ระยะนี้ จะเห็นว่ามีการเสนอวิธีการป้องกันน้ำท่วม(กันน้ำไม่ให้เข้าบ้าน)
กันออกมามากมาย ซึ่งก็ดีนะคะ ถ้าทำแล้วสบายใจ ไม่เสียเงินมาก
ก็ลองทำดู อย่างน้อย ก็จะสบายใจว่าได้ทำแล้ว
แต่น้ำท่วมครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งไหนๆ ไม่เหมือนน้ำท่วมที่เกิดจากฝน
ตกหนัก แล้วน้ำระบายไม่ทัน(กทม.เป็นบ่อยๆ) ไม่ใช่น้ำท่วมที่เกิดจาก
น้ำทะเลหนุน แม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำสูง ถ้าเป็นอย่างนั้น การยาซิลีโคน
การกั้นกระสอบทราย ก็คงเอาอยู่ น้ำที่จะมาครั้งนี้ เป็นมวลน้ำมหาศาล
เขาว่าก้อนใหญ่มหึมา เป็นน้ำลามทุ่ง (แปลว่าทางบก)ไม่ได้มาทาง
แม่น้ำลำคลอง หรือจากฝน จึงยากที่จะกั้นเอาไว้ได้
ไม่ทราบได้ดูข่าวโรงงานกิ๊ฟฟารีนในนวนครกันหรือเปล่าคะ
ผู้บริหารเขาว่าเป็นโรงงานสุดท้ายที่น้ำเข้าท่วม เขาเล่าว่า
ที่โรงงานก่อกำแพงคอนกรีตหนาอย่างดี สูง2เมตร กั้นไว้รอบตัวอาคาร
จึงเป็นโรงสุดท้ายที่อยู่รอด แต่เมื่อน้ำมาจริงๆ เขาว่า เสียงดังมาจากทางด้านหลัง ตึงๆ (แน้ มีเคาะประตูด้วย)
แล้ว กำแพงคอนกรีต2เมตรก็พังลงมา และน้ำก็ทะลักเข้าทุกทิศทุกทาง
จนเจิ่งนองไปสูงสักสองเมตรกว่า เป็นอันจบกันสำหรับแขกที่ไม่ได้
รับเชิญ แต่ก็มาอยู่ดี
เอาเถอะค่ะ ป้องกันไว้ให้ดีที่สุด แต่ต้องไม่ลืมทำใจไว้ด้วย
น้ำครั้งนี้ มากมายมหาศาล ลองเธอจะผ่านมา กั้นอย่างไรก็เอาไม่อยู่
ปล่อยเธอกลับไปหา พ่อ-แม่เธอในทะเลเถอะค่ะ เธออาจจะผ่านบ้าน
ใครไปบ้าง ก็ต้องยอมๆกันไป อย่าไปดึงดัน ห้ามเธอเลย
เธอเป็น หญิงเจ้าอารมณ์ กั้นเธอมากๆ แป๊บเดียวเธอก็รวม
พลังบุกทะลวง สร้างความเสียหายมากกว่าอีกค่ะ
ด้วยความเคารพจริงๆ วิธีกันน้ำแบบที่เสนอๆกันมา คงใช้ได้ดี
สำหรับกรณีน้ำท่วมขัง เพราะระบายไม่ทัน แต่หากเป็นน้ำลามทุ่ง
เช่นครั้งนี้ เห็นทีจะยาก เพราะน้ำที่มาจะมาจะเร็วและแรง และเยอะมากๆ
สู้เอาเงินที่จะป้องกัน ไปซื้อของกิน น้ำดื่ม เตรียมไว้รับสถานการณ์
จะดีกว่านะคะ ไม่ก็เก็บเอาไว้ซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลดจะดีกว่า
อย่าหาว่ามองโลกในแง่ร้ายเลย หากแต่ มองโลกในความเป็นจริงมากกว่า