วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทำเพื่อคนคนเดียว

วาทกรรมแมลงสาบ ที่พยายามบอกประชาชนว่าพรรคเพื่อไทย กระทำการทุกอย่างเพื่อพตท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อมีการพูดถึงการนิรโทษกรรม

อันที่จริง ในฐานะคนรักคุณทักษิณ ก็ยังไม่เห็นว่าคุณทักษิณทำผิดอะไร ถึงขั้นต้องขอนิรโทษกรรม เพราะส่วนใหญ่ การนิรโทษกรรมมักถูกนำไปใช้ ในกรณีที่ทำผิดร้ายแรง มีตัวอย่างให้เห็นในอดีต เช่น เมื่อทำการรัฐประหารทุกครั้ง ก็ต้องมีการนิรโทษกรรมผู้ที่ทำการ ทั้งๆที่มีความผิดร้ายแรงขึ้งขั้นก่อการกบฎ มีโทษถึงประหารชีวิต แต่ก็ได้ออกพรก.นิรโทษกรรมตามมา ไม่เช่นนั้นได้ถูกตัดหัวขั้วแห้งไปไม่รู้กี่ราย(เพราะประเทศนี้ ทหารมีหน้าที่หลักคือทำรัฐประหาร...หรือไม่จริง?)

ดังนั้นการออกมาใส่ร้ายป้ายสีว่า พรรคเพื่อไทยมีความคิดจะนิรโทษกรรม จึงถูกนำไปใช้ เพื่อให้ประชาชน(ที่ยังเกลียดคุณทักษิณ) เห็นว่า พรรคเพื่อไทยต้องการฟอกตัวให้คุณทักษิณ แต่ดังที่บอก คุณทักษิณทำผิดชั่วร้ายอะไรหรือมีความผิดสถานเดียวที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง(ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นการเมือง) ตัดสินจำคุก 2ปี ฐานไปเซนชื่อรับรองการประมูลซื้อที่ดินของภรรยา ซึ่งผลสุดท้าย คนซื้อไม่ผิด คนขายก็ไม่ผิด แต่คดียังติดตัวคุณทักษิณ

หากจะให้พูดไป การตัดสินครั้งนี้ มันถูกต้องชอบธรรมหรือไม่คงไม่ต้องพูดถึง เพราะฆ่าคนตายยังได้รับการรอลงอาญา ปล่อยตัวไปเพียงเพราะอ้างว่าผู้กระทำความผิด เป็นคนที่สามารถทำประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองได้ แล้วคุณทักษิณ ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเป็นสมัยที่ 2 ทำความดีความชอบให้ประเทศมากขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึง ไม่อย่างนั้นคนจะยังรัก ยังศรัทธาอยู่จนถึงวันนี้หรือ ความผิดพลาดที่แค่ไปเซ็นชื่อรับรองการเป็นภรรยา มันจะร้ายแรงอะไรหนักหนา ความเสียหายต่อรัฐก็ไม่มี

แต่ก็ตัดสินไปเพียงเพื่อจะขจัดคุณทักษิณออกไปจากแวดวงการเมือง(ซึ่ง ใครๆก็รู้ดูออก) เป็นชนักปักหลังอยู่ตลอดไป เพราะไม่ว่าอย่างไร คุณทักษิณก็จะมีคดีนี้ติดตัวไปจนไม่สามารถกลับเข้ามาทางการเมืองได้อีก เพราะมีกำหนดไว้ว่า หากนักการเมืองใดต้องคดีถูกตัดสินจำคุก(โดยไม่มีการรอลงอาญา) ย่อมหมดสิทธิ์ที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมือง

เรื่องแค่นี่แหละที่ทำให้ศาลถึงกับต้องตัดสินให้จำคุก ทั้งๆที่สามารถนำความดีความชอบมาผ่อนปรนในการตัดสินได้ แต่ก็ไม่ทำ กะให้จบสิ้นกันไป
หากไม่มีการนิรโทษกรรมทางการเมือง ก็ยากที่จะนำคุณทักษิณกลับมาได้
เท่าที่คิดเอาเอง คำ ว่านิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย ก็คงเพียงยกโทษให้แก่คดีทุกคดีที่เกิดจากการรัฐประหารเสียละมากกว่า หาใช่นิรโทษกรรมผู้เข่นฆ่าประชาชนไม่

ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงเดือดร้อนมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นรัฐบาลในสมัยที่เกิดการเข่นฆ่าประชาชน ทำอย่างไรก็ไม่มีทางหลุดจากข้อกล่าวหา จึงออกมาตีปี๊บด่า ทั้งๆที่หากมีการนิรโทษกรรมในเหตุการณ์ ปี 52-53จริง คนที่ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ ก็คือปชป. แต่มันคงรู้แกวว่านิรโทษกรรมที่จะเกิดไม่ได้นับรวมไปถึงเหตุการณ์เข่นฆ่า ประชาชน เลยต้องออกมาเต้นแร้งเต้นกา

เมื่อคิดได้ว่า หากจะมีการนิรโทษกรรมจริง ให้จัดให้มีเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวเนื่องจากการรัฐประหารในปี 2549 แค่นี้ก็พอแล้ว และทำไมจะทำไม่ได้ เพราะพวกคนดี ๆ น่ารักนนี่ก็ยังถึงขนาดเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ(ฉบับหัวคูณ)
ในมาตรา309เลยด้วยซ้ำ ว่าการใดที่มันเคยทำ และจะทำต่อไปในอนาคตให้ พ้นผิดหมด เอากันถึงขนาดนี้ ยังจะให้คนเขายอมได้อย่างนั้นหรือ

หากการนิรโทษกรรมที่จะเกิดขึ้น มีจริง เพียงเพื่อนคนคนเดียวคือคุณทักษิณ ชินวัตร แล้วมันจะเป็นอย่าง ก็คนคนเดียวนี่แหละที่แก้ปัญหาชาติได้ ที่ทำให้ไทยเจริญทัดเทียมอนารยประเทศ มีที่ยืนอย่างสง่างามในเวทีโลก

การทำเพื่อคนคนเดียว ที่มีคุณูนุประการกับชาติ มันผิดตรงไหนวะ ..อยากรู้

เมื่อวานก็ไปสวนลุมมา


พรรคเพื่อไทย ปราศรัยใหญ่ ในกทม. จะไม่ไปให้กำลังใจได้อย่างไร

รวบรวมสมัครพรรคพวกได้ 4คน นัดเจอกันที่บ้านเพื่อนแถวลาดพร้าว
เพื่อนขับรถไปจอดที่"จอดแล้วจร"ที่ลาดพร้าวใกล้ๆบ้านนั่นแหละค่ะ
นั่งรถใต้ดินไป ลงที่สวนลุม โอ้โห ดีจริงๆ เพราะโผล่ออกมาปุ๊บ ก็เจอ
ข้างๆเวทีเลย

ไปถึงสัก 5โมงกว่าๆ เจอคุณมิ่งขวัญกำลังปราศรัยอยู่ มองไปทางเวที
คนแน่นมากๆ คงยากที่จะ เบียดเข้าไปฟังได้ เลยมองๆทางสนามด้านนอก
เขามีจอมอนิเตอร์ พื้นที่ยังเหลือ เลือกที่นั่งได้เหมาะเจาะหลังจอเลยล่ะค่ะ
ตอนยังไม่มืด มองจอไม่ชัด แต่พอมืดก็เห็นชัดเจนดี

ตอนแรกกะว่าจะไปแค่เพิ่มจำนวนนับ แต่พอฟังคุณเฉลิม แล้วต่อด้วยคุณณัฐวุฒิ
แล้วคุณยิ่งลักษณ์ก็มา จะไม่ให้ฟังจนจบได้อย่างไร พอคุณยิ่งลักษณ์มา ปราศรัยจบก็ปิดเวที
เลยได้ดูจนจบ คนมาก ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส เดินทางกลับด้วยรถใต้ดินเหมือนเดิม
ในรถเจอคนที่กลับจากฟังการปราศรัยเหมือนกัน แม้ไม่ได้ทัก แต่ก็ยิ้มให้กัน
มาเสียเส้นตรงที่มีเด็กในที่นั่งข้างๆมากับพ่อ-แม่ ส่งเสียง งอแง โวยวายตลอด
ต้องข่มใจ พ่อแม่ก็ไม่ยักดุว่า ปล่อยให้รบกวนคนทั้งขบวน แรกๆก็ดูน่าเอ็นดู
แต่ชักดังขึ้นทุกที จนคนในรถชักจะมองหน้ากัน โชคดี เขาลงไปก่อน เพื่อนที่ไปด้วย
บอกว่าน่าจะหันไปบอกเด็กที่กำลังส่งเสียงและไต่ยั้วเยี้ยอยู่บนตัวพ่อว่า
"ป้าเชียร์ประธิปัตย์นะหนู" เผื่อพ่อ-แม่ มันจะรีบอุดปากลูกในทันที ฮา

มีเรื่องเล่าแค่นี้ล่ะค่ะ ชื่นใจ ได้ไปฟังการปราศรียหาเสียงเป็นครั้งแรก
สมัยคุณทักษิณ,คุณสมัครก็ไม่เคยไป แต่ครั้งนี้ ไม่ไปไม่ได้ เพราะต้องไปเชียร์
นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเมืองไทย

มีรูปมาโชว์เล็กน้อยค่ะ


วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เขา....ผู้ซึ่งไม่เคยชนะ


จะใครเสียอีก ถ้าไม่ใช่ไอ้มะม่วงจำบ่ม พอดีนึกขึ้นได้ว่าไอ้นี่มันไม่เคยแม้แต่สักครั้งที่จะทำการใดสำเร็จจนได้ชูมือว่าเป็นผู้ชนะ

มาจะเล่าให้ฟัง นึกขึ้นได้ก็เมื่อไอ้กระบือสกประจำกายเห่าออกมา
เมื่อยี้ห้อยร้อยยี่สิบ ทำตัวเป็นคนที่หยั่งรู้ดินรู้ฟ้า ออกมาฟันธงขาดๆว่า
คุณยิ่งลักษณ์ไม่มีทางที่จะได้ขึ้นครองตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดแม้จะ
ชนะเลือกตั้งก็ตาม แล้วไอ้หมีต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
กระบือสกเห่า (เฮ้อชื่อเป็นควายดั๊นเห่าเป็นหมา)ว่า ในพรรคเอี้ยที่อยู่
มานานหอกเสียบปีกว่าๆ ไม่มีธรรมเนียมนี้ โดยลืมไปว่า หัวหน้าพรรคคนก่อน
นายบัญญัติ ก็ได้ทำไว้ให้เป็นบรรทัดฐาน แล้ว โดยการลาออก จาการเป็นหัวหน้าพรรค
เมื่อพ่ายแพ้การเลือกตั้ง (ซึ่งเป็นประเพณีที่ดี เพราะการพ่ายแพ้ในการนำเลือกตั้ง
ย่อมแสดงให้เห็นว่าไร้ความสามารถ สมควรต้องรับผิดชอบ หลีกทางให้คนอื่นที่มีความสามารถ
มีวิสัยทัศน์นำพาพรรคไปให้สู่ชัยชนะต่อไป)

พอนึกถึงตอนนี้ได้ มันก็แว้บเข้ามาว่า เอ แล้วไอ้"มะม่วงจำบ่ม"นี่มันขึ้นมา
เป็นหัวหน้าพรรคได้อย่างไร คงจำกันได้ว่าไอ้พรรคเปรตนี่ พยายามเหลือเกินที่จะกล่าวอ้างว่า
เป็นสถาบันการเมือง อันทรงคุณค่า อยู่มานาน มีวัตรปฏิบัติงดงาม แม้หัวหน้าพรรคก็ยังต้องได้รับการโหวต
ผ่านการแข่งขันมา จึงจะได้เป็นหัวหน้าพรรค พรรคเป็นของกลาง ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
ตระกูลใดตระกูลหนึ่งนะเว้ยเฮ้ย(สงสัยต้องเชิญไปอ่านประวัติของพรรคนี้อีกที เพื่อเข้าใจว่าตั้งมาได้อย่างไร
แล้วใครเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง)

เอ้าย้อนกลับมาใหม่ วันที่ไอ้ชวน(หัวหน้าพรรคกระยาจกตัวจริง) จะลงจากตำแหน่ง
จะวางตัวให้ไอ้หมีเลยก็ดูจะไม่เก๋ เลยเปิดให้มีการแข่งขันชิงตำแหน่ง ซึ่งในครั้งนั้นพรรคก็เกือบแตกไปทีหนึ่งแล้ว
ก็มีผู้แข่งสองราย จำได้ไหมคะ มีไอ้ไม้ผลัดใบอะไรเนี่ยแหละกับผู้เฒ่านามบัญญัติ ลงชิตำแหน่งกัน อะฮ้าผลหรือคะ
ไอ้ละอ่อนก็แพ้ไปตามระเบียบ (ก็ใครเขาจะไไปเอา ผลงานไม่มี ความดีไม่ปรากฎ ดีแต่พูด แล้วมีฟันเกเท่านั้นเอง)

นายบัญญัติ ก็ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค นำศึกเลือกตั้ง ซึ่งก็แพ้ ขอโทษ ครั้งนั้น
ใช้สโลแกนว่า "ทวงคืนประเทศไทย" เพราะคุณทักษิณเป็นนายกฯมาครบวาระ 4ปีเต็ม
ผลการทวงคืนก็ออกมาว่ารัฐบาลนำโดยคุณทักษิณ ได้ 377ที่นั่ง ส่วนผู้มาขอทวงคืน
ได้รับการยืนยันจากประชาชนไปว่าไม่ให้โว้ย ได้ไปเพียง 96เสียงแล้วคุณบัญญัติก็ลาออกจาการเป็นหัวหน้าพรรค
(เพราะมั่นใจเต็มที่ ประกาศก่อนการเลือกตั้งว่า หากนำพรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งจะขอลาออก)เนี่ยเห็นไหมล่ะ ปากไวไปหน่อย เลยต้องออก

แล้วไอ้หมีก็กระโดดขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค คงยังไม่ลืมว่า มันไม่ได้ชนะการแข่งขันชิงหัวหน้าพรรคนะคะ ได้มาเพราะโชคช่วยแท้ๆ เพราะดันมีคนมีสปิริต รักษาสัญญา รักษาคำพูด

พอไอ้หมีมานำพรรคก็แสดงผลงานดีเลิศ ประกาศบอยคอตการเลือกตั้งซะงั้น ทั้งๆที่ประกาศว่า เป็นประชาธิปไตย แต่ไม่ลงเลือกตั้ง
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยนำพาพรรคชนะการเลือกตั้งเลย พ่ายแพ้แท้ๆ แต่ดันไม่ยอม ดิ้นเร่าๆจะเอาเก้าอี้ ทั้งๆที่แพ้ไปกว่าครึ่งร้อย (65 ที่นั่ง)
ไม่ได้ฉิวเฉียดแต่ประการใดแต่ด้วยความหน้าด้าน หน้าทน ไม่รู้จักอับอาย จึงได้เข้ามาเป็นนายกฯด้วยวิธีพิศดาร เล่าลือกันไปทั่วโลก

ดังนั้นกระทู้วันนี้จึงขอมาสะกิดเตือนให้ทราบว่า ไอ้หมีไม่เคยชนะการคัดเลือกใดๆเลย เมื่อใดที่แพ้ก็ไม่ยอมแพ้
มันจะทำทุกวิถีทางที่จะต้องเอาให้ได้ เหมือนเด็กสมาธิสั้นทั่วๆไป ที่มักไม่สามารถเป็นคนมีเหตุผล ยอมรับอย่างมีตรรกะไม่ได้
ขอเพียงอยากได้ เมื่อไม่ได้ ก็จะดิ้นทุรนทุราย ร้องไห้อยู่กลางห้าง จนพ่อแม่ อับอายผู้คนที่จ้องมอง
เลยต้องตัดบทด้วยการซื้อของที่อยากได้ประเคนให้ เพียงเพื่อให้มันหยุดร้อง

แต่ขอเตือนพ่อแม่ของไอ้หมีว่า งวดนี้ไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อนนะเว้ยเฮ้ย
เก้าอี้นายกฯครั้งนี้ต้องมาจากฉันทามติของประชาชนโว้ย ไอ้ที่จะยกให้กันง่ายๆ ไม่มีทาง!

ว่าด้วยเรื่องของคนหน้าด้าน


บ้านนี้เมืองนี้มีแต่คนหน้าด้าน คนเก่าๆท่านถึงได้ว่า "เก่งไม่กลัว กลัวแต่คนหน้าด้าน"
เพราะหากหน้าด้านเสียแล้ว จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีหรอก ไอ้"หิริโอตัปปะ"(ความละอายต่อบาป)

ดังนั้นเราจึงเห็นคนหน้าด้านทำได้ทุกอย่าง ไม่อายฟ้าดินทั้งสิ้น ขนาดทำยังกล้าปากแข็งว่าไม่ได้ทำ
คงไม่ต้องยกตัวอย่างหรอกนะว่า ใครเป็นอย่างนี้บ้าง เอ๋หรือเอาเสียหน่อย จะได้ไม่ต้องนึกนาน
ก็ดูไอ้รัฐบาลที่เซ็นคำสั่งให้ทหารออกมาปราบปรามประชาชนด้วยอาวุธจริง รถถังจริง แต่กลับบอกว่าเปล๊า
หนูเปล่าทำ ก็ถ้าเมิงไม่ได้สั่งแล้วมันทำอย่างนี้ภาษากฏหมายเขาเรียกว่า"ทำนอกคำสั่ง" แปลง่ายๆว่าเสือกล่ะพี่น้อง

ส่วนไอ้ทหารก็เอาปืนออกมายิงจริง คนตายจริง เสือกบอว่าไม่ได้ยิง หลักฐานภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหวกระจายไปทั่วโลก
ยังปากแข็งว่าเปล่า แต่ถึงไม่ได้ยิงจริง ก็เอากำลังพลนับหมื่นออกมาจริงใช่ไหม รัฐบอกไม่ได้สั่ง
เฮ้ย เมิงเคลื่อนกำลังโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็กบฎล่ะสิ (แต่ไม่เป็นไร หน้าด้านด้วยกัน เลยหยวนๆกันไป)

พอด้านต่อไม่ไหว ก็เลยยุบสภา เข้าสู่การเลือกตั้ง โอ้โห ทีนี้คนหน้าด้านโผล่กันมาอีกเพียบ
ไอ้คนที่ต้องด่าให้หนักๆ ก็นี่เลย หัวหน้าคณะรัฐประหาร ใหม่ๆสดๆ เป็นเพราะการรัฐประหาร
ครั้งล่าสุดนี่แหละที่ปัญหามันลุกลาม แก้กันไม่หวาดไม่ไหว เออหนอ ทำลายประชาธิปไตย
ด้วยการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง(ที่ได้รับฉันทามติจากประชาชนมากมายมหาศาล)ลง

วันดีคืนร้ายออกมาให้สัมภาษณ์ว่ารู้ตัวละนะว่าผิดที่กระทำการอย่างว่า (แต่ความเสียหายก็เกิดแล้ว)
ดันมาตั้งพรรคการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โอ๊ยกรูจะบ้าตาย
นึกอย่างไรล่ะเนี่ย นึกเท่าไหร่ก็ก็นึกไม่ออก นึกได้อย่างเดียวว่า"แม่งหน้าด้านฉิบหาย"
ยัง...แค่นั้นยังไม่พอ รู้ตัวอีกแน่ะว่า ไม่มีทางได้รับเลือกมามากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล
แต่กลับกระทำการหน้าด้าน ไปรวมหัวกันปรึกษาหารือกันกับพรรคเล็กพรรคน้อยว่า
ทำอย่างไรจะได้ร่วมรัฐบาล แล้วจะร่วมกับพรรคไหนดี

ตายๆ เมิงก็รู้การเลือกตั้งคือเลือกพรรคการเมืองที่มีนโยบายที่ดี ที่จะนำพาประเทศไปได้
นโยบายที่จะแก้ปัญหาของประเทศ ถ้าเขาไม่เลือกพรรคเมิงก็แสดงว่าเขาอาจไม่ชอบ
นโยบายของพรรค ไม่ก็ไม่เชื่อว่าพรรคจะบริหารได้ ดังนั้นเขาเลยไม่เลือกไง้
ดันไปสุมหัวกันว่าจะทำไงดี ไอ้พรรคอื่นๆ ก็กระมิดกระเมี้ยน รับบ้างไม่รับบ้าง
ไหนเลยจะด้านได้เท่าไอ้นี่ เพราะตอบผู้สื่อข่าวว่า"ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการพูดคุยกันเรื่อง
ตั้งรัฐบาลบ้างแล้วในส่วนของพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก"

ขอยอมรับเลยว่า เมิงหน้าด้านที่สุด ในกระบวนพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก
เพราะกล้าพูดโดยไม่อายว่าจะปล้นอำนาจประชาชนได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะแสดงประชามติ
ออกมาแล้วว่าไว้ใจให้ใครเข้ามาบริหารประเทศ เพราะพูดว่า" ส่วนตัว ไม่ขัดข้องที่ใครจะมาเป็น
นายกรัฐมนตรี หากพรรคไหนรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ ก็ตั้งรัฐบาลได้"

นั่นแน่ เผยไต๋ออกมาแล้วว่าใครก็ได้ที่รวบรวมเสียงข้างมากในสภา เมิงก็ยังโชว์ความไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่นั่นเอง
ประชาธิปไตย แปลว่าประชาชนเป็นใหญ่ เขาเลือมามากกว่าก็แปลว่าเขาอยากให้พรรคนี้ มาทำงาน
เขาไม่ได้เลือกพรรคเล็กพรรคน้อยสักหน่อย แล้วเมิงมารวมตัวกัน สุมหัวกัน ต่อรอง เพื่อจะได้ร่วม
จัดตั้งรัฐบาลมันจะถูกหรือ

เหนือสิ่งอื่นใด หัวหน้าคณะรัฐประหาร ก็ไม่สามารถทำให้ใครเชื่อได้ว่าจะมีความคิดเป็นประชาธิปไตย
แม้จะออกมาสารภาพผิดว่า ทำผิดไป ทางที่ดี หากเมิงสำนึกผิดจริง เมิงต้อง หายหัวไป
แล้วก็ออกไปจากบ้านพักในค่ายทหารด้วย(เงินที่รับไป คงหามาคืนไม่ไหวมั้ง) หลบไปให้ไกลจาก
สังคม ทำได้แค่ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้น จำไว้ไอ้หน้าด้าน!

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เอาไปใช้หาเสียงไม่ได้

ใหม่
ท. เทือกนั้นตายยาก น่าอนาถไอ้เทพไท
ไอ้ยอดสุขถิ่นไทย เถียงน้ำไหลไปข้างคู
เป็น สส.ต้องปากหมา เพราะมารดาคงมีชู้
หลายครั้งกูทนดู แม่มีชู้ยังได้เป็น
ไอ้มาร์คมันดิ้นพล่าน สุดสงสารประเทศไทย
สวาปาล์มไม่อายใคร เงินที่ได้คงแบ่งกัน
แก้ปัญหาดับไฟใต้ ทำได้เพียงส่งรถถัง
ทหารไปไม่ระวัง ยืนจังงังให้เขายิง
มีปัญหากับเขมร โทษฮุนเซ็นกับทักษิณ
ด่าเขากุ้ยกูได้ยิน โทษทักษิณได้ทุกวัน
รมต. หรือผีเปรต อยู่ต่างประเทศคิ้วกังฉิน
ชื่อกษิตปิดสนามบิน กูได้ยินจำขึ้นใจ
มาคราวนี้กูขอไล่พวกผีเปรต พรรคทุเรศก่อเรื่องราวสร้างหนี้สิน
กูขอด่าพวกมึงว่าไอ้ห่ากิน หน้าส้นตรีน ทั้งผู้เมีย เฮี้ยพอกัน

เมิงวางยาประเทศไว้หรือไง


ตกลงประเทศนี้เป็นของใคร เมื่อมีการยุบสภาแล้วเกิดการเลือกตั้งใหม่
หมายความว่า รัฐบาลเก่าที่ทำหน้าที่บริหารจัดการประเทศ ก็อาจต้อง
เปลี่ยนไป ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลที่เคยเป็นจะได้กลับมาทำงานต่อสักหน่อย
ไม่ได้มีหลักประกันว่าถ้าเป็นอยู่แล้วจะได้เป็นตลอดไป

ดังนั้น พรรคการเมืองทุกพรรค ต้องทำงานของตัวให้ดีที่สุด เพื่อเป็นผลงาน
ให้ประชาชนใช้ประกอบการตัดสินใจ ว่าจะไว้ใจให้ทำงานสานต่อไปหรือไม่

แต่การที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาชูสโลแกนว่า"วันแรกทำได้ทันที" แถมพกการแขวะพรรคขู่แข่ง (ตามสันดาน)
ว่าหากเลือกพรรคอื่น ต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ ส่วนพรรคของตัวนั้น
ว่าจะเข้าไปเติมให้เต็มสิบ พอเถอะ พ่อมหาจำเริญ

แค่สองปีกว่าที่ทำ ประชาชนก็สุดแสนจะเหนื่อยนัก นี่กะจะมาเติมเต็มอะไรกันอีก
เขาเชื่อกันว่าไอ้ที่เต็มน่ะมันคงเป็นกระเป๋าของพวกแกกระมัง
เรียกว่าที่กินกันไป มโหฬารเนี่ย มันยังไม่พอ จะขอเข้ามาเติมเต็มอีกหรืออย่างไร

ยังไม่พอ สโลแกนนี้มันยังทำให้คิดต่อไปอีกด้วยว่า พวกเมิงวางยาอะไรกับประเทศไว้หรือ
ถึงจะทำให้คนอื่นที่ไม่ใช่พรรคเมิง หากเข้ามรับงานต่อ ถึงต้องนับหนึ่งกันใหม่

การทำงาน หัวใจ เขาว่าต้องทำให้ดีที่สุด ต้องนึกไว้เสมอว่า หากพรุ่งนี้ตาย
ใครที่มารับงานต่อ ต้องไม่มีปัญหา ใครก็ได้ เพราะได้วางระบบเอาไว้ดีแล้ว
ไม่ใช่กั๊กเอาไว้แบบนี้ มีอย่างที่ไหน ชูสโลแกนโง่ได้บัดซบอย่างนี้
ใครนะช่างคิดให้ แม่งโง่ดักดานทั้งพรรคจริงๆ

ฟังเพลง เชียร์คุณยิ่งลักษณ์ กันค่ะ


http://www.4shared.com/audio/lHnwmePc/__online.htm

สองมือที่ดูนิ่มนวลอ่อนโยน
สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น
สองมือที่ดูไม่มีความสำคัญ
คือสองมือที่ทำ ให้โลกหมุนไป

แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง
แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย
ขอเพียงให้เป็นได้ดังที่ตั้งใจ
จะทุกข์ทนเดียวดายไม่มีความสำคัญ

บันดาล โลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ
นำพาให้เป็นไปตามต้องการ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร
ไปด้วยมือเธอเสกสรร
ดังถ้อยคำประพันธ์
เปรียบเปรยพรรณนา

ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์
ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า
อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา
คือหัตถาครองพิภพจบสากล

บันดาล โลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ
นำพาให้เป็นไปตามต้องการ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร
ไปด้วยมือเธอเสกสรร
ดังถ้อยคำประพันธ์
เปรียบเปรยพรรณนา

ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์
ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า
อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา
คือหัตถาครองพิภพจบสากล

ชื่ออาจผิด แต่สมญาไม่เคยผิด



วลีจากหนังจีนนะคะ ฟังดูแล้วก็เห็นจริงตามไปด้วย เพราะชื่อนั้นพ่อ-แม่
ไม่ก็ปู่ ย่า ตา ยายตั้งให้ตั้งแต่เกิด ซึ่งก็แน่นอน ตอนเกิดมาก็ยังไม่มีลักษณะ
อะไรชัดเจน การตั้งชื่อก็เลยมักตั้งตามใจชอบ นอกจากบางทีก็ตั้งตาม
ลักษณะที่เห็น เช่นแดง ดำ สมัยนี้ติดฝรั่งก็ให้ชื่อพิงก์ และบางทีก็ตั้งเอาเคล็ด
เช่นว่าผอมมากๆ ก็จะตั้งชื่อให้ว่า"สมบูรณ์"(ลองสังเกตดู คนชื่อสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะผอมโกรก เกือบทุกราย)

แต่สมญานามนั้น มักถูกตั้งให้ตอนโตแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพื่อนๆ และก็ตั้งตามลักษณะที่เห็น
จึงมักจะออกในแนวล้อเลียน เช่นอาจเรียก ไอ้ตี๋ เพราะหน้าตากระเดียดไปทางคนจีน (ทั้งๆที่อาจไม่ใช่) @!~=*:-(
เพราะอาจตัวใหญ่และดูทึ่มๆสักหน่อย จะเห็นได้ว่า สมญานามนั้น ไม่เคยผิด เพราะพอเรียกปุ๊บคน ที่ได้ยินมักคล้อยตามด้วยทุกที

ทีนี้ลองมาดู สมญานามทางการเมืองดูบ้าง ลองดูนะคะ ว่า ไอ้ฆาตกรเด็ก
ได้รับการขนานนามว่าอย่างไรบ้าง เริ่มมาตั้งแต่สมัยท่านนายกฯสมัคร
ที่ท่านเรียกว่า"มะม่วงจำบ่ม" เท่านั้นเอง เห็นภาพเลย กะการไม่เอาไหน
ประดักประเดิด หวานก็ไม่หวาน ออกเปรี้ยวไม่อร่อย เนื้อหรือก็ไม่เนียน
เข้ากันได้ดีกับคนที่ยังไม่พร้อมจะทำงานใหญ่ แต่ดันทุรังจะทำ ผลเป็นไงล่ะคะ
ดูผิวภายนอกก็พอดูได้ แต่เนื้อในมันกินไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องปล่อยให้เน่าเสียไปอย่างน่าเสียดาย
นี่ถ้าหากเชื่อสุภาษิตเขาว่า"อดเปรี้ยวไว้กินหวาน" รอให้บารมีแก่กล้า แล้วค่อยออกมาเป็น
อาจกลายเป็นนายกฯที่เพรียบพร้อมไปอีกคนหนึ่งก็ได้ แต่ด้วยความไม่เอาไหน เลยเสียของไปตั้งแต่ยังหนุ่ม


มีอะไรอีกสมญานามสำหรับคนคนนี้ และรัฐบาลคณะนี้ ลองหามาเล่า แบ่งปันกันนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ซื่อสัตว์

ไม่ผิดหรอกค่ะสะกดถูกแน่นอน อนุสนธิมาจากผลโพลล่าสุดของเอแบค
จากการเปรียบเทียบจุดแข็งของพรรคการเมืองใหญ่สองพรรคคือ

พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ในสายตาของสาธารณชน พบว่า

พรรคเพื่อไทยได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเหนือพรรคประชาธิปัตย์เกือบทุกตัว ชี้วัด

ยกเว้นเรื่องเดียว คือ ความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต โดยพบว่า ร้อยละ 51.6 ระบุความโปร่งใส

ซื่อสัตย์สุจริต เป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่ร้อยละ 48.4 ระบุเป็นจุดแข็งของ

พรรคเพื่อไทยเช่นกัน อย่างไรก็ตามความแตกต่างที่ค้นพบในเรื่องนี้ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ

เพราะเป็น ตัวเลขที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

เอ่อ อุ๊ยต๊ายตายว้ายกรี๊ด เจอผลอย่างนี้ต้องย้อนกลับไปดูว่าไปสำรวจ ทำโพล์มาจากไหน
ได้ความว่ากรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ

ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ตราด สระแก้ว พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี พิจิตร เพชรบูรณ์

เชียงใหม่ มุกดาหาร หนองคาย ชัยภูมิ ศรีสะเกษ อุดรธานี ขอนแก่น พังงา ปัตตานี

และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,143 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 - 7 พฤษภาคม 2554

โอ้แม่เจ้าชาวไทย เชื่อว่าแมลงสาปซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่ต้องไปดูอื่นไกล เอาที่ใกล้ที่สุด
ก็เมื่อประชุมครม.นัดเทกระจาด เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง มันแสดงความโปร่งใส ซื่อสัตย์ตรงไหนไม่ทราบ
เอ้า เอาเป็นว่าช่วงที่ไปสำรวจ ปชช.ยังไม่ได้ทราบข่าวการแดรกมโหฬารก็เอาเถอะ

แต่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยรู้สึกเลยหรือว่ารัฐบาลนี้โกงกินมหาศาล อย่าไปโทษว่ามาจากพรรคร่วมเลย
อยู่ด้วยกันมันก็โกงด้วยกันนั่นแหละ เมื่อเข้ามาใหม่ๆก็มีทุจริตปลากระป๋องเน่า นั่นก็สส.พรรคปชป.
ไหนยังจะเรื่องอื่นๆอีกจิปาฐะ ที่มีคนเขามาตั้งกระทู้ให้ดูถึงผลงานอันเลวร้ายของพรรคนี้
ย้อนกลับไปก็โน่นเรื่องใหญ่ การแจกสปก-401 นั่นก็อีก โอ๊ยมากมาย จำไม่หวาดไม่ไหว
แต่รับรองเรื่องโกงกินพรรคนี้ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

นึกขึ้นได้ การจ้างพยานเท็จปรักปรำให้ยุบพรรคการเมืองอื่น นี่ก็ถือเป็นความโปร่งใส
ซื่อสัตย์มากเลยสิท่า ที่เลวร้ายที่สุด คือเมื่อเข้ามาบริหารประเทศ กลับมีคำสั่งให้
ทหารทำร้าย ฆ่าประชาชนกลางเมืองหลวง แล้วตอแหลว่าไม่ได้สั่ง ทั้งๆที่หลักฐานพยาน
ชัดแจ้งได้ดูได้เห็นกันไปทั่วโลก ไอ้เมือกเองก็รับแล้วว่าสั่ง โดยกระโดดลงไปฟัดกับHRW
แสดงความขี้เท่อออกมาเป็นการรับกลายๆว่ามีการสั่งการให้มีการฆ่าจริง แต่แถว่าคนอื่นฆ่ามากกว่า

ไปด่าทอว่าผลการสอบยังไม่เสร็จสิ้น แต่ไอ้เมือกก็เอาไปบอกนักข่าวว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้คน
ไปเผาบ้านเผาเมือง ที่อย่างนี้กลับไม่คิดว่การสอบก็ยังไม่ชัดเช่นกันว่าใครเป็นคนเผา คนที่โกหกหน้าด้านๆ
อย่างนี้น่ะหรือที่ประชาชนที่ตอบแบบสอบถามเห็นว่ามีความซื่อสัตย์เหนือกว่าพรรคเพื่อไทย

จากผลโพลนี้ก็ชี้ได้ว่า คนตอบโพล คนทำโพล ก็หาได้มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่
โกหกได้แม้แต่ตัวเอง อย่างดีก็เป็นไได้แค่สัตว์ที่แสนซื่อของใครสักคนเท่านั้นเอง

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พรรคร่วมฯ

จะมีการเลือกตั้งแล้วนะคะ???!!!!!!
จะได้เลือกจริงหรือไม่ไม่ทราบ เอาเป็นว่าถ้าได้มีสิทธิ์เลือกตั้งอีกครั้ง
ขอเสนอข้อคิดสักหน่อยเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจ

สำหรับเสื้อแดงคงไม่ต้องแนะว่าจะให้เลือกพรรคใด แต่อาจมีประโยชน์บ้าง
สำหรับท่านที่ยังไม่ตัดสินใจ

การเมืองเป็นเรื่องของการเลือกคนเข้าไปบริหารประเทศ(นี่ว่ากันแบบบ้านๆ
ตามระบอบประชาธิปไตยนะคะ แต่แบบไทยๆก็มีรายละเอียดปลีกย่อย
เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย เช่นว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง
เป็นเพียงพรรคที่มือที่มองไม่เห็นพอใจก็เพียงพอแล้ว แฮ่ม!!) แต่อย่างไรก็ดี
เมื่อต้องเลือกผู้แทนเราเข้าไปทำหน้าที่ เราก็ต้องเลือกให้ดี

การเมืองระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่มีผู้แทนที่ได้รับเลือกตั้งมา
มากที่สุด ก็จะได้จัดตั้งรัฐบาล เราเลือกผุ้แทนอย่างไร เราก็จะได้คนบริหาร
ประเทศแบบนั้น ดังนั้นเราจึงควรเลือกจากนโยบายของพรรคที่นำเสนอ
พินิจพิจารณาให้ดี ว่าเป็นนโยบายที่ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น

ที่สำคัญต้องเลือกพรรคที่มีผลงาน เป็นพรรคที่เคยทำตามนโยบายที่ว่าไว้
ได้แน่นอน ไอ้ประเภท ไม่รู้จักว่านโยบายคืออะไร คอยแต่ลอกเขาก็อย่า
ไปเลือก หรือไอ้ประเภทที่ขอโอกาสเข้ามาแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ก็อย่า
ไปเลือก (บ้าหรือเปล่า ก่อเอง ไม่มีปัญญาแก้ แต่ยังมีหน้ามาขอโอกาส
แก้ไปด้วยกัน)

ทีนี้ก็มาถึงพรรคเล็กพรรคน้อย (แว่วๆว่าจดทะเบียนกันสักร้อยกว่าพรรค
เลยทีเดียว) พรรคเหล่านี้ ไม่เคยหวังว่าจะชนะเลือกตั้งจนได้เป็นแกนนำ
ในการจัดตั้งรัฐบาล แล้วเขาก็ไม่ได้อับอาย หน้าด้านแถลงกันดื้อๆเลยว่า
หวังเพียงจะได้ไม่กีเสียง(อาจหวังถึง10-20เสียง) หวังเพียงจะได้กลับมา
เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง หนอยแน่ ไม่ได้บอกว่าจะยืนยันอยู่กับพรรค
รัฐบาลที่เคยร่วมกันมานะคร้าบ เขาบอกว่าเขาร่วมกะใครก็ได้(หน้าด้านฉิบหาย)
พูดง่ายๆคือให้กูได้มีส่วนร่วม อุดมการณ์ นโยบายอย่างไรกูไม่สน
สนอย่างเดียวได้มีโอกาสได้เข้าไปสวาปามอีกครั้ง

พรรคเหล่านนี้จะเลือกทำไมคะ หากหวังดีต่อประเทศจริง เมื่อมีโอกาสร่วม
ทำไมไม่แก้ไข ทำไมไม่ปรับปรุง ทำไมไม่ช่วยกันทำให้ประเทศดีขึ้น

พรรคร่วมรัฐบาลนี้มีพรรคอะไรบ้างคะ นี่เลย 1พรรคภูมิใจไทย (ที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งด้วยซ้ำ
เพราะวันที่ได้รับเลือก ผู้แทนเหล่านี้ไม่ได้อยู่พรรคนี้
และพรรคนี้ก็ไม่เคยอยู่ในสารบบที่สมัครรับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งครั้งที่
ผ่านมาด้วยซ้ำ เป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาทีหลังเป็นพรรคเฉพาะกิจ ที่หักหลัง
พรรคเดิมที่สังกัดอยู่)
2พรรครวมชาติพัฒนา
3พรรคชาติไทยพัฒนา
4พรรคกิจสังคม
5พรรคเพื่อแผ่นดิน

อีกสี่พรรคก็นี่แหละค่ะ พรรคที่พร้อมยอมร่วมกับใครก็ได้เพียงเพื่อได้
เป็นรัฐบาล(จะได้มีโอกาสเข้าไปโกงกินงบประมาณ)

จำชื่อจำหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้ไว้ให้ดี เพราะคนเหล่านี้ไม่สมควร
ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของเรา เพราะความผิดใหญ่หลวงคือ
เมื่อมีการฆ่าประชาชนกลางเมือง พรรคเหล่านี้ที่ร่วมรัฐบาลอยู่
ไม่ได้ทำอะไร เพื่อที่จะหยุดยั้ง ระงับเหตุ แม้จะอ้างว่าไม่ได้สั่งการ
แต่การเงียบนั่งดูเขาสั่งการก็เลวพอกัน เผลอๆเลวยิ่งกว่าด้วยซ้ำ
เพราะมีโอกาสที่จะระงับเหตุได้แต่ก็ไม่ทำ

หวังว่าข้อคิดนี้คงจะช่วยให้ท่านที่ยังไม่ได้ตัดสินใจพอตัดสินใจได้บ้าง
อ้อ ส่วนพรรคใหม่ๆที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหวังตอดคะแนนก็อย่าไปเลือกเลยค่ะ
เพราะหาได้ต่างไปจากพรรคร่วมเก่าที่เล่ามา เพราะพรรคใหม่ๆเหล่านี้
ก็ไม่ได้หวังว่าจะได้คะแนนถล่มทลายเพื่อเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล ก็แค่หวัง
มาแจม กินตามน้ำไปเท่านั้นเอง เลือกไปก็เสียของ