติของพรรคนี้อีกที เพื่อเข้าใจว่าตั้งมาได้อย่างไร
แล้วใครเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง)

เอ้าย้อนกลับมาใหม่ วันที่ไอ้ชวน(หัวหน้าพรรคกระยาจกตัวจริง) จะลงจากตำแหน่ง
จะวางตัวให้ไอ้หมีเลยก็ดูจะไม่เก๋ เลยเปิดให้มีการแข่งขันชิงตำแหน่ง ซึ่งในครั้งนั้นพรรคก็เกือบแตกไปทีหนึ่งแล้ว
ก็มีผู้แข่งสองราย จำได้ไหมคะ มีไอ้ไม้ผลัดใบอะไรเนี่ยแหละกับผู้เฒ่านามบัญญัติ ลงชิตำแหน่งกัน อะฮ้าผลหรือคะ
ไอ้ละอ่อนก็แพ้ไปตามระเบียบ (ก็ใครเขาจะไไปเอา ผลงานไม่มี ความดีไม่ปรากฎ ดีแต่พูด แล้วมีฟันเกเท่านั้นเอง)

นายบัญญัติ ก็ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค นำศึกเลือกตั้ง ซึ่งก็แพ้ ขอโทษ ครั้งนั้น
ใช้สโลแกนว่า "ทวงคืนประเทศไทย" เพราะคุณทักษิณเป็นนายกฯมาครบวาระ 4ปีเต็ม
ผลการทวงคืนก็ออกมาว่ารัฐบาลนำโดยคุณทักษิณ ได้ 377ที่นั่ง ส่วนผู้มาขอทวงคืน
ได้รับการยืนยันจากประชาชนไปว่าไม่ให้โว้ย ได้ไปเพียง 96เสียงแล้วคุณบัญญัติก็ลาออกจาการเป็นหัวหน้าพรรค
(เพราะมั่นใจเต็มที่ ประกาศก่อนการเลือกตั้งว่า หากนำพรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งจะขอลาออก)เนี่ยเห็นไหมล่ะ ปากไวไปหน่อย เลยต้องออก

แล้วไอ้หมีก็กระโดดขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค คงยังไม่ลืมว่า มันไม่ได้ชนะการแข่งขันชิงหัวหน้าพรรคนะคะ ได้มาเพราะโชคช่วยแท้ๆ เพราะดันมีคนมีสปิริต รักษาสัญญา รักษาคำพูด

พอไอ้หมีมานำพรรคก็แสดงผลงานดีเลิศ ประกาศบอยคอตการเลือกตั้งซะงั้น ทั้งๆที่ประกาศว่า เป็นประชาธิปไตย แต่ไม่ลงเลือกตั้ง
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยนำพาพรรคชนะการเลือกตั้งเลย พ่ายแพ้แท้ๆ แต่ดันไม่ยอม ดิ้นเร่าๆจะเอาเก้าอี้ ทั้งๆที่แพ้ไปกว่าครึ่งร้อย (65 ที่นั่ง)
ไม่ได้ฉิวเฉียดแต่ประการใดแต่ด้วยความหน้าด้าน หน้าทน ไม่รู้จักอับอาย จึงได้เข้ามาเป็นนายกฯด้วยวิธีพิศดาร เล่าลือกันไปทั่วโลก

ดังนั้นกระทู้วันนี้จึงขอมาสะกิดเตือนให้ทราบว่า ไอ้หมีไม่เคยชนะการคัดเลือกใดๆเลย เมื่อใดที่แพ้ก็ไม่ยอมแพ้
มันจะทำทุกวิถีทางที่จะต้องเอาให้ได้ เหมือนเด็กสมาธิสั้นทั่วๆไป ที่มักไม่สามารถเป็นคนมีเหตุผล ยอมรับอย่างมีตรรกะไม่ได้
ขอเพียงอยากได้ เมื่อไม่ได้ ก็จะดิ้นทุรนทุราย ร้องไห้อยู่กลางห้าง จนพ่อแม่ อับอายผู้คนที่จ้องมอง
เลยต้องตัดบทด้วยการซื้อของที่อยากได้ประเคนให้ เพียงเพื่อให้มันหยุดร้อง

แต่ขอเตือนพ่อแม่ของไอ้หมีว่า งวดนี้ไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อนนะเว้ยเฮ้ย
เก้าอี้นายกฯครั้งนี้ต้องมาจากฉันทามติของประชาชนโว้ย ไอ้ที่จะยกให้กันง่ายๆ ไม่มีทาง!

ไม่มีความคิดเห็น: