วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

ถูกที่ถูกเวลา


[ภาพ: 571.jpg]

ทำอะไรมันต้องดูเวลา บางครั้งบางอย่างดีแสนดี มาก่อนกาล ต่อให้ดีอย่างไรก็ยากที่จะทำให้ดี ติดตลาดได้

แต่การที่นำคุณยิ่งลักษณ์ มาเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่งของพรรคเพื่อไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของไทย

ช่างเป็นการกระทำที่ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ



มีเหตุผลสนับสนุนหลายข้อ ดังที่มีคนเขียนไว้แล้ว หน้าตา การศึกษาดี

ผลงานการบริหารที่มีก็การันตีได้ว่าเป็นคนมีความสามารถ แต่ที่สำคัญที่สุด

ในช่วงเวลาที่การเมืองคุกรุ่น มีการโจมตีกันอย่างรุนแรง การมีผู้หญิงเป็น

ผู้ลงแข่งในเกมนี้ก็น่าสนใจ



โดยเฉพาะพรรคที่ชอบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น คราวนี้ เจอขู่แข่งเป็นผู้หญิง

ยิ่งด่าทอ ยิ่งใส่ร้าย กระแสจะตีกลับว่า โอ้โห แม้แต่ผู้หญิง มันยังไม่เว้น การด่า

ผู้หญิง ดูอย่างไรก็ไม่แมน ดูเป็นไอ้ขี้แพ้ชวนตีแน่นอน



ผู้หญิงอ่อนหวาน แต่เข้มแข็งกว่าผู้ชาย ใครๆก็รู้ ความอดทนหรือก็เหนือกว่า

เป็นไหนๆ ไม่อย่างนั้นธรรมชาติต้องให้ผู้ชายไปคลอดลูกแล้ว ลองให้ผู้ชายไปคลอดลูกดูสักที

รับรองโลกนี้เหลือประชากรไม่กี่คน เพราะคงตายไปทั้งพ่อและลูกนั่นแหละ



คุณยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงสวยไร้สมอง เธอเคยทำงาน ย้ำ เคยทำงาน ไม่เหมือนไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมีย

บางตัวที่ตั้งแต่เกิด ไม่เคยทำอะไรนอกจากคุยว่าตัวเองเก่ง ให้โอกาส ก็ทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์

ว่ามันดีแต่พูดจริงๆ แน่นอนคนไม่เคยทำงาน จะไปรู้ปัญหาอะไร เก่งแต่ตั้งคณะกรรมการ การตั้งคณะกรรมการ

มาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคณะ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีน้ำยา ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้ารับผิดชอบ เพราะหากเกิด

เหตุผิดพลาดก็จะได้โทษว่า นี่ก็ทำตามที่คณะกรรมการเสนอมานี่นา



สรุป ว่าคุณยิ่งลักษณ์ มาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ ได้เวลาแล้วที่ประเทศไทยจะมีผู้นำเป็นผู้หญิงเสียที

หากเป็นเวลาที่เร็วกว่านี้อีกสักสองหรือสามปี อาจดูเร็วไป แต่ขณะนี้ ใช่เลย ผู้นำหญิงมีอยู่ไปทั่วโลก

เปิดโอกาสให้หญิงไทยได้แสดงฝีมือบ้างเป็นไร

คนไทยต้องมีศักดิ์ศรี


เมื่อวันเสาร์ฟังคุณทักษิณ วิดีโอลิ้งก์มาคุยเรื่องนโยบายพรรค

เนื้อหาดีๆก็มีคนพูดกันไปหมดแล้ว ไหนจะเรื่องถมทะเลกันน้ำท่วม

ไหนจะเรื่องลดภาษี ไหนจะเรื่องรถไฟฟ้า ไหนเรื่องซื้อรถ ซื้อบ้านหลังแรกราคาถูก



มาคราวนี้จะขอข้ามไปไม่ชื่นชมล่ะนะคะ แต่จะขอพูดเรื่องที่ฟังแล้วจี๊ด

แม้จะเป็นเรื่องเก่า แต่ฟังทีไรก็จี๊ด นั่นคือเรื่องบัตร 30บาทรักษาทุกโรค

ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องที่ต้องจ่ายแม้จะเพียง 30บาท แต่ก็เพราะเพียงเพื่อ

จะทำให้คนไทยมีศักดิ์ศรี คนไทยรู้สึกว่าไม่ใช่ขอทาน ไม่ใช่คนไข้อนาถา

อย่างน้อยก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล



สิ่งหนึ่งที่คนในบ้านนี้ เมืองนี้ มักไม่เข้าใจ คิดแต่เพียงว่า ถ้าเราแจกคนจะรัก

ไม่มีใครอยากเป็นคนที่คอยแต่รับแจกหรอกค่ะ เราอยากเป็นคนที่ศักดิ์ และมีสิทธิ์

เราไม่ต้องการของฟรี เราไม่ต้องการความสงสาร เราเพียงต้องการความรู้สึกเท่าเทียม

เราต้องการที่จะได้เข้าถึงทุกอย่าง ทั้งการศึกษา การสาธารณสุข



จริงอยู่ คนในโลกนี้ จะให้เท่าเทียมกันได้อย่างไร ขนาดนิ้วมือยังไม่เท่ากัน

อันนี้ก็ฟังมาจนหูชาแล้ว เราไม่ได้หวังจะมีช้อนเงินกินข้าว หรือดื่มน้ำจากแก้วคริสตัลราคาแพง

เราเพียงหวังจะมีโอกาสที่จะเท่าเทียม มีโอกาสที่รู้ว่าแม้จะเกิดมาจน แต่หาก ขยัน หมั่นศึกษาหาความรู้

ตั้งใจทุ่มเททำงานหนัก เราก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนฐานะได้ ไม่ได้จมปลักอยู่กับชาติกำเนิด

ที่ดันเกิดมาเป็นไพร่ ก็ต้องกลายเป็นไพร่ตลอดกาล



นโยบายคุณทักษิณที่จับจิตจับใจคนทั้งบ้านทั้งเมือง ก็ด้วยเหตุนี้แหละค่ะ คุณทักษิณเข้าใจ

ความรู้สึกของคนดี ว่าเราไม่ได้อยากให้สงสารเวทนา แล้วเอาของมาแจก แต่เราต้องการยืนอยู่บนขาของตัวเอง

เราขอเพียงได้มีโอกาส อย่าปิดกั้นแค่นั้นเอง แล้วนโยบายใหม่ก็ตอกย้ำความคิดนี้อีกครั้ง

คือเครดิตคาร์ดให้เกษตรกร เงินที่รัฐต้องจ่าย(ในการประกันราคาพืชผล ก็ต้องทำอยู่แล้ว)

แต่เงินนั้นมันย้อนกลับมาทำให้เกษตรกร(ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ) เกิดความรู้สึก

ฮึกเหิม รู้ว่างานที่กำลังจะทำมีคุณค่ามีราคา ทำไปแล้วต้องกลายเป็นเงิน

ไม่ได้ต้องทนทำไปเพราะมีหนี้ มีเถ้าแก่คอยจ้องเอาคืนอยู่



แค่นี้แหละค่ะ ที่อำมาตย์ ไม่เห็น อำมาตย์ ไม่รู้ คิดแต่เพียงว่าตัวเองจะสูงขึ้นมาได้

ก็ด้วยการเหยียบย่ำคนอื่นให้ต่ำลง หารู้ไม่ว่าการที่จะสูงขึ้นมาจริงๆนั้นอยู่ที่คนเขายก

ขึ้นให้เองต่างหาก

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

แค่อยากรู


หมู่นี้ได้ข่าว กกต.สดศรีเกือบทุกวัน เดี่ยวก็บ่นว่า"ใครทำปฏิวัติได้ เชิญเลย"
เดี๋ยวก็ว่า"เลือกตั้ง ครั้งนี้จะรุนแรง เลือกเสร็จ เดี่ยวก็จะมีการยุบพรรคอีก"
ไม่นานก็มีข่าวแพลมออกมาอีกว่า แอบไปสมัครเป็นคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง
ตอนนี้ก็แห้วไปเรียบร้อย เดี๋ยวก็ว่า หากมี ตำหน่งที่ไหนเปิดรับสมัครอีก จะไปสมัครแม่ง(เอ๊ยอันนี้ เติมเอง)ทุกที่
หากได้รับตำแหน่งใหม่จะทิ้งตำแหน่งที่เป็นอยู่ คือกกต.เสีย
โดยฝันอันสูงสุด คืออยากไปเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ทำเอาวงการปั่นป่วน
ไปหมด เหมือนกับคนรับใช้ที่บ่นว่าไม่อยากทำงาน อยากลาออก
ในฐานะนายจ้าง ถามจริงๆเถอะ เราจะสบายใจที่จะใช้งานเธออีกไหม
รู้ทั้งๆรู้ว่าเธอไม่มีใจอยากทำงานให้บ้านเราแล้ว วันทั้งวันก็เฝ้าบ่น
และหางานทำอยู่ตลอด

หากเป็นลูกจ้างเราที่เราจ้างให้มาทำงาน ป่านนี้คงไล่เปิดไป
มีอย่างที่ไหน ไม่มีใจทำงาน แล้วยังทู่ซี้กินเงินเดือนไป หางานใหม่ไป
ทำไปบ่นไปอยู่ได้

ทีนี้ก็เลยเกิดความสงสัยว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ว่ามีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง
แล้วเวลาไม่มีการเลือกตั้ง พวกเขามีหน้าที่ทำอะไรกัน
สมมุติว่าเลือกตั้งแล้วเสร็จ ไม่มีปัญหา อยู่ครบเทอม 4ปี
ในระหว่าง 4ปีนั้น พวกเขามีหน้าที่ทำอะไรบ้าง วานผุ้รู้ช่วยแจงให้ฟังหน่อย
เพราะแว่วๆว่าเงินเดือนแต่ละคนก็ไม่ใช่น้อยๆ หรือพอหมดเลือกตั้ง
ก็รับเงินเดือนไป หางานอื่นไป เรื่อยๆจนกว่าจะได้เงินดีกว่า งานดีกว่า
สบายกว่า หรืออย่างไร

ก็บอกแล้วว่าแค่อยากรู้

เรื่องเล่าจากดูไบ


วันนี้ได้พบคนไทยที่ไปทำงานที่ดูไบ ไปดูแลควบคุมระบบรถไฟฟ้า ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว

เขาเล่าว่าที่ดูไบเวลาร้อน ร้อนมากๆจนอุณหภูมิขึ้นไปถึง 45องศา


แต่ที่น่าสนใจหาใช่เรื่องความร้อนไม่ แต่เขาเล่าว่าคนดูไบ ชอบคนไทยมาก

พอรู้ว่าเป็นคนไทยจะยิ้มแย้มแจ่มใสให้ เขาเล่าว่า เคยขับรถผิดฎจราจร ถูกตำรวจเรียก

นึกว่าเป็นคนจีน พอดูบัตรเห็นว่าเป็นคนไทย เลยปล่อยไป


คนที่เล่า เพิ่งเคยเจอกัน ไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัว พอดีมีเหตุให้ต้องทำธุรกรรมร่วมกันนิดหน่อย

เขาไม่รู้ว่าเราแดงไหม เราก็ไม่รู้ว่าเขาแดงหรือเปล่า แต่จากที่เขาเล่า มันทำให้อดคิดไม่ได้

ว่าทำไมคนดูไบถึงชอบคนไทย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณทักษิณ คนดูไบจะรู้จักคนไทยไหมหนอ

เขาจะรักเผื่อแผ่มาถึงคนไทยทุกคนหรือ


เผอิญไปกับพี่สาวที่ไม่ค่อยปลื้มคุณทักษิณเท่าไหร่ เลยไม่อยากทำให้สัมพันธภาพทางครอบครัวเสียไป

ไม่อย่างนั้นได้โพล่งออกมาแน่ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่ดูไบรู้จักและรักคุณทักษิณ มีหรือเขาจะเผื่อแผ่ความรักมาให้

หรือหากคุณทักษิณ เป็นคนเลว เหมือนดังภาพที่คนทางเมืองไทยพยายามใส่ร้าย เขามิเกลียดขี้หน้า

จนพาลพาโลมาเกลียดคนไทยทุกคนล่ะหรือ


ได้มีโอกาสคุยกับเขาไม่นาน แต่แค่ได้ฟังมาค่นี้ ก็ทำให้สุขใจมากๆเสียแล้ว

ลองคิดดู หากคุณทักษิณไปว่าร้ายประเทศไทย ไปเล่าว่าประเทศไทยทำอะไรกับท่านบ้าง

คนดูไบเขาจะมาเอ็นดูรักใครเราหรือ


จะว่าเพราะคุณทักษิณไปค้าขาย เอาเงินไปเข้าประเทศเขา ก็จริงหรือเปล่า

เขาเป็นประเทศร่ำรวย ที่เป็นรัฐสวัสดิการ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเล่าเรียน รัฐออกให้หมด

ไม่ถือเป็นบุญคุณ แต่เป็นหน้าที่ที่รัฐที่ร่ำรวยต้องจัดหาให้พลเมือง เงินลงทุนของคุณทักษิณ จะมากพอที่

จะทำให้คนที่เขาไม่เดือดร้อนมาหลงรักได้อย่างไร


ไม่เคยได้ข่าวว่าคุณทักษิณไปสร้างภาพที่ดูไบสักที แปลกเนาะ คนเขายังรักได้

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

แก่ก็แก่ มิหนำซ้ำยังป่วย

คนเราเมื่อแก่แล้วความรู้ความสามารถย่อมลดน้อยถอยลง แม้จะเคยเก่งกล้าสามารถ
จนเป็นที่ยอมรับกันไปทั่ว แต่เมื่อวันหนึ่งซึ่งความชรามาเยือน สมองที่เคยปราดเปรื่อง
ก็ยากที่จะทำให้กลับมาทำงานได้ดีเหมือนเดิม แม้จะมีลูกสาวมาช่วยก็ไม่เห็นจะทำให้
ผลงานดีขึ้นมาเท่าที่เคยทำได้ ยิ่งได้ข่าวว่าป่วยอยู่ด้วย คงยิ่งทำให้การทำงานที่เคยทำ
ลดน้อยถอยประสิทธิภาพไปอย่างไม่น่าเชื่อ

ที่พูดถึงนี่ไม่ใช่ใครหรอกค่ะ ก็ท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล นั่นเองแหละค่ะ
วันนี้ได้มีโอกาสไปดูหนังยิ่งใหญ่(ตามที่โฆษณา)เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร 3 ยุทธนาวี
เฮ้อ เหนื่อยใจ หนังยาวยืด แต่บอกตรงๆไม่สนุกเอาเสียเลย จนน่าผิดหวัง เคยดูหนังท่านมุ้ย
มาเกือบทุกเรื่องเห็นว่าเรื่องนี้น่าผิดหวังเป็นที่สุด

แม้จะคุยว่าฉากยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง ก็ดูเฟคๆชอบกล เครื่องแต่งกาย บทหนัง
บทสนทนา โอ๊ยมันย่ำแย่ ใครจะว่าไม่รักชาติก็เอาเถอะเรื่องนี้มันไม่ใช่จริงๆ
ปกติเป็นคนพยายามไปดูหนังไทยเสมอ หากต้องให้เลือกระหว่างหนังฝรั่งกับหนังไทย
ด้วยความรักชาติ ต้องช่วยหนังไทยก่อนเสมอ แต่เรื่องนี้มันสุดทนจริงๆ เหมือนกับแกงโฮะผสมกับจับฉ่าย
จับไอ้โน่นนิดไอ้นี่หน่อย โปะลงไปในชามเดียวกัน ที่สำคัญรสชาติมันไม่ไปด้วยกันดูชุลมุนชุลเกพิกล

สรุปว่าเห็นใจคนแก่และป่วยนะคะ แต่ ได้โปรดเถิด วางมือเสียเถอะ อย่าทนทู่ซี้ ตะบี้ตะบันให้ชื่อเสียงตกต่ำไปกว่านี้เลย