วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ยิ้มไม่ออก

อนุสนธิจากกิจกรรมมากมาย ล่าสุดได้รับSMS จากAIS
เอากะเขาด้วยจัดรายการ Smile@Ratprasong
ไม่ทันได้อ่านรายละเอียด กดลบทิ้งไปก่อน ได้แต่แต่ง
กลอนนี้บอกให้รู้ว่า "ยังยิ้มไม่ออก"

วันที่ยังฟังเพลงไม่เห็นเพราะ
จะหัวเราะก็ยังไม่เต็มเสียง
วันที่ฟ้ามืดคล้ำยังลำเอียง
วันที่ความธรรมเที่ยงยังไม่มี

จะให้ยิ้มอิ่มใจกระไรได้
วันที่ใจยังช้ำย่ำศักดิ์ศรี
จะให้ลืมหรือไรไม่ไยดี
วันที่มีคำลวงให้ลืมกัน

ยังเป็นคนมีหัวใจไม่ใช่หุ่น
ไม่ให้ขุ่นข้องใจให้สุขสันต์
ทำไม่ได้ให้แย้มยิ้มในทันควัน
ขอเวลาให้ฉันได้ทำใจ

ขอเวลาเยียวยารักษาจิต
ยังไม่คิดจะเลือนลืมลงได้
ทั้งคนเจ็บคนหายอกอกเกลื่อนไป
ให้อภัยไม่ลงคงอีกนาน

คนที่ทำความผิดต่อผู้อื่น
ต้องหยิบยื่นคำขอโทษนั่นพื้นฐาน
คนฆ่าคนต้องเอาไปประจาน
ว่าสามานย์ชั่วช้าน่าละอาย

ลองขอโทษโกรธอาจทุเลาบ้าง
และอาจวางความแค้นแน่น อกหาย
หากยิ้มร่าบ้าบอต่อคนตาย
อย่าได้หมายจะยิ้มให้ไม่มีวัน

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ไม่มีทางลืม

เขาบอกว่าอย่าจำ..ลืมให้หมด
อย่าจำจดความตายหายสาบสูญ
มาเริ่มใหม่เถิดหนาอย่าอาดูร
สุขเพิ่มพูน..สูญหาย..ตายช่างมัน

ก็เห็นไหมในที่นี้มีความสุข
ไร้ความทุกข์สุขใจใครเห็นขัน
คนที่ตายตายไปไม่มีวัน
ที่จะผันพลันฟื้นหรือคืนมา

ก็ลูกหลานว่านเครือเขาเบื่อมาก
เขาอดหยากอดช้อบ..ตอบปัญหา
เอาพื้นที่ช้อบปิ้งของประชา
ด้วยการฆ่าหาพื้นที่ที่เลื่องลือ

ช่วยกันล้างช่วยกันเช็ดจนเบ็ดเสร็จ
มันคงเข็ดเด็ดขาดไม่อาจหือ
ประกาศก้องร้องว่า"พวกเราคือ
พวกมังกือมังเกี้ยเอี้ยทุกคน"

แล้วถนนรนแคมแถมด้วยห้าง
ไม่รกร้างอย่างเก่าเราเห็นผล
เอาเลือดคนทาทับไม่อับจน
เป็นถนนช้อบปิ้งยิ่งใหญ่พลัน

เขาบอกเราให้ลืมลืมให้สิ้น
แค่พวกดินรากหญ้าช่างน่าขัน
จะมีค่าแค่ไหนอะไรกัน
มาสร้างสรรค์ดันห้างอย่างที่ควร

จะให้ลืมลืมได้อย่างไรเล่า
ก็มาเอาชีวิตปลิดไม่หวน
เหมือนสายน้ำไหลไปไม่ไหลทวน
ท้องไส้ป่วนมวนมนจนอาเจียร

ไม่ใช่ญาติก็เหมือนเพื่อนร่วมชาติ
จึงไม่อาจตัดใจไม่ขีดเขียน
ความคิดเห็นเป็นอยู่มันวนเวียน
จึงจุดเทียนแห่งปัญญาว่า...ไม่ลืม

สโลแกนสิ้นคิด

เลือกตั้งซ่อมกทม.เขตหก ได้เบอร์กันไปเรียบร้อย
ก็ต้องมีสโลแกนในการหาเสียง แน่นอน แมลงสาบได้เบอร์1
คนสมัครชื่อพนิช คิดอะไรไม่ออก เลยมีคำขวัญว่า

เลือกโดยไม่ต้องคิด เลือกพนิชเบอร์ 1

เชื่อแล้วว่าพรรคนี้มันสิ้นคิดจริงๆ แค่มันสิ้นคิดกันทั้งพรรคไม่พอ
ดันเจือกมาชวนให้คนอื่นเขาไม่ต้องคิดอีกด้วย เลือกผู้แทนโดยไม่คิด
อย่างนี้นี่เล่า ถึงได้เอี้ยมาครองเมือง

แค่นั้นยังไม่พอ เสือกมาตั้งคำขวัญให้คนอื่นอีก

เลือกก่อแก้ว ก่อกวน ก่อการร้าย หมายเลข 4

แค่จ้องจับผิดเขายังไม่พอ ยังแสดงสันดานหยาบ ต่ำช้า ให้ปรากฎ
หากคนอื่นทำบ้างแม่งจะร้องให้แจกใบแดงว่าใส่ความไหมเนี่ย
ก็มันชัดแจ้งแดงแจ๋ว่าใส่ร้าย คนที่ยังไม่ถูกตัดสินว่าผิด ต้องถือว่าบริสุทธิ์
แต่นี่อะไรเอามาหาเสียงด่าว่าเขา แต่พวกเมิงตั้งแง่ว่าห้ามเอาเรื่องฆ่าคน
มาหาเสียง ก็มันพิสูจน์แล้วว่าจริงนี่นา ศพคนตายก็เห็นอยู่ ปิดไม่มิด
ตั้ง 90 คน แล้วจะว่าไม่ใช่การดำเนินนโยบายผิดพลาดของพรรคเมิงได้ไง

เลวอย่างนี้กันทั้งพรรค ถ้าไม่คิด ก็ต้องเลือกพวกเมิงล่ะวะ
แต่เดี๋ยวนี้คนเขาไม่ได้โง่เง่าเต่าตุ่น เหมือนพวกเมิง เขาเห็น
เขารู้ เขาคิด เขาจึงไม่เลือกไง้

น่าจะแถมให้ว่า

เลือกอย่างคนสิ้นคิด เลือกพนิชเบอร์1

BBC Doc: Thailand’s Red Rage



แค่อยากรู้

คุณเมธี อมรวุฒิกุล

ข่าวว่าถูกจับไปนานนม เห็นออกข่าวว่าสารภาพว่าใครเป็นไอ้โม่งในช่วงวันที่10เมย.
แต่ไม่เคยเห็นภาพข่าวเจ้าตัวเลยสักครั้ง นี่ก็ผ่านไปนานนม ไม่มีข่าวการยื่นขอฝากขัง
ต่อ จับไปแล้วออกข่าวฮือฮา แล้วหายเงียบไปไหน แปลกจริงๆค่ะ

เมื่อจับใหม่ๆ คาดว่าคงถูกว้อมจนหน้าบวมปูด ออกข่าวไม่ได้ แต่นี่ก็นานจนน่าจะหายดีแล้วนะคะ
หรือจับไม่ได้จริง หรือเสียชีวิตไปแล้ว แล้วเธอไม่มีญาติพี่น้องตามข่าวเลยหรือ แปลกค่ะ

หากคุมตัวตามพรก. ก็จับไว้ได้แค่ 30วัน นี่ก็เลยมานานแล้ว

ไม่เคยได้ข่าวว่าขอยืดเวลาการคุมตัวซึ่งมีสิทธิืคุมได้ครั้งละแค่7วัน

หรือป่านนี้ไปเป็นชายชุดดำที่แคนาดาเสียล่ะมั้ง ที่ประท้วงการประชุมG20น่ะค่ะ

พรก.ฉกฉวย

การอ้างเหตุระเบิด หน้าพรรคภูมิใจไทย เพื่อคงไว้ซึ่งการใช้พรก.
มันดูงี่เง่า ไม่เข้าท่าเอาเลยนะคะ พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง
ให้รัฐและเจ้าหน้าที่มีอำนาจล้นฟ้า ริดรอนสิทธิืเสรีภาพของประชาชนฝ่ายตรงข้าม

การประกาศใช้ และคงไว้โดยอ้างว่าเพื่อดูแลสถานการณ์ให้สงบเรียบร้อย
มันก็ไม่เห็นจะได้ผลตรงไหน นอกจากถือโอกาสปิดหูปิดตาประชาชน
เพราะหากการอยู่ใต้พรก.นี้ จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยจริง
การเกิดระเบิดในขระที่ยังคงพรก.อยู่หมายความว่าอย่างไร

ทั้งๆที่พรก.นี้ครอบจักรวาล หาเหตุเอาผิดใครก็ได้ง่ายๆ ทำไมยังเกิดเหตุระเบิดอีก
ย้อนกลับไปดูการยิงหัวสนธิ ลิ้ม นั่นก็อยู่ในพรก. ทหารเต็มบ้านเต็มเมือง
จนป่านนี้ก็ยังหาคนผิดไม่ได้ อ้างโน่นอ้างนี่ ว่าบางคนเป็นอุปสรรค ทำให้ค้นหาความจริงไม่ได้
คนที่ว่าเป็นอุปสรรคก็เกษียณไม่ใช่สิ ถูกปลดออกจากตำแหน่งไปก่อนแล้ว
ผ่านมาเนิ่นนานนับปี ยังไม่เห็นได้เบาะแสอะไร

เรื่องที่กระทรวงมหาดไทยก็อีก เกิดในพรก.ไม่ใช่หรือ
ไอ้รัฐบาลเฮ็งซวยนี่ก็ประกาศพรก.พร่ำเพรื่อ ประกาศล่วงหน้า
ก่อนมีเหตุฉุกเฉินทุกทีไป ก็ไม่ว่ากัน แต่เมื่อประกาศแล้ว เหตุมัน
ก็ยังเกิด แสดงว่า ประกาศไปก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
ยังมีการลอบฆ่า มีการวางระเบิดอยู่เนืองๆ

ไม่ต้องดูอะไร การประกาศพรก.นี้ที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้
ต่อกันมาแทบจะประกาศถาวรไปอยู่แล้ว ไม่เห็นจะช่วยให้อะไรมันดีขึ้น
เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็ยังถูกถล่ม ไม่เว้นแต่ละวัน

แล้วจะมาอ้างว่าต้องยืดอายุ คงพรก.ไว้เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยได้ไง
แค่กฎหมายธรรมดาที่มีอยู่ยังเอาไปบังคับใช้กับพวกตัวเองไม่ได้
แล้วจะเอาพรก.เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งฝ่ายตรงกันข้ามมันถูกอยู่หรือ

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ว่าด้วยเรื่องของsauces

อ่านตำราทำกับข้าว เขาว่าซ้อส เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการทำกับข้าว
เจอข้อความนี้"There is no such thing as a good instant
sauce;packaged sauces are meant to cover poor meal"

อ่านแล้วรู้สึกชอบมากๆ และทำให้ย้อนมาถึงการเมืองไทย
ที่เรากำลังถูกบังคับให้บริโภคซ้อส สำเร็จรูป ที่มาในซองที่
สวยหรู ดูดี

เหมือนนักการเมืองที่ไม่ได้ผ่านการบ่มเพาะ ไม่ว่าจากการเมือง
หรือการทำงาน แต่มาอยู่ในซองที่ดูดี แล้วคนเอามายื่นให้
โฆษณาว่าอันนี้เด็ดสุด รสชาติดี ง่าย สะดวก แค่เติมน้ำร้อน
ก็ใช้ได้ทันที ราดลงไปบนอะไรก็อร่อย

ไม่มีหรอกค่ะ ไอ้ซ้อสที่ว่าน่ะ ไม่ว่าจะมาในซองที่ดูดีเพียงใด
แต่เขาก็ทำมาสำหรับคนชุ่ยๆ ที่หวังเอาแต่สะดวกสบาย
คาดหวังว่า ซ้อสเฮ็งซวยจะทำให้อาหารอร่อยล้ำขึ้นมาทันใด

ซ้อสที่ดี ไม่ต้องการแค่ส่วนผสมที่ดี สมบูรณ์(อย่างที่ข้างซอง
โฆษณาชวนเชื่อ) แต่ต้องการเวลาในการเคี่ยวนะคะ
จึงเหมือนกับภาษาอังกฤษข้างบนเขาว่าแหละค่ะ คือ
"ซ้อสสำเร็จรูป เหมาะสำหรับใช้ในการปิดบังรสชาติอันห่วยแตก
ของอาหารเลวๆเท่านั้นเอง"

มันน่าไปจับคนที่ยัดซ้อสสำเร็จรูปมาให้เรา ไปฆ่าทิ้งเสียเหลือเกิน
เตรียมทำอาหารมาอย่างดี ดั๊นเอาซ้อสห่วย(รสชาติระยำหมา)
มาราด แทนที่จะทำให้อาหารอร่อยขึ้น กลับทำให้อาหารดีๆทั้งจาน
เสียไปด้วย จริงไหมคะ

หน้าด้าน

เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น คนอะไรหน้าด้าน หน้าทน ตรลบตระแลงได้ขนาดนี้
เวลาผ่านไปเดือนกว่าแล้ว ยังลอยหน้าลอยตา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ปล่อยให้ประชาชน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ มึนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้
ย้อนกลับไปถึงเมื่อเริ่มการชุมนุม พอเห็นท่าว่าจะเพลี่ยงพล้ำ ก็งัดมุกเจรจา
มาใช้ ทำทีทำท่าสร้างภาพ เก็บคะแนนว่าเป็นรัฐบาลแรกที่ลงมาเจรจากับผู้ชุมนุม

ครั้งนั้น มันก็โอ่ว่าหากมันอยู่ได้ครบเทอม ก็อีกหนึ่งปีเก้าเดือน แต่เอาล่ะ
เพื่อไม่ให้ดูเป็นการเสียเปล่า ก็เอ่ยปากว่าจะยุบสภาภายใน 9เดือน
ทั้งๆที่เขาออกมาชุมนุมกันเรียกร้องให้ยุบสภาทันที

แต่การเจรจาก็เป็นการเสียเปล่าจริงๆ แสดงให้เห็นว่า มันไม่เคยคิดจะยุบสภา
แม้แต่น้อย ไม่เคยคิดจะรอมชอม ไม่เคยยอมรับว่า มาผิดทาง จึงส่งทหาร
ออกมาไล่ยิงผุ้ชุมนุมตั้งแต่วันที่ 10 เมษาฯ คาดว่าครั้งนั้น หากไม่เกิดการตี
กันเองระหว่างทหารด้วยกัน จนเกิดการตายและเจ็บในที่ชุมนุม เชื่อว่า
ประชาชนก็คงตายเป็นเบือ ดีไม่ดี ยอดอาจมากกว่านี้ไปไกล

จากการส่งทหารออกมายิงใส่ผู้ชุมนุม เมื่อ 10เมษา ก็แสดงให้คนเห็นภาพ
อันแท้จริงของไอ้ฆาตกรโหด อำมหิต เรื่องเทปสั่งการเมื่อ เมษา ปีกลาย (2552)
เลยไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปว่าตัดต่อหรือไม่ เพราะรูปการณ์มันถอดแบบคำสั่ง
ออกมาเป๊ะๆ

ยิ่งพอวันที่ 28 เมษา การเอากำลังพลออกไปตั้งป้อมยิงประชาชนหน้าตาเฉย
จนสอยเพื่อนทหารด้วยกัน เสียชีวิต ก็แสดงให้เห็นชัดขึ้นอีกว่า มันไม่เคย
คิดจะเจรจา ยอมอะไรแม้แต่น้อย คิดอยู่อย่างเดียวคือ ยิงให้ตายให้หมด

สังเกตดูจะเห็นได้ว่าก่อนการฆ่ามันจะมีทีท่าอ่อนลงเล็กน้อย เพื่อหลอก
ให้ตายใจ ดังจะเห็นได้ว่า ครั้งสุดท้ายก็เช่นกัน อยู่ดีๆก็โพล่งโรดแหมบ
ออกมา เพียงเพื่อจะดีงความสนใจคนไปทางอื่น จาก 9เดือน ก็ย่นมาเหลือ
แค่5-6เดือน ถึงกับประกาศวันเลือกตั้งออกมาเสร็จสรรพ

แต่แล้วอนิจจา ไม่กี่วันหลังจากนั้น มันก็เอากำลังเข้ามาล้อมฆ่า อย่างทารุณ
แสดงให้เห็นว่า ในใจที่แท้จริง มันไม่เคยคิดที่จะรอมชอมแม้แต่น้อย
มีอย่างที่ไหน หากจุดประสงค์หลักคือ ต้องการให้ยุติการชุมนุม ให้ออกไป
จากสี่แยกราชประสงค์ ก็แล้วทำไม เมื่อแกนนำ ประกาศยุติการชุมนุม
ยอมเข้ามอบตัว ถ้าเป็นการต่อสู้ ก็เท่ากับเขายอมยกธงขาวแล้ว
ยอมแพ้ โยนผ้าแล้ว ทำไมยังไม่หยุดยิง ทำไมยังไล่ล่าไปจนเกิดการ
ยิงในวัดปทุมฯ

นั่งคิดนอนคิด มานานนับเดือน ก็ยังคิดไม่ออกว่ามันฆ่าอย่างโหด อำมหิตทำไม
ฆ่าเหมือนจะเป็นการล้างเผ่าพันธ์ มากกว่าต้องการแค่ยุติการชุมนุมเอาพื้นที่คืน

เลวยิ่งไปกว่านั้นอีก ดันออกมายิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนประกาศชัยชนะเหนือประชาชน
เรื่องยุบสภา ทำเป็นลืมไปไม่เคยได้ยิน กะจะอยู่ยาวจนครบเทอม เผลอๆกะจะอยู่มันตลอดไป
หากพวกที่ตั้งมาให้ดูการแก้รัฐธรรมนูญทำได้ ก็คงยืดเวลาการครองอำนาจให้มันไปจนตายเลยมั้ง

หน้าด้าน หน้าทน ทำไม่รู้ไม่ชี้ ตีหน้าเซ่อ ครองอำนาจมันซะเฉยๆ
ไม่รับผิดชอบ ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำขอโทาที่ฆ่าเพื่อนร่วมชาติไป

ไอ้ทรราชหน้าด้าน

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ปรองดองไม่ได้

คำว่า"ปรองดอง"ที่พ่นออกมาจากปากของฆาตกรกับ
การ"สมานฉันท์"ในวันก่อนที่พ่นออกมาจากคนยึดอำนาจ
ก็ดูเหมือนไม่ต่างกัน กล่าวคือ ขณะที่พล่ามคำพูดนี้ออกมา
ในความเป็นจริง มันหาได้เป็นเช่นนั้นไม่

คำว่าสมานฉันท์ ชื่อก็บอกว่าต้องสมานกัน ไม่ต่างอะไรกับ
การปรองดอง คือต้องมีความเท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย
เหมือนคู่มวย จะชกกันก็ต้องมีการเปรียบเทียบมวย คือต่าง
ฝ่ายต่างต้องสูสีกัน การเอานักชกรุ่นเฮฟวี่เวทขึ้นไปจับมือ
กับนักชกรุ่นไลท์ฟายเวท ก็เห็นที่จะเป็นไปได้ยาก

เอ๊ะแต่นี่ไม่ได้จัดให้ชกกัน เพียงแต่หวังว่าสองฝั่งที่ไม่ลงรอยกัน
มาจับมือกัน เพื่อยุติการห้ำหั่น ต่อสู่กัน ไม่ว่าทางกายภาพหรือ
มโนคติ อันดับแรก ที่ต้องมีคือต่างต้องมีความเท่าเทียมกัน ยืนอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน
จึงจะพูดกันรู้เรื่อง คิดต่างกัน แต่อยู่ร่วมกันได้ ฟังเหตุผลของแต่ละฝ่ายได้

อนิจจาการณ์ในขณะนี้หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งมีด้ามปืน
และกฎหมาที่ตราขึ้นมาเอง เพื่อเอาผิดอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วอย่างนี้
มันจะปรองดองกันได้อย่างไร

เอาปืนกดหัวไว้ แล้วยื่นมืออกมาให้จับ พล่ามว่าเรามาดีกันนะ
ลืมเรื่องที่แล้วๆมาให้หมด ไม่ว่าจะตายไปเกือบร้อย บาดเจ็บไป
เกือบสองพัน และถูกคุมขังอีกไม่รู้เท่าไหร่ มันจะทำได้อย่างไร

ขอบอกว่าเห็นท่าจะปรองดองกันยาก เพราะเผอิญมือของอีกฝั่งไม่ว่างที่จะ
ยื่นออกไปให้จับ เพราะถูกมัดมือไพล่หลังเสียแล้ว มิหนำซ้ำยังถูกปิดตาเสียอีก
มันเลยมองไม่เห็นว่ามือที่ยื่นออกมาให้จับมันอยู่ที่ใด

ภาพประกอบ
แล้วอย่างนี้จะให้จับมือเลิกแล้วต่อกันได้ไง จริงไหม

"ก็มือกูถูกล่ามไม่เห็นหรือ
จะเอามือที่ไหนไปจับเล่า
ตากูก็ถูกปิดไม่เห็นเงา
แล้วจะเอามือที่ไหนไปจับมึง"

กูคือไพร่

ป้าปากเกร็ด's picture

กูเป็นไพร่ใครก็รู้กูเป็นไพร่

กูเป็นไพร่ใครก็รู้กูเป็นไพร่
มึงก็ไม่แตกต่างอย่างที่เห็น
ต่างเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างที่เป็น
ขี้ก็เหม็นเหมือนกันไม่ผันแปร

ไม่มีใคร ไพร่ เจ้า ต้องเน่าเหม็น
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายไม่ตอแหล
ไม่วันนี้ก็วันพรุ่งด่าวดิ้นแด
ต่อให้แม่หรือพ่อก็พอกัน

ไม่มีใครค้ำฟ้าท้าชีวิต
ถูกลิขิตมาให้ตายไม่แปรผัน
อยู่ที่เพียงใช้ชีวิตแต่ละวัน
จะสร้างสรรค์หรือทำลายลองคิดดู

ทุกบทบาททุกตอนไว้สอนสั่ง
แล้วจงชั่งความชั่วดีที่เลิศหรู
หมดชาตินี้ชาติหน้าจะอุ้มชู
จึงต้องรู้เมื่อจะทำกรรมนานา

ไม่ว่าไพร่ นาย เจ้า ทุกเหล่าโลก
ไม่พ้นโศกสืบสิ้นสุดดินฟ้า
ทั้งกรรมดีกรรมชั่วติดตัวมา
สิ้นชีวาโลกนี้ที่เอาไป

กูคือไพร่ใครก็รู้กูคือไพร่
กูทำใจได้แล้วไม่สงสัย
มีแต่มึงเท่านั้นต้องทำใจ
อย่าฝันใฝ่เป็นเจ้าทุกชาติเลย

ศ.อ.ฉ.

"ศูนย์อำนวยการฉุกคิดแห่งประเทศไทย" อันนี้ป้าตั้งขึ้นเองแหละค่ะ
ขอชักชวนให้คนไทยหัดรู้จักคิด ไม่ใช่เสพย์แต่สื่อจากรัฐบาล
แล้วหลงเชื่องมงาย ลองหัดคิด แล้วจะรู้ว่ามันจริงตามที่เขาว่า
หรือเปล่า คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ค่อยอ่านที่สำคัญไม่ค่อยคิด
เขาใส่อะไรมาให้ก็ได้แต่รับอย่างเดียว รับแล้วก็เชื่อตาม

ต่อไปนี้รบกวนหัดเป็น"ชาวสวน" เมื่อใครพูดอะไรก็ช่วยกันสวนให้เขา
ได้หยุดคิดกันบ้าง เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น เช่นว่า มีคนพูดว่าการชุมนุมของเสื้อแดง
ทำให้เศรษบกิจย่อยยับ เผลอๆกลับไปคิดว่ามันร้ายแรงกว่าการยึดสนามบินอีก
ผ่านมาไม่ถึง 2ปี คนลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้น กลับไปหลงงมงายว่าการชุมนุม
ทำให้เศรษฐกิจพังทลาย การท่องเที่ยวทรุด คนไม่มาเที่ยว ซึ่งก็ไม่จริงเลย

คนเขาไม่มาเที่ยวเพราะเขาเกรงพรก.ฉุกเฉินมากกว่า เขาเห็นการฆ่าอย่างทารุณมากกว่า
เขาไม่แน่ใจว่าประเทศนี้มันปลอดภัยแค่ไหนที่จะมาท่องเที่ยว รัฐบาลออกข่าวว่ามีผู้ก่อ
การร้ายต่างหากที่เขากลัว ที่ไหนๆในโลกก็มีการชุมนุม แต่การปราบปรามด้วยการฆ่ามีไม่กี่แห่ง
ในโลกนี้ โชคร้ายที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศเหล่านั้น ทั้งๆที่ประกาศ
กับชาวโลกว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ความจริงปฏิบัติการเยี่ยงเผด็จการ

รบกวนช่วยกันพูด หมดยุคเงียบแล้วค่ะ ต้องหัดพูด หัดบอกให้เขาฉุกใจคิดกันบ้าง
อย่าทำเงียบอีกต่อไป อย่าให้เขาคิดว่าคนในประเทศนี้เห็นดีเห็นงามกับการฆ่า
เพื่อที่ว่าเมื่อได้ฟังความคิดด้าน เขาอาจจะคิดเองได้ หากยังคิดไม่เป็น
คงต้องปล่อยไปเพราะคนที่ฟังแล้วไม่คิด เชื่อทันที คงจะเหมาะกับการปกครอง
ที่เป็นอยู่

การปฏิรูปประเทศไทยคือการทำให้คนรู้จักคิด ไม่ใช่เชื่อที่ได้ฟังมาโดยทันที

Conspiracy Theories

ว่าด้วย"ทฤษฎีสมคบคิด" มองบ้านเมืองขณะนี้แล้วคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย
เพราะเกี่ยวข้องกับคนหลายฝ่าย ต่างร่วมมือกันสร้างภาพนี้ให้เกิดขึ้นใน
ประเทศไทย

ภาพที่ดูเหมือนสงบเรียบร้อย เพราะรัฐยึดพื้นที่ทางการค้าคืนได้ด้วยกำลังทหาร
ทำไมจึงมองเป็นการสมคบคิดกัน ที่ต้องเห็นเป็นอย่างนั้น เพราะหากทหารไม่
ร่วมมือด้วย การปราบปรามคงทำไม่สำเร็จ เพราะจำนวนทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์
ที่ใช้ในครั้งนี้ มากมายมหาศาล (คาดว่าคงจะมากกว่าครั้งใดๆที่เคยเกิดมา)

เริ่มตั้งแต่การเอาท...หน้าอุบาทว์มาพล่ามบ่นออกสื่อแทบตลอดเวลา
ทั้งๆที่เมื่อแรกเริ่มหัวฝ่ายทหารเคยพล่ามว่า"การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง"
แต่ในที่สุดก็เอากะเขาด้วย อันนี้น่าสนใจ ว่าทำไม ท...จึงยอมเปลืองตัวมากขนาดนี้

หากไม่ใช่เพราะท...เองก็กำลังถูกลุกไล่ให้ไปจนมุมในที่สุด
ไม่ว่าจะเรื่องทุจริตในการจัดซื้อ ไหนจะเรือเหาะ ไหนจะจีที200
ไหนจะรถเกราะล้อหุ้มยาง ที่มีการเปิดโปงว่ามีการทุจริตกัน
อย่างมโหฬาร เมื่อเรื่องจวนตัวแล้ว ปล่อยให้การเมืองจัดการกันเอง
ในที่สุดก็คงจะมาฟัดเอากองทัพเข้าจนได้ ไหนยังจะเรื่องตีกันเอง
ในกองทัพ เรื่องนี้หากแพร่งพรายไปให้คนรู้มากๆเข้า กองทัพอันทรงเกียรติ
ก็จะไม่เหลือน้ำยาให้เชื่อถืออีกต่อไป เผลอๆหากคนมองว่ากองทัพ
ก็ไม่ต่างอะไรกับกรงหมา ที่กัดกันเองเพื่อแย่งกันเป็นจ่าฝูงเท่านั้นเอง

ด้วยเหตุนี้กระมัง ท...เลยยอมออกหน้าเข้าปราบปรามประชาชน
แล้วก็สำเร็จเสียด้วย ข่าวคราวการทุจริตเงียบหายไปจากสื่อ
ซึ่งเป็นในทำนองเดียวกับกระทรวงยุติธรรมที่ล่องบจีทีเข้าไปจนหลังแอ่น
เลยต้องส่งหัวฟูออกมาเป็นตัวช่วยสุดฤทธิ์ เผลอได้ไงเกิดรัฐบาลพ่ายแพ้
ศึกครั้งนี้รับรองติดคุกกันหัวโตแทนหัวฟู

เมื่อสมคบคิดกันก็เลยต้องทำให้สุดๆ วางแผนมาอย่างดี เพื่อสร้าง
ความชอบธรรมในการปราบ การเผาจึงเกิดขึ้น ถามว่าเมื่อมีการชุมนุม
มีการเผาไหม ต้องตอบว่ามีแน่นอนแต่ขอโทษ ไม่ใช่ในประเทศไทย
ในฝรั่งเศส เผากันอยู่ตั้งหลายวัน ปล้นสดมภ์ร้านค้ากันเอิกเริก
ทางการฝรั่งเศสไม่ยักจะหมายหัวว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

มาพูดถึงการเผา ก็ต้องพูดถึงทฤษฎี"ใครได้ประโยชน์คนนั้นทำ"
เสื้อแดงจะได้อะไรจากการเผา นอกจากจะมีคนอ้างว่าทำเพื่อความ
สะใจ ก็อาจเป็นได้ แต่มันก็แปลก ถูกท...ล้อมมาพร้อมอาวุธ
ยังมีการเผาได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดูแลขนาดไม่ให้คนเข้าไปดับได้

หากมองเรื่องผลประโยชน์ ก็จะเห็นว่ามีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากการเผา
เพราะหลังจากการเผาเกิดขึ้น เสื้อแดงก็หมดความชอบธรรมในการชุมนุม
ลงในทันที เมื่อแรกคนอาจเห็นว่าการยึดราชประสงค์มันน่ารำคาญ แต่ก็เอาเถอะพอรับได้
แต่พอเกิดการเผาขึ้น คนเริ่มเห็นว่าไอ้พวกนี้มันร้ายนี่นา แล้วเริ่มเห็นใจรัฐบาล
ขึ้นมาทันที โดยลืมคิดไปว่าเขาชุมนุมกันมาตั้งนาน ถูกไล่ยิงตายไปกว่า
20ศพ ก็ยังไม่มีการเผา รับบาลกำลังจะเพลี่ยงพล้ำเนื่องจากการฆ่าคน
แต่พอเกิดการเผาขึ้น คนเริ่มเห็นว่าการปราบอย่างรุนแรงจำเป็นเพราะไอ้พวกนี้
มันเผาบ้านเผาเมือง โดยลืมนึกไปว่าการเผามันเกิดทีหลังการไล่ยิงเข้ามา
ขณะนั้นคนเริ่มเสียชีวิตมากแล้ว แต่พอเผา คนกลับเห็นว่าชีวิตคนมันสำคัญ
น้อยกว่าตึก ไม่มีใครพูดถึงจำนวนคนตาย(ทั้งๆที่บางคนไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม)
กลับไปเห็นว่าเพราะเผาบ้านเผาเมือง(ที่เกิดทีหลัง)มันจำเป็นต้องฆ่า

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นจึงเห็นได้ว่ามันสมคบคิดกันสร้างสถานการณ์
เพื่อเอาตัวรอดจากความผิดที่ก่อไว้ มองผลประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวกเป็นสำคัญ