วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ก็เข้าใจนะ

เขียนออกมาตั้ง300กว่าหน้า คงใช้เวลาไม่น้อย คาดว่าคงเริ่มต้นเขียนกันตั้งแต่ตอนได้รับการแต่งตั้ง
ก็ย้อนกลับไปดูสิว่าใครตั้ง ตั้งเมื่อใด ตอนตั้ง คนตั้งเขาก็มีเจตนาที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสักคณะหนึ่ง
ที่ดูเหมือนว่าค่อนข้างจะเป็นกลาง เจตนาคงไม่มีอะไรมากไปกว่าตั้งให้ขึ้นมาฟอกความผิดของตัวเอง

ไม่ผิดหวังหรอกค่ะ เมื่อเจตนาในตอนตั้งมีไว้เช่นนั้น รายงานก็ต้องเป็นไปตามนั้น เพียงแต่ว่า มันไม่ตรงกับความจริง
ชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า เขียนคลุมๆลอยๆ อ้างว่าจากการไปสัมภาษณ์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครบ้าง ซึ่งขัดกับความจริง
อย่างสิ้นเชิง

300หน้าคงไม่ได้เขียนกันวันสองวัน คงเขียนมาแต่เริ่มแหละค่ะ เขียนโดยไม่คาดคิดว่า สถานการณ์ จะพลิก
คงไม่คิดว่ารัฐบาลจะเปลี่ยน รายงานเลยออกมาเอาใจคนตั้งเต็มที่ กอรปกับเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาว
สถานการ์ณเปลี่ยน รัฐบาลเปลี่ยน ควรที่จะเขียนใหม่ ก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะทำ ก็เลยเอาวะ สันดานมักง่าย
ออกรายงานให้คนเขาก่นด่ากันทั่วเมือง คงคิดว่า คำด่าเป็นคำเยินยอ อีกไม่นานคนคงลืม

มิน่าเล่า ก่อนจะออกมาแถลง ถึงได้พูดว่า เมื่อแถลงเสร็จให้รีบแยกย้ายสลายตัว เพราะคนที่รักเสธ.แดง กะคนเสื้อแดง
ต้องไม่พอใจแน่ เป็นไปตามคาดล่ะค่ะ ก็รายงานอย่างกับเอาตีนเขียน ผ่านหัวใจสัตว์อย่างนี้ จะให้ไม่ต้องคนเสื้อแดง
หรอก แม้แต่คนที่รักความยุติธรรมได้ยินเข้าก็ต้องด่าเป็นธรรมดา

ที่เลวร้ายที่สุดของรายงานนี้เห็นจะเป็นเรื่องของเสธ.แดง ไอ้แก่กะโหลกกะลาพวกนี้ คงถือภาษิตว่า"คนตายพูดไม่ได้"
เลยซัดเขาเสียเต็มที่ หาคำตอบอะไรไม่ได้ ก็โทษเสธ.แดงไว้ก่อน เพราะเขาออกมาแก้ตัวแก้ต่าง โต้แย้งการใส่ความไม่ได้

มันน่าละอายนะคะ แก่ๆกันแล้ว กลับไม่นึกถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูล เผื่อยังไม่รู้ว่ามีใครกันบ้าง ก็นี่เลย เอามาลงเอาไว้ให้รู้จักกัน

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

30 บาทอีกครั้ง

ไม่เข้าใจว่า กลับมาฮือฮาทำไมอีก เรื่อง 30 บาทที่โรงพยาบาลต้องเก็บ

เห็นในข่าวว่ามีหลายโรงพยาบาลออกมาบอกว่าจะไม่เก็บ แล้วมีคนเอามาขยายต่อ

ว่าเป็นการตบหน้ารัฐบาล (ว่าเข้าไปนั่น)


อันที่จริงจำได้ว่าเคยเขียนเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่มีการยกเลิกการเก็บไป

ในสมัยรัฐบาลก่อน นัยว่า มันน้อยไปไม่รู้จะเก็บไปทำไม หรือเพียงเพื่อจะใส่ไคล้รัฐบาลที่คิดนโยบายนี้ขึ้นมา

หรือเพียงเพราะจะทำให้ดูดีกว่า ว่าเห็นไหม ให้ฟรี ไม่ต้องเสียสักบาท


จะอย่างไรก็แล้วแต่เรื่องนี้ มันแสดงให้เห็นว่า คนไทยเป็นคนที่ไม่เคยศึกษา ไม่เคยแสวงหาความจริง

ชอบแต่เรื่องนินทา ชอบแต่ฟังเขามา แล้วเอามาเล่าต่อ กลายเป็นนิทานประเภท ขนนกปลิว แค่ถ่มน้ำลาย

กลายเป็นนกทั้งตัวบินออกมาจากปากได้


เรื่อง 30บาทนี้ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลคุณทักษิณ จำได้ว่าเป็นนโยบายที่ใช้หาเสียง

ที่ฮือฮามาก มีหลายคนไม่เชื่อว่าจะทำได้ ด้วยว่าไม่เข้าใจบ้าง คิดไม่ละเอียดบ้าง

เกลียดขี้หน้าคนคิดนโยบายบ้าง โดยไม่เคยฟังคำอธิบายเลยว่าเขาจะทำได้อย่างไร

เอาเงินมาจากไหน พอเห็นว่าเป็นการให้การรักษาอย่างเท่าเทียมกันทั่วประเทศ ก็ตาหูแหก

หลับตานึกถึงเงินก้อนมหึมาที่ต้องใช้ไปกับนโยบายนี้ แล้วก็เริ่มต้นด่า


อันที่จริงหลักใหญ่ในการออกนโยบายนี้ และอีกหลายๆนโยบายของพรรคที่มีคุณทักษิณเป็นผู้นำ

ก็มีเพียงข้อเดียว คือ"ต้องการให้คนไทยทุกคน ได้มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน"

ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ด้านการศึกษา การเข้าถึงแหล่งทุน และที่สำคัญ เรื่องสุขภาพ เบื้องหลังทุกนโยบาย

ก็มีเท่านี้จริงๆค่ะ เป็นเพราะประเทศนี้ มีความเหลื่อมล้ำมาก ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะได้รับสิทธิ์ประโยชน์

อย่างเท่าเทียมกัน พรรคจึงมีแนวคิดที่จะกระจายความเท่าเทียมไปยังคนทุกคนทั่วประเทศ และนี่ก็คง

เป็นเหตุผลใหญ่อีกข้อที่เขาต้องการกำจัดคุณทักษิณออกไปจากแวดวงการเมือง คือ ประเทศนี้เขาไม่ต้องการ

ให้คนเท่าเทียมกัน เขาต้องการให้มีชนชั้น เขาจะได้โหนได้ห้อยแม้จะอยู่ปลายแถวของสายพันธ์

เขาไม่อยากให้คนจนลืมตาอ้าปากได้ ด้วยความคิดว่าหากทุกคนลืมตา(เดี๋ยวก็เห็นทุกอย่างชัดเจนน่ะสิ

อ้าปาก(เดี๋ยวก็มากินส่วนที่เคยสวาปามอยู่กลุ่มเดียวเท่านั้นน่ะสิ)ได้ ก็แค่นั้นแหละที่ค้านกันหัวชนฝา


30บาท เป็นนโยบายที่มีปัญหา เพราะ ยอดเงินกระมัง หลายครั้่งที่พูดกันเรื่องนี้ งงกับตัวเลขนี้

สมัยนายกฯหลังการปฏิวัติ ไอ้รัฐบาลขิงแก่นั่นแหละ ก็มีคนออกมาโวยว่า ยุ่งยาก การเก็บเงิน

แค่ 30บาท ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะค่าใช้จ่ายในการทำทะเบียนประวัติก็เกินอยู่แล้ว งั้นจะไปเก็บ

ทำไม ไอ้คนพูดอย่างนี้น่ะ เป็นแค่คนที่มีอคติ เป็นแค่คนที่คิดว่าจะออกมาโจมตีเขาเท่านั้นเอง

จริงอยู่ 30 บาทมันเอาไปทำอะไรไม่ได้ ไม่พอกับค่าใช้จ่าย แต่มันดีกับประชาชน มันทำให้

รู้สึกว่า เราไม่ใช่คนไข้อนาถา เราจ่ายเงินรักษาตัวเอง ไอ้พวกมาต่อต้านเนี่ย ไม่เข้าใจคำว่า

"ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์"หรอกค่ะ ไม่เข้าใจว่าคนเราสิ่งสำคัญคือศักดิ์ศรี มันคิดแต่ว่ามีแต่พวกมัน

พวกเดียวที่มีศักดิ์ศรี ที่จะให้ใครมาลบหลู่ไม่ได้ ยิ่งเห็นว่าคนจนจะมีสิทธิ์เข้าถึง ยิ่งทนไม่ได้


นอกจากนี้ 30 บาทยังทำให้คนหยุดคิดก่อนเดินเข้าโรงพยาบาล ไม่ใช่ของฟรีนะเว้ยเฮ้ย

จะได้เดินเข้าออกไปขอยาแก้ปวดหัวเล่นทุกอาทิตย์ เนี่ยก็เป็นเหตุหนึ่งที่เก็บเงิน(ซึ่งเวลาออก

มาโจมตี ก็ไม่กล้าที่จะชี้ประเด็นนี้) และที่สำคัญที่ไอ้พวกมีแต่ปากไม่รู้และไม่เคยคิดจะรู้คือ

ไม่มีใครอยากเป็นขอทาน ทุกคนชอบของฟรี แต่ไม่อยากให้ของฟรีนั้นมาในรูปของทาน

ที่เอามาแจกให้ ไม่มีใครอยากดูเป็นคนยากไร้ เขาอยากยืนบนลำแข้งของตัวเอง เขาอยาก

เข้าถึงสิทธิ์ที่เขาพึงจะได้ ไม่ต้องมาแจก ไม่ต้องให้ไปยืนตากแดดหัวแดงทั้งวันเพื่อรอรับของแจก

เข้าใจกันบ้างไหมคะ


ส่วนเรื่องเงินที่จะรักษาพยาบาลจากโครงการนี้ ไม่ต่อว่าไม่ถามกันแล้วมังคะ คงรู้กันหมดแล้วสิท่าว่าเขาไปเอามาจากไหน

ทีแรกที่ออกมาโวยเพราะยังไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ พอรู้ว่าเงินที่เอามาใช้ก็เป็นเงินงบประมาณปกติ ไม่ได้ต้องเพิ่มวงเงิน

ขึ้นไปสักหน่อย ก็เลยเงียบกันเป็นเป่าสากกันซะงั้น หันมาเล่นเรื่อง ตัวเลข 30บาทแทน อันที่จริง หากเก็บสัก 50บาท ก็คงได้

แต่ว่ามันดูแพงไปนิด (ตั้งครึ่งร้อย) 30เนี่ยแหละกำลังดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป ที่สำคัญมันทำให้คนจำได้ไง้ จำได้ว่าใครคิดใครนำมาใช้

จนได้มาเป็นตัวเลข 377เสียงนั่นยังไง ฮา